( บราวเซอร์ Chrome และ Explorer สามารถฟังเพลงนี้ได้อัตโนมัติ เมื่อหน้านี้ปรากฏ)
เสียงเปียโนบรรเลงดังเข้ามาในสาย รุ่งได้ยินเมโลดี้ชัด
"บรรเลงเหรอครับ ? นิวเอจหนิ ! ทำนองเพราะดี"
"ค่ะ บรรเลง ! ฟังตอนฝนตกแล้วเหงาดี พี่รุ่งเคยฟังเพลงตอนฝนตกแล้วเหงามั้ยคะ ?"
สายตาของเขามองกวาดไปยังพื้นที่โล่งด้านหน้า ฝนโปรยลงมากระทบพื้นทั่วบริเวณ
"ก็ รู้สึกอินมากกว่า แต่ไม่ได้เหงา จะมีอยู่แค่ครั้งนึง ที่เคยจำได้ว่า ฝนตกแล้ว รู้สึกแย่มาก"
"ค่ะ ! รอฟังอยู่ค่ะ !"
คำพูดสั้น ๆ ของเธอทำให้รุ่งมีรอยยิ้ม สาวคนนี้ฉลาดในการใช้คำพูด พูดเพียงแค่นี้ เขาก็จำต้องเล่าต่อ
"ก็ หน้าฝนตอนที่ผม.....เอ่อ.... พี่ เรียกตัวเองว่าพี่แล้วกัน.... ตอนที่พี่เด็ก ๆ ตอนนั้นจำได้ว่าเดือนตุลาคม ฝนตกทั่วทั้งเมือง ตกติดกันอยู่สองสามวัน แม่ร้องไห้ตลอด พ่อก็คอยปลอบใจ ธรรมดาแม่ไม่เคยร้องไห้"
"หือ ? คุณแม่พี่รุ่งร้องไห้เพราะฝนตก ?"
"เปล่า ! ไม่ใช่ร้องเพราะฝนตก ร้องเพราะได้ข่าวคนตาย คนที่แม่รักตาย ข่าวประกาศทางวิทยุ แม่เสียใจมากร้องไห้ พ่อก็คอยปลอบ พ่อบอกว่า คนที่มีบุญมาก ๆ เวลาตาย ฟ้าก็จะร้องไห้ไปด้วย ช่วงนั้นฝนตกติดกันสามวันไม่หยุดที่กรุงเทพ ฯ
พี่ก็จำเหตุการณ์นั้นได้ว่า เป็นครั้งเดียวที่เห็นแม่ร้องไห้โฮ แล้วฝนก็ตก ไม่มีแดดเลย อึมครึมอย่างนั้นอยู่สามวัน"
"อืม... เข้าใจละ ! เวลาฝนตกก็คงนึกถึงเหตุการณ์นั้นสิคะ ถึงได้เศร้าไปด้วย เพื่อนของคุณแม่เหรอคะ ต้องประกาศข่าวทางวิทยุด้วย ?"
"พระครับ ! เป็นพระที่ทั้งพ่อและแม่นับถือ ท่านมรณภาพเดือนตุลาคม วิทยุประกาศข่าว แม่ได้ฟังเลยร้องไห้ ฝนก็ตก บรรยากาศมันก็เศร้าไปหมด"
เขายังจำความรู้สึกช่วงนั้นได้ ถึงแม้รายละเอียดจะเลือนรางไปเพราะตอนนั้นอายุเพียงแค่ 7 ขวบ
"พี่รุ่งเป็น หนานฟังเกอ นี่เอง !"
"หือ !!! เป็นอะไรนะครับ ?"
"หนานฟังเกอ คือ แปลว่าหนุ่มทางใต้ แต่ความหมาย ก็..... ประมาณว่า เหมือนกับ คนไทยภาคเหนือจะอ่อนโยน ขี้อาย อ่อนไหว พูดช้า คนภาคใต้จะมั่นใจ ไม่กลัวคน เด็ดขาด กล้าตัดสินใจ อะไรประมาณนี้ค่ะ แต่ที่เมืองจีนก็จะสลับกับไทย คือ คนทางใต้ของประเทศจีน จะเป็นเหมือนคนภาคเหนือไทย"
รุ่งจับความได้เพียงบางส่วน
"สรุปว่า ผมเป็นคนทางใต้ ที่ ไม่กลัวคน เหรอครับ ?"
"ไม่ใช่ ไม่ใช่ ! คนทางใต้ของประเทศจีน คือ เหมือนคนเหนือของไทย คือ อารมณ์อ่อนไหว ก็พี่รุ่งอ่อนไหวไปกับเหตุการณ์นั้นไงคะ"
"อ๋อ...เก็ทละ ! แค่อ่อนไหวแค่นี้ กลายเป็นคนใต้ไปเลย หงส์ไม่ดูอีกด้านนึง พี่อาจจะเป็นคนใจร้อน หน้าด้านก็ได้นะ"
"ม่ายหรอกค่ะ ! ถ้าพี่รุ่งเป็น เป่ยฟังเกอ คนจากทางเหนือ คืนนั้น พี่รุ่งคงไม่เป็นยังงั้น ?"
คำพูดของสาวหงส์ ทำให้รุ่งประหลาดใจ ความคิดแล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ นี่เธอกำลังหมายถึงโมเม้นท์นั้นหรือ ?
"คืนนั้น ! หงส์หมายถึง ที่พี่เมาแบบนั้นเหรอ ?'
"ก็ รวมตอนเมาด้วยก็ ค่ะ แล้วก็หลังจากนั้น ก็ ด้วยค่ะ"
เหงื่อเริ่มซึมออกที่ฝ่ามือ รุ่งรู้สึกอุณหภูมิในตัวร้อนขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น
"เอ่อ... หลังจากนั้น พี่ก็... จำไม่ค่อยได้"
"จำไม่ได้ ! อ้อ.... ให้หงส์เล่ามั้ยคะว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ?"
คำถามนี้ยิ่งจี้จุดตรงกว่าเดิม เขาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้ว่าควรจะตอบด้วยคำพูดใด
เสียงปลายทางพูดต่อ
"พี่รุ่ง พี่รุ่ง ! หงส์ถามตรงแบบนี้ ดูเหมือนเป็นเป่ยฟังเม่ยเลยเนอะ เหมือนสาวทางเหนือของจีน ใจกล้า ไม่ค่อยอาย พี่รุ่งคิดว่าหงส์เป็นอย่างนั้นมั้ย ?"
