ตอน 35 หน้า 3

ปมที่เริ่มคลาย

 

 

ร้านอาหารโรงแรงสยามธานี ในตัวเมืองสุราษฎร์ ฯ เป็นที่นัดพบของอดีตศิษย์เก่าร่วมโรงเรียนสองท่าน

วายุ กับ เจ๊เหมี่ยว นั่งสนทนาไถ่ถามทุกข์สุขตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมากว่ายี่สิบปี

หมดจากเรื่องส่วนตัว วายุก็เข้าเรื่องที่เขาต้องการจะสนทนา

เพียงแค่เริ่มเกริ่นถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมอารยะเมตตาจิต  เจ๊เหมี่ยวก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย

ต่างฝ่ายต่างผลัดกันเล่าถึงประสบการณ์ของตนกับคนกลุ่มนั้น

"แสดงว่าสมัยที่เธอเข้าไปที่นั่น ไม่มีใครพูดถึงผู้นำเก้าคนแล้วสิ"

"ไม่มีนะ  มีแต่พูดว่ารอผู้นำ ซึ่งที่บรรดาศิษย์ทั้งหมดปฏิบัติกันมาเนี่ย ก็เพื่อรอผู้นำคนนั้นที่จะมา  ไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังคือ เตรียมกันเก้าคนหรืออะไร  แต่รู้ว่า ผู้นำคนนี้ จะนำบรรดาศิษย์ปฏิบัติธรรมแบบพระศรีอารย์ เพื่อปูทางให้พร้อมรอรับศาสนาพระศรี ฯ 

มันก็เป็นความเชื่อที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป  แต่ชั้นก็ไม่ได้ถือสาเรื่องนี้หรอกนะพี่ยุ  ซึ่งมันเป็นไปได้ที่ทางนี้ บอกว่าพระศรี ฯ ท่านจะมาโปรด ณ ช่วงนี้ ไม่ใช่ต้องรออีกเป็นล้านปี   อันนี้ชั้นไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะ ไม่ว่าจะเป็นพระศรีอารย์จริงหรือไม่จริง ชั้นสนใจสิ่งที่ทำมากกว่า  

การช่วยเหลือเด็กยากจน ให้ทุนการศึกษา การสอนอาชีพ สอนศีลธรรมให้ชาวบ้าน  เรื่องพวกนี้ชั้นว่าเป็นเรื่องที่ดี  

พี่รู้จัก สุริยนต์ ข่มจันทร์ ?

วายุพยักหน้า

"เคยได้ยิน  หนังสือที่เขาเขียนกำลังดัง  แต่พี่ไม่ได้อ่านหรอก"

"เค้าเก่งนะ !  ชั้นอ่านหนังสือที่เค้าเขียน ก็ยังชอบเลย  ความคิดก้าวหน้า  เอาว่า เหมารวม ๆ น่ะ ต้องบอกว่าไอเดียสังคมแห่งพระศรี ฯ น่ะใช้ได้  ไม่งั้นชั้นไม่ร่วมหัวจมท้ายมาตั้งสี่ปี"

การสนทนาของอดีตศิษย์ร่วมโรงเรียน ออกรสออกชาติไปตามประสบการณ์ของทั้งสองคน

สองชั่วโมงของการสนทนา จากกันด้วยรอยยิ้ม และ คำมั่นว่า  รุ่นพี่รุ่นน้องจะยังติดต่อสื่อสารกันต่อไป 

บ่ายแก่ ๆ ของวัน  วายุโทรหาชูศักดิ์ เพื่อเล่าเรื่องสำคัญบางเรื่อง

"คุณชูศักดิ์ ผมเพิ่งคุยกับเจ๊เหมี่ยวนะ  ผมเรียกว่าเหมี่ยวแล้วกัน เพราะเธอเป็นรุ่นน้องผม"

"ครับ ได้ความว่ายังไงครับ ?"

