
ร้านอาหารโรงแรงสยามธานี ในตัวเมืองสุราษฎร์ ฯ เป็นที่นัดพบของอดีตศิษย์เก่าร่วมโรงเรียนสองท่าน
วายุ กับ เจ๊เหมี่ยว นั่งสนทนาไถ่ถามทุกข์สุขตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมากว่ายี่สิบปี
หมดจากเรื่องส่วนตัว วายุก็เข้าเรื่องที่เขาต้องการจะสนทนา
เพียงแค่เริ่มเกริ่นถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมอารยะเมตตาจิต เจ๊เหมี่ยวก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
ต่างฝ่ายต่างผลัดกันเล่าถึงประสบการณ์ของตนกับคนกลุ่มนั้น
"แสดงว่าสมัยที่เธอเข้าไปที่นั่น ไม่มีใครพูดถึงผู้นำเก้าคนแล้วสิ"
"ไม่มีนะ มีแต่พูดว่ารอผู้นำ ซึ่งที่บรรดาศิษย์ทั้งหมดปฏิบัติกันมาเนี่ย ก็เพื่อรอผู้นำคนนั้นที่จะมา ไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังคือ เตรียมกันเก้าคนหรืออะไร แต่รู้ว่า ผู้นำคนนี้ จะนำบรรดาศิษย์ปฏิบัติธรรมแบบพระศรีอารย์ เพื่อปูทางให้พร้อมรอรับศาสนาพระศรี ฯ
มันก็เป็นความเชื่อที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป แต่ชั้นก็ไม่ได้ถือสาเรื่องนี้หรอกนะพี่ยุ ซึ่งมันเป็นไปได้ที่ทางนี้ บอกว่าพระศรี ฯ ท่านจะมาโปรด ณ ช่วงนี้ ไม่ใช่ต้องรออีกเป็นล้านปี อันนี้ชั้นไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะ ไม่ว่าจะเป็นพระศรีอารย์จริงหรือไม่จริง ชั้นสนใจสิ่งที่ทำมากกว่า
การช่วยเหลือเด็กยากจน ให้ทุนการศึกษา การสอนอาชีพ สอนศีลธรรมให้ชาวบ้าน เรื่องพวกนี้ชั้นว่าเป็นเรื่องที่ดี
พี่รู้จัก สุริยนต์ ข่มจันทร์ ? 
วายุพยักหน้า
"เคยได้ยิน หนังสือที่เขาเขียนกำลังดัง แต่พี่ไม่ได้อ่านหรอก"
"เค้าเก่งนะ ! ชั้นอ่านหนังสือที่เค้าเขียน ก็ยังชอบเลย ความคิดก้าวหน้า เอาว่า เหมารวม ๆ น่ะ ต้องบอกว่าไอเดียสังคมแห่งพระศรี ฯ น่ะใช้ได้ ไม่งั้นชั้นไม่ร่วมหัวจมท้ายมาตั้งสี่ปี"
การสนทนาของอดีตศิษย์ร่วมโรงเรียน ออกรสออกชาติไปตามประสบการณ์ของทั้งสองคน
สองชั่วโมงของการสนทนา จากกันด้วยรอยยิ้ม และ คำมั่นว่า รุ่นพี่รุ่นน้องจะยังติดต่อสื่อสารกันต่อไป
บ่ายแก่ ๆ ของวัน วายุโทรหาชูศักดิ์ เพื่อเล่าเรื่องสำคัญบางเรื่อง
"คุณชูศักดิ์ ผมเพิ่งคุยกับเจ๊เหมี่ยวนะ ผมเรียกว่าเหมี่ยวแล้วกัน เพราะเธอเป็นรุ่นน้องผม"
"ครับ ได้ความว่ายังไงครับ ?"