เขารู้สึกได้ชัดเจนว่า วันนี้เธอสนทนาด้วยอารมณ์ที่ผิดปกติไปกว่าเลอหงส์ที่เขาเคยเจอ ดูเหมือนจะเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ก็ทำให้เขาวางตัวไม่ถูก
"ก็ ไม่นะครับ ! ปกติมั้ง สาวสมัยนี้ก็ประมาณนี้ก็ถือว่าปกติ บางคนกล้ามากกว่านี้อีก ถึงขั้น..... "
เขานึกถึงศิษย์นรกสาว แต่ก็ยั้งปากไว้ได้ คิดว่าไม่ควรพูดจะดีเสียกว่า
"ถึงขั้น เอาตัวเข้าแลกก็มี สมัยนี้ก็เป็นแบบนั้นกันค่ะ เรื่องรักนวลสงวนตัว สมัยนี้ถือว่าไม่ได้สำคัญมากเหมือนสมัยก่อน"
"อ้อ ครับ ! น่าจะเป็นอย่างนั้น สงสัยผมคงเป็นคนโบราณ เจอแบบนี้ก็รับไม่ทัน"
เสียงปลายทางหัวเราะคิกคัก
"ใครเอาตัวเข้าแลกกับพี่รุ่งเหรอคะ ? อ๋อ... หงส์รู้แล้วว่าใคร"
"หา... ! รู้ได้ไงครับ ? ใคร ?"
"พี่รุ่งมีรสนิยมแบบนี้นี่เอง อิอิ ขำอะ !" เธอยังหัวเราะคิกคัก
"ใครครับ ? น้องหงส์ บอกมาว่าใคร"
"พี่มอแกนไง ! เห็นท่าทางแล้ว น่าจะใช่ เอาตัวเข้าแลกกับพี่รุ่ง รับไม่ทันเลยสิคะ"
รุ่งหัวเราะลั่น ยิ่งนึกถึงภาพใบหน้าของเพื่อนหัวหยิก ทำให้อารมณ์ขันพุ่งกระเจิดกระเจิง
"ฮ่า ๆๆๆๆ เอิ๊ก ๆๆๆ ! คิดมาได้ไง !"
"ถ้าเป็นหงส์นะ ขอให้หงส์เจอกับคนที่ถูกใจ หงส์ก็ยอมทุกอย่างเหมือนกัน"
"อืม" รุ่งได้แต่รับฟัง
"คนที่เราถูกใจ ไม่ใช่ว่าจะผ่านมาให้เราเจอได้ทุกวัน ไม่แน่ว่า ชาตินี้ เราอาจจะไม่เจอเลยก็ได้ แต่ถ้าเจอแล้ว ก็คงยอมได้ทุกอย่าง"
"เข้าใจครับ !"
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ต่างฝ่ายต่างเงียบ
รุ่งคิดว่าเขาไม่ควรตีความใด ๆ จากคำพูดของเธอเลย เพราะนั่นจะยิ่งทำให้สมองของเขาปั่นป่วนสับสน
เสียงเพลงบรรเลงเปียโนยังได้ยินมาตามสาย
"เพลงนี้ชื่อเพลงอะไรครับ ?"
"หือ ! เพลงนี้เหรอคะ ? ชื่อ อะควา ของ ริวอิชิ ซากาโมโต้ "
"อะควา ที่แปลว่าน้ำ ?"
"ใช่ค่ะ ! เอ คิว ยู เอ อะควา"
เขารู้สึกว่าเมโลดี้ช่วงฮุคของเพลงบรรเลงเพลงนี้ ติดหูได้ง่าย
"เย็นนี้พี่รุ่งเลิกงานกี่โมงคะ ?"
"เย็นนี้เหรอครับ ? ก็ ประมาณห้าโมงครึ่ง"
"แล้วมีนัด หรือ มีธุระหรือเปล่าคะ ?"
เขาใช้ความคิดเพียงแค่อึดใจ ก่อนตอบ
"ไม่มีครับ !"
"งั้นหงส์ไปหานะคะ ! หกโมงเย็น เจอกันที่ไหนดีคะ ?"
เขารู้สึกประหลาดใจ
"หา.. ! หงส์มีธุระอะไรเหรอ ?"
"ธุระน่ะ...ไม่มี ! แต่มีอะไรบางอย่างที่อยากเจอพี่รุ่ง ถ้าพี่รุ่งไม่อยากเจอหงส์ แค่บอกคำเดียวว่า ไม่สะดวก หงส์จะไม่ถามเหตุผลเลย"
นี่คงเป็นอีกหนึ่งบุคลิกของเธอ ที่กล้าตัดสินใจ และ เด็ดขาด
"สะดวกครับ ! พี่ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรใช่มั้ย ? เพราะหงส์ไม่บอกว่าอยากเจอทำไม พี่ก็แค่สงสัย"
"ก้อ..... I just wonder if you're gonna finish what you started (ฉันอยากรู้ว่า สิ่งที่เธอก่อไว้ เธอจะสานต่อหรือไม่ ?) " เธอตอบด้วยภาษาอังกฤษ คงเพราะมั่นใจว่า เขาก็มีความสามารถในการเข้าใจภาษา
รุ่งขมวดคิ้ว เขามั่นใจว่า เธอหมายถึงโมเม้นท์นั้นแน่ ๆ
เธอพูดย้ำมาอีกครั้ง
"เย็นนี้หงส์ไปหานะคะ ! ถ้าหงส์ถึงฟันปาร์ค แล้วจะโทรไปค่ะ"
"ครับ !"
