
"ต้าเกอ ! ต้าเกอ ! รีบออกไปช่วยอาฟ่งที่หน้าประตูรั้ว เร็ว!"
เสียงอาเจิ้นตะโกนลั่นเป็นภาษาแมนดาริน ทำให้แอนดี้ลุกพรวดจากโต๊ะอาหาร วิ่งออกมาหน้าบ้าน
เมื่อเห็นน้องสาวนั่งกองอยู่บนพื้นริ้มรั้วด้านใน เขาก็รีบวิ่งเข้าไป คุกเข่า
"อาฟ่ง ลุกไหวมั้ย ?" แอนดี้รู้ทันทีว่าอาการปวดท้องกำเริบ
หงส์น้อยสั่นหัว นั่งตัวขดจนหน้าผากแทบจะชนหัวเข่า
แอนดี้ช้อนแขนข้างหนึ่งเข้าที่ใต้ข้อพับขาทั้งสอง แขนอีกข้างโอบไหล่เธอ
เขาค่อย ๆ อุ้มเธอขึ้นมา
อาเจิ้นร้องถาม
"ไหวนะ พี่ใหญ่ !"
แอนดี้พยักหน้า
อาเจิ้นรีบเดินสาวเท้าไปยังตัวบ้าน
"เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูให้"
สิงห์ต้าลู่ค่อย ๆ เดินอุ้มน้องสาว เข้าตัวบ้าน
*******************************************************************************

ซีฟ่งนอนขดตัวอยู่บนโซฟารับแขก
แอนดี้กำลังตั้งจิตขอพลังจากพระนางจันทิมา ส่งผ่านฝ่ามือของเขามาที่หน้าผากของน้องสาว
ภาพของท่านปู่สิทธาฤาษีเข้ามาแทรก
"เอ็งจงไปหาสมุนไพรเหล่านี้มาประคับประคองน้องสาวให้อาการทุเลาลง"
แอนดี้ละฝ่ามือจากหน้าผากน้องสาว หันไปหยิบปากกากับสมุดบันทึกบนโต๊ะ มาเตรียมจด
เสียงท่านปู่สิทธา ฯ บอกช้า ๆ
"ว่านชักมดลูก ยากษัยเส้นที่เข้าสูตรแล้วของแห่งใดก็ได้ แก้วห้าดวง"
"แก้วห้าดวง คือ ยาห้าราก ใช่มั้ยครับ ?" 
"ใช่ ! เก่งมาก !"
"ผมเคยได้ยินท่านปู่ใช้สูตรนี้เป็นประจำ สมัยนี้คนไทยเรียกยานี้ว่า เบญจโลกวิเชียร"
"น่านแหละ ! พวกเอ็งจะเรียกมันว่าอย่างไร มันก็คือแก้วห้าดวง ใช้ดับพิษไข้ได้สารพัด"
"แล้ววิธีเข้ายาล่ะครับ ?"
"หาสมุนไพรเหล่านี้มาให้ได้ก่อน เป็นที่เขาบรรจุเป็นเม็ดแล้วก็ได้ ไม่ว่ากัน หามาครบแล้ว ปู่จะบอกสูตรให้"
เขาลืมตามองดูน้องสาวที่นอนพักอยู่บนโซฟา
"สมุนไพรนี้ทำให้โรคที่เป็นอยู่หายขาดได้หรือไม่ครับ ?"
"ปู่เองก็ได้แค่ให้ยาบรรเทาอาการ โรคที่เกิดจากกรรม มันไม่หายได้ง่าย ๆ หรอก ถ้าเจ้ากรรมเขายังไม่ยอม เรื่องนี้เอ็งปรึกษาพระนาง ฯ เถอะ พระนาง ฯ เก่งเรื่องพรรค์นั้น"
เมื่อภาพของท่านปู่สิทธาฤาษีหายไปจากจิต ภาพของพระนางจันทิมาก็เข้ามาแทรกทันที
ใบหน้าพระนาง ฯ เคร่งขรึม พูดด้วยน้ำเสียงที่ห้วน
"อาการของน้องสาวท่าน ไม่เบาเสียแล้ว !"