"ยาวมากน่ะ ! แต่เอาเรื่องปัจจุบันก่อน  เหมี่ยวเค้ายังมีคนรู้จักที่ยังเป็นศิษย์ที่นั่นอยู่ ศิษย์คนนั้นเล่าให้ฟังว่า เดิมทีเค้ามีหน้าที่นั่งส่งพลังให้กับคนที่เค้าคาดว่า น่าจะได้มาดูแลการเงินให้กับผู้นำเก่าที่กลับชาติมาเกิด

มีเรื่องผิดปกติ คือ พวกเค้าส่งพลังไปที่คนที่จะมาดูแลเงิน แต่มันไม่ถึง  คือ เหมือนกับไม่มีคนรับ  เป็นมาหลายเดือนแล้ว  แม้แต่คุณปั้น ส่งพลังเอง ยังไปไม่ถึงเลย"

ชูศักดิ์ยังจับความไม่ได้ เขาถามกลับ

"ส่งพลังให้ใครนะครับ ?"

วายุรู้ตัวว่าพูดรวบรัดไปหน่อย จึงขยายความเพิ่ม

"คืองี้  ผู้นำเก่าที่กลับชาติมาครอบครองสมบัติเดิม เมื่อกลับชาติมาเกิด ก็ต้องจำชาติก่อนได้ จำอดีตได้ว่า เคยได้มอบหมายฝากฝังให้ใครดูแลสมบัติให้ เหมือนกับที่ หนูเปี๊ยก บอกว่าสมชายจะเป็นคนมาดูแลเงินในระหว่างที่หนูเปี๊ยกยังไม่บรรลุนิติภาวะ แบบนั้นไงครับ นึกออกหรือยัง ?

"อ้อครับ ! นึกออกครับ  แต่สมชายเค้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย จู่ ๆ พาเค้าไปเซฟเฮ้าส์แล้วก็พาเค้าออกมา ไม่เล่าเรื่องราวอะไร  ผมเป็นเค้า ผมไม่คบกับไอ้คนกลุ่มนี้แล้วครับ"

วายุหัวเราะที่ชูศักดิ์พูดออกนอกเรื่อง

"ฮ่า ๆๆ ! ไอ้เรื่องคุณสมชายนี่พักไว้ก่อน  ขอผมเล่าเรื่องที่ศูนย์นี่ก่อนครับ"

"อ้อ ครับ ๆ !"

วายุเล่าต่อ

"คนของเหมี่ยวเล่าว่า หลายเดือนมาแล้ว ที่พวกเค้าส่งพลังไป ไม่ถึงคนคนนี้ เหมือนกับปลายทางไม่มีคน หรือว่า ส่งพลังไปผิดที่  อะไรนี่แหละ  สรุปสั้น ๆ ว่า  คนคนนี้หายไปจากเรดาร์ของพวกเค้า"

"อ้าว ! สงสัยตายไปแล้วมั้ง"

วายุหัวเราะ

"ยังไม่ตายครับ ! แต่ เหมือนกับว่า หาไม่เจอแล้วในเรดาร์ ประมาณนั้น 

เรื่องนี้ทำให้ครูปั้นร้อนใจ เพราะมาเจอกับเหตุการณ์กลุ่มอารยะเมตตาจิตถอนตัวไปอีก เงินสนับสนุนหายไป 

วิธีเดียวที่จะนำเงินกองกลางออกมาใช้ คือ ต้องให้ผู้นำใหม่โผล่มา แล้วชี้ผู้ดูแลเงิน ให้ผู้ดูแลเงินเอาเงินมาใช้   แต่นี่ ผู้ดูแลเงินก็หายไปจากเรดาร์อีก..."

ชูศักดิ์พูดขึ้นแทรกทันที

"มิน่า นั่นคือ ทำไม เค้าถึงต้องประกาศกันภายในว่าพบผู้นำคนใหม่แล้วไงครับ"

"ใช่ ๆ ! คุณชูศักดิ์อ่านทางออก  เพื่อควบคุมไม่ให้สถานการณ์ยุ่งไปกว่าเดิม  เค้าต้องรีบจัดการประกาศว่าพบท่านผู้นำแล้ว เพื่อหยุดข่าวลือ  หยุดคนอื่น ๆ ที่จะไปลากใครมาอ้างว่าเป็นผู้นำ  ชิงประกาศก่อนย่อมได้เปรียบ"

ชูศักดิ์เห็นด้วย

"ใช่ครับ ! ไม่งั้น เจ้าเปี๊ยก จับคู่กับ สมชาย ได้ก่อน งานนี้มีเฮ !   นี่ถ้าสมชายเค้าเล่นด้วยกับเรานะ เล่นละครเตี๊ยมบทให้ตรงกัน แล้วยึดสำนักแม่งเลยได้นะ ฮ่า ๆๆๆๆ !"