เธอตัดสายไปแล้ว
รุ่งเบิกตาค้าง สมองเริ่มปั่นป่วนได้ในทันที
เขาเป็นคนเริ่มซะที่ไหน ? เธอต่างหากที่ชวนให้เขาดื่มเบียร์ ชวนให้เขาเต้นรำ เขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม
*************************************************************************************
พิจิตรชี้ให้ทอม นำรถเข้าเทียบจอดที่หน้าประตูรั้ว
รถยังไม่จอดสนิทดี ผู้หญิงวัยประมาณสี่สิบกว่าปี ใส่ชุดกระโปรงรัดรูป เปิดประตูรั้วออกมา
เธอจ้องเข้ามาในรถ
พิจิตรเปิดประตูทันทีที่รถหยุดสนิท
สาวคนนั้นเดินจากประตูตรงมาที่พิจิตร ที่กำลังจะปิดประตูรถ
เธอหยุดยืนต่อหน้า แล้วยกมือขึ้นฟาด หมายจะตบหน้าพิจิตร แต่เขายกมือป้องไว้
ทอมรู้สึกตกใจอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ต่อหน้า เธอเข้าใจทันทีว่า นี่คือพี่สาวที่พิจิตรได้เอ่ยถึงก่อนหน้านี้
เสียงตะโกนของพี่สาวดังลั่น
"มึงมีสิทธิ์อะไร ?"
เธอยกมืออีกข้างพยายามตบให้โดนหน้า แต่พิจิตรเบี่ยงตัวหันหลังให้ ฝ่ามือกระทบแผ่นหลังเสียงดังเข้ามาในตัวรถ
"มึงเป็นเจ้าของบ้านนี้เหรอไง ? มึงตอบกูมาว่า มึงมีสิทธิ์อะไร เอาของของลูกสาวกูไปบริจาค ? ไอ้เหี้ย !"
พิจิตรยกมือชี้หน้าพี่สาว
"มึงหยุดก่อน ! กูไม่สู้กับมึง" เขาเดินถอยฉากสองสามก้าวไปทางท้ายรถ
พี่สาวเดินตาม
"มึงไม่สู้เหรอ ? อีหน้าตัวเมีย ! มึงมาสู้กับกู มึงมาตบกับกู กูจะเอาเลือดปากมึงออกมา ไอ้เหี้ยนี่ ! สารเลว !"
เมื่อก้าวเข้าใกล้ตัว เธอก็ยกมือสองข้างขึ้น ทุบกำปั้นอย่างแรงลงบนตัวพิจิตร เขายกมือขึ้นป้อง
ทอมหันหลังมองตามไปด้วยใจระทึก เธอตัดสินใจเปิดประตูรถออกมา
ทันใดนั้น เสียงเปิดประตูรถอีกฝั่งก็ทำให้เธอหันกลับมามอง
เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งมุดตัวเข้ามาที่เบาะด้านหน้า
"พี่ญาใช่มั้ยคะ ? บีเองค่ะ ! น้องสาวพี่จิตร พี่ญาขึ้นมาบนรถก่อน อย่าเพิ่งลงไป !"
น้องบีทรุดตัวลงนั่งที่เบาะหน้า ปิดประตู แล้วกวักมือเรียกทอมที่กำลังยืนเก้ ๆ กัง ๆ สายตามองไปยังพี่น้องที่กำลังวิวาทกันบริเวณท้ายรถ
บีกวักมือควั่ก ๆ
"พี่ญา เข้ามาก่อน กลับเข้ามาก่อน !"
ทอมผลุบตัวกลับเข้ามาในรถ ปิดประตู
"พี่ญา สตาร์ทรถก่อน ขับออกไปก่อน ไปสิคะ !"
ทอมเหลือบตามองที่กระจกส่องหลัง พี่สาวกำลังยืนด่าพิจิตรด้วยเสียงอันดัง
เธอสตาร์ทรถ เข้าเกียร์ แล้วออกรถ
บีชี้มือไปข้างหน้า
"โน่น ! ขับไปสุดซอยนั้นก่อนค่ะ"
ทอมยกมือจับหน้าอกตัวเอง
"เกิดอะไรขึ้น ? พี่ตกใจมาก เกิดอะไรกัน ?"
"ปกติของคู่นี้ค่ะ ! ก็บีบอกแล้วว่า ไม่น่าจะมาตอนนี้ เดี๋ยวสุดซอยแล้ว พี่เลี้ยวขวานะคะ"
ทอมหมุนพวงมาลัยพารถเลี้ยวขวาตามที่น้องสาวพิจิตรแนะนำ
"พี่จอดรถใต้ต้นไม้นั้นก่อนก็ได้ ร่ม ๆ ฝั่งตรงข้ามมีร้านกาแฟ ไปนั่งรอในร้านเฮอร์คาเฟ่กันก่อนก็ได้ เดี๋ยวบีเช็คให้ว่าเหตุการณ์ปลอดโปร่งแล้วหรือยัง ?"
ทอมมองหน้าบี แล้วพยักหน้ารับรู้
สองสาว เดินลงจากรถ ข้ามถนนในซอยไปยังร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม
*********************************************************************************
สองสาวเพิ่งสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์เสร็จ เดินมานั่งที่เก้าอี้ติดผนังกระจก
ฝนเริ่มตกพรำที่ด้านนอกของร้านกาแฟ
"เดี๋ยวบีโทรไปบอกอาม๊าก่อน ว่าบีพาพี่ญามากินกาแฟ ถ้าพี่จิตรเสร็จแล้วค่อยโทรมา"
ทอมพยักหน้าอีกครั้ง
น้องสาวพิจิตร จัดการโทรศัพท์ไปแจ้งเรียบร้อย แล้วส่งยิ้มให้แฟนพี่ชาย
"พี่ญาหายตกใจหรือยัง ?"
ทอมพยักหน้า
"ทำไมปกติพี่น้องเค้าทะเลาะกันแบบนี้เหรอ น้องบี ?"
"ปกติพี่น้องที่อื่น เค้าคงไม่ถึงกับลงไม้ลงมือกันหรอก แต่เจ๊ไก่ กับ พี่จิตรนี่ ทะเลาะกันบ่อยเป็นปกติ นาน ๆ จะมีลงไม้ลงมือกัน แต่วันนี้ คงสุดทน ไม่ตบคงไม่ได้"
น้องบีพูดแล้วก็หัวเราะเบา ๆ
ทอมขมวดคิ้ว
"ดูท่าทางน้องบีจะไม่ซีเรียสเลย เจอเหตุการณ์แบบนี้"
"ก็.... ไม่ได้อยากให้พี่ ๆ ทะเลาะกันนะ แต่บีชินแล้ว ต่างคนก็ต่างมีสไตล์ของตัวเอง"
"พี่จิตร ไปทำอะไรให้พี่สาวต้องโกรธแบบนั้นเหรอ ? ถึงกับต้องลงมือ"
น้องบี นึกถึงต้นเหตุแล้ว กลับหัวเราะ
"อิอิ ! ขำดีเหมือนกันนะ พี่จิตรน่ะแปลก ชอบเป็นงี้ตั้งแต่เด็ก ๆ รู้ว่าเจ๊เค้าจะต้องโกรธ ก็ยังทำจนได้ ขำค่ะ !"
