ฝนเริ่มตกอีกครั้ง หลังจากเมื่อคืนมีพายุโหมใส่อาณาเขตของเซฟเฮ้าส์

ห้องประชุมติดแอร์ในอาคารสื่อสารของเซฟเฮ้าส์เงียบสงัด

สมชายนั่งเก้าอี้ติดกับเปี๊ยก เบื้องหน้าของเขาทั้งสอง คือ โต๊ะประชุมยาว หลังโต๊ะประชุมเป็นเป็นกำแพงที่มีหน้าต่าง มองเห็นทิวเขาด้านนอก สายฝนกำลังโปรยพลิ้วตามแรงลม

อาคันตุกะแว่นกรอบทองก้มลงมองแขนข้างขวาของตัวเอง ผื่นแดงที่เกิดจากการเกาจางลงไปพอสมควร

เด็กชายเปี๊ยกมองตรงออกไปนอกหน้าต่างด้วยอาการสงบ

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ประตูทางด้านไกลถูกเปิดออก

อนุชิตเดินนำเข้ามา ตามด้วยชายวัยประมาณเกือบห้าสิบปี รูปร่างสันทัด ผิวสองสี อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตคอปกสีเทา กางเกงแสลคขายาวสีดำ

อนุชิตแนะนำตัวแทนผู้มาทำหน้าที่พิสูจน์ความจริง

"นี่ตัวแทนของพวกเรา"

ทั้งสมชาย และ เปี๊ยก ยกมือไหว้

ผู้ทำหน้าที่ตัวแทนยกมือรับไหว้ เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ติดกับเก้าอี้ของอนุชิต

ตัวแทนมองหน้าเปี๊ยก แล้วหันกลับไปหาอนุชิต

"เด็กคนนี้เหรอ ?"

อนุชิตพยักหน้า

เขาจ้องหน้าเปี๊ยกอีกครั้ง

"ว่ายังไง หนู ! จำผมได้มั้ย ?"

ไม่มีคำตอบจากเด็กชาย

สมชายหันมามองเปี๊ยก เขากระซิบเบา ๆ

"เปี๊ยก ! ว่าไงครับ ? เคยรู้จักคนนี้หรือเปล่า ?"

เปี๊ยกกระพริบตาถี่ ๆ สี่ห้าครั้ง แต่ไม่มีคำตอบ

สีหน้าของอนุชิตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามติดกับคนถาม แสดงออกถึงความทุ่มเท และ พยายามลุ้นให้เด็กชายเปี๊ยก พูดอะไรออกมาก็ได้สักคำ

สมชายเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือเปี๊ยก เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วมองตรงไปยังฝั่งตรงข้าม

"จำไม่ได้ครับ !"

ตัวแทนพยักหน้าช้า ๆ

"จำผมไม่ได้ ไม่เป็นไร ถ้างั้น จำอะไรที่เกี่ยวกับตัวเองได้บ้างล่ะ ?"

นับว่าเป็นคำถามที่ง่ายมาก สมชายนึกในใจ

เปี๊ยกยังกลอกตาไปมา แต่ไม่มีคำพูดสักคำหลุดออกมาจากปาก

สมชายก้มหน้าลงถาม

"จะให้น้าช่วยเล่าคร่าว ๆ ให้เค้าฟังมั้ย ?"

เด็กชายรีบสั่นหัว แล้วตอบโพล่งออกมา

"เปี๊ยกลืมไปหมดแล้วครับ !"

คำตอบนี้เปลี่ยนสีหน้าของอนุชิตให้กลายเป็นเครื่องหมายคำถาม เขาอุทานกับตัวเอง

"อ้าว..! ทำไมเป็นยังงี้ล่ะ ?"

สมชายมองหน้าเด็กชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สีหน้าของเด็กน้อยไม่ได้สื่อสารสิ่งใดให้กับเขาได้รับรู้เลย ผิดกับสีหน้าของนายตำรวจอนุชิต ที่แสดงถึงความงุนงงอย่างเห็นได้ชัด

ตัวแทนหันหน้าคุยกับอนุชิต

"เอาไงดีล่ะ ! ถ้าเด็กจำไม่ได้ ผมก็คงไม่มีอะไรคุยล่ะนะวันนี้"

อนุชิตมองมาที่เปี๊ยกอีกครั้ง เด็กน้อยยังนั่งเงียบ ไม่มีอาการกระตือรือร้นใด ๆ

นายตำรวจหน้าผากกว้างจำเป็นต้องหันกลับมา แล้วพยักหน้า

"ครับ ! วันนี้คงไม่มีอะไรต้องคุย"

"งั้นเชิญสองคนนี้ออกไปก่อน ผมมีเรื่องสำคัญกว่าจะเล่าให้ฟัง"

อนุชิตหันหน้ามาทางสมชาย

"รบกวนคุณสมชาย กับคุณเปี๊ยกยืนรอผมหน้าห้องก่อนครับ"

สมชายลุกจากเก้าอี้ จูงมือเปี๊ยก เดินออกทางประตูที่อยู่ด้านหลังเก้าอี้

เมื่อสองอาคันตุกะแห่งเซฟเฮ้าส์ออกไปพ้นบริเวณห้องแล้ว ชายที่ทำหน้าที่ตัวแทนพูดขึ้น

"ยังไงล่ะพี่ชิต ! เด็กจำผมไม่ได้ก็จบเลยนะ ขนาดผมที่เป็นคนสนิทที่สุดของท่าน เด็กยังจำไม่ได้ เค้าตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่า ?"