พระนาง ฯ หยุดพูดเพียงแค่นั้น ทำให้แอนดี้เป็นกังวลมากขึ้น
"มีวิธีอะไรที่จะเยียวยาได้ดีกว่านี้ครับ ?"
"วิธีตามที่ท่านฤาษีแนะนำท่านนั้น ดีที่สุดแล้ว แต่เราเกรงว่า สภาพร่างกายของน้องสาวท่าน อาจจะทานเจ้ากรรมครั้งนี้ไม่ได้นาน"
"ทนไม่ได้นาน ! ถ้ารีบเข้าโรงพยาบาลตรวจ แล้วผ่าตัด มันจะดีกว่ามั้ยครับ ?"
"ไม่ได้ !" พระนาง ฯ ตอบด้วยสำเนียงที่เด็ดขาด
"ท่านให้หมอเปิดแผลมิได้เด็ดขาด ! หากหมอทำการเปิดเนื้อหนังเพื่อดูภายใน เจ้ากรรมของน้องสาวท่านจะสำแดงฤทธิ์มากกว่านี้ น้องสาวท่านอาจจะติดเชื้อ หรือ เนื้องอกนั้นอาจลุกลาม นั่นด้วยเหตุแห่งเจ้ากรรม มิใช่เรื่องการเจ็บป่วยจากสุขภาพ หมอจึงมิอาจช่วยท่านได้"
สิงห์ต้าลู่ถอนหายใจ
ซีฟ่งเอื้อมมือมาคว้าข้อมือพี่ชายไปแนบอก
"พี่ใหญ่ ! ฉันขอโทษนะ !"
พี่ชายประหลาดใจ ยกมืออีกข้างขึ้นลูบหัวน้องสาว เขาก้มหน้าลงไปใกล้
"อาฟ่ง เป็นไงบ้าง ?"
"ฉันขอโทษ !" น้ำตาหยดจากขอบตาลงมาที่แก้ม
"ขอโทษฉันทำไม ?"
"ฉันขอโทษที่ฉันโมโห ใส่อารมณ์กับพี่ กล่าวหาว่าพี่ไม่ใส่ใจน้ายงค์ ฉันขอโทษนะ !"
พี่ชายยื่นมือไปปาดน้ำตาที่แก้มของน้องสาว
"อาฟ่ง ! เธอน่ะ ชอบทำตัวเป็นเป่ยฟังเม่ย (แม่สาวเหนือ) เวลาอยู่นอกบ้าน แต่สำหรับฉันแล้ว เธอเป็นหนานฟังเม่ย (แม่สาวใต้) ในสายตาฉันเสมอ"
ซีฟ่งจับมือพี่ชายแนบที่แก้มของเธอเอง แล้วเหลือบมองเศษกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ
"พี่ใหญ่ บอกฉันมาตรง ๆ นะ ต้นเหตุของโรคฉันตอนนี้ ไม่ง่ายที่จะรักษาแล้วใช่มั้ย ?"
แอนดี้เลิกคิ้ว
"ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ ?"
"ฉันชอบความจริง บอกฉันมาเถอะ เมื่อครู่ ฉันแอบมองเห็นพี่ถอนหายใจระหว่างที่พี่หลับตาทำสมาธิ"
แอนดี้ส่งยิ้มให้น้องสาว
"อาฟ่ง เธอกลัวความตายมั้ย ?"
น้องสาวสั่นหัวทันที
"ไม่กลัวนะ ! การอยู่อย่างทรมานสิ น่ากลัวกว่า แล้วถ้าฉันรู้ว่า ฉันจะได้ไปอยู่กับพี่หลง ฉันก็จะพอใจ เพียงแต่ว่า..... ก็.... ช่วงที่ฉันต้องทรมานก่อนตาย ก็คงทำให้พี่ใหญ่ต้องลำบากดูแลฉัน พี่คงลำบากไปช่วงนึงเลยล่ะ !"