เขาพูดแล้วก็หัวเราะชอบใจความคิดตัวเอง  พาให้วายุหัวเราะตามไปด้วย

ชูศักดิ์หยุดหัวเราะแล้ว ถามต่อ

"แล้วเค้าพบจริง ๆ แล้วใช่มั้ยล่ะครับ ผู้นำน่ะ ? ผมจะได้ล้มเลิกความพยายามทั้งหมด  กลับมาทำมาหากินของผมตามปกติซะที"

"เรื่องนี้คนของเหมี่ยวบอกว่าเค้าพบแล้ว แต่เค้าไม่รู้ว่าใคร  คุณปั้นจะบอกให้คนบางคนรู้เท่านั้น   แต่ ทุกคนรู้ว่า คนที่มาดูแลเงินน่ะคือใคร แล้วเกิดหายตัวไปนี่สิ  ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ นับว่า หนูเปี๊ยกก็ยังมีสิทธิ์"

ชูศักดิ์นึกตามไปด้วย

"ผมว่ามันก็พอกันแหละครับ  ฝ่ายโน้น หายไปคนนึง  ส่วนของเรา สองคน ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง  คุณสมชายเค้าคงตัดหางไอ้เปี๊ยกทิ้งแล้ว ชีวิตเค้าจะต้องมาวุ่นวายกับพวกเราทำไม ?  

เอาหัวมุดโถส้วมคิด ก็ยังคิดไม่ออกว่า ไอ้เปี๊ยกไปดองกับเค้าที่ติ่งไหน"

********************************************************************

เลอหงส์ในชุดกระโปรงสีดำ คุกเข่าอยู่หน้าโลงศพนักสืบประยงค์

ภาพความทรงจำของน้ายงค์ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของเธออย่างต่อเนื่องมาสองวันติดกัน นับตั้งแต่วันที่น้ายงค์จากไป

เมื่อเธอจ้องมองภาพถ่ายน้ายงค์ที่ประดับอยู่ข้างโลงศพ ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง

รอบศาลาเต็มไปด้วยพวงหรีดจากคณะต่าง ๆ  มีตั้งแต่อดีตตำรวจที่เคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมงาน มาจนถึง ตำรวจที่ยังอยู่ในหน้าที่ ณ ปัจจุบัน  แต่พวงหรีดที่ใหญ่ที่สุดในศาลา คือ พวงหรีดของครอบครัวกิจบูรณาอย่างไม่ต้องสงสัย

เสียงน้องปิ่น... ลูกสาววัยยี่สิบห้าปีของน้ายงค์เรียกเธอ

"พี่หงส์ ! มาทานข้าวเย็นกันก่อนแขกมาเถอะค่ะ !"

หงส์หันหน้าไปส่งยิ้มให้  เธอก้มลงกราบที่หน้าโลงศพ

เอนก ชลลดา อาเจิ้น รับอาสามาช่วยญาติ ๆ ของน้ายงค์ต้อนรับแขกในวันนี้

แอนดี้กำลังยืนคุยอยู่กับหมู่ญาติของน้ายงค์บริเวณนอกศาลา

เลอหงส์เดินตามปิ่นออกมาที่ด้านข้างศาลา กับข้าวทั้งหลายถูกแกะวางอยู่ในภาชนะมีฝาครอบ

อาศัยที่โอกาสเหมาะได้อยู่ตามลำพังกับลูกสาวของน้ายงค์ หงส์เดินเข้าไปชิดตัวเธอ แล้วควักซองกระดาษใส่เงินจากกระเป๋ากระโปรง ยื่นให้

ปิ่นมองหน้า  หงส์คว้ามือข้างหนึ่งของเธอ แล้วยัดเยียดซองลงไปในฝ่ามือ

"รับไปนะน้องปิ่น !"

ลูกสาวน้ายงค์ก้มหน้ามองที่มือ

"นี่อะไรคะ ?"