"ยาวมากน่ะ ! แต่เอาเรื่องปัจจุบันก่อน เหมี่ยวเค้ายังมีคนรู้จักที่ยังเป็นศิษย์ที่นั่นอยู่ ศิษย์คนนั้นเล่าให้ฟังว่า เดิมทีเค้ามีหน้าที่นั่งส่งพลังให้กับคนที่เค้าคาดว่า น่าจะได้มาดูแลการเงินให้กับผู้นำเก่าที่กลับชาติมาเกิด
มีเรื่องผิดปกติ คือ พวกเค้าส่งพลังไปที่คนที่จะมาดูแลเงิน แต่มันไม่ถึง คือ เหมือนกับไม่มีคนรับ เป็นมาหลายเดือนแล้ว แม้แต่คุณปั้น ส่งพลังเอง ยังไปไม่ถึงเลย"
ชูศักดิ์ยังจับความไม่ได้ เขาถามกลับ
"ส่งพลังให้ใครนะครับ ?"
วายุรู้ตัวว่าพูดรวบรัดไปหน่อย จึงขยายความเพิ่ม
"คืองี้ ผู้นำเก่าที่กลับชาติมาครอบครองสมบัติเดิม เมื่อกลับชาติมาเกิด ก็ต้องจำชาติก่อนได้ จำอดีตได้ว่า เคยได้มอบหมายฝากฝังให้ใครดูแลสมบัติให้ เหมือนกับที่ หนูเปี๊ยก บอกว่าสมชายจะเป็นคนมาดูแลเงินในระหว่างที่หนูเปี๊ยกยังไม่บรรลุนิติภาวะ แบบนั้นไงครับ นึกออกหรือยัง ?
"อ้อครับ ! นึกออกครับ แต่สมชายเค้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย จู่ ๆ พาเค้าไปเซฟเฮ้าส์แล้วก็พาเค้าออกมา ไม่เล่าเรื่องราวอะไร ผมเป็นเค้า ผมไม่คบกับไอ้คนกลุ่มนี้แล้วครับ"
วายุหัวเราะที่ชูศักดิ์พูดออกนอกเรื่อง
"ฮ่า ๆๆ ! ไอ้เรื่องคุณสมชายนี่พักไว้ก่อน ขอผมเล่าเรื่องที่ศูนย์นี่ก่อนครับ"
"อ้อ ครับ ๆ !"
วายุเล่าต่อ
"คนของเหมี่ยวเล่าว่า หลายเดือนมาแล้ว ที่พวกเค้าส่งพลังไป ไม่ถึงคนคนนี้ เหมือนกับปลายทางไม่มีคน หรือว่า ส่งพลังไปผิดที่ อะไรนี่แหละ สรุปสั้น ๆ ว่า คนคนนี้หายไปจากเรดาร์ของพวกเค้า"
"อ้าว ! สงสัยตายไปแล้วมั้ง"
วายุหัวเราะ
"ยังไม่ตายครับ ! แต่ เหมือนกับว่า หาไม่เจอแล้วในเรดาร์ ประมาณนั้น
เรื่องนี้ทำให้ครูปั้นร้อนใจ เพราะมาเจอกับเหตุการณ์กลุ่มอารยะเมตตาจิตถอนตัวไปอีก เงินสนับสนุนหายไป
วิธีเดียวที่จะนำเงินกองกลางออกมาใช้ คือ ต้องให้ผู้นำใหม่โผล่มา แล้วชี้ผู้ดูแลเงิน ให้ผู้ดูแลเงินเอาเงินมาใช้ แต่นี่ ผู้ดูแลเงินก็หายไปจากเรดาร์อีก..."
ชูศักดิ์พูดขึ้นแทรกทันที
"มิน่า นั่นคือ ทำไม เค้าถึงต้องประกาศกันภายในว่าพบผู้นำคนใหม่แล้วไงครับ"
"ใช่ ๆ ! คุณชูศักดิ์อ่านทางออก เพื่อควบคุมไม่ให้สถานการณ์ยุ่งไปกว่าเดิม เค้าต้องรีบจัดการประกาศว่าพบท่านผู้นำแล้ว เพื่อหยุดข่าวลือ หยุดคนอื่น ๆ ที่จะไปลากใครมาอ้างว่าเป็นผู้นำ ชิงประกาศก่อนย่อมได้เปรียบ"
ชูศักดิ์เห็นด้วย
"ใช่ครับ ! ไม่งั้น เจ้าเปี๊ยก จับคู่กับ สมชาย ได้ก่อน งานนี้มีเฮ ! นี่ถ้าสมชายเค้าเล่นด้วยกับเรานะ เล่นละครเตี๊ยมบทให้ตรงกัน แล้วยึดสำนักแม่งเลยได้นะ ฮ่า ๆๆๆๆ !"
