
ฐิติชญาเกิดความสังสัยเป็นอย่างยิ่งที่ พิจิตร ปิดโทรศัพท์มือถือ ติดต่อไม่ได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว
การไม่ปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เพราะ ลืมเช็คข้อความ ไม่น่าจะใช่วิสัยปกติของพิจิตร
ด้วยบุคลิกที่มุ่งมั่นในการทำงาน เธอเชื่อว่า หัวหน้าที่สมบูรณ์แบบ อย่างพิจิตร ต้องมีคำอธิบายที่มีเหตุผล
แต่ ณ ขณะนี้ เมื่อยังติดต่อเขาไม่ได้ เธอควรจะสอบถามไปยัง โธมัส บีค เสียเลยจะเป็นการดีที่สุด
เบอร์โทรศัพท์ล่าสุดของโธมัสที่ได้บันทึกไว้ ปรากฏที่หน้าจอแล้ว เธอกดโทรออก แล้ว นึกอธิษฐานในใจว่า ขอให้เขารับสาย
ไม่ว่าตอนนี้ ที่ประเทศตุรกี เป็นเวลากี่โมงกี่ยาม เธอก็ไม่ได้ตรวจสอบเวลา แต่เชื่อว่า โธมัส จะรับสายทันที หากปรากฏรหัสประเทศไทยขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์ของเขา
เสียงสัญญาณเรียก ดังเพียงไม่กี่ครั้ง เธอก็ได้ยินเสียงโธมัสทักทาย
"สวัสดี !"
"สวัสดีค่ะ โธมัส ฉัน ฐิติชญา จากประเทศไทย ขอโทษที่โทรไปรบกวน ที่ตุรกีตอนนี้กี่โมงแล้ว ?"
"ฉันไม่ได้อยู่ที่ตุรกี ตอนนี้ฉันอยู่ที่กรุงเทพ ฯ"
"อ้าว ! เกอร์ดาบอกว่า คุณย้ายไปทำโปรเจกค์ใหม่ที่ตุรกี"
"ใช่ ! แต่ตอนนี้ผมต้องมาสะสางเรื่องค้างคาที่นี่ก่อน เราต้องส่งอุปกรณ์ของเอ็นแอลทีทั้งหมด กลับสู่เอ็นแอลทีเยอรมัน โดยช่องทางของเรา เกิดอะไรขึ้นกับพิจิตร และ คุณ ? ทำไมเช็คความหมายโค้ดแล้ว จึงไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ?"
โธมัสพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่มีร่องรอยของการระบายอารมณ์ใด ๆ
"ฉันเพิ่งเช็คความหมายเมื่อสักครู่นี้เอง ขอโทษด้วยที่ฉันสะเพร่า"
"พิจิตรได้ล็อกอินเข้าไปเช็คความหมายโค้ดแล้ว ตั้งแต่วันที่ผมส่งโค้ด แต่ทำไมพิจิตรถึงไม่บอกคุณ ?
หน้าที่ของหัวหน้าทีม คือ ต้องสื่อสารกับศูนย์ และ ปฏิบัติตาม ถ้าเขาต้องมอบหมายงานให้ใคร เขาควรทำทันที แต่ทำไมเขาถึงไม่บอกคุณ ?"
เธอตอบคำถามนี้ไม่ได้
"โธมัส ! ฉันต้องขอโทษแทนหัวหน้าฉันด้วย คุณอยากให้ฉันนำอุปกรณ์ไปคืนที่สถานฑูตเยอรมันใช่หรือไม่ ?"
"อุปกรณ์ทั้งหมดอยู่กับคุณใช่ไหม ?"
"ไม่ใช่ค่ะ ! อุปกรณ์จอยท์ฟอร์ซอยู่กับคุณพิจิตร ที่อยู่กับฉันมีเพียงแค่ พาสเวิร์ดเจเนอเรเตอร์ กับ ปืนพก"
"แล้วคุณสามารถจะนำอุปกรณ์ทั้งหมดที่อยู่กับพิจิตร มาหาผมที่สถานฑูตเยอรมัน ภายในวันนี้ได้หรือไม่ ?"
เธอไม่แน่ใจว่า เธอจะสามารถติดต่อพิจิตรได้ภายในวันนี้หรือไม่
"คิดว่า อาจจะไม่ทัน ถ้าเป็นพรุ่งนี้ หรือ วันอื่นได้หรือไม่คะ ?"
"ถ้าไม่ใช่วันนี้ เราต้องนัดกันที่อื่น ไม่ใช่ที่สถานฑูต เรื่องมันจะยุ่งยากมากกว่านี้"
"ทำไมล่ะคะ ?"