คำพูดของน้องสาว กลับทำให้แอนดี้หัวเราะเบา ๆ เขายกมือขึ้นลูบหัวเธอ
"อาฟ่ง เธอคิดว่าภายในไม่กี่ปี ฉันจะต้องเสียน้องไปถึงสองคนเชียวเหรอ ? ฉันไม่เชื่อว่าชะตาของฉันจะเป็นแบบนั้น"
***********************************************************************************

สิงห์ต้าลู่กลับขึ้นมาที่ห้องนอน นั่งบนพื้นห้อง กำหนดจิตเป็นสมาธิเพื่อสนทนากับพระนาง ฯ
"กราบขอความกรุณาจากพระนางจันทิมา หากมีคำแนะนำใดที่สามารถช่วยน้องสาวของผมได้ ขอความกรุณาพระนาง ฯ ช่วยบอกหนทางด้วยเถิดครับ"
ภาพของพระนางในชุดเครื่องแต่งกายโบราณที่ดูมีทั้งบรรดาศักดิ์ และ ความงาม ปรากฏขึ้นในจิต
"ท่านเห็นภาพเรา ชัดเจนหรือไม่ ?" 
"ภาพของพระนาง ชัดพอสมควรครับ"
"จับภาพไว้ ทำใจหย่อนสักนิด อย่าจ้องให้มันหนักนัก สักครู่ เราจะพาท่านไปพบเหล่าวิญญาณที่มาทวงหนี้น้องสาวของท่าน"
ภาพของพระนางเลือนหายไป มโนภาพทั้งหมดเต็มไปด้วยความมืดแทน
แอนดี้ไม่ปักจิตให้จ้องไปในความมืดมิด แค่ปล่อยให้ภาพค่อย ๆ ปรากฏเองตามที่จิตสัมผัส
ท่ามกลางความมืด เริ่มเห็นสิ่งที่ขยับเขยื้อน สักพัก เริ่มเห็นภาพกลุ่มคนมากมาย
ห้าคน เจ็ดคน สิบคน สิบกว่าคน และ มากกว่านั้น
คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นชาย แต่งกายด้วยชุดทหารสมัยโบราณ บางคนใส่เสื้อ บางคนไม่ใส่เสื้อ บางคนพกอาวุธ
ประเมินด้วยจิต กลุ่มคนเหล่านี้น่าจะมีประมาณยี่สิบกว่าคน 
เมื่อเดินเข้ามาใกล้พอสมควร ก็หยุดเดิน ทุกคนยกมือชี้มาที่ตัวของเขา อ้าปากตะโกนถ้อยคำใด เขาก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะไม่สามารถได้ยินเสียง
แอนดี้กำหนดจิตถามพระนาง
"เขาร้องเรียกอะไรครับ พระนาง ?"
"เขาต้องการชีวิตน้องสาวท่าน !"
"น้องสาวผม ไปทำร้ายคนเหล่านี้เมื่อไหร่ครับ ? ด้วยวิธีใด ?"
"น้องสาวท่าน เคยปลิดชีวิตคนเหล่านี้ ด้วยการวางยา ไม่ใช่ภพนี้ แต่เป็นภพก่อนในอดีต น้องสาวท่านและคนกลุ่มนี้ เป็นศัตรูกัน"
แอนดี้อุทาน
"ช้อย !" ภาพการระลึกชาติโยนก ปรากฏขึ้นในจิตของแอนดี้
ทหารกล๋อมที่นอนตายเป็นเบือในค่ายทหารขอมดำ เป็นผลจากการวางยาลูกกลอนที่เกินขนาดของช้อย
แอนดี้พยักหน้ายอมรับ
"พระนาง สามารถเจรจาได้หรือไม่ครับ ? พวกเขาต้องการอะไร เราจะทำให้ ขอให้อโหสิให้กับน้องสาวของผม"
"หากเราเจรจาได้ คงไม่ต้องเดือดร้อนให้ท่านต้องมาเห็นภาพเหล่านี้เอง"
"หมายความว่ายังไงครับ ? พระนางเจรจาไม่ได้ ?"
"เรามีอำนาจเพียงพอแก่การเรียกเขาเหล่านี้มาแสดงตน อย่างน้อย เพื่อให้ท่านได้รู้ว่า อาการของน้องสาวท่าน มิใช่อาการเจ็บป่วยตามวาระ แต่เป็นศัตรูเก่าในอดีต ที่น้องสาวท่านปลิตชีวิต มาทวงหนี้
หากเป็นกรณีอื่น ๆ เราสามารถเจรจา ตกลงเงื่อนไขที่เป็นที่ยอมรับกันได้ ระหว่างเจ้ากรรม กับ ลูกหนี้ แต่ สำหรับน้องสาวท่าน ณ เวลานี้ เปรียบเสมือนลูกหนี้ที่ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอจะใช้หนี้ จึงไม่สามารถพบกันที่กึ่งกลางใด ๆ ได้"
"ไม่มีทรัพย์สินพอจะใช้หนี้ หมายถึงอะไรครับ ?"
