ตอน 40 หน้า 3

วันล้างแอร์ (3)

 

 

แอนดี้แปลกใจเมื่อยมทูตพาเขา เดินแยกมาจากทางเดินรวมที่มีเหล่ายมทูตจากทิศอื่น ๆ พาวิญญาณที่เพิ่งจบชีวิตบนโลกมนุษย์ เดินแถวเรียงกันไปสำนักพระยายม

ทูตจากปรโลกนำเขามาที่ศาลาแก้วหลังคาแปดเหลี่ยม  แล้วชี้นิ้ว  

"เข้าไปรอในนั้น !"

แอนดี้ปฏิบัติตามโดยดี ไม่มีคำถามที่จะสนทนา เพราะรู้ว่า ถึงพูดไป ท่านยมทูตพูดน้อยท่านนี้ คงไม่โต้ตอบด้วย

ถึงแม้ไม่มีคำถาม แต่ก็อดจะแปลกใจไม่ได้

ศาลาแห่งนี้ ไม่ใช่สำนักงานที่พระยายมราชกับคณะปฏิบัติงานแน่ ๆ  และ คงเป็นไปไม่ได้ที่ ท่านลุงพุฒจะมาเยี่ยมเขาด้วยตนเองที่นี่  เขาคงไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น

ยมทูตเดินหายไปไหนแล้ว

ศาลานี้คือที่แห่งไหนกัน ? 

แอนดี้เดินกำลังจะก้าวลงจากศาลา แต่เหมือนมีกระจกใสมากั้นไว้  เขาไม่สามารถก้าวลงจากศาลาได้

ทิดเอกหัวเราะให้กับตัวเอง  "นี่เอาเรามากักไว้นี่นา !"

ทางเดินจากศาลาที่ทอดยาวไปข้างหน้า  มีใครสองคน กำลังเดินมาทางนี้

คนเดินนำหน้าเป็นชายหนุ่มในเครื่องทรงเทวดาเหมือนพระเอกคณะลิเก มีชฏาประดับเพชรสวยงาม  คนที่เดินตามหลัง เป็นหญิงสวยสง่า และ เขารู้จัก  เธอคือ......พระนางจันทิมา !

เวลาเพียงอึดใจเดียว ทั้งสองก็เดินมาถึงบริเวณศาลา

เทวดาที่เดินนำหยุดอยู่ที่หน้าศาลา  แล้วผายมือให้พระนาง ฯ

"ท่านมีเวลาเพียงแค่ นับถอยหลังจากร้อย  เชิญใช้เวลาของท่าน !"

พระนางจันทิมาในเครื่องแต่งกายเต็มยศเหมือนกษัตริย์หญิงในยุคโบราณ เดินก้าวเท้าขึ้นบนศาลา

แอนดี้ทำท่าจะคุกเข่า เขาตั้งใจจะก้มลงกราบ

พระนาง ฯ ยกมือห้าม

"มิต้อง ! ท่านจงยืน !"

พระนาง ฯ กลับเป็นฝ่ายทรุดตัวลง นั่งลงกับพื้น แอนดี้รู้สึกตกใจ   เทพผู้มีฤทธิ์ก้มหัวหมอบ แนบฝ่ามือลงกราบที่ปลายเท้าของเขา

เขาพยายามจะย่อเข่าเพื่อทรุดตัวลงตาม แต่เข่าของเขารู้สึกแข็งไปหมด  จึงจำเป็นต้องยืนทื่อ ปล่อยให้พระนางกราบเท้า

เมื่อกราบเสร็จ  พระนาง ฯ เงยหน้าขึ้น  แอนดี้ประหลาดใจยิ่งขึ้น เมื่อเห็นน้ำตาของพระนาง

เทพผู้มีอำนาจเป็นที่เลื่องลือในเทวภพ ณ บัดนี้ มีสีหน้าเศร้าสร้อย   เริ่มสนทนาทั้ง ๆ ที่ยังนั่งอยู่บนพื้นศาลา

"ขอโปรดท่านจงฟัง ! เวลามีจำกัด จงอย่าเจรจา !