โธมัสถอนหายใจ
"เรื่องการเมืองภายในประเทศของผม คุณมีเวลาฟังหรือเปล่า ? เรื่องอาจจะซับซ้อนสักนิด แต่ ผมอธิบายให้คุณเข้าใจได้"
ฐิติชญายังมีความเชื่อมั่นในตัวของ โธมัส บีค ผู้บริหารที่แสดงความจริงใจ และ ความสุภาพ ต่อเธอ และ ทีมงานทุกคนมาโดยตลอด
"ค่ะ ! มีเวลา ใช่เรื่องเกี่ยวกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของเยอรมัน ที่ชื่อ แฟรงค์ หรือเปล่าคะ ?"
โธมัสหัวเราะ
"ใช่ ! นั่นคือส่วนหนึ่งของปัญหา เกอร์ดาเล่าให้คุณฟัง ?"
"เกอร์ดาเล่าให้คุณพิจิตรฟัง ฉันได้ฟังมาจากคุณพิจิตรอีกที แต่ยังไม่เข้าใจว่า มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ต้องเปลี่ยนสถานที่รับมอบอุปกรณ์ที่ประเทศไทยด้วยคะ ?"
"ผมเล่าให้คุณฟังดีกว่า
เอ็นแอลที เป็นบริษัทลูกของบริษัทใหญ่ ดีดีที (Deutsche Def Telekom) ซึ่งอันนี้คุณรู้อยู่แล้ว
ดีดีทีเป็นบริษัทที่กำลังเติบโต และมีศักยภาพในการต่อรองระดับประเทศ คนที่มีอำนาจอยู่แล้วก็อยากเข้ามาบริหารเพื่อจะได้เข้าถึงแหล่งอำนาจของประเทศอื่น ๆ
ส่วนคนที่ยังไม่มีอำนาจแต่อยากมีอำนาจ ก็อยากเข้ามาบริหาร เพื่อจะได้อำนาจตรงนี้ ไว้ต่อรองกับหน่วยงานอื่นในประเทศ
รวม ๆ ก็เอาเป็นว่า ตำแหน่งผู้บริหารของ ดีดีที นี้ เป็นที่ต้องการของคนในหลาย ๆ แวดวง นักการเมืองก็ต้องการ นักธุรกิจก็ต้องการ ผู้ใหญ่ในกองทัพก็ต้องการ
สามปีที่แล้ว มีคู่แข่งสองคน ที่ขับเคี่ยวกันเพื่อจะแย่งชิงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของดีดีที นั่นคือ ฮอร์ช คลาเซน กับ โรเบิร์ต เดคมันน์"
ทอมคุ้นเคยกับชื่อประธานบริหารดีดีที คนปัจจุบันดี เธอพูดขึ้น
"ฮอร์ช คลาเซน ที่เป็นประธานบริหารคนปัจจุบัน !"
"ใช่ ! ผลสรุป คือ ฮอร์ซ คลาเซน ได้ตำแหน่งประธานบริหาร ส่วน โรเบิร์ต เดคมันน์ อกหัก
ซึ่ง โรเบิร์ต คนนี้ เป็นคนของ แฟรงค์ วอลเตอร์ สไตน์แมร์ รมต.ว่าการกระทรวงต่างประเทศคนปัจจุบัน เขาเป็นน้องเขยของแฟรงค์"
"เหรอคะ ? แฟรงค์อยากจะมีบทบาทในดีดีที ?"
"นั่นคือ หนึ่งในเรื่องที่แฟรงค์ต้องการ อีกเรื่องหนึ่งคือ ฮอร์ซ คลาเซน ฝักใฝ่พรรคการเมือง ซีดียู ( Christian Democratic Union)
ในขณะที่แฟรงค์ คือ นักการเมืองของพรรค เอสพีดี (Social Democratic Party of Germany) ซึ่งมันคือเกมส์การเมืองแย่งกันขยายอำนาจของแต่ละพรรค"

"ค่ะ !" เธอตอบกลับ เพื่อแสดงให้รู้ว่า เธอกำลังรับฟัง
"ประเทศเราเองมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ แฟรงค์ก็ระวังเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ทำอะไรให้จีนต้องขัดเคืองใจ เพราะ เยอรมันเอง ก็ทำการค้า ทำการลงทุนอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่น้อย
รัฐบาลจีนชุดนี้ ผ่อนปรนหลายมาตรการให้กับประเทศเยอรมันเพื่อแลกกับหลายอย่าง ทั้งบนโต๊ะ และ ใต้โต๊ะ แน่นอนว่า รวมถึงเทคโนโลยีบางอย่างที่เป็นความลับ"
"อือ... ซับซ้อนจังเลย !"
