************************************************************************
เพ็ญตาเหลือกเมื่อเห็นสภาพพ่อหมอจำเป็นที่เพิ่งถูกแมวรุม เดินเข้ามาในตัวบ้าน พร้อมกับเอนก
พระโป่งยิ้มกว้างเมื่อเห็นสภาพศิษย์น้อง
เอนกชี้ไปที่โซฟา
"พี่แอนดี้ นั่งลงก่อน"
แอนดี้สั่นหัว
"นั่งบนพื้นดีกว่า นั่งบนเก้าอี้ เลือดมันจะเปื้อน" เขาทรุดตัวลงนั่งบนพื้น
เพ็ญพูดอย่างเร็ว "เดี๋ยวเพ็ญหยิบสำลีมาล้างแผลให้"
เอนกรีบตอบรับ "ผมตามไปช่วยถือด้วยดีกว่า ถ้ามีขัน หรือ กะละมังใส่น้ำด้วยก็ดี"
เพ็ญพยักหน้า
"ได้ค่ะ ! เดี๋ยวเพ็ญพาไปหยิบ วันนี้ในบ้านไม่มีแม่บ้านอยู่ ที่ตึกนี้ เพราะคุณย่าเฉลาสั่งให้แม่บ้านสามคนของตึกนี้ไปทำธุระข้างนอก เพ็ญเลยต้องดูแลคนเดียว"
"ไม่เป็นไรครับ ! ผมช่วย อะไรอยู่ตรงไหน บอกผม ผมช่วยได้"
"ค่ะ ! งั้นเดี๋ยวเพ็ญพาไปหากะละมังใส่น้ำก่อน แล้วค่อยไปหยิบยา กับ สำลี"
เธอรีบเดินกลับไปที่ทางเดินของโถง เอนกเดินตามหลังไป
เพ็ญเงยหน้าตะโกน
"ต้น ต้น ! ต้นมาดูแลคุณแอนดี้ก่อน"
สักพัก ต้นชะโงกหน้ามาจากโถงของชั้นสอง เมื่อเห็นแอนดี้นั่งอยู่บนพื้น ก็รีบวิ่งลงบันไดมา
เจ้าดัมมี่.... แมวสีเทาลายเสือ เดินมาหมอบบนพื้นดูอยู่ห่าง ๆ 
"ไม่เป็นไรนะ ?" หลวงพี่ถามศิษย์น้อง
ทิดเอกยังมีอารมณ์ฉีกยิ้มส่งกลับ
"เยินสิครับ ! ผิวหนังผมไม่ใช่กำแพง จะได้ไม่เป็นไร"
"ผมไม่ได้หมายถึงร่างกาย"
แอนดี้เข้าใจทันที
"ครับ ! เฉย ๆ ครับหลวงพี่ พร้อมตายเสมอ !"
ต้นวิ่งลงมายืนข้างหน้าแอนดี้ เขาจ้องไปที่แขนพ่อหมอ เห็นรอยข่วนมากมาย ทั้งรอยลึกที่เลือดยังสด และ รอยตื้นที่เลือดเริ่มแห้ง เต็มลำแขนทั้งสองข้างของแอนดี้
ลูกชายพลฤทธิ์คุกเข่าลงข้าง ๆ แอนดี้ แล้วชะโงกไปดูด้านหลัง บริเวณท้ายทอย มีรอยแผลอีกหนึ่งแห่ง ลึกและยาวเกือบสามนิ้ว
หมอผีสมัครเล่น มีหน้าตาที่อิดโรยอย่างเห็นได้ชัด หายใจตื้น เปลือกตาเริ่มกระพริบช้าลง
ต้นแน่ใจว่าแอนดี้ใช้พลังไปกับการต่อสู้กับหมู่แมวจนหมดแรงที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย
เขาพูดกับแอนดี้
"ต้นเคยเรียนวิชาพลังจักรวาล ใช้รักษามือของต้นเอง ตอนนั้นกระดูกหัก มันประสานได้เร็วมากเลย พี่แอนดี้ลองให้ต้นส่งพลังบำบัดพี่ดูดีมั้ย ?"