"นี่ไม่ใช่เงินช่วยงานศพ แต่เป็นเงินที่พี่หงส์อยากให้น้องปิ่นเก็บไว้ดูแลตัวเอง"

ปิ่นสั่นหัวทันที

"ไม่ได้ค่ะ ! คุณแอนดี้ก็ช่วยปิ่นมาแล้ว  คุณน้อย คุณวิบูลย์ก็ช่วยมาแล้ว  ปิ่นรับของพี่หงส์อีกไม่ได้หรอกค่ะ  พี่หงส์ก็คือน้องคุณแอนดี้  ปิ่นรับของคุณแอนดี้มาแล้ว รับของพี่หงส์อีกไม่ได้ค่ะ"

หงส์บีบฝ่ามือของปิ่นให้กระชับมากขึ้น

"รับไปเถอะ ! ส่วนของพี่แอนดี้นั่นคนละส่วนกับของพี่หงส์  น้ายงค์มีบุญคุณต่อพี่หงส์  ขอให้พี่หงส์ได้ตอบแทนนะ"

น้ำเสียงที่หนักแน่น และ สีหน้าที่ไม่มีร่องรอยของความลังเล  ทำให้ปิ่นต้องพยักหน้า

เธอรับซองเงินไว้ แล้วยกมือขึ้นไหว้

"ขอบคุณพี่หงส์มากค่ะ !"

"สิ่งที่น้ายงค์ได้ทำเพื่อพี่หงส์ มันมีค่ามากกว่าซองนั้นเยอะ"

ปิ่นเก็บซองเงินไว้ในกระเป๋ากางเกง  เธอเปิดฝาครอบกับข้าวขึ้น

"พี่หงส์ทานข้าวก่อนเถอะค่ะ  มีอะไรที่พี่หงส์ทานได้บ้าง ?"

หงส์ส่งยิ้มให้

"พี่ทานได้ทุกอย่าง ! ข้างนอกเค้าคุยอะไรกันน่ะ ? ญาติ ๆ ของปิ่นน่ะ เห็นถกเถียงกันอยู่นาน"

ปิ่นถอนหายใจ

"เฮ้อ...! เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์  คนก็ตายไปแล้ว  ปิ่นคิดว่าพ่อไปดีแล้ว พ่อมีแต่ช่วยคนอื่น ไม่เคยทำร้ายใคร ปิ่นเชื่อว่าพ่อไปดี แค่นี้ก็สบายใจ   พวกน้า ๆ เค้าเชื่อว่าพ่อถูกเล่นของ ตอนที่พ่อป่วย น้าเค้าก็เคยพาไปให้คนที่นั่งฌานได้ บอกว่าพ่อถูกคุณไสย ต้องรีบแก้  แต่พ่อไม่เชื่อ  เนี่ย พอพ่อเสียไป น้า ๆ ก็เลยขุดเรื่องนี้มาคุยกันใหญ่"

หงส์ฟังแล้วขมวดคิ้ว

"คุณไสยจากไหนเหรอ ?"

"จากไหนไม่รู้ค่ะ ! งานนักสืบ ต้องไปยุ่งกับเรื่องคนอื่น เค้าคิดว่าอาจจะถูกคนที่เราตาม เล่นของกลับมา"

คำตอบของเธอ ทำให้หงส์ฉุกคิดขึ้นในทันที

*************************************************************************

อาเจิ้นบี้บุหรี่กับขอบถังขยะ แล้วทิ้งก้นบุหรี่ลงไป เขาเดินไปหาเอนกที่กำลังยืนคุยกับชลลดาอยู่

"เอนก อาฟ่งเป็นอะไร ? ทำไมไปยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ? เห็นยืนตรงนั้นเกือบสิบนาทีแล้ว"

เอนก และ ชลลดา มองไปยังลานจอดรถ  ซีฟ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว

เอนกพูดขึ้น

"หงส์ปวดท้องขึ้นมาอีกหรือเปล่า ?"

ชลลดาสั่นหัว

"ไม่น่าจะใช่ ! ท่าทางไม่เหมือนปวดท้อง น่าจะกำลังคิดอะไรอยู่ อย่าไปกวนเค้าเลย เดี๋ยวเค้าคงกลับเข้ามาในงาน"

แขกกลุ่มใหญ่ เป็นอดีตตำรวจที่เคยร่วมงานกับนักสืบประยงค์สมัยเป็นตำรวจพร้อมกับเหล่าภรรยา กำลังเดินเข้าตัวศาลา

เอนกพยักหน้ากับแฟน

"ไปช่วยรับแขกกันเถอะ !"