"ใช่ครับ ! ผมไม่เล่าละเอียดเรื่องอื่น จะเข้าเรื่องว่า
สิ่งที่เอ็นแอลที กลัวมากที่แฟรงค์จะเข้ามาจุ้นจ้าน ก็คือ การที่เอ็นแอลที ร่วมมือกับ ล็อคฮีตมาร์ตินของ สหรัฐ ฯ มาขายของให้กับประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างประเทศไทย
ซึ่ง แฟรงค์จะถือว่า นี่คือการที่เยอรมัน ไปดึงสหรัฐ ฯ มาเหยียบจมูกจีน เพราะ พื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น จีนถือเป็นพื้นที่ที่หวงเป็นพิเศษ ไม่ยอมให้สหรัฐ ฯ มีอิทธิพลเหนือพื้นที่ส่วนนี้"
"ค่ะ เข้าใจค่ะ !"
"เอ็นแอลที จึงจำเป็นต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ
โครงการที่เกิดขึ้นกับกองทัพไทยนี้ เราได้รับความร่วมมือจาก รมต.กลาโหมคนก่อน ที่จะปิดเรื่องนี้ไว้ในช่วงเฟสแรก
รอถึงเฟสแรกผ่านไป เราจะมีการตกลงซื้อขายกัน ณ ตอนนั้น ดีดีทีจะเป็นคนทำสัญญาซื้อขาย ไม่ใช่เอ็นแอลทีทำ เพราะ เอ็นแอลที มีล็อคฮีตมาร์ตินของสหรัฐ ฯ ถือหุ้น"
ฐิติชญามองภาพออก
"โอว ! ก็พอดี รัฐบาลไทย ประกาศปรับ ครม. เปลี่ยน รมต.กลาโหม เหตุการณ์จึงพลิก"
"ใช่ ! ดีดีทีกังวลมากเรื่องนี้ กลัวว่า เอ็นแอลที ที่เป็นบริษัทลูก จะทำให้ความแตก เป็นจุดโหว่ให้คู่อริอย่าง แฟรงค์ สไตน์แมร์ เล่นงานได้
ซึ่งด้วยตำแหน่ง รมต.ต่างประเทศ และ บารมีของเขาแล้ว ไม่ยากเลยที่เขาจะเล่นงานดีดีทีด้วยจุดนี้ บีบให้ปลดคุณฮอร์ช คลาเซน ออก เพราะทำให้ประเทศชาติเสียหาย
หลังจากนั้นก็หาคนใหม่ที่แฟรงค์เชื่อว่า เขาน่าจะเข้าถึงได้ง่ายกว่าคู่อริอย่างคุณฮอร์ซ"
ทอมคุยไปพยักหน้าไป เธอจับความเกี่ยวโยงได้หมด
"เพราะเหตุนี้ เอ็นแอลที จึงต้องเรียกอุปกรณ์กลับด่วน และ ต้องเป็นความลับ ?"
"ถูกต้อง ! อุปกรณ์จะถูกส่งจากกองทัพไทยกลับไปทางช่องทางธรรมดาไม่ได้ ผมจึงต้องเป็นคนจัดการเรื่องช่องทางการส่งกลับ"
"แล้วส่งผ่านสถานฑูต มันจะเป็นความลับได้เหรอคะ ?"
"ประเทศเรามีเจ้าหน้าที่กรรมาธิการทหารอยู่ประจำสถานฑูตเยอรมันในประเทศไทย
เจ้าหน้าที่คนนี้ชื่อ เฟรดดริก เป็นคนประสานงานช่วยเอ็นแอลทีกับกองทัพไทยมาตลอด
คนนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับดีดีที เขาจะช่วยนำอุปกรณ์กลับ โดยการสำแดงว่า เป็นของใช้ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่สถานฑูต ซึ่งจะผ่านเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องเปิดกล่อง
แต่ เฟรดดริกคนนี้ มีภารกิจต้องไปปฏิบัติที่อินโดนีเซียหนึ่งเดือน ซึ่งจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า
ณ ตอนนั้นที่ผมรู้ว่าเขากำลังจะไม่อยู่ ผมจึงออกโค้ดให้รีบนำอุปกรณ์มาคืน
เมื่อเฟรดดริกไม่อยู่ แล้ว ไม่มีใครจะช่วยเราได้ ผมต้องหาวิธีนำอุปกรณ์กลับโดยช่องทางอื่น"
"เรารอเฟรดดริกกลับมา ค่อยส่งอุปกรณ์ไม่ได้เหรอคะ ?"