เขาพูดแล้วก็หัวเราะชอบใจความคิดตัวเอง พาให้วายุหัวเราะตามไปด้วย
ชูศักดิ์หยุดหัวเราะแล้ว ถามต่อ
"แล้วเค้าพบจริง ๆ แล้วใช่มั้ยล่ะครับ ผู้นำน่ะ ? ผมจะได้ล้มเลิกความพยายามทั้งหมด กลับมาทำมาหากินของผมตามปกติซะที"
"เรื่องนี้คนของเหมี่ยวบอกว่าเค้าพบแล้ว แต่เค้าไม่รู้ว่าใคร คุณปั้นจะบอกให้คนบางคนรู้เท่านั้น แต่ ทุกคนรู้ว่า คนที่มาดูแลเงินน่ะคือใคร แล้วเกิดหายตัวไปนี่สิ ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ นับว่า หนูเปี๊ยกก็ยังมีสิทธิ์"
ชูศักดิ์นึกตามไปด้วย
"ผมว่ามันก็พอกันแหละครับ ฝ่ายโน้น หายไปคนนึง ส่วนของเรา สองคน ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง คุณสมชายเค้าคงตัดหางไอ้เปี๊ยกทิ้งแล้ว ชีวิตเค้าจะต้องมาวุ่นวายกับพวกเราทำไม ?
เอาหัวมุดโถส้วมคิด ก็ยังคิดไม่ออกว่า ไอ้เปี๊ยกไปดองกับเค้าที่ติ่งไหน"
********************************************************************

เลอหงส์ในชุดกระโปรงสีดำ คุกเข่าอยู่หน้าโลงศพนักสืบประยงค์
ภาพความทรงจำของน้ายงค์ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของเธออย่างต่อเนื่องมาสองวันติดกัน นับตั้งแต่วันที่น้ายงค์จากไป
เมื่อเธอจ้องมองภาพถ่ายน้ายงค์ที่ประดับอยู่ข้างโลงศพ ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง
รอบศาลาเต็มไปด้วยพวงหรีดจากคณะต่าง ๆ มีตั้งแต่อดีตตำรวจที่เคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมงาน มาจนถึง ตำรวจที่ยังอยู่ในหน้าที่ ณ ปัจจุบัน แต่พวงหรีดที่ใหญ่ที่สุดในศาลา คือ พวงหรีดของครอบครัวกิจบูรณาอย่างไม่ต้องสงสัย
เสียงน้องปิ่น... ลูกสาววัยยี่สิบห้าปีของน้ายงค์เรียกเธอ
"พี่หงส์ ! มาทานข้าวเย็นกันก่อนแขกมาเถอะค่ะ !"
หงส์หันหน้าไปส่งยิ้มให้ เธอก้มลงกราบที่หน้าโลงศพ
เอนก ชลลดา อาเจิ้น รับอาสามาช่วยญาติ ๆ ของน้ายงค์ต้อนรับแขกในวันนี้
แอนดี้กำลังยืนคุยอยู่กับหมู่ญาติของน้ายงค์บริเวณนอกศาลา
เลอหงส์เดินตามปิ่นออกมาที่ด้านข้างศาลา กับข้าวทั้งหลายถูกแกะวางอยู่ในภาชนะมีฝาครอบ
อาศัยที่โอกาสเหมาะได้อยู่ตามลำพังกับลูกสาวของน้ายงค์ หงส์เดินเข้าไปชิดตัวเธอ แล้วควักซองกระดาษใส่เงินจากกระเป๋ากระโปรง ยื่นให้
ปิ่นมองหน้า หงส์คว้ามือข้างหนึ่งของเธอ แล้วยัดเยียดซองลงไปในฝ่ามือ
"รับไปนะน้องปิ่น !"
ลูกสาวน้ายงค์ก้มหน้ามองที่มือ
"นี่อะไรคะ ?"