ทอมเห็นท่าทางของบีแล้ว เริ่มจะคลายเครียดตามไปด้วย
"ขำอะไร ? พี่จิตรเค้าทำอะไรเหรอ ? พี่อยากรู้แล้ว !"
"พี่จิตรเค้าเอาเปียโนของหลานไปบริจาค เปียโนของทวิทตี้ ลูกสาวเจ๊ไก่น่ะค่ะ"
"แล้วพี่จิตร ไปเอาเปียโนจากห้องคนอื่นออกไปบริจาคได้ยังไง ? ไม่ขออนุญาตเจ้าของก่อนเหรอ ?"
น้องบีสั่นหัว
"ไม่ใช่ไปเอาจากห้องหรอก คือ งี้ค่ะ
แต่ก่อนเจ๊ไก่อยู่ที่บ้านเดียวกันนี่ เพราะพี่เขยทำงานต่างจังหวัด ไม่ได้มีบ้านอยู่ในกรุงเทพ ฯ เจ๊ไก่ซื้อเปียโนให้ทวิทตี้ตั้งนานแล้ว
พอปีที่แล้ว เจ๊ไก่ซื้อบ้านใหม่ ย้ายออกไป แต่ยังไม่ได้ขนเปียโนไป ก็ฝากที่นี่ไว้ก่อน ฝากไว้ที่ห้องรับแขกเนี่ย
พี่จิตรก็บ่น ๆ ว่า ของมันเกะกะ แล้วทวิทตี้ก็ไม่ค่อยได้เล่นแล้ว เก็บไว้ก็รกบ้าน เจ๊ไก่แกคงยังไม่มีเวลามาจัดการ พี่จิตรก็คงรำคาญ เพราะต้องทนดูมันอยู่ทุกวัน
ในเมื่อไม่ใส่ใจ ลูกสาวก็ไม่ได้อยากเล่น ก็น่าจะเอาไปบริจาคให้เป็นประโยชน์กับคนอื่น ก็เลยสงเคราะห์ซะ ฮ่า ๆๆๆ"
เธอเล่าไปหัวเราะไป
ทอมขมวดคิ้ว
"มันตลกตรงไหนเนี่ย ? ของที่เจ้าของไม่อนุญาต เอาไปบริจาค มันไม่ตลกเลยนะ"
น้องบียิ่งขำใหญ่
"ฮ่า ๆๆๆ ! ช่ายค่ะ ! ยังไม่ได้ขออนุญาตเจ๊ไก่ แต่บริจาคไปแล้ว ฮ่า ๆๆๆ ! มันไม่ตลกเลย แต่ขำมากค่ะ ฮ่า ๆๆๆ !"
เสียงหัวเราะของน้อง ทำให้ทอมขำตามไปด้วย
"น้องบีนี่ก็แปลกดี เรื่องนี้ก็เอามาขำได้"
"ก็ พอบีเห็นเจ๊ไก่โกรธมากตั้งแต่รู้เรื่อง บีก็ขำแล้ว รู้เลยว่า มันต้องมีการลงไม้ลงมือ ด่ากันลั่นแน่ เจ๊ไก่รอวันนี้มานาน วันที่จะได้เอาเลือดของพี่จิตรออก ฮ่า ๆๆๆ ! ได้ฤกษ์ก็วันนี้เอง"
สองสาวมองออกไปนอกผนังกระจกพร้อมกัน เม็ดฝนที่หนาขึ้นตกลงมากระทบพื้นดิน เสียงดังขึ้นอย่างชัดเจน
"พี่ญามาพร้อมกับฝน หวังว่าคงจะดับร้อนเจ๊ไก่ได้"
"พี่สาวคนนี้ ท่าทางดุมาก พี่จิตรก็โตแล้ว ไม่น่าจะถึงกับตบตี ไม่ให้เกียรติน้องชายเลย"
น้องบีขมวดคิ้ว แล้วอุทาน
"อึ๊ ! ...เอ่อ ..." เธอชะงัก แล้วค่อยพูด "บีไม่วิจารณ์ดีกว่า"
พนักงานร้านถือถาดเครื่องดื่มมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
เมื่อพนักงานผละจากไป ทอมถามขึ้น
"แล้วน้องบีมีความเห็นยังไง เรื่องเปียโน ?"
"บีก็อยากให้ขนออกไปจากบ้านนะ มันเกะกะ ทำความสะอาดก็ลำบาก จะเอาอะไรไปวางบนนั้นก็ไม่กล้า
แล้วที่พี่จิตรพูดน่ะ มันก็จริง คือ ทวิทตี้มันไม่สนใจเปียโนตั้งแต่โน่นแล้ว ซื้อมาแล้วก็เห่อเล่นแป๊ปเดียว พอย้ายออกไป มันก็ไม่เห็นมาแล มันก็มีของเล่นใหม่ของมันเยอะแยะ"
ทอมพยักหน้ารับรู้
"น้องบีก็เห็นด้วยกับพี่จิตร ?"
"เห็นด้วยว่าควรจะเอามันออกไปเร็ว ๆ แต่ เรื่องบริจาคโดยไม่ขออนุญาตเจ๊ไก่เนี่ย ไม่ขอวิจารณ์ค่ะ แต่ขอขำอย่างเดียว ขำอะ ! ฮ่า ๆๆ" เธอหัวเราะอีกแล้ว
คราวนี้ ทอมหัวเราะตามไปด้วยอย่างเต็มที่
"ส่วนใหญ่ที่ทะเลาะกัน ระหว่างพี่จิตร กับ พี่สาว น้องบีว่าใครเป็นฝ่ายถูกมากกว่า ?"
เธอเอียงคอ แล้วนึกอยู่สองสามวินาที
"เอาเป็นว่า ที่บีเข้าใจเหตุผลนะ...."