"พื้นบุญ ! พื้นบุญของน้องสาวท่าน สะสมมาไม่พอ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด แม้กระทั่งการยอมบวช บุญก็ยังไม่พอที่จะเจรจากับเจ้ากรรมกลุ่มนี้"
"บุญไม่พอที่จะเจรจา ! บุญของผมนั้นสามารถช่วยหนุนน้องสาวได้หรือไม่ ? ผมสนใจศึกษาแต่พระธรรมในพุทธศาสนาเท่านั้น เรื่องพิธีกรรม ต่อรองกับวิญญาณ เรื่องแก้กรรม ผมไม่มีความรู้เลย ผมกราบขอให้พระนางช่วยเหลือด้วยครับ"
พระนางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้น
"ท่านฟังสิ่งที่พวกเขาประกาศ เราจะกล่าวให้ท่านฟัง พวกเขาจะทำให้น้องสาวท่านต้องตกเลือดก่อน แล้วจะต้องทรมานด้วยอาการเจ็บปวดอย่างไม่สามารถสาธยายได้เป็นเวลาสามวัน น้องสาวท่าน จะสิ้นใจด้วยความทุรนทุรายในวันที่สี่"
แอนดี้รับฟังด้วยจิตที่สลด
"น้องสาวผม จะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ครับ กว่าจะถึงวันนั้น ?"
"ตามปกติ หากเจ้ากรรมมาถึงตัวแล้ว พวกเขาจะทวงทุกอย่างให้เร็วที่สุด เท่าที่บุญเก่าจะยันไว้ได้ หากชะตาต้องฤกษ์ยามอ่อนแรง ก็อาจจะทันทีทันใดได้โดยไม่ต้องนับวัน"
แอนดี้เริ่มปลงสังเวช ความสงบเริ่มขึ้นจากการพิจารณาไตรลักษณ์ในช่วงเสี้ยววินาที ความเคยชินจากการได้ฌานอย่างสม่ำเสมอในอดีต ทำให้อาการดิ้นรนขัดขืดลดลงทันที
"ถ้าอย่างนั้น ระหว่างที่น้องสาวผมยังมีชีวิต ผมควรช่วยเธอยังไงครับ เธอถึงจะจากไปอย่างสงบ ไปสู่สุคติภูมิ ?"
ภาพใบหน้าพระนางกลับมาแจ่มชัดในมโนภาพอีกครั้ง บัดนี้ ดวงตาของพระนางเบิกโต สีหน้าแสดงถึงอารมณ์โทสะอย่างชัดเจน
"ใช้ไม่ได้ ! ท่านเป็นผู้นำที่ใช้ไม่ได้ !"
แอนดี้ตกใจ ไม่เข้าใจว่าพระนาง ฯ หมายถึงเรื่องใด
"หา !!! ผมทำอะไรผิดเหรอครับ ?"
"ท่านคิดเช่นนั้นได้อย่างไร ? ท่านมีจิตแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ?" น้ำเสียงพระนางเต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง
"คิดอะไรครับ ? ผมคิดอะไรผิดเหรอครับ ?"