เหตุผลที่พระอาจารย์ของท่าน ส่งพระโป่งผู้มากอภิญญามาช่วยการงานท่านในครั้งนี้  ด้วยในอดีต พระโป่งผู้นี้ คือ ฤาษีที่เป็นครูของ ผจัญบุตร และ จุลินทร์นาคราช  เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาอันมากมายให้แก่ท่านทั้งสอง รวมถึง วิชาในการสื่อจิตบังคับสัตว์เดรัจฉาน 

ถึงแม้ท่านทั้งสองจะเคยเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน แต่ ก็เป็นคู่ปรับกันมาตลอด

ณ กาลปัจจุบัน พระโป่งเป็นนักบวชที่ละความอยากได้แล้วอย่างน้อยสองในสี่ส่วน  ไม่เพ่งคิด ไม่เพ่งย้อนอดีต  ไม่ว่าจะถูกชักนำด้วยสิ่งใด  พระสงฆ์ท่านนี้ ไม่ระลึกถึงอดีตด้วยเจตนาจะลืมภพเก่า เพื่อเข้าสู่ทางแห่งพระขีณาสพ

ท่านเองก็เช่นกัน ท่านกำลังเดินรอยตามนักบวชอื่น ๆ  ที่สนใจแต่ปัจจุบันขณะ  ท่านไม่ระลึกถึงอดีต  ท่านมิเคยระลึกได้ว่า เรามีความผูกพันกันมาอย่างไร แต่ปางใด   การงานที่เราคอยรับใช้ท่าน เราได้กระทำจนสุดความสามารถ..."

น้ำตาพระนางไหลออกมาจากสองดวงตา

"...ณ บัดนี้ เราจำต้องขออำลาท่าน แต่ก่อนจะจากกัน เราขอแนะนำทางเลือกให้ท่าน เป็นครั้งสุดท้าย   

หากท่านยังต้องการกลับไปทำพิธี ณ ที่นั้นให้สำเร็จ  เพียงแต่ ท่านเจรจากับอดีตฤาษีที่เคยเป็นครูของท่าน  เราหมายถึงพระโป่ง สงฆ์องค์นั้น  ขอให้เขายอมที่จะระลึกไปในอดีต ภพที่  เรา คือ พระนางจันทิมา และ ตัวเขานั้น คือ พระดาบส และ ท่านคือ....."

"เวลาหมดแล้ว ! ท่านจำเป็นต้องไป !"  เทวดาหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าศาลา พูดด้วยน้ำเสียงที่ขึงขัง

พระนางลุกขึ้นยืนทันที ยกมือปาดน้ำตา แล้วหันหลังเดินลงจากศาลา

ทันทีที่สองเท้าของพระนาง ฯ ยืนบนพื้น โซ่ตรวนทิพย์ที่ทำด้วยทองก็อุบัติขึ้น พันธนาการข้อมือ และ ข้อเท้าของพระนาง ฯ

เทวดาหนุ่มพยักหน้าให้กับพระนางผู้มากด้วยฤทธิ์ ซึ่งบัดนี้ถูกล่ามมือ และ เท้าไว้ด้วยพันธนาการทิพย์

พระนาง ฯ พยักหน้าตอบ

แล้วกายทิพย์ของทั้งสอง ก็หายไปจากที่แห่งนั้น

แอนดี้ยืนงงอยู่ในศาลาแห่งแดนยมโลก

พระนาง ฯ มาลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย พระนาง ฯ จะลาเขาไปไหน ?

เกิดอะไรขึ้นกับพระนางจันทิมาผู้ทรงฤทธิ์ ?  ท่านถูกเทวดามาคุมตัวไปไหน ? ท่านทำสิ่งใดผิด ?

เขายังสามารถปฏิบัติภารกิจที่ค้างไว้ให้สำเร็จได้.... พระนาง ฯ บอกแบบนั้น แสดงว่า......เขายังไม่ตาย !

หากเขายังไม่ตาย แต่ถูกกักไว้ที่ตรงนี้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้  แค่จะเดินออกจาก.... เขาลองก้าวเท้า.....

... ไม่มีอะไรมาขวางกั้น !

สิงห์ต้าลู่เดินลงจากศาลาแก้วได้  เขามองหายมทูตทันที

เมื่อนึกถึง ยังไม่ทันช่วงเวลาลัดนิ้วมือ  ยมทูตท่านเดิมก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหน้า

"ท่านต้องการอะไร ?"  ยมทูตเริ่มเจรจา

"ท่านจะต้องพาผมไปที่ไหนอีก ? ผมเป็นอิสระหรือยัง ?"

"ยัง !"

"ถ้าผมไปไหนไม่ได้ ผมก็ไปปฏิบัติภารกิจต่อไม่ได้ ท่านพาผมมาขังอยู่ที่นี่ทำไมครับ ?"

"อยากจะไปไหนล่ะ ?"