ทอมพยักหน้ารับรู้
น้องบีพูดต่อ
"....ก็ บีเข้าใจเหตุผลของพี่จิตรมากกว่า บีอาจไม่เข้าใจเหตุผลทุกเรื่องของพี่จิตร แต่.... บีเข้าใจพี่จิตรมากกว่าเจ๊ไก่แน่ ๆ เพราะนิสัยของบี ไม่เหมือนเจ๊ไก่เลย ใครผิดถูก บอกไม่ได้หรอกค่ะ เพราะต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตัวเองถูก แต่บีจะเข้าใจพี่จิตรมากกว่าเท่านั้นเอง"
เธอพยักหน้ารับฟัง น้องสาวคนนี้พูดให้เธอเข้าใจได้ไม่ยาก
**********************************************************************************
รุ่งโรจน์คิดไม่ตกว่า เขาควรจะวางตัวอย่างไรกับน้องสาวของพี่แอนดี้
แต่ที่แน่นอน คือ ยิ่งคิดถึงเรื่องเธอ ยิ่งทำให้เกิดความสับสนในใจ
สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้ คือ การเบี่ยงเบนความสนใจ
หากเขายังคิดคำนึงถึงเรื่องเธออยู่ทั้งวัน ค่ำนี้ที่ต้องเจอกับเธอ เขาอาจจะลำบากใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง สู้ลืมเรื่องของเธอไป แล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เมื่อค่ำนี้ เธอมาพบ เขาก็คงยังอยู่ในบุคลิกเดิมที่มีความเป็นตัวของตัวเองเหมือนทุก ๆ วัน
บ่ายสามโมงครึ่ง รุ่งปรากฏตัวที่ล็อบบี้ของโรงแรมซีดาร์ฟันปาร์ค ฯ
เขารู้ตารางล่วงหน้ามาแล้วว่า วันนี้ นาน่าจะสลับเวรมาประจำที่เคาน์เตอร์รับซักรีด ซึ่งเป็นส่วนงานที่ ไม่ต้องวุ่นวายเหมือนกับ ส่วนงานฟร้อนต์เคาน์เตอร์ที่ต้องรับลูกค้าเช็คอิน
เวลาเบรคเพียงสามสิบนาที ก็เพียงพอที่สาวพนักงานโรงแรมสุดสวย จะเบี่ยงเบนจิตของเขาไปจากเธอคนนั้นได้... เขาคิดอย่างนั้น
หนุ่มฟันปาร์คเดินไปที่เคาน์เตอร์ลอนดรี้ พนักงานสาวประจำเคาน์เตอร์ยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะ !"
"สวัสดีครับ ! ไม่ทราบคุณนาน่า อยู่บริเวณนี้หรือเปล่าครับ ?"
"สักครู่นะคะ ! ไม่ทราบว่า จะให้แจ้งว่าใครมาหาคะ ? เป็นลูกค้าซักรีดหรือเปล่าคะ ?"
รุ่งสั่นหัว
"ไม่ใช่ครับ ! เป็นเพื่อนทำงานอยู่ในฟันปาร์ค บอกว่า พี่ที่ฟันปาร์คมาหาก็ได้ครับ ลุยฝนมาเลยนะเนี่ย"
พนักงานสาวมองหน้า แล้วอมยิ้ม
"ใช่ พี่ภาคีหรือเปล่าคะ ?"
รุ่งเลิกคิ้ว
"ภาคี !" เขายิ้มตีหน้าตาย
พนักงานสาวยังอมยิ้ม
"ที่พี่ฝากของขวัญไว้เมื่อคืน พี่กะกลางคืนเค้าฝากต่อมา หนูเห็นโน้ต เพิ่งให้นาน่าไปเมื่อเช้านี้เองค่ะ เดี๋ยวหนูตามให้นะคะ เชิญพี่รอบริเวณนี้ซักครู่ค่ะ !"
รุ่งถอยออกมาจากเคาน์เตอร์สองสามก้าว นึกแล้วก็สมควรที่สาวหน้าตาลูกครึ่งแสนคมแบบนาน่า มีหนุ่ม ๆ มาตามจีบซ้อน ๆ กันในช่วงเวลาเดียวกัน
ไม่ถึงห้านาที นาน่าก็ปรากฏตัวมาในชุดฟอร์มปกติของพนักงานโรงแรม เดินออกมาจากส่วนเขตพนักงาน
ใบหน้าลูกครึ่งแสนคม กับการแต่งหน้าที่ค่อนไปทางเข้ม ทำให้เธอดูเหมือนกับนางแบบในนิตยสาร มากกว่าแค่สาวพนักงานโรงแรมธรรมดา
เมื่อเธอมองเห็นหน้าเขา กลับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ แล้วยกมือไหว้
รุ่งยกมือขึ้นโบก
"ไหว้อีกแล้ว ! หน้าพี่เหมือนศาลพระภูมิเหรอไง ?"
"สวัสดีค่ะ พี่รุ่ง ! เอ๊ะ จิ๊บจำผิดคนมั้ง !"
รุ่งปั้นหน้าย่น
"แน่ะ ! เสียใจล่ะดิ เดินยิ้มแก้มแทบฉีกออกมา พอเห็นหน้าพี่ คิ้วกระดกติดกันเลย"
นาน่ามาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าเขา ด้วยความสูงของรองเท้าส้นสูง ทำให้ความสูงของเธอ ณ ขณะนี้ เกือบเท่าเขา
"ไม่ใช่ ไม่ใช่ ! นาน่าแค่แปลกใจว่า ทำไมไม่เห็นเค้า แต่ได้เจอพี่รุ่งก็ดีใจค่ะ"
รุ่งขมวดคิ้วบ้าง
"ใครคือภาคี ? เค้าส่งอะไรให้นาน่า ? เค้าจะจีบนาน่าเหรอ ?"
สาวลูกครึ่งฟิลิปปินส์หัวเราะ
"พี่รุ่ง ! เป็นห่วงนาน่าเหรอ หรือ เป็นห่วงคนที่ชื่อภาคี ?"
รุ่งหัวเราะ
"ไปห่วงเค้าทำบ้าอะไร ? พี่เป็นห่วงน้องน่ะสิ คนชื่อภาคีนี่ ไม่น่าไว้ใจ ฟังแค่ชื่อ พี่ก็รู้สึกว่า ไม่เหมาะสมกับน้องนาน่าด้วยประการทั้งปวง คนทั้งโลกย่อมจะทนดูไม่ได้แน่นอน"
เธอหัวเราะในอารมณ์ขันของอีกฝ่าย
"พี่รุ่งทำยังกะ หึงนาน่าแน่ะ !"