"นี่ไม่ใช่เงินช่วยงานศพ แต่เป็นเงินที่พี่หงส์อยากให้น้องปิ่นเก็บไว้ดูแลตัวเอง"
ปิ่นสั่นหัวทันที
"ไม่ได้ค่ะ ! คุณแอนดี้ก็ช่วยปิ่นมาแล้ว คุณน้อย คุณวิบูลย์ก็ช่วยมาแล้ว ปิ่นรับของพี่หงส์อีกไม่ได้หรอกค่ะ พี่หงส์ก็คือน้องคุณแอนดี้ ปิ่นรับของคุณแอนดี้มาแล้ว รับของพี่หงส์อีกไม่ได้ค่ะ"
หงส์บีบฝ่ามือของปิ่นให้กระชับมากขึ้น
"รับไปเถอะ ! ส่วนของพี่แอนดี้นั่นคนละส่วนกับของพี่หงส์ น้ายงค์มีบุญคุณต่อพี่หงส์ ขอให้พี่หงส์ได้ตอบแทนนะ"
น้ำเสียงที่หนักแน่น และ สีหน้าที่ไม่มีร่องรอยของความลังเล ทำให้ปิ่นต้องพยักหน้า
เธอรับซองเงินไว้ แล้วยกมือขึ้นไหว้
"ขอบคุณพี่หงส์มากค่ะ !"
"สิ่งที่น้ายงค์ได้ทำเพื่อพี่หงส์ มันมีค่ามากกว่าซองนั้นเยอะ"
ปิ่นเก็บซองเงินไว้ในกระเป๋ากางเกง เธอเปิดฝาครอบกับข้าวขึ้น
"พี่หงส์ทานข้าวก่อนเถอะค่ะ มีอะไรที่พี่หงส์ทานได้บ้าง ?" 
หงส์ส่งยิ้มให้
"พี่ทานได้ทุกอย่าง ! ข้างนอกเค้าคุยอะไรกันน่ะ ? ญาติ ๆ ของปิ่นน่ะ เห็นถกเถียงกันอยู่นาน"
ปิ่นถอนหายใจ
"เฮ้อ...! เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์ คนก็ตายไปแล้ว ปิ่นคิดว่าพ่อไปดีแล้ว พ่อมีแต่ช่วยคนอื่น ไม่เคยทำร้ายใคร ปิ่นเชื่อว่าพ่อไปดี แค่นี้ก็สบายใจ พวกน้า ๆ เค้าเชื่อว่าพ่อถูกเล่นของ ตอนที่พ่อป่วย น้าเค้าก็เคยพาไปให้คนที่นั่งฌานได้ บอกว่าพ่อถูกคุณไสย ต้องรีบแก้ แต่พ่อไม่เชื่อ เนี่ย พอพ่อเสียไป น้า ๆ ก็เลยขุดเรื่องนี้มาคุยกันใหญ่"
หงส์ฟังแล้วขมวดคิ้ว
"คุณไสยจากไหนเหรอ ?"
"จากไหนไม่รู้ค่ะ ! งานนักสืบ ต้องไปยุ่งกับเรื่องคนอื่น เค้าคิดว่าอาจจะถูกคนที่เราตาม เล่นของกลับมา"
คำตอบของเธอ ทำให้หงส์ฉุกคิดขึ้นในทันที
*************************************************************************

อาเจิ้นบี้บุหรี่กับขอบถังขยะ แล้วทิ้งก้นบุหรี่ลงไป เขาเดินไปหาเอนกที่กำลังยืนคุยกับชลลดาอยู่
"เอนก อาฟ่งเป็นอะไร ? ทำไมไปยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ? เห็นยืนตรงนั้นเกือบสิบนาทีแล้ว"
เอนก และ ชลลดา มองไปยังลานจอดรถ ซีฟ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว
เอนกพูดขึ้น
"หงส์ปวดท้องขึ้นมาอีกหรือเปล่า ?"
ชลลดาสั่นหัว
"ไม่น่าจะใช่ ! ท่าทางไม่เหมือนปวดท้อง น่าจะกำลังคิดอะไรอยู่ อย่าไปกวนเค้าเลย เดี๋ยวเค้าคงกลับเข้ามาในงาน"
แขกกลุ่มใหญ่ เป็นอดีตตำรวจที่เคยร่วมงานกับนักสืบประยงค์สมัยเป็นตำรวจพร้อมกับเหล่าภรรยา กำลังเดินเข้าตัวศาลา
เอนกพยักหน้ากับแฟน
"ไปช่วยรับแขกกันเถอะ !"