อนุชิตเอียงคอ

"ไม่แน่ใจเหมือนกัน ขอโทษคุณวิชาด้วย ทำให้เสียเวลา สงสัยคงต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วมีเรื่องด่วนอะไรที่ต้องรีบกลับล่ะครับ ?"

วิชาพยักหน้า

"ผมได้รับโทรศัพท์ คนของเราที่พรรคไทยนิรันดร์แจ้งข่าวว่า คุณสหธรรมเสียแล้ว เพิ่งเสียเมื่อเช้าวันนี้ที่โรงพยาบาล เดี๋ยวบ่ายนี้คงมีข่าวออกทางทีวีแล้วล่ะ"

อนุชิตมีสีหน้าประหลาดใจ พร้อมกับถอนหายใจยาว

"ท่านหัวหน้าพรรคคงไปดีแล้วล่ะ ! น่าเสียดาย ! แล้วใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคแทนล่ะครับ ?"

"เท่าที่เค้าพูดกันนะ มีอยู่สองท่าน คือ คุณแอ๊ด รักชาติ เลขาธิการพรรค กับ คุณนิยม ที่เป็นหัวหน้าสส.อิสาน ถือว่าคะแนนคู่คี่
คุณนิยมมีคนในสังกัดเยอะที่สุด แต่คุณแอ๊ดนี่ คนยอมรับในเรื่องความรู้ความสามารถ"

อนุชิตพูดตามความเห็นของตัวเอง

"ถ้าคุณนิยมได้ขึ้นนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค ไม่น่าจะดีต่อพวกเรา"

"บ่ายนี้ กรรมการของเราก็จะคุยกันเรื่องนี้ ต้องออกกำลังภายในกันซักหน่อย ถ้าสมาชิกของเราที่เป็นสส.ของไทยนิรันดร์ ร่วมกันโหวตเลือกคุณแอ๊ด มันก็อาจจะมีสิทธิ์พลิกได้ ถึงแม้คุณแอ๊ดจะไม่ได้เป็นพวกเรา แต่ความเป็นกลางของคุณแอ๊ด ยังไงก็ดีกว่าคุณนิยม ที่มีอคติต่อพวกเรา"

อนุชิตยกมือขึ้นแตะไหล่วิชา

"คุณวิชาก็เหนื่อยหน่อยละกัน"

วิชาพยักหน้ารับ

"ถ้าเพื่ออนาคตของประเทศชาติ เหนื่อยกว่านี้ก็ยอมครับ พวกเราเกิดมาเพื่อเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ใช่มั้ยล่ะ ?"

นายตำรวจพยักหน้าเห็นด้วย

วิชามองออกไปนอกหน้าต่าง

"พี่ชิตรีบพาแขกออกจากที่นี่ก่อนทางจะขาดเถอะ ตอนผมเข้ามาบางจุดน้ำก็ท่วมเกือบครึ่งล้อแล้ว ถ้าฝนเกิดตกไม่หยุด อีก ไม่ถึงชั่วโมงทางขาดแน่"

**********************************************************************************************

ประตูห้องประชุมถูกเปิดอีกครั้ง...

อนุชิตโผล่หน้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม

"เชิญเข้ามาในห้องครับ !"

สมชายจูงมือเปี๊ยก เดินกลับเข้ามาในห้องประชุม ตัวแทนชายผู้นั้นได้ออกจากห้องนี้ไปแล้ว

อนุชิตผายมือไปที่เก้าอี้

"เชิญนั่งก่อนครับ !"

ทั้งสองนั่งเก้าอี้ติดกัน

อนุชิตลากเก้าอี้มาวางตรงกลางระหว่างสมชาย และ เปี๊ยก แล้วทรุดตัวลงนั่ง

เขามองหน้าเด็กระลึกชาติด้วยรอยยิ้ม

"เกิดอะไรขึ้นครับ คุณเปี๊ยก ? ทำไมจู่ ๆ ก็จำอะไรไม่ได้เลย ? ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในคนสนิทของท่าน ก่อนที่ท่านจะเสีย ถ้าคุณเปี๊ยกจำเค้าไม่ได้ มันก็ลำบากนะครับ"

เปี๊ยกพูดขึ้น

"เธอไม่มั่นใจเหรอ ว่าชั้นเป็นชั้น ?"