รุ่งยักคิ้ว
"อือ ! หึงได้เปล่า ? ก็นาน่าสนใจพี่อยู่ดี ๆ ไปสนใจชายอื่น พี่ก็น้อยใจเป็นธรรมดา" เขาพูดไปยิ้มไป
ลูกครึ่งดัทช์ส่ายหัวเบา ๆ
"คุยกับพี่รุ่ง ไม่รู้จะเชื่ออะไรได้บ้าง พี่รุ่งไม่ต้องงอนเลย นาน่าเห็นพี่รุ่งสำคัญกว่าคนอื่นมาก" เธอเน้นเสียงคำว่า 'มาก'
รุ่งเลิกคิ้ว
"จริงอะ ?"
เธอเริ่มอึกอัก
"ก็.... ก็.... ก็ถ้าพี่รุ่งรู้ว่า นาน่าเป็นอะไร เป็นมายังไง คือ นาน่า กับ พี่รุ่งน่ะ มัน...."
รุ่งจ้องหน้าเธอ กำลังรอฟังประโยคถัดไป
".....มันไม่ใช่แค่เพื่อนคนนึงละกัน"
เขาพยักหน้าทีนึง แล้วหัวเราะเบา ๆ
"เออ ! วันนี้คงได้เจอแต่สาวลึกลับ คนนี้ก็ลึกลับแบบนี้ เย็นนี้ก็คงเจอลึกลับแบบนั้น สุดท้าย สรุปอะไรไม่ได้ซักคน"
เธอยกนิ้วชี้ขึ้น
"แน่ะ ! วันนี้นัดใครเดทล่ะคะ ? บอกมาซะดี ๆ !"
เขาทำจมูกหึ่ง อมยิ้ม
"อย่ารู้เลย ! เกรงใจน้องนาน่า"
"ฝนฟ้าไม่เป็นใจ จะไปเดทแถวไหน ระวังรถติดนะคะ"
"นาน่าไม่ชอบฝนตกเหรอ ?"
"ฝนตกพรำ ๆ แบบนี้ ไม่ชอบเลย มันไม่หยุดง่าย ๆ สู้ตกหนัก ๆ มาเลย แล้วหยุดดีกว่า
พี่รุ่งมีเรื่องอะไรกับนาน่าหรือเปล่า ? เดี๋ยวนาน่าต้องไปคุยกับหัวหน้าในออฟฟิศ"
รุ่งชี้ไปที่เคาน์เตอร์ลอนดรี้
"อ้าว ไม่ต้องเฝ้าที่นี่เหรอ ?"
"สลับกับจิ๊บค่ะ ! นาน่าต้องเข้าประชุม ถ้าพี่รุ่งมีอะไร เย็นนี้เจอกันได้นะคะ"
รุ่งโบกมือ
"ไม่ ๆ ! ไม่มีอะไร แค่แวะมามองหน้า"
สาวลูกครึ่งส่งยิ้มให้
"ดีใจนะคะ ที่พี่รุ่งแวะมา งั้น เดี๋ยวนาน่าไปทำงานก่อน อ้อ ! วันเสาร์นี้ งานเปิดตัวโรงแรม พี่รุ่งมาด้วยหรือเปล่า ? มานะ มาเจอกันในงาน"
รุ่งพยักหน้า
"ไปทำงานเถอะ !"
รุ่งโบกมือลา แล้วหันหลัง เดินออกมา
เมื่อนึกถึงคำพูด 'นาน่า กับ พี่รุ่ง มันไม่ใช่แค่เพื่อนคนนึงละกัน' ก็ทำให้เขาอมยิ้ม
สาวบรมสวยอย่างนาน่า สามารถเบี่ยงเบนสมาธิเขาได้เป็นอย่างดี
**********************************************************************************
ก่อนเวลาหกโมงเย็นเล็กน้อย รุ่งมายืนรอที่หน้าอาคารเมนฮอลล์ สถานที่นัดพบระหว่าง เขา และ เลอหงส์
เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ก็เห็นแต่เมฆฝนที่ปกคลุมแสงตะวันจนมิด
ฝนยังพรำไม่ขาดสายตั้งแต่บ่าย
รถออดี้สีขาววิ่งเข้ามาเทียบจอดบริเวณรับส่ง หน้าอาคาร
รุ่งโรจน์รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นคู่นัดสาว เปิดประตูลงมาจากรถ
ธรรม์เปิดประตูฝั่งคนขับออก ลงมายืนแล้วโบกมือทักทาย
"เฮ้ รุ่ง ! รอนานหรือยัง ?"
รุ่งรีบยกมือไหว้
"สวัสดีครับพี่ธรรม์ !"
"ตามสบายกันเลย ! เดี๋ยวพี่มีธุระนัดคุยกับคุณน้อย รุ่งกับคุณหงส์ เชิญตามสบายนะ!" เขาหันมายิ้มให้หงส์ แล้วผลุบตัวกลับเข้าไปในรถ
ออดี้ถูกเคลื่อนออกจากบริเวณ
เลอหงส์อยู่ในชุดเสื้อสีขาว กางเกงยีนส์สีฟ้า แต่งหน้าบาง ๆ ในโทนชมพูเรื่อ
รุ่งจ้องไปที่ใบหน้าของคู่นัดเพียงผ่าน ก็รีบหลบสายตา
คู่นัดของเขาแต่งหน้าได้แตกต่างกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น แต่ท่าทางการก้าวเท้าของเธอ ดูเชื่องช้ากว่าปกติ
หงส์น้อยมายืนหยุดอยู่ห่างกับตัวเขาประมาณสองก้าว กลิ่นน้ำหอมโชยมา
เขาเบิกตา
"อารามิสเก้าร้อย !"
เธออมยิ้ม แล้วพยักหน้า
รุ่งชี้มือไปอีกด้าน
"แล้วพี่ธรรม์ล่ะครับ ? ไม่มาด้วยกันเหรอครับ ?"