"ไม่ได้ ! อุปกรณ์นี้หากพลาดพลั้งตกไปอยู่ในมือใคร มันจะไม่ส่งผลดีกับดีดีที
ถ้ามีหลักฐานว่ามีโครงการนี้เกิดขึ้นที่เมืองไทย แฟรงค์เล่นงานดีดีทีแน่ และ ไม่ส่งผลดีกับ รมต.กลาโหมคนก่อนของไทย
การขุดคุ้ยในประเทศไทยก็จะเริ่มขึ้นด้วย รมต.กลาโหมคนใหม่ คงต้องอยากรู้ความเป็นมาของโครงการในอดีต ซึ่งบางส่วนเอง เราเล่าไม่ได้ ความยุ่งยากอีกมากมายจะตามมา
แต่ละวันที่อุปกรณ์ยังไปไม่ถึงดีดีที เบอร์ลิน หัวใจของผู้บริหารดีดีทีจะเต้นระทึกอยู่ตลอด"
"ทำไม เราถึงเล่าตรงไปตรงมาไม่ได้ว่า เราทำอะไรกับกองทัพไทย ? นี่คือผลประโยชน์ของประเทศไทย รมต.ไทย ต้องเข้าใจ"
โธมัสกำลังลังเลว่า จะพูดเรื่องเหล่านี้ด้วยความละเอียดระดับไหนดี
"คือ... สำหรับ รมต.กลาโหมคนก่อน มันก็มีอะไรบางอย่างที่ เราตกลงกันว่าไม่จำเป็นต้องเปิดเผย"
เรื่องซับซ้อนมากกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ การเมืองที่เข้ามาเกี่ยวพันกับการทำงาน เป็นเรื่องที่จุกจิก น่ารำคาญ แต่ สำคัญ ! เธอเข้าใจคำว่า 'การเมือง' ดี แต่ เธอเลือกได้ที่จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของมัน
"โอเคค่ะ ! ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ ฉันจะรีบติดต่อพิจิตร แล้วจะติดต่อกลับคุณโธมัส เพื่อนัดส่งมอบอุปกรณ์กัน"
"มันควรเป็นอย่างนั้น ! ขอให้โชคดีนะ ผมจะบันทึกเบอร์โทรศัพท์นี้ ผมจะรอโทรศัพท์ของคุณเสมอ"
ทอมโทรหาคนรักที่มีตำแหน่งหัวหน้างานอีกครั้ง.... พิจิตรยังปิดโทรศัพท์มือถือ
ส่วนใหญ่พี่จิตรของเธอ เดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว อุปกรณ์จอยท์ฟอร์ซ และ อาวุธสาธิตอื่น ๆ มีขนาดใหญ่กว่าการพกพาด้วยเป้ เขาน่าจะเก็บมันไว้ที่บ้านมากกว่า
เมื่อเกิดสถานการณ์ด่วน และ สำคัญระดับนี้ แต่ตามตัวเขาไม่ได้ เธอจำเป็นต้องถือวิสาสะ ไปหาเขาที่บ้าน
เป็นไปได้มากที่พี่จิตรจะอยู่ที่บ้าน ซึ่งหากเป็นตามที่เธอคาด เขา และ เธอ ก็สามารถนำอุปกรณ์ทั้งหมด ส่งคืนให้โธมัสได้ ภายในวันนี้
***********************************************************************************

ฐิติชญาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้น กางเกางลำลองขายาว ที่เธอมั่นใจว่าดูสุภาพเพียงพอแก่การไปเยี่ยมบ้านพิจิตร
เธอเดินลงบันไดบ้านมา เหลือบมองที่ห้องอาหาร บนโต๊ะมีถุงอาหารวางอยู่
เมื่อเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหาร จึงสังเกตชัดว่า มันคือถุงใส่ราดหน้าหมูหมักเจ้าที่ แม่ และ เธอ โปรดปรานมาตลอด
คุณพ่อคงขับรถออกไปซื้อมาให้
แม่เดินหอบตะกร้าผ้าที่ตากเสร็จแล้วกลับเข้ามาจากนอกตัวบ้าน เห็นลูกสาวในชุดเตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก ก็ทักขึ้น
"จะออกไปข้างนอกเหรอ ? จะกินก่อน หรือ ออกไปกินข้างนอก ? พ่อเค้าซื้อราดหน้ามาฝาก"
ลูกสาวมีท่าทีอึกอัก บรรยากาศระหว่างเธอ กับ แม่ ยังไม่มีความกระเตื้องในทางที่ดี เมื่อเจอกันก็มีแต่คำทักทายแบบขอไปที
แม่เห็นลูกสาวยืนเงียบ จึงไม่ใส่ใจ เดินถือตะกร้าผ่านหน้าไป
"แล้วแม่ล่ะ กินหรือยัง ?" เธอถามให้หลัง
"ยัง แม่ต้องแยกผ้าก่อน แยกเสร็จแล้วก็คงจะกิน" แม่ตอบ แล้วเดินหอบตะกร้าไปวางที่เก้าอี้
ทอมเดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร เธอหยิบถุงราดหน้าออกมาดู แล้วเริ่มแกะหนังยาง
แม่เดินเข้าไปที่บริเวณครัวเพื่อล้างมือ เสียงลูกสาวกำลังจับถุงอาหารอยู่ที่โต๊ะ ทำให้เธอถามขึ้น
"แล้วยังไม่รีบไปเหรอ ? หรือจะกินก่อน ?"