"ผมอยากไปคุยกับพระโป่ง"

ทูตแห่งเทวโลก ไม่โต้ตอบ  กลับหายวับไปจากที่แห่งนั้น

แอนดี้นึกถึงสหายเทพขึ้นมาทันที เขาตะโกน

"ท่านลุง !  ท่านลุงได้ยินผมมั้ย ?  ผมอยู่ที่นี่ ท่านมาหาผมได้มั้ย ?"

รอบข้างไม่มีสิ่งใดปรากฏขึ้น  เขาเอ่ยนามชาวโลกทิพย์ที่เขารู้จักทีละชื่อ

"ท่านปู่สิทธาฤาษี ! ท่านสื่อกับผมได้มั้ย ?  หลวงพ่อแห่งอุทัยธานี ! ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ลุงพุฒ พระแม่กวนอิม ท่านสหัมบดีพรหม ท่านปู่ชีวก ฯ ...."

"เอาให้หมดจักรวาลเลยมั้ย ทิดเอก ?" เสียงของพระโป่งดังขึ้น

กายทิพย์ของพระโป่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา  แอนดี้ทักขึ้น

"หลวงพี่ ! ทำไมเพิ่งมาล่ะครับ ?"

"ใครจะไปรู้ว่าคุณหลบมาอยู่ที่นี่ !"

"อ้าว ! แล้วหลวงพี่รู้ได้ยังไง ? หรือ หลวงพี่ก็ถึงที่ซะแล้ว ? เราตายวันเดียวกันเลยนะนี่"

"อืม.... ไอ้นี่ ใช้ได้ ! ยังมีอารมณ์ขันได้เวลานี้"

"ก็ผมไปไหนไม่ได้ ! เครียดไปก็ทำอะไรไม่ได้  หลวงพี่มาหาผมได้ยังไง ?"

"พี่เบิ้มกางเกงแดงไปตามผมมา !"

แอนดี้ฟังแล้วก็หัวเราะหึ ๆ  เขามั่นใจว่าพระโป่งกำลังหมายถึงยมทูตท่านนั้น

"ต้องขอบคุณพี่เบิ้ม หน้าตาโหด แต่ใจดี"

"ผมตามหาคุณไม่เจอ แปลกดี ! พรหมโลก เทวโลก ยมโลก นรก กำลังนึกสงสัยว่า คุณไปนิพพานหรือเปล่าเนี่ย ทำไมผมตามไม่พบ ? ถามเทวดาอารักษ์ไปทั่ว ไม่มีใครรู้ว่าคุณอยู่ไหน ถ้าไม่ใช่พี่เบิ้มพามา ผมคิดว่าคุณเสร็จกิจแล้วแน่ ๆ" 

"หือ แปลก ! ที่นี่มันแดนอะไรกันแน่ ? ทำไมถึงอยู่นอกข่ายญาณของหลวงพี่ไปได้ ?"

แอนดี้ไม่เสียเวลาสงสัยให้นานไปกว่านี้ รีบเร่งรัดคุยเรื่องสำคัญก่อน

"ผมเข้าเรื่องเลยนะหลวงพี่ หลวงพี่รู้มั้ยว่าทำไมหลวงพ่อสอน ส่งหลวงพี่มาช่วยภารกิจของผม ?"

"ผมไม่ถามหรอก ! คำสั่งของหลวงพ่อสอน ผมไม่เคยมีข้อสงสัย ถ้าหลวงพ่อสั่งให้ตาย ผมก็ตายได้"

"สรุปสั้น ๆ คือ หลวงพี่ไม่รู้ !"

พระโป่งสั่นหัว

"คุณรู้ ?"

"พระนางจันทิมาบอกว่า เพราะอดีตหลวงพี่เป็นฤาษี มีผมเป็นศิษย์  แล้วก็คู่ปรับของผม ก็เป็นศิษย์หลวงพี่ด้วย  จะนิมนต์หลวงพี่ช่วยระลึกย้อนไปในชาตินั้น ชาติที่หลวงพี่เป็นฤาษี แล้วพระนางจันทิมา คือ พระนางจันทิมา"

พระโป่งพยักหน้ารับคำทันที โดยไม่ถามเหตุผล

"ตกลง ! ขอเวลาผมนะ"

************************************************************************************

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นที่โต๊ะทำงานในห้องกระจก

ฉวีวรรณเดินไปหยิบโทรศัพท์ของสามีขึ้นมาอ่านหน้าจอ  คุณเธนศเป็นผู้โทรเข้า !

เธอกดรับสายทันที

"คุณธเนศเหรอคะ ? คุณชูศักดิ์ไม่ได้พกมือถือค่ะ เดี๋ยววรรณจะตามให้นะคะ รอสักครู่ !"