พ่อหมอแอนดี้มองหน้าต้นด้วยสีหน้าสะลึมสะลือ แล้วพยักหน้าช้า ๆ
"ได้ครับ ! พี่ต้องทำยังไง ?" สายตาของแอนดี้เริ่มเชื่องช้าเหมือนคนกำลังจะหลับ
ต้นพยักหน้า
"เดี๋ยวผมหาผ้ามาปูพื้นกันเปื้อน แล้วพี่แอนดี้นอนยาวไปเลย"
แอนดี้โบกมือ
"ไม่ต้องปูครับ ! พี่นอนได้ ไม่กลัวสกปรก"
พระโป่งล้วงหากระปุกสมุนไพรในย่าม แล้วถือกระปุกไว้ในมือ ร่ายคาถาเสกยา
ท่านจะรอให้เอนกนำกะละมังใส่น้ำมาล้างแผลเสียก่อน จึงค่อยโรยสมุนไพรนี้ลงไปที่บริเวณแผล
แอนดี้นอนหงายลงกับพื้นห้อง ลมหายใจเริ่มขัด หายใจได้ตื้นลง
อาการแบบเดียวกับที่เมื่อคืนเจ้ากรรมได้นำมาประเคนให้เขา กำลังเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง
เจ้ากรรมไม่เคยมาทวงหนี้เขาในเวลากลางวัน พระนาง ฯ เป็นคนยืนยันเรื่องนี้มาตลอด แต่ทำไมวันนี้ เจ้าหนี้ในอดีตจึงมาคิดบัญชีกับเขานอกเวลาที่ตกลงกันได้ ? พระนางจันทิมาท่านคงรู้คำตอบ
แต่ว่า ณ ขณะนี้ ที่ไม่สามารถสื่อสารกับสิ่งใดได้เลย ทำให้เขามีทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ คือ ประคองสติให้เป็นสัมมาทิฏฐิ มองเห็นอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นว่ามันคือธรรมชาติ
ไม่ว่าผจัญบุตรในอดีต จะเคยก่อกรรมอะไรไว้กับ จุลินทร์นาคราช บัดนี้ เขาก็ขออโหสิ และ ไม่คิดจะจองเวรต่อกันและกันอีก
ต้นเริ่มแตะฝ่ามือที่หน้าผากของเขา ไออุ่นของฝ่ามือเด็กหนุ่มคนนี้ มีความร้อนอยู่พอสมควร เขารู้สึกได้
แต่ปลายเท้าเขาเริ่มเย็น และ เริ่มชาแล้ว ความอ่อนเพลียทรุดโทรมจากนายเวรรุมเร้าเมื่อคืน ทำให้พลังของเขา ณ ตอนนี้ เหลืออยู่แค่ก้นถัง น้ำมันแห่งตะเกียงชีวิตของเขา คงจะดับในไม่ช้านี้
พลังบำบัดของต้นที่วิ่งซ่านไปในแต่ละจักระ ทำให้เขารู้สึกไม่ทุรนทุรายทางกาย แต่ พลังที่จะหายใจนั้น ก็ร่อยหรอลงไปทุกที
อาการเจ็บแสบที่ผิวหนังจากรอยข่วนไม่รบกวนระบบประสาทของเขาแล้ว ประสาทการรับรู้ทางผิวหนังเริ่มน้อยลงทุกที
เสียงรอบข้างทุกอย่างเริ่มเบาลง จนเงียบสงัด หูของเขาดับลงแล้ว
************************************************************************************

ฐิติชญายืนอยู่หน้าบ้านของพิจิตร ในโรงรถมี เมอร์ซีเดส เบ๊นซ์ สีบรอนซ์ จอดอยู่
เธอชะโงกหน้า พยายามมองเข้าไปในบ้าน แต่แดดที่ส่องจ้าอยู่กลางแจ้ง ทำให้มองเข้าไปในตัวบ้านแล้วเห็นแต่ความมืด จึงตัดสินใจกดกริ่งที่เสาประตูรั้ว
เสียงออดดังไม่ถึงสิบวินาที ประตูมุ้งลวดหน้าบ้านก็ถูกเปิดออก
คนที่เดินออกมาเป็นหญิงวัยประมาณสี่สิบปี ใส่ชุดกระโปรงรัดรูป
ทอมจำได้ทันทีว่า เธอคือ พี่สาวของพิจิตรที่มีเรื่องวิวาทลงไม้ลงมือกัน เมื่อวันนั้น
พี่สาวพิจิตร สอดขาเข้าไปในรองเท้าแตะ แล้วเดินออกมาที่ประตูรั้ว
ทอมยกมือไหว้
"พี่ไก่ใช่มั้ยคะ ? หนูมาหาพี่จิตรค่ะ พี่จิตรอยู่บ้านมั้ยคะ ?"