คำสรรพนามที่เด็กเปี๊ยกใช้เรียกตัวเองต่อหน้านายตำรวจอนุชิต ทำให้สมชายประหลาดใจ

อนุชิตพยักหน้า

"ผมมั่นใจสิครับ ! ผมมั่นใจมากด้วย แต่เราสองคน คงต้องทำให้คนอื่นมั่นใจด้วยสิครับ ไม่งั้นท่านก็กลับเข้ามาร่วมทำอะไรกับพวกเราไม่ได้ ถ้าพวกเราไม่รู้ว่าเป็นท่านจริง ๆ"

"รู้สิ ! คนอื่นจะได้รู้แน่ ๆ แต่วิชายังไม่จำเป็นต้องรู้"

อนุชิตเบิ่งตาโต

"อ้าว ! คุณเปี๊ยกจำคุณวิชาได้นี่ ! ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าเค้าชื่อวิชา แต่คุณเปี๊ยกจำได้เองแล้วนี่ !"

สมชายมีสีหน้าประหลาดใจตามไปด้วย

"คนเมื่อกี๊ชื่อวิชาเหรอครับ ?" สมชายถามอนุชิต

นายตำรวจหน้าผากกว้างพยักหน้า

"ใช่ครับ ! แสดงว่า คุณเปี๊ยกจำได้ แต่ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ ?"

"ชั้นไม่นึกว่าคนที่จะมาคุยกับชั้นวันนี้ จะเป็นวิชา"

"หือ ! มันแตกต่างอะไรเหรอครับ ในเมื่อ คุณวิชาเป็นคนสนิทของท่านเหมือนกัน ?"

เด็กชายเปี๊ยกพยักหน้า

"ชั้นจำได้ว่า เคยไว้ใจวิชามาก เพราะเราคิดเหมือนกัน แต่ ตอนสุดท้าย ชั้นคิดไม่เหมือนวิชาแล้ว"

สมชายรู้สึกว่า เด็กชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา ณ ขณะนี้ มีสำนวนการพูดจาก้ำกึ่ง ระหว่างเด็กแปดขวบ กับ ผู้ใหญ่

อนุชิตทวนคำ

"คิดไม่เหมือนแล้ว ! เรื่องไหนเหรอครับ ? คุณเปี๊ยกบอกผมว่ายังระลึกได้เพียงแค่บางส่วน แต่ทำไม ตอนนี้กลับจำได้ว่า คิดไม่เหมือนกับคุณวิชา ? แต่เท่าที่พวกเรารู้ คุณวิชาเป็นคนที่ทำทุกอย่างตามที่ท่านได้วางไว้มาตลอด เค้าเคยเป็นแขนขาของท่านเชียวนะครับ"

เปี๊ยกเอียงคอ

"ชั้นจำไม่ได้หรอกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ความรู้สึกมันบอกว่า ชั้นไม่เห็นด้วยกับวิชา เราเถียงกัน.... แล้ว....." เด็กแปดขวบขมวดคิ้ว เงยหน้ามองเพดาน ".... เค้าเปลี่ยนไป"

"เปลี่ยนไปยังไงเหรอครับ ?"

ท่านเปี๊ยกยังขมวดคิ้ว สั่นหัว

"ชั้นจำรายละเอียดไม่ได้ แต่ สุดท้าย ชั้นไม่เห็นด้วยกับวิชา"

คำตอบของเปี๊ยก ทำให้อนุชิตยิ่งสับสน

"โอ... ! ท่านไม่เห็นด้วยกับคุณวิชา แต่ท่านจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ยังงี้... ก็แย่น่ะสิครับ ! จะให้ผมทำไงดีล่ะครับ ? ผมคงเล่าเรื่องนี้ให้คุณวิชาฟังไม่ได้แล้วสิ"

เปี๊ยกพยักหน้า

"ใช่ ! ถ้าเธอเชื่อชั้น เธออย่าเล่าเรื่องของชั้นให้วิชาฟังอีก แต่ เธอเปลี่ยนไปติดต่อกับ สองพี่น้องที่สุราษฎร์แทน"

อนุชิตฉีกยิ้ม เอื้อมมือไปจับเข่าเปี๊ยก แล้วเขย่าเบา ๆ

"โห... ท่านจริง ๆ ด้วย ! ท่านจำคุณวายุ กับ คุณธเนศได้ ! ผมขนลุกอีกแล้ว ผมเชื่อแล้วล่ะครับ ว่าท่านเป็นท่านจริง ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย จะให้ผมติดต่อกับทั้งสองคนเรื่องอะไรครับ ?"