"อ้อ ! ครับ ๆ !" เสียงปลายทางตอบมา

เธอรีบชะเง้อคอ มองหาสามี  เปิดประตูกระจกออกมา ตะโกน

"แขก ๆ !  พี่ชูไปไหน ?"

ลูกน้องตัวดำหน้าแขก ชี้ไปที่ข้างหลังร้าน

"ขนของอยู่ข้างหลังครับ"

เธอชูโทรศัพท์ของสามีขึ้น

"แขกรีบมาเอานี่ วิ่งไปให้พี่ชูหน่อย บอกว่าโทรศัพท์จากสุราษฏร์"

แขกรีบวิ่งมารับโทรศํพท์มือถือ แล้ววิ่งตรงไปที่ลานจอดรถด้านหลัง

ชูศักดิ์กำลังเปิดประตูรถกระบะเพื่อเคลื่อนรถเข้าที่  ได้ยินเสียงลูกน้องตะโกนมาแต่ไกล

"พี่ชูครับ ! โทรศัพท์จากสุราษฎร์ !"

พ่อเจ้าเปี๊ยกได้ยิน ก็พยักหน้ารับรู้ ปิดประตูรถกลับ แล้วยื่นมือรอรับโทรศัพท์

ทันทีที่เจ้าแขกมาถึงตัว เขารับโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

"สวัสดีครับ ชูศักดิ์ครับ !"

"สวัสดี ผมธเนศนะ !"

"อ้อ คุณธเนศ ขอโทษด้วยครับที่ให้รอสาย ผมวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ในห้องทำงาน  คุณธเนศมีอะไรเหรอครับ ?"

"เจ๊เหมี่ยว โทรมาหาผมเมื่อกี๊  เธอบอกว่า ที่สำนักอารยะเมตตาจิต ประกาศแล้วว่าได้เจอผู้นำเก่าแล้วว่า เป็นใคร"

"อ้าว ! จนได้สินะ !" เขาถอนหายใจยาว เป็นเรื่องที่เขาทำใจเผื่อไว้มาสักระยะหนึ่งแล้ว

"ครับ แล้วใครคือผู้นำเก่าคนนั้นล่ะครับ  คงไม่ใช่เจ้าเปี๊ยก !"

"เด็กคนนี้ ชื่อ เพียร  เป็นหลานของครูปั้น เจ้าของสำนักน่ะ !"

"อืม !"

ชูศักดิ์พยักหน้ารับฟัง แต่ไม่มีความเห็นใด ๆ  เพียงแค่รู้ว่า ลูกชายของเขา ไม่ใช่คนที่สำนักนี้เลือก เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาไม่ต้องสนใจรายละเอียด

"แต่เป็นใครก็ช่างเถอะครับ ผมก็โล่งอก  เค้าเจอของเค้าแล้ว ผมก็จะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเค้าซะที"

"ตัดใจง่าย ๆ เลยเหรอครับ ? แล้ว เปี๊ยก เค้าจะยอมเหรอครับ ?  ผมรู้ว่าเปี๊ยกนี่คือใครจริง ๆ  ผมไม่คิดว่าท่านจะทิ้งอะไรง่าย ๆ"

"ง่ายไมง่าย มันก็ต้องทิ้ง เรื่องมันสรุปกันแบบนี้ไปแล้ว ถ้าไม่ยอมรับความจริง อยู่บนโลกนี้ยาก ผมต้องสอนลูกให้อยู่กับปัจจุบัน"

"สาธุ ! ดีแล้วครับคุณชูศักดิ์  ถ้าคุณสบายใจ ผมก็สบายใจ ถ้าเปี๊ยกตัดสินใจไม่ยุ่งกับอดีตแล้ว ผมก็คงเคารพการตัดสินใจของท่าน"

พ่อเจ้าเปี๊ยกอดหัวเราะหึ ๆ ไม่ได้ ที่มีคนเรียกสรรพนามลูกชายว่า 'ท่าน'

"ตัวผมเองตัดสินใจอะไร เมียยังไม่เคารพเลย   ไอ้ลูกชายคนนี้ ตัวกะเปี๊ยกเดียว ต้องมีคนอื่นมาเคารพการตัดสินใจด้วย ฟังแล้วก็ขำ" เขาหัวเราะในลำคอ

"ขอบคุณคุณธเนศมากครับ อุตส่าห์โทรมาแจ้งให้ผมทราบ  ไอ้ลูกผมมันทำให้หลายคนเดือดร้อน ผมล่ะเกรงใจคุณธเนศ กับ คุณวายุจริง ๆ  สาระอะไรก็ไม่มี ทำคนอื่นวุ่นวายไปหมด"