ชลลดาพยักหน้ารับ ทั้งสองเดินเข้าไปต้อนรับแขก
ชายหนุ่มใส่เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงแสลคสีดำ กำลังยืนจด ๆ จ้อง ๆ ชะเง้อมองอยู่ภายนอกศาลา
ปิ่นเดินเข้าไปทัก
"มางานไหนคะ ?" 
ชายหนุ่มส่งยิ้มให้
"งานคุณประยงค์ครับ ! ศาลานี้ใช่มั้ยครับ ?"
"ค่ะ ใช่ค่ะ ! มาจากส่วนไหนคะ ?"
เขาเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจคำถาม
"หมายถึงอะไรครับ ?"
"รู้จักคุณพ่อประยงค์ใช่มั้ยคะ ?"
เขาสั่นหัว
"เปล่าครับ ! ผมมาหาคุณแอนดี้"
"อ๋อ ! งั้นรอเดี๋ยวนะคะ จะไปบอกคุณแอนดี้ให้"
ปิ่นเดินผละจากแขกหนุ่ม เดินเข้ามาที่ตัวศาลา เหลือบเห็นหงส์ที่กำลังก้าวเท้าขึ้นศาลาเหมือนกัน
"พี่หงส์ ! ผู้ชายคนนั้นมาหาคุณแอนดี้ พี่หงส์รู้จักหรือเปล่าคะ ?"
เธอชี้มือไปที่ข้างศาลา หงส์มองตามไปที่ชายหนุ่มคนนั้น แล้วเกิดความฉงนขึ้นในทันใด
"เค้ามาที่นี่ทำไม ?" หงส์รำพึงกับตัวเอง แล้วพูดกับปิ่น
"จ้ะ ! พี่หงส์รู้จัก ! เดี๋ยวพี่ไปต้อนรับเค้าเอง"
เลอหงส์เดินตรงเข้าไปยังแขกที่มาถามหาพี่ชายเขา
"สวัสดีค่ะ ! จำหงส์ได้มั้ยคะ ?" เธอทักขึ้น
แขกหนุ่มมองหน้า แล้วหรี่ตา
"ครับ ๆ ! คุ้น ๆ เราเคยเจอกันที่ไหนครับ ?"
หงส์หัวเราะเบา ๆ
"สองปีแล้ว งานเลี้ยงวันเกิดคุณย่าเฉลา วันนั้นหงส์ใส่ชุดสีแดงค่ะ ! มากับรองประธานหม่า"
พอเธอเฉลย เขาก็ยกนิ้วชี้ขึ้น
"อ๋อ ! จำได้แล้ว ! คุณนั่งโต๊ะเดียวกับพี่ธรรม์ คุณมางานนี้เหมือนกันเหรอครับ ?"
"ค่ะ ! คุณจ๊อดมาหาพี่แอนดี้เหรอคะ ? หงส์เป็นน้องสาวของพี่แอนดี้ค่ะ !"
"อ้าว ! ครับ คุณย่าบอกให้ผมมาหาคุณแอนดี้ ให้พาผมไปกราบศพของคุณประยงค์"
หงส์ขมวดคิ้ว
"คุณจ๊อดรู้จักคุณประยงค์ด้วยเหรอคะ ?"
"เปล่าครับ ! คุณย่าบอกว่า คุณแอนดี้เลือกที่จะช่วยพ่อผมก่อนเป็นคนแรก เพราะมีคนไม่พอ จึงไม่สามารถช่วยคุณประยงค์ได้ คุณย่าบอกให้ผมมากราบศพ เพราะ ถ้าคุณแอนดี้ช่วยคุณประยงค์ก่อน พ่อผมก็อาจจะไม่รอด"
หงส์ทวนคำ
"มีคนไม่พอ ! มันแปลว่าอะไรคะ ?"