พี่ไก่เดินมาถึงประตูรั้ว ยกมือรับไหว้ ส่งยิ้มให้
"มาหาพิจิตรเหรอ ? น้องไม่ได้โทรมาหาเขาก่อนล่ะ วันนี้เค้าไม่อยู่บ้าน"
"หนูโทรหาเล้ว เค้าไม่เปิดโทรศัพท์ค่ะ ! พอดีมีเรื่องงานเรื่องด่วน เจ้านายตามตัว หนูนึกว่าพี่จิตรอยู่ที่บ้าน"
พี่สาวเลิกคิ้ว
"อ้าว เหรอ ? เรื่องด่วนเหรอ ?" เธอเงยหน้าขึ้นมองฟ้า แสงแดดแผดจ้า จึงยกกลอนประตู เปิดประตูรั้วออก
"น้องเข้ามานั่งในบ้านก่อน ยืนตรงนั้นแดดเผาตาย เดี๋ยวพี่ถามอาม๊าให้ว่าเค้าไปไหน เข้ามาก่อน !"
พี่สาวเดินนำ เปิดประตูมุ้งลวด แล้วพยักหน้าให้เข้ามา ทอมถอดรองเท้า แล้วก้าวเข้ามาในตัวบ้าน
"น้องเคยเจอพี่เหรอ ถึงรู้จักชื่อพี่ ?"
"เคยเห็นค่ะ แต่ยังไม่เคยทักกัน"
"น้องเคยมา สมัยที่พี่ยังไม่ได้ย้ายออกไปใช่มั้ย ?"
"เปล่าค่ะ ! เพิ่งเห็นพี่ไก่วันก่อน หนูมากับพี่จิตร เอ่อ... วันที่พี่ไก่ใส่ชุดสีม่วง"
พี่สาวขมวดคิ้ว ทวนคำ
"ใส่ชุดสีม่วง..... อ๋อ.... น้องขับรถสีแดงใช่มั้ย ?"
"ค่ะ ใช่ค่ะ !"
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทอมหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู
หน้าจอปรากฏชื่อพิจิตร โทรกลับมา
เธอรีบพูดขึ้นกับพี่สาวพิจิตร
"พี่ไก่ พอดีพี่จิตรโทรกลับมาแล้ว เดี๋ยวหนูขอตัวคุยกับเค้าก่อนนะคะ"
พี่สาวพยักหน้าส่งยิ้มให้
ทอมเดินไปเปิดประตูมุ้งลวดกลับออกมาบริเวณชานบ้าน แล้วกดรับสาย
"ญา มีอะไรด่วนเหรอ ? ทั้งโทร ทั้งส่งข้อความ นี่พี่อยู่ที่บ้านครูปั้นที่ลำลูกกา วันนี้เป็นวันสำคัญ ครูปั้นรวมศิษย์เพื่อส่งพลังขั้นเด็ดขาด พี่เลยปิดมือถือระหว่างทำสมาธิ"
"อ้อ อยู่กับครูปั้นน่ะเอง ! ส่งพลังไปที่ไหนคะ ?"