"ท่านเริ่มยอมถอย ลดราวาศอก ยอมจำนน ท่านมิใช่ผู้นำที่ท่านเคยเป็น จิตแบบนี้ เราไม่เคยพบเห็นจากท่านในสมัยใดมาก่อน บัดนี้ ท่านยอมให้สิ่งอื่นมามีอำนาจเหนือคนในปกครองของท่านแล้ว เรามองท่านผิดไป"
หมดสิ้นประโยคที่เกรี้ยวกราด ภาพของพระนางก็หายไปจากจิต
สิงห์ต้าลู่ยังนั่งงงอยู่ในสมาธิ ไม่สามารถนึกออกได้ว่า เขาได้ทำสิ่งใดผิด ถึงทำให้พระนาง ฯ ออกอาการเคืองขนาดนี้
************************************************************************************

แอนดี้ยืนมองดูน้องสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาห้องรับแขก
บรรยากาศอึมครึมเพราะเมฆดำปกคลุมทั่วท้องฟ้า อีกไม่นาน ฝนคงจะเริ่มโปรยลงมา
ถ้าเขาต้องเสียน้องสาวไปอีกคน..... !!! มันก็ต้องยอมรับกันได้ มีการเกิด ก็ต้องมีการพลัดพราก จะกี่ชาติกี่ชาติ ก็จะต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก ไม่ว่าช้า หรือ เร็ว
"ฮ่า ๆๆๆ ! โดนพระนางดอกนี้เข้า หัวทิ่มไปเลยสิ ฮ่า ๆๆๆๆ !" เสียงหัวเราะของท่านลุงดังขึ้นในจิต
หลานแมวรีบเดินขึ้นบันได กลับขึ้นไปที่ห้องนอน เปิดประตูเข้าห้อง แล้วนั่งลง หลับตา เข้าสมาธิระดับต้น
สหายพรหมปรากฏกายทิพย์ในชุดกรรมการห้ามมวย เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาว หูกระต่ายสีดำ
แอนดี้สั่นหัว
"เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ยังมาทำเล่นอีก ชั้นพรหมนี่ว่างงานกันหรือยังไง ?"
กรรมการห้ามมวยกิติมศักดิ์ ยกแขนท้าวสะเอว
"เอ๊ะ ไอ้นี่ ! โดนพระนาง ฯ ฉะไปแล้ว แกอยากจะโดนชั้นฉะอีกซักทีหรือไง ? ไอ้ที่ชั้นเสนอหน้ามาหัวเราะใส่แกนี่ เพราะสงสารหรอกวะ
แกน่ะแปลความหมายพระนาง ฯ ไม่ออก ถ้าชั้นไม่มาเสือกช่วยอธิบาย แกคงได้มีเรื่องเคืองกับพระนาง ฯ ไปตลอด น้องสาวแกตายห่าแน่ แกได้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง"
แอนดี้มีรอยยิ้ม เขายกมือขึ้นพนม
"รู้ดีจ้า ! ผมก็แหย่ท่านเล่นไปงั้นแหละ ! ยามเดือดร้อนแบบนี้ ผมไม่นึกถึงท่านลุงแล้วผมจะนึกถึงใคร
ไหน ๆ ท่านมาแล้ว ก็รบกวนท่านเสือกอธิบายหน่อยเถอะ ผมไปเหยียบโดนพระบาทนิ้วก้อยของพระนาง ฯ หรือยังไง ท่านถึงโหมโรงใส่ผมยังงี้"
สหายลุงยิ้มมุมปาก
"ไอ้นี่กวนเหลือเกิน ! หาว่ากูเสือก !"
"ท่านใช้คำว่าเสือกเองก่อนนะ ผมแค่นำคำพูดของท่านลุงมาพูดซ้ำ"
"เออ ช่างเถอะ ช่างเถอะ ! จะไขข้อข้องใจให้แกหายโง่
แกน่ะ ไปพูดประโยคที่ ในอดีตกี่ชาติกี่ชาติมาแล้ว นับย้อนหลังไป โน่น.... น่าจะเป็นร้อย ๆ ชาติ แกไม่เคยพูดประโยคแบบนี้มาก่อน"
"ประโยคไหน ? มีประโยคไหนที่ผมไม่ควรพูด ผมนึกไม่ออกจริง ๆ"
"มันไม่ใช่แกไม่ควรพูดหรอก คือ ว่ากันตามจริง แกก็ควรคิดยังงั้นแหละ แต่ แกไม่ควรคิดต่อหน้าพระนาง"
"หา ! มีอะไรที่ผมต้องปิดบังพระนาง ฯ ด้วยเหรอ ? ผมจะปิดพระนาง ฯ ได้ยังไง พระนาง ฯ มีฤทธิ์ขนาดไหน ผมคิดอะไรทำไมพระนาง ฯ จะรู้ไม่ได้ ?"