จ๊อดยักไหล่
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่รู้รายละเอียด แต่เข้าใจว่า ช่วยสองคนพร้อมกันไม่ทัน อะไรทำนองนี้แหละครับ"
หงส์ก้มหน้า ความสงสัยเริ่มสะสมถึงจุดสูงสุด
"เชิญคุณจ๊อดเข้ามานั่งรอก่อน หงส์จะตามพี่แอนดี้ให้ค่ะ"
เธอเดินนำแขกจากครอบครัวไตรสรณ์เข้ามาในศาลา 
หลังจากจ๊อดทรุดตัวลงนั่ง หงส์เดินรี่ไปหาพี่ชายที่นอกศาลาทันที
พี่ชายกำลังคุยกับอดีตตำรวจนายหนึ่ง หงส์สะกิดแขนพี่ชาย แล้วพูดภาษาจีนกลาง
"พี่ใหญ่ ! ฉันมีเรื่องคุยกับพี่หน่อย"
แอนดี้พยักหน้ารับ แล้วพูดกับอดีตตำรวจคู่สนทนา
"ขอตัวก่อนนะครับ"
หงส์พาแอนดี้เดินออกมาห่างจากศาลาพอประมาณ แล้วหยุดเดิน ถามขึ้นเป็นภาษาจีนกลาง
"พี่ใหญ่น้ายงค์ตายด้วยอะไร ? ถูกคุณไสยใช่มั้ย ?"
แอนดี้รู้ทันทีว่า หงส์คงได้ยินญาติของผู้ตายเล่าให้ฟัง
"น้ายงค์ถูกคุณไสยน่ะ ใช่ ! แต่ คนเราเมื่อถึงเวลา เขาก็ต้องจากไป"
ซีฟ่งขึ้นเสียง "แต่พี่ใหญ่เลือกว่าจะช่วยคนอื่นก่อน แล้วปล่อยให้น้ายงค์ตาย ?"
เขาเบิกตาโต
"หา ! ทำไมเธอคิดยังงั้น ? เธอไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน ?"
"แล้ว ถ้าน้ายงค์โดนคุณไสย ทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่ช่วย ?"
"ไม่ใช่ว่าฉันไม่ช่วย แต่คนที่ช่วยได้ไม่ใช่ฉัน เธอเป็นเด็กนักเรียนลูกศิษย์ของครูยาใจ" 
เขาจำเป็นต้องเล่ารายละเอียดให้น้องสาวฟัง เลี่ยงที่จะปิดต่อไปไม่ได้
"พอฉันรู้ว่าคุณเอก กับ น้ายงค์ โดนคุณไสยทั้งคู่ ฉันวางแผนที่จะช่วยคุณเอกก่อน เพราะอาการคุณเอกหนักกว่า เมื่อช่วยคุณเอกแล้ว ก็จะช่วยน้ายงค์เป็นคนถัดไป
แต่เหตุการณ์มันยุ่งยากกว่าที่คิดไว้ เพราะลูกศิษย์ครูยาใจคนนั้น หลังจากช่วยคุณเอกแล้ว เธอก็โดนของเข้าตัวเอง สภาพเธอนั้น ไม่สามารถช่วยใครได้อีก จำเป็นต้องถอนของออก แล้วใช้เวลาพักฟื้นถึงจะกลับไปมีสุขภาพเหมือนคนปกติ"
น้องสาวยังมีสีหน้าที่บึ้งตึง พี่ชายพูดต่อ
"อาฟ่ง ! เธอคิดว่าฉันไม่รักน้ายงค์หรือยังไง ? เขาทำงานให้ฉันมาตั้งหลายปี ฉันสนิทกับเขามากกว่าเธอด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันจงใจปล่อยให้เขาตาย ?"