"งั้น ญาแกะให้ ! แม่พับผ้าไปก่อนเถอะค่ะ เสร็จแล้วมากินด้วยกัน กินแล้วญาค่อยออกไป"
**********************************************************************************

ราดหน้าหมูหมักของเธอ เกือบจะหมดจานแล้ว แม่เพิ่งแยกผ้าเสร็จ เดินมาที่โต๊ะอาหาร แล้วทรุดตัวลงนั่งหน้าจานราดหน้าที่ลูกสาวเตรียมไว้ให้
ทอมพูดขึ้น
"พี่นิมิตติดต่อมา เค้าได้รับบรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงกลาโหม ญาได้คุยกับโธมัส เดี๋ยวต้องออกไปตามงานที่ค้างอยู่ พี่นิมิตบอกว่า ญาอาจจะได้ต่อสัญญากับที่นี่"
แม่พยักหน้ารับรู้
"ขอให้โชคดี แม่จะเล่าให้พ่อฟัง พ่อจะได้เอาใจช่วยด้วย"
เธอมีรอยยิ้มเมื่อได้ยินคำอวยพรจากปากแม่
"แม่ ! พ่อเค้าทำงานยังไงถึงมีความสุข ? พ่อทำงานบัญชีอย่างเดียวสามสิบกว่าปี แล้วไม่เคยคิดจะไปทำอะไรอย่างอื่นเลย แต่ดูพ่อก็มีความสุขกับงานบัญชี"
แม่เริ่มตักเส้นหมี่เข้าปาก เมื่อส่งอาหารคำแรกลงท้องแล้ว จึงตอบคำถามลูกสาว
"พ่อเป็นคนตรง ชีวิตพ่อมีแค่ ผิด กับ ถูก ตัวเลขทางบัญชีมัน หนึ่งบวกหนึ่ง ต้องเป็นสอง เป็นอย่างอื่นไม่ได้
พ่อเคยเล่าว่า เจ้านายที่เป็นทั้งรุ่นพี่ที่คณะ เป็นทั้งลูกพี่ที่ทำงาน สอนพ่อว่า เมื่อไหร่เจอหนึ่งบวกหนึ่ง ที่ไม่เท่ากับสอง แล้วเรายังบอกว่าถูกต้อง นั่นคือเราผิด เราทรยศต่อจรรยาบรรณของนักบัญชี"
เธอทบทวนคำพูดของแม่ในใจ แล้วพยักหน้า
"อืม มันก็ใช่นะคะ นักบัญชีต้องซื่อสัตย์"
"พ่อพูดประโยคนั้น เป็นร้อยครั้ง เค้าชื่นชมคุณตามาก เจ้านายคนที่พูดประโยคนั้นน่ะ ชื่อเล่นว่าตา
พ่อเธอน่ะ บางครั้งก็ตรงเกินไป แล้วก็เน้นแต่ซื่อสัตย์ คนทำบัญชีก็คงถือว่า นี่เป็นความภูมิใจของเค้า"
ทอมพยักหน้า 
"คนทำบัญชี ถ้าไม่เน้นซื่อสัตย์ โห... ! ป่านนี้พ่อติดคุกไปแล้ว !"
คำพูดทิ้งท้าย ทำให้แม่หัวเราะหึ ๆ
*********************************************************************
1 < อ่านหน้า > 3, 4
สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่
กลับขึ้นด้านบน อ่านตอนอื่น
|