"ก็ใช่ ! ถ้าพระนาง ฯ อยากจะรู้ ก็รู้ได้ แต่แกพูดออกมาต่อหน้าพระนาง ฯ นี่ พระนาง ฯ คงรับไม่ได้"
"งั้น ประโยคไหนล่ะ ที่ผมทำให้พระนาง ฯ เคือง ?"
"ก็ที่แกบอกว่า จะทำไง น้องสาวแกถึงตายไปอยู่ที่ดี ๆ นั่นน่ะ ! แกพูดออกมาทำไม ?"
"อ้าว ! ก็ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ พระนาง ฯ บอกว่าหมดหนทางแล้ว ผมก็คิดถึงกฏแห่งธรรมดา คนเกิดมาแล้ว ยังไงก็ต้องตาย การจะห้ามความตายนั้น ห้ามไม่ได้ ในเมื่อต้องตาย ก็เตรียมหาทางไปสู่สุขคติภูมิ ผมคิดผิดยังไง ?"
"คิดน่ะ ไม่ผิด ! แต่เสือกพูดต่อหน้าพระนาง ฯ นี่ ผิด !"
แอนดี้เริ่มรู้สึกหงุดหงิด
"ผิดยังไง ! ผมเห็นใจพระนาง ฯ ในเมื่อท่านช่วยผมจนสุดความสามารถแล้ว จะให้ผมตำหนิอะไรท่านได้อีก ? ผมก็ต้องยอมรับผลด้วยใจสงบ ผมไม่เข้าใจ ผมผิดอะไรอีกเนี่ย ?"
ท่านลุงถอนหายใจ
"แกนี่มันทำยังกับไม่เคยรู้จักพระนาง ฯ เลย พระนาง ฯ ช่วยแกมากี่ชาติกี่ชาติ แกลืมหมดแล้วว่าเคยลำบาก สร้างบารมีอะไรร่วมกันมา แกลืมนิสัยของพระนาง ฯ จนหมดจริง ๆ"
อารมณ์ของหลานเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น เขาถอนหายใจยาวบ้าง
"นึกยังไงก็นึกไม่ออก ! ใช่ ! ผมระลึกย้อนหลังไม่ได้ว่า ผมกับพระนาง ฯ เคยร่วมบุญอะไรกันมาก่อน รบกวนท่านลุงเฉลยด้วยเถิด ผมทำอะไรให้ท่านโกรธ ผมควรแก้ยังไง ?"
"มีสองเรื่องเกี่ยวกับอุปนิสัยของพระนาง ฯ ที่แกควรจำไว้ในกะโหลกของแก
เรื่องแรก สำหรับพระนาง ฯ แล้ว ไม่มีคำว่า หมดหนทาง !
พระนาง ฯ ไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยพูดกับใครว่า ยอมแล้ว หมดทางช่วย ไม่มีทางได้ยินคำนั้นจากปากพระนาง ฯ"
แอนดี้ขมวดคิ้ว
"หา ! อ้าว ! แล้วที่พระนาง ฯ บอกผมเรื่องว่าเจรจากับเจ้ากรรมของอาฟ่งไม่ได้"
"แกลองคิดดี ๆ แกได้ยินพระนาง ฯ บอกว่า หมดหนทางเหรอ ?
พระนาง ฯ เล่าว่า ตอนนี้เจรจาไม่ได้ เล่าให้แกรู้สถานการณ์ปัจจุบัน พระนาง ฯ ไม่ได้บอกว่าหมดทางช่วย แกยังไม่ได้ฟังจนจบ แกก็ไปคิดว่าพระนาง ฯ หมดหนทาง
พระนาง ฯ เล่า อาจจะเพื่อบอกแกว่า ในเมื่อเจรจาไม่ได้ตอนนี้ ก็เลยจะแนะนำวิธีอื่นให้ แกเสือกไปคิดว่า พระนาง ฯ หมดหนทาง ซึ่งแกไม่รู้จักซะแล้ว ว่าพระนาง ฯ เกลียดคนปรามาสว่า ยอมแพ้ง่าย ๆ
ดีนะ ไม่สาปแกเป็นหมาก็บุญหัวของแกแล้ว"
แอนดี้พยักหน้ารับรู้ แต่ก็ยังมีความคลางแคลง
"ผมจะจำไว้ก่อน ว่าท่านไม่ชอบเรื่องนี้ แต่ผมก็ยังสงสัยว่า ก็ท่านเล่ามา เพื่อบอกผมว่าท่านช่วยเต็มที่แล้ว จะให้ผมตำหนิท่านหรือยังไง ? ผมก็ไม่ใช่คนดื้อรั้น ถ้าไปตำหนิท่าน ไม่ยิ่งเลวร้ายกว่านี้เหรอ ? อาจจะสาปผมเป็นหินไปเลย"
"นี่แกก็ยังคิดเถียงอีกนะ ! ก็ชั้นบอกแล้วไงว่า ไม่มีทางที่ท่านช่วยเต็มที่แล้ว จะหมดหนทาง ชั้นเพิ่งบอกแกไป แกยังคิดแบบนี้ซ้ำอีก แกนี่ยังไงกันวะ ?"