ชลลดาพยักหน้ารับ  ทั้งสองเดินเข้าไปต้อนรับแขก

ชายหนุ่มใส่เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงแสลคสีดำ กำลังยืนจด ๆ จ้อง ๆ ชะเง้อมองอยู่ภายนอกศาลา 

ปิ่นเดินเข้าไปทัก

"มางานไหนคะ ?"

ชายหนุ่มส่งยิ้มให้

"งานคุณประยงค์ครับ ! ศาลานี้ใช่มั้ยครับ ?"

"ค่ะ ใช่ค่ะ !  มาจากส่วนไหนคะ ?"

เขาเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจคำถาม

"หมายถึงอะไรครับ ?"

"รู้จักคุณพ่อประยงค์ใช่มั้ยคะ ?"

เขาสั่นหัว

"เปล่าครับ ! ผมมาหาคุณแอนดี้"

"อ๋อ ! งั้นรอเดี๋ยวนะคะ จะไปบอกคุณแอนดี้ให้"

ปิ่นเดินผละจากแขกหนุ่ม เดินเข้ามาที่ตัวศาลา เหลือบเห็นหงส์ที่กำลังก้าวเท้าขึ้นศาลาเหมือนกัน

"พี่หงส์ ! ผู้ชายคนนั้นมาหาคุณแอนดี้  พี่หงส์รู้จักหรือเปล่าคะ ?"

เธอชี้มือไปที่ข้างศาลา  หงส์มองตามไปที่ชายหนุ่มคนนั้น  แล้วเกิดความฉงนขึ้นในทันใด

"เค้ามาที่นี่ทำไม ?" หงส์รำพึงกับตัวเอง แล้วพูดกับปิ่น

"จ้ะ ! พี่หงส์รู้จัก ! เดี๋ยวพี่ไปต้อนรับเค้าเอง"

เลอหงส์เดินตรงเข้าไปยังแขกที่มาถามหาพี่ชายเขา

"สวัสดีค่ะ ! จำหงส์ได้มั้ยคะ ?" เธอทักขึ้น

แขกหนุ่มมองหน้า แล้วหรี่ตา

"ครับ  ๆ ! คุ้น ๆ  เราเคยเจอกันที่ไหนครับ ?"

หงส์หัวเราะเบา ๆ

"สองปีแล้ว งานเลี้ยงวันเกิดคุณย่าเฉลา วันนั้นหงส์ใส่ชุดสีแดงค่ะ ! มากับรองประธานหม่า"

พอเธอเฉลย  เขาก็ยกนิ้วชี้ขึ้น

"อ๋อ ! จำได้แล้ว ! คุณนั่งโต๊ะเดียวกับพี่ธรรม์ คุณมางานนี้เหมือนกันเหรอครับ ?"

"ค่ะ !  คุณจ๊อดมาหาพี่แอนดี้เหรอคะ ?  หงส์เป็นน้องสาวของพี่แอนดี้ค่ะ !"

"อ้าว !  ครับ คุณย่าบอกให้ผมมาหาคุณแอนดี้  ให้พาผมไปกราบศพของคุณประยงค์"

หงส์ขมวดคิ้ว

"คุณจ๊อดรู้จักคุณประยงค์ด้วยเหรอคะ ?"

"เปล่าครับ !  คุณย่าบอกว่า คุณแอนดี้เลือกที่จะช่วยพ่อผมก่อนเป็นคนแรก เพราะมีคนไม่พอ  จึงไม่สามารถช่วยคุณประยงค์ได้ คุณย่าบอกให้ผมมากราบศพ เพราะ ถ้าคุณแอนดี้ช่วยคุณประยงค์ก่อน พ่อผมก็อาจจะไม่รอด"

หงส์ทวนคำ

"มีคนไม่พอ ! มันแปลว่าอะไรคะ ?"