น้องสาวก้มหน้า ยืนกอดอก แล้วเปลี่ยนน้ำเสียงพูดให้เบาลง
"คุณจ๊อดของบ้านไตรสรณ์มาหาพี่ที่นี่ ฉันให้เขานั่งคอยอยู่ที่ศาลา"
"ได้ ! ฉันจะไปพบเขา"
**************************************************************

จ๊อดลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้ทันที หลังจากแอนดี้แนะนำตัว
"เชิญคุณจ๊อด กราบศพคุณประยงค์ก่อนเถอะครับ"
แอนดี้เดินนำหลานชายแห่งไตรสรณ์ไปที่บริเวณหน้าโลงศพ เพื่อ ทำพิธีไหว้ และ กราบศพ
เมื่อกราบศพเสร็จแล้ว แอนดี้เดินนำกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ในศาลา
"คุณแอนดี้ รบกวนเล่าเรื่องของพ่อผมให้ฟังได้มั้ยครับ ? พ่อผมโดนอะไร เกี่ยวอะไรกับคุณประยงค์ด้วย ?"
สิงห์ต้าลู่รับสัมผัสแห่งพระนางได้ จึงพูดไปตามที่จิตรับมา
"รออีกไม่กี่วันนะครับ ที่บ้านไตรสรณ์จะมีพิธีอะไรบางอย่าง หลังจากวันนั้น ผมจะเล่าให้คุณจ๊อดฟังได้ หรือ บางทีคุณย่าของคุณจ๊อดเอง จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังได้"
จ๊อดขมวดคิ้ว พิธีอะไรบางอย่าง.... วลีนี้ ทำให้เขานึกถึง
"ล้างแอร์ ? จะมีคนไปล้างแอร์ที่บ้าน นี่ใช่มั้ยคือพิธี ?"
แอนดี้เลิกคิ้ว
"อ้า ! ใช่ครับ ! ตอนนี้เก็บความสงสัยไว้ก่อน หลังวันล้างแอร์ สงสัยอะไร ถามได้หมดครับ"
จ๊อดมองไปบริเวณที่วางพวงหรีดข้างโลงศพ 
"ครอบครัวกิจบูรณาเกี่ยวข้องกับคุณประยงค์ด้วยเหรอครับ ถึงมีพวงหรีดของกิจบูรณามาวางด้วย ?"
แอนดี้มองไปที่บริเวณพวงหรีด แล้วตอบ
"ใช่ครับ ! หลังวันล้างแอร์ ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แต่ตอนนี้ มีเรื่องที่สงสัยอยากถามคุณจ๊อด ซึ่งถ้าคุณจ๊อดตอบผมได้ มันก็จะช่วยให้คนอื่นในบ้านไตรสรณ์ ไม่ต้องเป็นแบบคุณเอก"
เขามีสีหน้าตกใจกับคำพูดของแอนดี้
"จะมีคนอื่นต้องเป็นแบบคุณพ่อด้วยเหรอ ?"
แอนดี้พยักหน้า
"ผมว่า มีแน่ ! ถ้าคุณเอกไม่สามารถทำอะไรได้ตามที่เค้าต้องการ เค้าก็ต้องบีบให้คนอื่นทำให้ได้"
แน่นอนว่า จ๊อดไม่อาจเข้าใจในสิ่งที่แอนดี้พูดมาทั้งหมด เพียงแค่รู้ว่า อาจจะมีคนอื่นในบ้านต้องชะตากรรมเดียวกับคุณพ่อ แค่นี้ก็ทำให้เขาเกิดความกังวลอย่างหนักแล้ว
"คุณแอนดี้ช่วยได้ใช่มั้ยครับ ?"
แอนดี้ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้
"ผมจะพยายามเต็มที่ แต่ตอนนี้ ผมอยากรู้ว่า ทำไมคุณจ๊อด ถึงเป็นคนเดียวในบ้านไตรสรณ์ ที่ไม่อยู่ในข่ายของพวกเค้า หลุดออกมาได้เพราะอะไร ?"
จ๊อดสั่นหัว เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่แอนดี้กำลังสื่อสาร
"หมายถึงอะไรครับ ? ผมหลุดจากอะไร ? ผมไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน"
พระนางจันทิมา สื่อจิตเป็นคำถามมา แอนดี้พูดตามที่ได้รับสัมผัส
"คุณจ๊อดได้รับคำสั่งจากคนสองคน คนนึง ให้คุณจ๊อดไปหาเค้า คนนึง ให้คุณจ๊อดมาหาผมที่นี่ คุณจ๊อดกลับเลือกมาหาผมที่นี่ แล้วก็มาได้อย่างปลอดภัย ราบรื่น
นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า คุณจ๊อดเป็นอิสระจากข่ายของพวกเค้า อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจ ไม่ติดสิ่งใดที่จะบังคับขัดขวางคุณจ๊อดได้
ถ้าหากยังติดอยู่ในข่ายการบังคับของพวกเค้า คุณจ๊อดจะไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ ป่านนี้ คุณจ๊อดต้องไปอยู่กับเค้าตามที่เค้าต้องการแล้ว"
แอนดี้สังเกตได้ว่า สีหน้าของคู่สนทนา ยังมึนงงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
"คุณจ๊อด เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เคยไปทำพิธีบังสกุลตายที่ไหน หรือเปล่าครับ ?"