หงส์สั่นหัว
"ไม่ค่ะ ! เย็นนี้มีแค่เราสองคน ! หงส์มีเรื่องคุยกับคุณธรรม์ เลยอาศัยติดรถมาด้วย ตอนนี้คุยจบแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของเรา"
คำว่า 'เรื่องของเรา' ทำให้รุ่งใจเต้นแรงขึ้น
หงส์ก้มลงมองตัวเอง
"แต่งตัวง่าย ๆ แบบนี้ คู่ควรที่จะเดทกับพี่รุ่งมั้ยคะ ?"
รุ่งมองดูเครื่องแต่งกายของคู่เดทแล้ว ฉีกยิ้ม
"แต่งยังงี้ ก็ยัง ซากหมวย !"
เธอเอียงคอ อมยิ้ม ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
"พี่รุ่งคิดว่า หงส์ใส่ชุดง่าย ๆ แบบนี้แล้ว เป็นซากจริง ๆ เลยเหรอคะ ?"
เขารีบโบกมือปฏิเสธ
"เปล่า ๆ ! ซากหมวย หมายถึง สวยมากครับ"
หงส์หัวเราะ
"ค่าาาา !" เธอลากเสียงยาว "ก็ไม่ได้ว่าอะไร รู้อยู่แล้วค่ะว่าแปลว่า ซึโก๊ะกึ คิเรอิ" เธอใช้ศัพท์ภาษาญี่ปุ่นง่าย ๆ
รุ่งพยักหน้าหงึก
"ครับ ๆ ใช่ ! เหิ่นเพี่ยวเลี่ยง" เขาตอบด้วยศัพท์ภาษาจีนกลาง
"วันนี้ เราจะคุยกันกี่ภาษาดีคะ ?"
"ผมถนัดที่สุด คือ ภาษาไทย ที่เหลือเชิญคุณหงส์สปี๊คไปเลย ผมได้แต่ฟัง แต่คงไม่รู้ความหมาย"
เธอยกนิ้วโป้ง ชี้เข้าหาตัวเอง
"นี่.... น้องหงส์ ค่ะ ! ไม่ใช่ คุณหงส์ ! ลืมอีกละ"
รุ่งพยักหน้า
"ครับ ๆ ! พี่รุ่งจะไม่ลืมอีกนะ น้องหงส์
พี่ถามเรื่องสำคัญก่อน อาการน้องหงส์เป็นยังไง ?"
"ตอนนี้อยู่ในมือพี่แอนดี้แล้ว พี่รุ่งไม่ต้องห่วงค่ะ !"
รุ่งพยักหน้าเห็นด้วย
"ผมเชื่อในตัวพี่แอนดี้ พี่แอนดี้เกิดมาเพื่อช่วยเหลือคนอื่น"
เธอเอียงคอ
"แต่เคสหงส์ อาจจะไม่ง่าย เห็นพี่แอนดี้ว่ายังงั้น"
รุ่งขมวดคิ้ว
"หา ! พี่แอนดี้บอกว่าน้องหงส์เป็นโรคอะไร ?"
"โรคกรรมเก่า วิธีแก้คือ ต้องให้คนที่มีบุญมาก รับเป็นลูกบุญธรรม"
รุ่งพยักหน้าช้า ๆ
"อือ..! แล้ว จะเป็นใครล่ะครับ ที่จะมารับเราเป็นลูกบุญธรรม ?"
"ตอนนี้มีอยู่สองช้อยส์ค่ะ ! ช้อยส์แรก พี่แอนดี้บอกว่าเหมาะสมที่สุด ทั้งเรื่องบุญร่วมกันในอดีต กับเรื่องฐานะการเงิน แต่หงส์ไม่สะดวกใจกับทางเลือกแรก บอกให้พี่แอนดี้ช่วยหาคนอื่น
ช้อยส์ที่สอง ก็ เป็นคนที่เคยมีบุญร่วมกันรองลงมา อดีตหงส์เคยเกิดเป็นลูกของผู้หญิงคนนี้ พี่แอนดี้ว่ายังงี้นะคะ แต่เรื่องฐานะการเงินนั้น อาจจะไม่ได้พร้อมเหมือนทางเลือกแรก"
รุ่งขมวดคิ้ว หงส์รีบอธิบายก่อนที่รุ่งจะอ้าปากถาม
"เอ่อ... คือ เรื่องฐานะการเงิน พี่แอนดี้หมายถึง แม้ว่าหงส์จะผ่านเคราะห์ครั้งนี้มาได้ ไม่ตาย หรือ ไม่พิการ แต่ก็คงต้องป่วยบ้าง ต้องมีเงินรักษาพยาบาล
ถ้าเป็นทางเลือกแรก ท่านนี้ถือว่ารวย ไม่ใช่ปัญหา แต่หงส์ปฏิเสธท่านนี้ ท่านที่สองนี้ ดวงก็สมพงศ์กัน ติดแค่เรื่องผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนรวย เราจะไปเบียดเบียนเงินเค้าไม่ได้"
รุ่งพยักหน้าเข้าใจ
"แต่หงส์เลือกคนหลัง ?"
เธอพยักหน้า
"ค่ะ ! หงส์เลือกคนหลัง"
"แต่ ต้องลำบากเรื่องหาเงินรักษาพยาบาล ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหงส์ป่วย พี่แอนดี้ก็ไม่ได้ทำงานที่ได้เงินประจำ คงต้องพึ่งพาเงินคนอื่น"
หงส์พยักหน้า
"ค่ะ ! แต่พี่แอนดี้ยังไม่รู้ว่าหงส์มีทางออกเรื่องนั้น"
"อ้าว ! ตอนนี้พี่แอนดี้ยังไม่รู้เหรอว่าหงส์เลือกจะเป็นลูกบุญธรรมของคนหลัง ?"