จ๊อดยักไหล่

"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  ผมไม่รู้รายละเอียด  แต่เข้าใจว่า ช่วยสองคนพร้อมกันไม่ทัน อะไรทำนองนี้แหละครับ"

หงส์ก้มหน้า ความสงสัยเริ่มสะสมถึงจุดสูงสุด 

"เชิญคุณจ๊อดเข้ามานั่งรอก่อน  หงส์จะตามพี่แอนดี้ให้ค่ะ"

เธอเดินนำแขกจากครอบครัวไตรสรณ์เข้ามาในศาลา 

หลังจากจ๊อดทรุดตัวลงนั่ง  หงส์เดินรี่ไปหาพี่ชายที่นอกศาลาทันที

พี่ชายกำลังคุยกับอดีตตำรวจนายหนึ่ง  หงส์สะกิดแขนพี่ชาย แล้วพูดภาษาจีนกลาง

"พี่ใหญ่ ! ฉันมีเรื่องคุยกับพี่หน่อย"

แอนดี้พยักหน้ารับ แล้วพูดกับอดีตตำรวจคู่สนทนา

"ขอตัวก่อนนะครับ"

หงส์พาแอนดี้เดินออกมาห่างจากศาลาพอประมาณ แล้วหยุดเดิน ถามขึ้นเป็นภาษาจีนกลาง

"พี่ใหญ่น้ายงค์ตายด้วยอะไร ? ถูกคุณไสยใช่มั้ย ?"

แอนดี้รู้ทันทีว่า หงส์คงได้ยินญาติของผู้ตายเล่าให้ฟัง

"น้ายงค์ถูกคุณไสยน่ะ ใช่ !  แต่ คนเราเมื่อถึงเวลา เขาก็ต้องจากไป"

ซีฟ่งขึ้นเสียง "แต่พี่ใหญ่เลือกว่าจะช่วยคนอื่นก่อน แล้วปล่อยให้น้ายงค์ตาย ?"

เขาเบิกตาโต

"หา ! ทำไมเธอคิดยังงั้น ?  เธอไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน ?"

"แล้ว ถ้าน้ายงค์โดนคุณไสย ทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่ช่วย ?"

"ไม่ใช่ว่าฉันไม่ช่วย แต่คนที่ช่วยได้ไม่ใช่ฉัน  เธอเป็นเด็กนักเรียนลูกศิษย์ของครูยาใจ"

เขาจำเป็นต้องเล่ารายละเอียดให้น้องสาวฟัง เลี่ยงที่จะปิดต่อไปไม่ได้

"พอฉันรู้ว่าคุณเอก กับ น้ายงค์ โดนคุณไสยทั้งคู่  ฉันวางแผนที่จะช่วยคุณเอกก่อน เพราะอาการคุณเอกหนักกว่า  เมื่อช่วยคุณเอกแล้ว ก็จะช่วยน้ายงค์เป็นคนถัดไป   

แต่เหตุการณ์มันยุ่งยากกว่าที่คิดไว้  เพราะลูกศิษย์ครูยาใจคนนั้น หลังจากช่วยคุณเอกแล้ว เธอก็โดนของเข้าตัวเอง  สภาพเธอนั้น ไม่สามารถช่วยใครได้อีก จำเป็นต้องถอนของออก แล้วใช้เวลาพักฟื้นถึงจะกลับไปมีสุขภาพเหมือนคนปกติ"

น้องสาวยังมีสีหน้าที่บึ้งตึง  พี่ชายพูดต่อ

"อาฟ่ง ! เธอคิดว่าฉันไม่รักน้ายงค์หรือยังไง ?  เขาทำงานให้ฉันมาตั้งหลายปี ฉันสนิทกับเขามากกว่าเธอด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันจงใจปล่อยให้เขาตาย ?"

น้องสาวก้มหน้า ยืนกอดอก แล้วเปลี่ยนน้ำเสียงพูดให้เบาลง

"คุณจ๊อดของบ้านไตรสรณ์มาหาพี่ที่นี่ ฉันให้เขานั่งคอยอยู่ที่ศาลา"

"ได้ ! ฉันจะไปพบเขา"

**************************************************************

จ๊อดลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้ทันที หลังจากแอนดี้แนะนำตัว

"เชิญคุณจ๊อด กราบศพคุณประยงค์ก่อนเถอะครับ"

แอนดี้เดินนำหลานชายแห่งไตรสรณ์ไปที่บริเวณหน้าโลงศพ เพื่อ ทำพิธีไหว้ และ กราบศพ

เมื่อกราบศพเสร็จแล้ว แอนดี้เดินนำกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ในศาลา

"คุณแอนดี้ รบกวนเล่าเรื่องของพ่อผมให้ฟังได้มั้ยครับ ? พ่อผมโดนอะไร เกี่ยวอะไรกับคุณประยงค์ด้วย ?"