แอนดี้ผงกหัวหงึก ๆ
"ครับ ๆ ! ทราบแล้วครับ ! พระนาง ฯ ไม่มีวันหมดหนทาง ผมจะจำไว้ขึ้นใจครับ ต่อข้อสองเลยครับ !"
"ข้อสอง แกจำไว้ว่า ไอ้ทางที่แกเลือกเดินมาเนี่ย แกเป็นคนเลือกเอง ไม่ใช่พระนางเลือก แต่พระนาง ฯ เลือกที่จะตามมาช่วยเหลือแก พระนาง ฯ ไม่ได้คัดค้าน นี่ไม่ใช่ทางถนัดของพระนาง ฯ แต่แกยืนยันจะมาทางนี้ พระนาง ฯ ไม่ขวาง แต่ตามมาช่วยตลอด"
งง.... !! แอนดี้ไม่เข้าใจคำว่า 'ทางที่แกเลือกเดิน' ที่สหายพรหมกำลังพูดถึง
"ทางอะไรครับ ? ผมเลือกอะไรที่พระนาง ฯ ไม่ได้เลือก แต่ต้องตามมาช่วย ?"
"ก็แกตั้งจิตไว้ อยากจะพ้นทุกข์ พ้นวัฏสงสาร อยากหมดกิเลส แกใฝ่หานิพพาน แกจึงเลือกเดินตามหลวงพ่อสอน ซึ่งหลวงพ่อสอน ก็เดินตามพ่อใหญ่ของแก ซึ่งก็หมายถึง เดินตามรอยพระพุทธเจ้า..."
นับแต่อดีตชาติอันไกลโพ้น เขาได้เดินตามสัพเกศีพรหม ลงมาร่วมบำเพ็ญเพียรสะสมบารมี จนชาติสุดท้าย ท่านสัพเกศีพรหมสามารถบรรลุธรรมสูงสุด นำพาบริวารเข้าเขตแดนนิพพานได้นับแสน ๆ คน
".... ฉะนั้น ไอ้ที่แกปฏิบัติอยู่เป็นปกติ เพื่อจะตัดกิเลส เพื่อวางอุเบกขากับโลกเน่า ๆ ใบนี้ เพื่อไปถึงพระนิพพาน ไอ้นี่เป็นเรื่องของแกคนเดียว ไม่ใช่ว่าพระนาง ฯ เป็นคนเลือก
แกจะปลง จะวิปัสสนาเห็นทุกข์ แล้วก็วางทุกข์ไว้ได้เนี่ย แกเป็นของแกคนเดียวนะ พระนาง ฯ ไม่ได้จะปลงตามแก
พระนาง ฯ คือ นักรบหญิง ซึ่งเป็นผู้นำทัพสู้กับศัตรูมาตลอด !
ไม่เคยมีคำว่ายอมแพ้ ไม่มีคำว่าอุเบกขา ไม่มีคำว่า ปลง ไม่มี การยอมรับให้บริวารตายง่าย ๆ..... ไม่มี !

แกควรเข้าใจให้ชัดว่า พระนางจันทิมา คือ พี่เลี้ยงในฝั่งบู๊ ไม่ใช่ฝั่งบุ๋น
แกเอาเรื่องบุ๋นไปคุยกับฝั่งบู๊ ถ้าเค้ายอมทำตามนี่ เสร็จล่ะมึง ! ต่อไปแกจะไปสู้รบกับใคร ใครจะมาเป็นพี่เลี้ยงให้แก ?