"ส่งไปกำจัดมาร ! ญาจำได้มั้ย ที่ครูปั้นบอกว่า ช่วงนี้ ฟ้าดินเปิดทางให้เราปราบมารได้ ? พลังของมารช่วงนี้จะอ่อนแรง ถ้าเรารวมพลังกัน เรากำจัดมารได้"
"จำได้ค่ะ ! แล้วญาต้องช่วยอะไรบ้าง ? ไม่เห็นครูปั้นบอกญาเลย"
"ไม่ ๆ ! วันนี้ ญาไม่ต้องทำอะไร ญาต้องเก็บพลังไว้ใช้ในวันที่สำคัญที่สุด เป็นวันเผด็จศึก
วันนี้ให้คนอื่นรวมพลังกันโจมตีให้มารอ่อนแอที่สุด แล้ววันเผด็จศึก ญาค่อยเป็นกำลังหลัก"
"อ้อ เหรอคะ ? วันนี้ส่งพลังกันช่วงกลางวันเลยเหรอ ? ทุกวันเห็นให้ทำตอนทุ่มนึง"
"ก็ ครูปั้นบอกว่า เอ๊ะ ! ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่า แม่หญิงสาวิตรีบอกว่า ก่อนหน้านี้ ตัวแทนสามโลกอนุญาตให้เราส่งพลังปราบมารได้ช่วงนั้น ไม่อนุญาตให้ปราบมารตอนกลางวัน
แต่ ช่วงนี้ เหมือนกับว่า ดวงเปิด ตัวแทนสามโลก เลยปล่อยอิสระ จะทำเวลาไหนก็ได้ เราจะกำจัดมารให้สิ้นไปเลยในช่วงนี้ ก็แล้วแต่เรา
แล้วพวกเราเองน่ะ ใช้พลังธาตุไฟเป็นหลัก ซึ่งถ้าส่งพลังได้ตอนกลางวัน พลังเราจะรวมกับพลังสุริยะของดวงอาทิตย์ โจมตีหมู่มารได้หนักกว่าช่วงกลางคืนหลายเท่า
ครูปั้น เลยรีบรวบรวมศิษย์ ที่พอจะสะดวก ไปที่บ้านลำลูกกาวันนี้"
"อ้อ ค่ะ ! มีศิษย์ไปกันเยอะเหรอคะ วันนี้ ?"
"ก็พอสมควรนะ ประมาณยี่สิบคน บางคนลางานมา ก็มี เห็นแล้วก็น่าประทับใจในน้ำใจของทุกคน"
"ดีจังเลย ! ญาอยากไปร่วมด้วย ถึงไม่ได้ไป ก็ส่งกำลังใจให้ทุกคนนะคะ รอถึงวันเผด็จศึกก็ได้ ญาจะได้มีส่วนร่วมบ้าง"
"อืม ได้ พี่จะบอกครูปั้นให้ ! ญาตามหาพี่ มีอะไรด่วน ?"
"พี่จิตร อุปกรณ์จอยท์ฟอร์ซ กับ ชุดเดโม ของเอ็นแอลที อยู่ที่บ้านพี่จิตรหรือเปล่า ? อ้อ ! ญาลืมบอกไปว่า นี่ญาอยู่ในบ้านพี่จิตร ญาติดต่อพี่ไม่ได้ เลยมาหาที่บ้าน เรื่องด่วนของโธมัส
พี่จิตรได้รับโค้ด ดร็อปเดอะริเวอร์นั่นน่ะ พี่ได้ล็อกอินไปเช็คข้อความหรือยัง ?"
"โธมัสต้องการอะไรเหรอ ?" เขาไม่ตอบคำถามของเธอ
"โธมัสต้องการอุปกรณ์ของเอ็นแอลทีคืน เราต้องคืนให้โธมัสเร็วที่สุด ภายในวันนี้ได้เลย ยิ่งดี พี่จิตรเก็บอุปกรณ์ไว้ที่ไหนคะ ?"
"ทำไมต้องคืน ?"
ฐิติชญา รู้สึกว่า พิจิตรตั้งคำถามที่น่าแปลกใจ
"มันเป็นคำสั่งของเอ็นแอลทีนี่คะ เราต้องปฏิบัติตาม"
"อุปกรณ์นี้เป็นประโยชน์ต่อทหารไทย ถ้าคืนไป ประเทศไทยก็เสียประโยชน์"
เหตุผลของพิจิตร ฟังแล้วขัดหูเธอเป็นอย่างยิ่ง
"นี่ไม่น่าจะใช่เวลาของการถามคำถามนะคะ เราได้รับคำสั่ง ก็ต้องปฏิบัติตามที่นายจ้างสั่ง เหตุผลค่อยไปถามเอาทีหลังก็ได้นี่"
"ญาทำงานโดยไม่คิดถึงเหตุผล หรือ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเลยเหรอ ? การนำอุปกรณ์คืนไป กับ การที่ทหารไทยจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีพวกนี้ อะไรเป็นประโยชน์กับประเทศเรามากกว่า ?"