สิงห์ต้าลู่รับสัมผัสแห่งพระนางได้ จึงพูดไปตามที่จิตรับมา

"รออีกไม่กี่วันนะครับ  ที่บ้านไตรสรณ์จะมีพิธีอะไรบางอย่าง  หลังจากวันนั้น ผมจะเล่าให้คุณจ๊อดฟังได้  หรือ บางทีคุณย่าของคุณจ๊อดเอง จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังได้"

จ๊อดขมวดคิ้ว  พิธีอะไรบางอย่าง.... วลีนี้ ทำให้เขานึกถึง

"ล้างแอร์ ? จะมีคนไปล้างแอร์ที่บ้าน นี่ใช่มั้ยคือพิธี ?"

แอนดี้เลิกคิ้ว

"อ้า ! ใช่ครับ !  ตอนนี้เก็บความสงสัยไว้ก่อน หลังวันล้างแอร์ สงสัยอะไร ถามได้หมดครับ"

จ๊อดมองไปบริเวณที่วางพวงหรีดข้างโลงศพ

"ครอบครัวกิจบูรณาเกี่ยวข้องกับคุณประยงค์ด้วยเหรอครับ ถึงมีพวงหรีดของกิจบูรณามาวางด้วย ?"

แอนดี้มองไปที่บริเวณพวงหรีด แล้วตอบ

"ใช่ครับ !  หลังวันล้างแอร์ ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง  แต่ตอนนี้ มีเรื่องที่สงสัยอยากถามคุณจ๊อด  ซึ่งถ้าคุณจ๊อดตอบผมได้ มันก็จะช่วยให้คนอื่นในบ้านไตรสรณ์ ไม่ต้องเป็นแบบคุณเอก"

เขามีสีหน้าตกใจกับคำพูดของแอนดี้

"จะมีคนอื่นต้องเป็นแบบคุณพ่อด้วยเหรอ ?"

แอนดี้พยักหน้า

"ผมว่า มีแน่ !  ถ้าคุณเอกไม่สามารถทำอะไรได้ตามที่เค้าต้องการ เค้าก็ต้องบีบให้คนอื่นทำให้ได้"

แน่นอนว่า จ๊อดไม่อาจเข้าใจในสิ่งที่แอนดี้พูดมาทั้งหมด เพียงแค่รู้ว่า อาจจะมีคนอื่นในบ้านต้องชะตากรรมเดียวกับคุณพ่อ แค่นี้ก็ทำให้เขาเกิดความกังวลอย่างหนักแล้ว

"คุณแอนดี้ช่วยได้ใช่มั้ยครับ ?"

แอนดี้ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้

"ผมจะพยายามเต็มที่  แต่ตอนนี้ ผมอยากรู้ว่า ทำไมคุณจ๊อด ถึงเป็นคนเดียวในบ้านไตรสรณ์ ที่ไม่อยู่ในข่ายของพวกเค้า  หลุดออกมาได้เพราะอะไร ?"

จ๊อดสั่นหัว เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่แอนดี้กำลังสื่อสาร

"หมายถึงอะไรครับ ? ผมหลุดจากอะไร ? ผมไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน"

พระนางจันทิมา สื่อจิตเป็นคำถามมา  แอนดี้พูดตามที่ได้รับสัมผัส

"คุณจ๊อดได้รับคำสั่งจากคนสองคน  คนนึง ให้คุณจ๊อดไปหาเค้า  คนนึง ให้คุณจ๊อดมาหาผมที่นี่   คุณจ๊อดกลับเลือกมาหาผมที่นี่  แล้วก็มาได้อย่างปลอดภัย ราบรื่น 

นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า คุณจ๊อดเป็นอิสระจากข่ายของพวกเค้า  อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจ ไม่ติดสิ่งใดที่จะบังคับขัดขวางคุณจ๊อดได้    

ถ้าหากยังติดอยู่ในข่ายการบังคับของพวกเค้า  คุณจ๊อดจะไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้  ป่านนี้ คุณจ๊อดต้องไปอยู่กับเค้าตามที่เค้าต้องการแล้ว"

แอนดี้สังเกตได้ว่า สีหน้าของคู่สนทนา ยังมึนงงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

"คุณจ๊อด เมื่อเร็ว ๆ นี้  ได้เคยไปทำพิธีบังสกุลตายที่ไหน หรือเปล่าครับ ?"