ถ้าแกให้ผู้นำทัพแก วางอาวุธ แล้วก้มหน้ายอมรับชะตากรรม รบสิบครั้ง ก็แพ้ร้อยครั้ง"
แอนดี้เห็นภาพรวมชัดเจนทันที
ใช่ จริง ๆ ! เขาลืมนึกไปว่า พระนางจันทิมา ฯ คือ ที่ปรึกษาฝ่ายรบ เหตุไฉนเขาจึงไปคาดหวังว่า พระนาง ฯ จำเป็นจะต้องเข้าใจเรื่องตัดกิเลส ? เขาพลาดเรื่องนี้ไปจริง ๆ
"มิน่า พระนาง ฯ ถึงต่อว่าผมว่า ผมเปลี่ยนไป แสดงว่า ในอดีต ผมก็ไม่เคยยอมให้ใครมาทำร้ายคนในปกครอง ผมสู้เพื่อคนในปกครองมาตลอด โดยที่มีพระนาง ฯ ช่วย อดีตผมคงไม่มีคำว่าอุเบกขา ไม่มีคำว่าปลงแหง ๆ"
"แหงแก๋เลย ! ถูกแหง ๆ ! อดีตแกรักคนในปกครองมากกว่าชีวิตแกซะอีก แกยอมตายเพื่อคนในปกครองได้ บริวารแก ก็เลยรักแกมาก ตายแทนแกก็ได้เหมือนกัน พระนาง ฯ ก็มีอุปนิสัยเช่นเดียวกัน จู่ ๆ แกมาเปี๊ยนไป๋ ไผสิยอมฮับด้าย ?"
หลานสิงห์พยักหน้าหงึก ๆ
"ขอบคุณท่านลุงมาก ! ชี้ทางสว่างให้ผม พระนาง ฯ ท่านคงมีความเมตตากรุณากับผู้ที่เป็นบริวารมาก ถึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องบริวารของตนเอง ผมนับถือพระนาง ฯ ในเรื่องนี้"
"ดีแล้ว ! เอ็งไปกราบขอโทษพระนาง ฯ เถอะ ข้าก็จะได้ไปถอดชุดกรรมการห้ามม้วยนี่ซะที อึดอัดว่ะ ! มันจะผูกหูกระต่ายให้รัดคอไปทำไมวะ ? ไอ้คนต่อยกัน มันถอดเสื้อต่อย สบายใจ ไอ้กรรมการ เสือกใส่ซะยังกะบ๋อยเสิร์ฟไวน์ ไม่เข้าท่า !"
แอนดี้หัวเราะคำพูดท่านลุง
เขาไม่เสียเวลาลุกขึ้นจากพื้น ตั้งใจกำหนดจิตต่อเพื่อสื่อสารกับพระนางจันทิมา
"ผมขอส่งจิตไปกราบขอขมา พระนางจันทิมา นาคิณีวิสุทธิเทวี ขอให้พระนาง ฯ อภัยในความผิดพลาดที่ได้ปรามาสพระนาง ฯ ไปเมื่อครู่"
เสียงพระนางดังขึ้น
"ท่านจงจัดการให้น้องสาวของท่านปฏิบัติตามที่เราแนะนำ"
ภาพกายทิพย์ของพระนางปรากฏตามมา
"พระนาง ฯ โปรดอภัยให้ผมนะครับ มีคำแนะนำใด เชิญท่านกรุณาสงเคราะห์ด้วยครับ"
พระนางจันทิมา มีสีหน้าวางเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งให้เขาสัมผัสได้
"พลังบุญของน้องสาวท่าน อ่อนแรงมาก มิอาจทำการเจรจาใด ๆ กับเจ้ากรรมกลุ่มนี้ได้ เราจำเป็นต้องหากัลยาณมิตรมาหนุนบุญให้น้องสาวท่านโดยฉับพลัน เพื่อให้น้ำหนักบุญมีน้ำมีเนื้อพอ จึงเปิดการเจรจาได้ ขอให้ท่านสื่อสารไปยังน้องสาวของท่าน ดังนี้...... "
*****************************************************************************
1 < อ่านหน้า > 3, 4, 5
สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่
กลับขึ้นด้านบน อ่านตอนอื่น
|