"คุณชูศักดิ์พูดอย่างนั้นไม่ถูกหรอกครับ !  ผมกับน้องชายยินดีช่วย เพราะรูว่าเปี๊ยกคือท่านจริง ๆ"

สายตาของชูศักดิ์เหลือบมองไปเห็นภรรยายืนอยู่ที่หลังร้าน ชะเง้อคอมองมาทางเขา  เธอคงอยากรู้ข่าววงในจากคุณธเนศเหมือนกัน เขาโบกมือให้ภรรยา เป็นสัญญาณว่า เดี๋ยวเขาจะเล่าให้ฟัง

*******************************************************************************

สามีภรรยาปิดประตูห้องทำงานคุยกัน  ชูศักดิ์เล่าความทั้งหมดให้ภรรยาฟัง

"พี่เองนึกขอบคุณคุณธเนศกับคุณวายุมาตลอด   ทั้งที่เจ้าเปี๊ยกในอดีต ขัดแย้งกับพี่น้องสองคน แต่ทั้งสองคนก็ยังเต็มใจช่วยเจ้าเปี๊ยกในตอนนี้"

ฉวีวรรณพยักหน้าเห็นด้วย

"นั่นสิ ! พี่น้องคู่นี้ ทะเลาะกับเจ้าเปี๊ยกในอดีตเรื่องอะไรล่ะ ?"

"ความเห็นไม่ตรงกัน แต่ไม่ใช่ว่าถึงขนาดทะเลาะกัน   คุณธเนศเล่าว่า ความจริงท่านผู้นำของเค้าน่ะก็เป็นคนใจกว้าง มีจิตใจที่ต้องการช่วยเหลือคนอื่น  งานบางงานก็ทำร่วมกัน แต่ความเห็นเรื่องแนวทางของการทำงานเค้าไปกันคนละทาง 

สองพี่น้องนี้ก็แย้งในหลาย ๆ เรื่อง  ก็แน่นอนว่า ใครจะอยากทำงานกับคนที่ขัดแย้งกับตัวเองไปเกือบทุกเรื่อง 

ท่านผู้นำเป็นผู้อาวุโส ส่วนสองพี่น้องนี้ก็อ่อนกว่าผู้นำเป็นสิบปี เด็กอย่างนั้นไปงัดกับผู้อาวุโสบ่อย ๆ ก็คงทำให้ผู้อาวุโสไม่สบอารมณ์ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

แต่สองฝ่ายไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวกันเลย  เจ้าเปี๊ยกในอดีตยังเคยช่วยธุรกิจของสองพี่น้อง  สมัยก่อนครอบครัวของสองพี่น้องนี้ทำโรงพิมพ์   พอท่านผู้นำรู้ ก็ช่วยอุดหนุนสั่งพิมพ์หนังสือแจกคน สั่งพิมพ์งานของท่านเยอะแยะ"

ภรรยาเริ่มเข้าใจ

"อืม ! ก็คงถือว่าเป็นคนที่เคยรู้จัก เคยดีต่อกันเนอะ !  

แต่  จริง ๆ เรื่องก็ผ่านไปแล้วเป็นสิบ ๆ ปี  สองพี่น้องนี้ ไม่จำเป็นต้องช่วยเจ้าเปี๊ยกก็ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้าเปี๊ยกเป็นผู้นำกลับชาติมาเกิด  เพราะทั้งสองคน ก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่นั่นมาตั้งนานแล้ว"

ชูศักดิ์ตอบคำถาม

"สองพี่น้องนี้ เค้ามีแรงจูงใจ ที่เค้าตกลงกันว่าจะช่วย เพราะ เจ้าเปี๊ยกในปัจจุบัน ไปย้ำกับเค้าสองคนว่า เค้าไม่ไว้ใจคนชื่อวิชา แต่กลับไว้ใจสองพี่น้องนี้ไง  ซึ่งมันต่างจากความสัมพันธ์ในอดีต

พี่น้องคู่นี้ไม่ไว้ใจคนชื่อวิชาตั้งแต่แรก ๆ  เหมือนกับเค้าไม่ได้จริงใจกับที่นั่น  แต่ท่านผู้นำกลับไปสนิทด้วย"

"คนชื่อวิชานี่นิสัยไม่ดีเหรอพี่ชู ?"