อาจเป็นเพราะความร้อนของอากาศในวันนี้ ทำให้อารมณ์ของเธอร้อนขึ้นมาฉับพลันเมื่อได้ยินคำถามที่ขัดใจเธอติด ๆ กันหลายคำถาม
"พี่จิตร !" เธอเริ่มขึ้นเสียง "อย่าเอาปรัชญาซับซ้อนมาคุยกับญาตอนนี้ ญาพูดเรื่องง่าย ๆ คือ เราเป็นลูกจ้างเขา เขาสั่งให้ปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติ มันก็คือขัดคำสั่ง ถือว่าไม่รับผิดชอบต่องาน"
"งานของพี่ คือ ผลประโยชน์ของคนไทยโดยรวม ไม่ใช่ผลประโยชน์ของต่างชาติ ญาเคยคิดเปรียบเทียบมั้ยว่า....."
"เดี๋ยวก่อน ๆ ! " เธอรีบท้วง เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่เห็นด้วย และ พยายามจะเถียงต่อ
"พรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของเอ็นแอลทีเยอรมัน ยังไม่ได้ซื้อขาย เขาต้องการของคืน เป็นเรื่องของเขา การไม่คืนของของเขา มันคือการขโมย" เสียงของเธอเริ่มดังขึ้น
"พี่เป็นหัวหน้าทีมนะ ! การทำตามคำสั่งพี่ ก็ถือว่าปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าเหมือนกัน พี่รับผิดชอบเอง ญาทำตามคำสั่ง ไม่มีความผิดใด ๆ
พี่อยากให้ญาฟังพี่อธิบาย ไว้เราเจอกัน พี่อธิบายภาพรวมให้ญาฟัง แล้วญาจะเข้าใจ
อย่าลืมสิว่า เรามีอุดมการณ์ร่วมกัน พี่คงไม่ได้ทำอะไรโดยยึดความพอใจของตัวเองเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติ"
เธอเงียบไปสักพัก รู้ตัวเองว่าคำพูดก่อนหน้านั้น เกิดจากการที่เอาความคิดเห็นตนเองเป็นหลัก โดยยังไม่ได้ฟังความจากเจ้าตัว
ความจริงแล้ว เธอยังเชื่อมันในปรัชญาการทำงานของเขา.... เสียสละเพื่อส่วนรวม มุ่งสร้างสังคมแห่งพระศรี ฯ
การขอเพียงแค่ รอฟังคำอธิบายจากเขา ไม่ใช่คำขอที่มากเกินไป
"ค่ะ ! งั้นญาจะรอพี่จิตรกลับมา แล้วโธมัสล่ะคะ ญาจะตอบเค้าว่ายังไงดี ?"
"อย่าเพิ่งติดต่อโธมัสกลับไป ! ไว้เราคุยกันก่อน"
"ก้อ... คือ ญาเป็นห่วงพี่จิตรนะ พี่จิตรเป็นหัวหน้าทีม ญารู้ว่าพี่จิตรรักงานนี้มากกว่าญาเสียอีก แต่การขัดคำสั่งเจ้านาย มันเสี่ยงมากที่เขาจะไม่จ้างเราต่อ แต่ถ้าพี่จิตรคิดว่าคิดรอบคอบดีแล้ว ญาจะรอฟังพี่อธิบาย"
"ขอบคุณนะ ที่เข้าใจกัน"
"ค่ะ ! พี่จิตรกลับมาแล้วรีบบอกญาแล้วกัน ตอนนี้พี่จิตรกลับไปช่วยครูปั้นส่งพลังต่อเถอะค่ะ"
สายถูกตัดไปแล้ว แต่จิตใจของเธอยังติดอารมณ์ขุ่นมัวจากการสนทนา
หวังว่าพี่จิตรของเธอ คงไม่เห็นอุปกรณ์ทางทหารของเอ็นแอลที เป็นเหมือนกับเปียโนของพี่สาว ที่จะนำไปที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของ
หวังว่าคำอธิบายของเขา จะสามารถโน้มน้าวให้เธอเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเขาได้อีกครั้ง
******************************************************************************

วูบเดียวที่แสงสว่างมีแรงดูด....วืบ !!!