จ๊อดหัวเราะหึ ๆ

"มันเกี่ยวอะไรด้วยเหรอครับ ? ผมไม่ค่อยเข้าวัดอยู่แล้ว คงไม่เคยครับ"

แอนดี้ถอนหายใจ

"งั้นไม่เป็นไรครับ ! คงต้องหาเหตุผลต่อไปว่า ทำไมคุณจ๊อดถึงหลุดจากการควบคุมของเค้าได้ เพราะถ้าผมรู้เรื่องนี้ การล้างแอร์ก็จะง่ายขึ้น"

จ๊อดนึกถึงน้องสาว และ แม่ เป็นอันดับแรก  

นอกจากคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุดสองคนนี้แล้ว สมาชิกครอบครัวไตรสรณ์ทั้งหมด ก็ยังถือว่าเป็นญาติที่เขารัก เขาคงไม่อยากให้ใครต้องมารับเคราะห์กรรมแบบคุณพ่อ  

"คุณแอนดี้คิดว่า ยกเว้นผมแล้ว คนอื่นทุกคนในบ้านไตรสรณ์ ถูกคนควบคุมอยู่ ?"

แอนดี้พยักหน้า

จ๊อดพยายามขบคิด เขามีอะไรแตกต่างจากคนอื่นในครอบครัว ?

คณะพระสงฆ์ทยอยเดินเข้ามาในศาลา

แอนดี้ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา

"ใกล้ทุ่มนึงแล้ว ! ผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้ายังไงผมจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์ให้  คุณจ๊อดนึกอะไรออกก็โทรบอกได้"

จู่ ๆ สมาชิกไตรสรณ์ก็ทำตาโต มองหน้าแอนดี้

"คุณแอนดี้ ! ผมนึกออกแล้ว !  ผมเปลี่ยนชื่อ สกุล  วันที่เปลี่ยนชื่อสกุล ผมได้ไปวัดทำพิธี แต่ไม่รู้ว่านั่นคือพิธีอะไร จำชื่อไม่ได้"

แอนดี้ก็เบิกตาโตเช่นกัน

"เปลี่ยนชื่อ สกุล ! งั้นก็ใช่สิครับ  เปลี่ยนแล้วก็ไปให้พระสวดบังสกุลตายให้กับชื่อเก่า แล้วบังสกุลเป็นให้ชื่อใหม่"

เขาพยักหน้าหงึก ๆ

"ใช่มั้งครับ !"

"นั่นแหละ ! ขอบคุณที่บอกครับ  ผมจะได้ไปป่วยตาหลับซะที  มีอะไรค่อยคุยกันต่อนะครับ"

"อ้าว ! จะรีบไปไหนครับ ! ผมอยากรู้รายละเอียดให้มากกว่านี้"

แอนดี้ดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง

"ไม่ได้แล้วครับ ! หมดเวลา ! ผมต้องไปป่วยก่อนครับ  เราต้องมีโอกาสเจอกันอีกแน่ ๆ  ขอผมไปป่วยก่อนครับ"

สิงห์ต้าลู่พยักหน้าส่งยิ้มให้ แล้วรีบเดินผละจากจ๊อด ปล่อยให้เขานั่งงงอยู่กับพฤติกรรมที่แสนจะผิดปกติของเขา 

เอนกที่รออยู่บริเวณนอกศาลา รีบกวักมือเรียก

"รถจอดทางนี้ครับ !  ยังพอมีเวลาอีกห้านาที  อย่าเพิ่งล้มลงตอนนี้นะพี่"

_____________________________________________________________________________________
1 , 2 < อ่านหน้า

ต้องการอ่านตอนต่อไป โปรดฟังคำถามท้ายตอนในคลิปข้างล่างนี้
แล้วโพสต์ตอบ กดที่นี่

 
สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่

กลับขึ้นด้านบน  อ่านตอนอื่น 

แสดงความคิดเห็น

 


 

 

 
Copyright © 2008, pendulumthai.com All rights reserved