"คุณธเนศเคยเล่าให้ฟังว่า คนชื่อวิชามีพฤติกรรมหลายอย่างที่ทำให้พวกเค้าคิดว่า เค้าพยายามตีสนิทกับผู้นำ  ตีสนิทกับเจ้าสำนัก เพื่อหวังอะไรบางอย่างที่เค้าไม่รู้   ดูมีพิรุธ  แต่ผู้นำกลับสนิทสนม

เรื่องมันซับซ้อนน่ะ แต่สิ่งที่เจ้าเปี๊ยกจะทำในอดีต มันไม่น่าเกิดมาเป็นคนเลยว่ะ !"

ฉวีวรรณทำตาโต อุทานเสียงดัง

"เอิ๊ว ! มันไปทำอะไรพิสดาร พี่ถึงต้องพูดขนาดนั้น ?"

"มันเกลียดพระ มันอยากจะเปลี่ยนสังคมให้นับถือศาสนาที่พวกเค้าคิดเอง โดยใช้กลไกทางการเมือง  แล้วคนชื่อวิชาคนนี้อาสาขอเป็นผู้ช่วย เพราะว่าเค้าทำงานมาในสายพวกการเมืองอยู่แล้ว 

จุดนี้เป็นจุดแตกหักที่พี่น้องสองคนไม่เอาด้วย  เพราะสิ่งที่ผู้นำคิด สองพี่น้องกลัวว่ามันจะเกิดสังฆเภทขึ้น ตกนรกหมกไหม้แน่ ๆ"

"สังฆเภท คือ อะไร พี่ชู ?"

"สังฆเภท คือ การทำให้หมู่สงฆ์แตกแยก ทะเลาะกันเอง"

"สายเลือดเทวทัตสิยังงี้"

"อือ นั่นดิ ! ฟังแล้วมันชั่วแน่ ๆ  แต่พี่เองก็ย้ำถามหลายครั้งว่า ไอ้สำนักนี่มันต้องเป็นลัทธิวิปริตแน่ ๆ 

คุณธเนศบอกว่า ไม่ใช่  แกบอกว่ามันมีพื้นฐานหลายอย่างที่มีเหตุมีผล ปฏิบัติแล้วก็เห็นผล  หลายอย่างมันเป็นสิ่งที่ดี   เจ๊เหมี่ยวธัชญากร ก็ยืนยันว่า ที่เข้าร่วมไปอุปถัมภ์ที่นั่น ก็เพราะ ปฏิบัติหลายอย่างแล้วก็ได้ผลดี  ที่นั่นไม่ได้ถึงขนาดหลอกลวงคน"

"ไอ้ความคิดที่จะเปลี่ยนศาสนาอะไรเนี่ย มาจากเจ้าเปี๊ยกชาติก่อนเป็นคนคิดเหรอ ?"

"มาจากเจ้าของสำนัก คนที่สื่อกับพระศรีอารย์นั่นแหละ ความคิดนี้ก็ปลูกฝังจากพระศรี ฯ มาที่ท่านผู้นำเปี๊ยก  ไอ้เปี๊ยกตายจากไป  เจ้าของสำนักก็ยังอยู่ ความคิดนี้ยังอยู่

เจ๊เหมี่ยวเป็นคนเล่าเรื่องปะติดปะต่อให้คุณธเนศเข้าใจ  สำนักนี้ขาดแต่เงินสนับสนุนเท่านั้น  ถึงต้องวิ่งหาสาวกที่มีเงินช่วยอุปถัมภ์

ถ้าสำนักนี้ได้ผู้นำใหม่ที่อยู่ในความควบคุม แล้วนำเงินสะสมออกมาใช้ได้  คนชื่อวิชาก็จะมีทุนไปให้นักการเมือง เข้าไปเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ ซึ่งมันจะเกิดการแตกแยกในหมู่ชาวพุทธ และ วงการสงฆ์แน่ ๆ

แต่ ที่สองพี่น้องนี้อยากจะช่วยให้เปี๊ยกกลับเข้าไป เพราะ เค้าคิดว่า ถ้าผู้นำใหม่ คือ เปี๊ยก ที่ไม่เชื่อใจในวิชา แล้วกลับมาเชื่อใจเค้าสองคน  แล้วมีเจ๊เหมี่ยวสนับสนุนด้วย แล้วเปี๊ยกไปเปลี่ยนวิธีคิดของที่นั่นได้ 

เงินสะสมที่จะเอามาใช้ มันคงเป็นประโยชน์ต่อสังคม  พวกเค้าก็มีส่วนช่วยรักษาพระศาสนาไว้ได้"