เขากำลังยืนอยู่ มองเห็นร่างตัวเองนอนหงายอยู่บนพื้นห้อง ข้าง ๆ มีหลานชายของคุณย่าเฉลา กำลังนั่งใช้มือส่งพลังบำบัดให้ร่างของเขา
จิตของแอนดี้ ได้หลุดออกมาจากร่างแล้ว
เขารู้สึกโปร่ง โล่ง เบาสบาย ความเจ็บปวดเมื่อสักครู่นี้ ได้หายไปหมดสิ้น
"ดีจังเลย ! หมดเวรหมดกรรมกันเสียที !"
เขามองดูร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแผลจากการปะทะกับเจ้ากรรมนายเวร
"ร่างกายนี้ ไม่พึงอาศัยอยู่เป็นอย่างยิ่ง ต้องเลี้ยงดูมัน ต้องทำนุบำรุง ใครอยากได้ร่างกายนี้ ก็เอาไปซะ พอกันเสียที ต่อไปนี้ เจ้ากรรมนายเวรก็จะทำอะไรเขาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว"
ก่อนที่เขาจะไปสู่ภพภูมิที่สมควร เขาควรไปร่ำลาพระอาจารย์ผู้มีพระคุณเสียก่อน
เมื่อคิดดังนั้น ก็ตั้งจิต พุ่งอทิสมานกายไปยัง วัดนาคโขงทันที
_____________________________________________________________________________________
1 , 2 , 3,< อ่านหน้า
__________________________________________________________________________
เชิญร่วมสนุกทายพล็อต ชิงเสื้อยืด more than A doctor (design by mushroom) จำนวน 1 รางวัล
(Size S หน้าอก 36 นิ้ว, Size M หน้าอก 38 นิ้ว, Size L หน้าอก 40 นิ้ว)
 
โดย มีเงื่อนไขว่า หากท่านได้รับรางวัลเสื้อยืดแล้ว ท่านตกลงที่จะถ่ายรูปตัวท่านเอง ที่กำลังสวมเสื้อยืดนี้ และ ส่งรูปกลับมา และ อนุญาตให้เผยแพร่รูปของท่าน ใน facebook แฟนนิยายหมอเถื่อน
หากท่านตกลงในเงื่อนไข เชิญร่วมสนุกโดย การทายพล็อตเรื่องล่วงหน้า
ท่านทายว่า อภิญญาฆราวาส ตอนที่ 40 สิ่งใดจะมาปราบแมว ?
เลือกทายหนึ่งใน 4 คำตอบ นี้...
ก. ฝูงผึ้ง ข. พายุฝน ค .ฝูงนก ง. งู
โพสต์คำตอบลงในเว็บบอร์ด กดที่นี่
วันหมดเขตรับคำตอบ : วันแรกที่ อภิญญาฆราวาส ตอน 40 เผยแพร่ในเว็บบอร์ด
กรณีมีผู้ทายถูกมากกว่า 1 ท่าน รางวัลจะเป็นของท่านแรกที่ทายถูก
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล ที่หน้าสุดท้าย ของ อภิญญาฆราวาส ตอน 40
***หมายเหตุ : ท่านที่ไม่ต้องการร่วมสนุกชิงเสื้อยืด ไม่จำเป็นต้องทายผล
______________________________________________________________________________________
ต้องการอ่านตอนต่อไป โปรดแสดงความคิดเห็น
ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร กับ อภิญญาฆราวาส ตอน ที่ 39 นี้ ?
แสดงความคิดเห็น กดที่นี่
สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่
กลับขึ้นด้านบน อ่านตอนอื่น
แสดงความคิดเห็น
|