"ค่ะ ! ยังไม่รู้ ! หงส์ขอเวลาคิดครึ่งวัน จริง ๆ หงส์คงจะโทรบอกพี่แอนดี้ ช่วงนี้แหละค่ะ" เธอยกข้อมือขึ้นมามองนาฬิกา
รุ่งทำหน้าสงสัย
"ทำไมไม่รอคุยกันตอนกลับบ้านล่ะครับ ? พี่แอนดี้น่าจะอยากถามเหตุผลกับหงส์ต่อหน้ามากกว่า"
"เหตุผล หงส์คงต้องบอกแน่ แต่ตอนนี้พี่แอนดี้รีบ ถ้าหงส์ตัดสินใจ เค้าต้องติดต่อไปยืนยันกับคนหลัง แล้วรีบปฏิเสธคนแรก แล้วเห็นว่า ต้องรีบทำพิธีรับเป็นลูกบุญธรรมให้เร็วที่สุด"
รุ่งยกมือเกาหัว
"ท่าทางช่วงนี้หงส์น่าจะยุ่งน่าดู เรื่องซีเรียสขนาดนี้ แล้วหงส์มีเรื่องจะคุยกับพี่ คงต้องสำคัญมากแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่เสียเวลามาที่นี่ ถ้ามีเรื่องอะไร หงส์รีบคุยได้เลย เสร็จแล้วจะได้รีบไปจัดการเรื่องสำคัญ"
"ไม่ ๆๆ ! เรื่องของหงส์กับพี่รุ่ง ไม่ต้องรีบขนาดนั้น หงส์มาที่นี่ อยากมาฟังจากปากพี่รุ่งว่า.... เอ่อ.... เป็นคำถามสองข้อแล้วกัน"
รุ่งพยักหน้า
"ถามมาเลย !"
"คำถามแรก....."
เธอหยุด กลอกตาไปทางอื่น กลอกกลับมาสบสายตาเขาอีกครั้ง
"......คืนวันที่พี่รุ่งไปกินสุกี้ที่บ้านหงส์ แล้วเราเต้นรำกัน ......"
ได้ยินเพียงแค่นี้ เหงื่อของเขาก็พาลจะซึมออกมาได้ง่าย ๆ
"......พี่รุ่งคิดยังไงกับหงส์คะ ?"
เหมือนถูกตีแสกหน้า เขาโดนถามคำถามที่ตรงจนแทบหาทางหลบไม่เจอ
สายตาเขากลอกไปมา
"เอ่อ... พี่ก็ว่า มันก็สนุกดี หงส์หมายถึงคิดยังไง เรื่องอะไร ?"
"สงสัยหงส์ถามไม่ตรงพอ"
เธอกลอกตาไปทางอื่นอีก นึกอยู่เพียงอึดใจ แล้วถาม
"พี่รุ่งชอบหงส์ หรือไม่คะ ? ถ้าชอบ ชอบแบบน้องสาว หรือ ชอบแบบคนรัก ?"
เขายกมือขึ้นห้ามเป็นสัญญาณปฏิเสธทันที
"ไม่ครับ ! พี่ไม่เคยคิดอะไรที่นอกเหนือจากที่ควรจะเป็น สาบานได้ พี่ไม่ใช่คนแบบนั้น หงส์อย่าเข้าใจพี่ผิด"
น้ำเสียงเขาระล่ำระลัก
หงส์เอียงคอ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบ
"หงส์ก็ยังไม่ได้ฟังคำตอบเลย สรุปว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ ? ชอบแบบน้องสาว หรือ แบบคนรัก ?"
"ชอบครับ ชอบแบบน้องสาวครับ !" รุ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
หงส์พยักหน้ารับรู้
"ค่ะ ! รับทราบค่ะ !" เธอกระพริบตาถี่ แล้วพยักหน้าช้า ๆ อีกครั้ง ทวนคำตอบ
"ชอบ เหมือนน้อง ! โอเคค่ะ !"
เธอพอใจกับคำตอบที่ชัดเจน
"คำถามที่สอง พรุ่งนี้ หงส์ขอเจอพี่รุ่งหลังเลิกงาน ได้หรือไม่คะ ?"
รุ่งกระพริบตาถี่ คำถามข้อที่แล้วยังทำให้เขาประหลาดใจไม่หาย คำถามที่สองก็รบกวนระบบประสาทเขาพอกัน
"พี่รุ่งไม่ต้องรีบตอบก็ได้ รู้เมื่อไหร่ก็ค่อยตอบ เราไปทานข้าวกันก่อนก็ได้ค่ะ"
อีกฝ่ายยังยืนงงอยู่กับคำถาม
หงส์เอียงคอ แล้วส่งยิ้มให้
"ดูท่าทาง พี่รุ่งคิดมากจัง ! หงส์ไปห้องน้ำก่อนดีกว่า เดี๋ยวหงส์เดินกลับมาเจอที่ตรงนี้นะคะ"
รุ่งพยักหน้าหงึก ๆ สายตามองตามหลังสาวซูเปอร์แฟรงค์ไป
ความคิดมากมายแล่นเข้าออก สับเปลี่ยน จนจิตไม่ได้สนใจกับภาวะรอบกาย
************************************************************************************
ซีฟ่งก้าวเข้ามาในห้องน้ำหญิง อาคารเมนฮอลล์
หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออกไปหาพี่ชาย
"พี่ใหญ่ ฉันตัดสินใจได้แล้ว " เธอพูดภาษาจีนกลางทันทีที่พี่ชายรับสาย
"ฉันเลือกที่จะเป็นลูกบุญธรรมของอาจารย์ยาใจ พี่ดำเนินการตามนี้ได้เลย ส่วนเรื่องการเงิน ฉันมีทางออก คืนนี้ ฉันจะกลับไปเล่าให้พี่ฟังที่บ้าน"
"ได้ ! อาฟ่ง ! ถ้าเธอตัดสินใจแล้ว ก็ตามนั้น ! ดูแลตัวเองด้วยนะ เอนกจะเปิดมือถือทิ้งไว้ทั้งคืน มีอะไร โทรหาเขาได้ตลอด"
"ได้ ! " เธอกดตัดสายของพี่ชาย
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองผนังกระจก ความคิดของเธอยังวนเวียนอยู่กับคำสนทนาของอาหลงเมื่อสองปีก่อน
คนที่สูงทั้งรูปร่าง และ จิตใจ .....ฉันจะตัดสินใจเลือกเขาแล้วนะ พี่หลง ! เป็นกำลังใจให้ฉันด้วย !
_____________________________________________________________________________________
1 , 2 , ,3 , 4 < อ่านหน้า
ต้องการอ่าน อภิญญาฆรวาส ตอนต่อไป กรุณาตอบคำถาม
ท่านคิดว่า เลอหงส์ จะเลือกคบ (เป็นแฟน) กับผู้ชายคนไหน ?
โพสต์คำตอบในเว็บบอร์ด กดที่นี่
สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่
กลับขึ้นด้านบน อ่านตอนอื่น
อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็น