ฉวีวรรณพยักหน้าเข้าใจ เมื่อคิดตาม  เธอถอนหายใจเบา ๆ

"แต่ถ้าเจ้าเปี๊ยกกลับเข้าไป แล้วทำตามที่สองพี่น้องหวังไว้  มันก็ไปขัดกับเจ้าสำนักนั่นอีกสิพี่ชู   ท่าทางที่นั่นจะไม่ธรรมดา มีเซฟเฮ้าส์ด้วย  เอาใครไปหมกป่าแถวนั้นไม่มีใครรู้แน่"

ชูศักดิ์มองหน้าภรรยา แล้วหัวเราะหึ ๆ

"เป็นไงล่ะ ?  คราวนี้วรรณเองคงไม่อยากให้ลูกเราเข้าไปยุ่งกับพวกเค้าแล้วสินะ  พี่น่ะพูดทีไร ก็ทะเลาะกันเองทุกที  อยากอยู่นั่นแหละ ให้ลูกเราไปยุ่งเกี่ยวกับอดีต  เค้าจับหมกทั้งโคตรได้เลยนะ พ่อแม่ก็หมกไปด้วย"

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของชูศักดิ์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานดังขึ้น  เขาหยิบขึ้นดูชื่อผู้โทรเข้า แล้วขมวดคิ้ว

"อนุชิต !" เขามองหน้าภรรยา

"ที่เคยเป็นตำรวจ  พาเราไปเซฟเฮ้าส์ !"

ชูศักดิ์พยักหน้า ปล่อยเสียงเรียกเข้าให้ดังไปก่อน

"ใช่ ๆ ! โทรมาวันเดียวกันกับคุณธเนศเลย  ต้องเป็นเรื่องเดียวกันแน่ ๆ"

"พี่ก็รับสายสิ !"

เขากดรับสาย

"สวัสดีครับ คุณชูศักดิ์ ผมอนุชิตครับ จำผมได้มั้ยครับ ?"

"จำได้ครับ ! คุณอนุชิต เป็นไงครับ สบายดีหรือเปล่า ?"

"สบายดีครับ ! ขอบคุณครับ  คุณชูศักดิ์ว่างพอคุยได้ ?"

"ได้ครับ คุยได้ !"

"คือยังงี้ครับ  ถ้าผมกับคุณวิชา จะขอพบกับลูกคุณชูศักดิ์หน่อยได้มั้ยครับ ?  คราวนี้ผมกับคุณวิชาเป็นฝ่ายลงไปหาที่ภูเก็ตเลย"

ชูศักดิ์ตั้งใจทวนคำพูดให้ภรรยาได้ยิน

"คุณอนุชิตกับคุณวิชา อยากจะมาหาไอ้เปี๊ยกที่นี่  เกิดอะไรขึ้นครับ ?"

ภรรยาทำตาโต พูดไม่มีเสียงให้สามีอ่านปาก

"วิชา คนที่ไว้ใจไม่ได้ ?"

ชูศักดิ์พยักหน้าให้คำตอบกับภรรยา

อนุชิตตอบคำถาม

"คือ ครั้งที่แล้วที่พาท่าน เอ่อ ผมหมายถึง พาเปี๊ยก กับ คุณสมชายไปที่ปักธงชัยเแล้วคุณวิชาไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้คุณวิชาสนใจแล้วครับ 

รบกวนคุณชูศักดิ์ช่วยบอกคุณเปี๊ยกด้วยว่า คุณวิชาอยากจะช่วยแล้วครับ"

"หือ ! คุณวิชาอยากจะช่วย !" เขาถลึงตา แล้วมองหน้าภรรยา

ฉวีวรรณได้ยินชัดเจน ยกมือขึ้นทาบอก  สั่นหัวซ้ำ ๆ เอื้อมมือมาเขี่ยตักสามี

"พี่ ๆ อย่าให้เค้ามานะ !" เธอพูดแทบจะไม่ออกเสียง

ชูศักดิ์กระพริบตาให้ภรรยา เป็นสัญญาณว่า เงียบ ๆ ก่อน พี่จัดการเอง

"ครับ ผมกับคุณวิชาจะไปเล่าอะไรให้ฟัง แล้วดูว่า เราสามามารถทำอะไรร่วมกันได้  ถ้า....นะครับ ถ้าคุณเปี๊ยกยังไว้ใจผม"

"ผมเองก็ต้องขอคุยกับภรรยาดูก่อนครับ  แล้วคงต้องเล่าให้คุณเปี๊ยกที่เคารพฟังก่อน  ผมติดต่อคุณอนุชิตได้ที่เบอร์นี้ใช่มั้ยครับ ?"