"เล่าเรื่องชั้นนี่แหละ เด็กชายเปี๊ยก กับ เรื่องทายาทของชั้น ให้สองคนฟัง แล้วนัดให้เค้าทั้งสองคน มาพบกับชั้น ที่ภูเก็ต"

นายตำรวจพยักหน้าอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ

"ได้ ได้ครับ !"

สมชายไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ที่สองคนนี้คุยกันแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ คือ วิธีการใช้คำพูดของเด็กชายเปี๊ยก ไม่ได้มาจากสมองของเด็กแปดขวบอย่างแน่นอน

อนุชิตกลับมีสีหน้าครุ่นคิด แล้วพูดขึ้น

"เอ่อ.... ท่านครับ ! สองพี่น้องคู่นี้ ไม่ได้อยู่กับพวกเรานานแล้วนะครับ ตั้งแต่ท่านเสียไป สองคนนี้ก็เงียบหายไป ไม่มีบทบาทในกลุ่มพวกเราอีกเลย"

"ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ ? แต่... ขอให้ติดต่อพวกเค้าเถอะ ชั้นคิดว่าชั้นไว้ใจพวกเค้าได้นะ"

อนุชิตยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง หัวเราะเบา ๆ

"ถ้าท่านไม่ใช่ท่าน ผมคงหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่ แปลกมากเลย ท่านไม่ไว้ใจคุณวิชาที่ท่านเคยไว้ใจมาตลอด แต่ท่านกลับเรียกหาสองพี่น้องคู่นี้ ที่แต่ก่อนชอบงัดข้อกับท่านเป็นประจำ ถ้าผมไม่ได้ยินกับหูวันนี้ ผมต้องไม่เชื่อตัวเองแน่ ๆ"

เด็กชายเปี๊ยกก้มลงมองหน้าตักตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมา

"จริงเหรอ ? แต่ก่อนชั้นไม่ถูกกับสองพี่น้องที่สุราษฏร์นี้เหรอ ? ชั้นอยากจะเลือกอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนเดิม ได้ใช่มั้ย ?"

อนุชิตพยักหน้าช้า ๆ

"ชั้นจะกลับไปอ่านสมุดบันทึกให้มากขึ้น จะได้จำอะไรได้มากขึ้น"

นายตำรวจพยักหน้าอีกครั้ง

"ดีครับ ! ระหว่างนี้ ผมจะหางทางติดต่อไปหาสองพี่น้องที่สุราษฏร์ คิดว่าน่าจะหาไม่ยาก เพราะพวกเค้าก็ทำมาค้าขายอยู่ในอำเภอเมือง"

อนุชิตมองหน้าสมชาย

"ขอโทษครับ ที่ต้องให้คุณสมชายมานั่งฟังเรื่องที่ตัวเองไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวผมจะรีบไปส่งพวกคุณออกจากที่นี่ก่อน เพราะฝนท่าทางจะตกไม่หยุด เดี๋ยวทางจะขาดซะก่อน"

สมชายเอื้อมมือไปแตะแขนอนุชิต

"เดี๋ยวก่อนครับ ! ขอถามคำถามเดียว ผมเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องพวกนี้ด้วยครับ ถึงต้องให้ผมเข้าห้องมาพบกับตัวแทนวันนี้ด้วย ?"

นายตำรวจทำหน้าเหรอ มองหน้าเด็กชาย

"อ้าว ! คุณเปี๊ยกยังไม่ได้บอกคุณสมชายเหรอครับ ?"

เปี๊ยกสั่นหัวแล้วยิ้ม

"ยังเลย ! ก็พ่อเอาแต่พูดคนเดียว"

อนุชิตหัวเราะ

"คุณชูศักดิ์เป็นพ่อที่ดีมากครับ ยังไงเด็กแปดขวบ ก็ต้องถือว่ายังเด็กมากนะครับ ต้องมีผู้ปกครองดูแล"

เขาหันมาทางสมชาย

"ก่อนที่ท่านจะเสีย ท่านเคยพูดถึงทายาทที่ท่านเคยเลือกไว้ ทายาทคนนี้จะเข้ามาดูแลทรัพย์สินส่วนกลางของพวกเรา แต่ท่านไม่เคยได้บอกใครไว้เลยว่า ทายาทคนนั้น คือ ใคร

คุณเปี๊ยกมาในวันนี้ เพื่อยืนยันกับตัวแทนของเราว่า คุณเปี๊ยก คือ ท่านจริง และ คุณสมชาย คือ ทายาทคนนั้น ที่ท่านเคยเลือกไว้ "

__________________________________________________________________________________________

โดย วีรยาติ

1 , 2<อ่านหน้า

กลับขึ้นด้านบน

สั่งซื้อพ็อคเก็ตบุคนิยายหมอเถื่อน เล่ม 1 - 4

อ่านตอนต่อไป

อ่านตอนอื่น

สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่




Free web stats