"ได้ ๆ ครับ ! เชิญคุณชูศักดิ์คุยกันก่อน  แต่ถ้ารีบก็จะดีนะครับ สถานการณ์ในช่วงนี้ ถ้าช้า จะเสียเปรียบ  บอกคุณเปี๊ยกด้วยว่า ผมไม่เคยลืมท่าน"

"ได้ครับ ! ขอบคุณครับที่โทรมา"

ทันทีที่ชูศักดิ์กดตัดสาย เขาพูดกับภรรยาด้วยเสียงที่ดัง

"ได้เวลาเปลี่ยนเบอร์มือถือแล้ว  เบอร์นี้ ยกเลิกเปลี่ยนใหม่  อ้อ ! เบอร์ที่ร้านด้วย เปลี่ยนใหม่หมด ไม่ให้พวกมันรู้"

ฉวีวรรณทำตาเหลือก

"เกิดอะไรขึ้น ?  เราจะต้องหนีใครเหรอ ?"

ชูศักด์ชูโทรศัพท์มือถือขึ้น

"ก็นี่ไง !  วรรณมองไม่ออกเหรอ ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ?  

พี่น่ะ อ่านเกมส์แค่นี้ ง่าย ๆ   เรารู้เค้า  แต่เค้าไม่รู้เรา  เค้าไม่รู้ว่าเรารู้แล้วว่า ที่โน่นได้ผู้นำใหม่ไปแล้ว   เค้าจะเก็บเราไว้เป็นหอกข้างแคร่เหรอ ?  เค้าเก็บเราทิ้งแน่ ๆ  เพราะ เค้ากลัวเราจับคู่กับคุณสมชาย แล้วไปแย่งตำแหน่งผู้นำคืนมา"

"นี่ นี่... หมายความว่า ที่เค้าจะมาหาเราที่นี่ เพื่อหลอกเอาเราไปเก็บเหรอ ?"

"มันจะมีอะไรอย่างอื่นอีกล่ะ ?"

"พี่นี่คิดน้อยไปหรือเปล่า ?  พี่จะไปเปลี่ยนเบอร์มือถือทำไม ? ก็ไอ้ครั้งที่แล้วที่ตำรวจชื่ออนุชิตมารู้จักเราน่ะ  เค้าพกปืนเดินเข้ามาหาเราในร้านเลย  ไม่ต้องโทรมาก็ได้  พี่ลืมไปแล้วเหรอ ?"

ชูศักดิ์เบิกตาโต

"ชิบหาย ! ใช่ ๆๆๆ ! เค้ารู้จักร้านเรานี่หว่า !  มันมากราดยิงหน้าร้าน ตายหมดแน่"

ฉวีวรรณเกาหัว

"มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ !  พี่นั่งลงก่อน ช่วย ๆ กันคิด  นี่เราจะต้องตายกันยกครัวด้วยเรื่องนี้เหรอ ?  มันอาจจะไม่ได้ขนาดนั้นหรือเปล่าพี่ชู ?"

พ่อท่านเปี๊ยกค่อย ๆ นั่งลง กระพริบตาปริบ ๆ  แล้วคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ

ฉวีวรรณพยักหน้า

"ไป ! ไปหาหลวงปู่โก๊ะเถอะ !"

สามีถอนหายใจ สั่นหัวช้า ๆ

"ไม่ได้หรอก ! เราต้องแก้ปัญหากันเองบ้าง มีอะไรไปรบกวนพระตลอด นำความวุ่นวายไปเข้าวัด"

ฉวีวรรณพยักหน้า

"อืม ! งั้นค่อย ๆ คิด วรรณออกไปแบ๊งค์ก่อน เดี๋ยวเอาเงินเข้าไม่ทัน"

เธอลุกขึ้น ถือกระเป๋าเดินตรงไปที่ประตู ชูศักดิ์พยักหน้าให้ภรรยา

"รีบ ๆ กลับมานะ  เดี๋ยววรรณไม่อยู่ ไอ้พวกนั้นมายิงพี่ตาย อดสั่งเสียกันพอดี"

ภรรยาขมวดคิ้ว ทำจมูกหึ่ง

"ก็ถ้าเป็นงั้น  ชั้นก็หาผัวใหม่กลับมาด้วยเลยแล้วกัน จะได้ไม่เสียเที่ยว"  เธอเปิดประตูกระจก เดินออกไป

ชูศักดิ์หัวเราะลั่นห้อง

**********************************************333********----***************************

1, 2 < อ่านหน้า > 4

สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่

กลับขึ้นด้านบน  อ่านตอนอื่น 

 

 

 

 
Copyright © 2008, pendulumthai.com All rights reserved