จ๊อดหัวเราะหึ ๆ
"มันเกี่ยวอะไรด้วยเหรอครับ ? ผมไม่ค่อยเข้าวัดอยู่แล้ว คงไม่เคยครับ"
แอนดี้ถอนหายใจ
"งั้นไม่เป็นไรครับ ! คงต้องหาเหตุผลต่อไปว่า ทำไมคุณจ๊อดถึงหลุดจากการควบคุมของเค้าได้ เพราะถ้าผมรู้เรื่องนี้ การล้างแอร์ก็จะง่ายขึ้น"
จ๊อดนึกถึงน้องสาว และ แม่ เป็นอันดับแรก 
นอกจากคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุดสองคนนี้แล้ว สมาชิกครอบครัวไตรสรณ์ทั้งหมด ก็ยังถือว่าเป็นญาติที่เขารัก เขาคงไม่อยากให้ใครต้องมารับเคราะห์กรรมแบบคุณพ่อ
"คุณแอนดี้คิดว่า ยกเว้นผมแล้ว คนอื่นทุกคนในบ้านไตรสรณ์ ถูกคนควบคุมอยู่ ?"
แอนดี้พยักหน้า
จ๊อดพยายามขบคิด เขามีอะไรแตกต่างจากคนอื่นในครอบครัว ?
คณะพระสงฆ์ทยอยเดินเข้ามาในศาลา
แอนดี้ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
"ใกล้ทุ่มนึงแล้ว ! ผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้ายังไงผมจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์ให้ คุณจ๊อดนึกอะไรออกก็โทรบอกได้"
จู่ ๆ สมาชิกไตรสรณ์ก็ทำตาโต มองหน้าแอนดี้
"คุณแอนดี้ ! ผมนึกออกแล้ว ! ผมเปลี่ยนชื่อ สกุล วันที่เปลี่ยนชื่อสกุล ผมได้ไปวัดทำพิธี แต่ไม่รู้ว่านั่นคือพิธีอะไร จำชื่อไม่ได้"
แอนดี้ก็เบิกตาโตเช่นกัน
"เปลี่ยนชื่อ สกุล ! งั้นก็ใช่สิครับ เปลี่ยนแล้วก็ไปให้พระสวดบังสกุลตายให้กับชื่อเก่า แล้วบังสกุลเป็นให้ชื่อใหม่"
เขาพยักหน้าหงึก ๆ
"ใช่มั้งครับ !"
"นั่นแหละ ! ขอบคุณที่บอกครับ ผมจะได้ไปป่วยตาหลับซะที มีอะไรค่อยคุยกันต่อนะครับ"
"อ้าว ! จะรีบไปไหนครับ ! ผมอยากรู้รายละเอียดให้มากกว่านี้"
แอนดี้ดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง
"ไม่ได้แล้วครับ ! หมดเวลา ! ผมต้องไปป่วยก่อนครับ เราต้องมีโอกาสเจอกันอีกแน่ ๆ ขอผมไปป่วยก่อนครับ"
สิงห์ต้าลู่พยักหน้าส่งยิ้มให้ แล้วรีบเดินผละจากจ๊อด ปล่อยให้เขานั่งงงอยู่กับพฤติกรรมที่แสนจะผิดปกติของเขา 
เอนกที่รออยู่บริเวณนอกศาลา รีบกวักมือเรียก
"รถจอดทางนี้ครับ ! ยังพอมีเวลาอีกห้านาที อย่าเพิ่งล้มลงตอนนี้นะพี่"
_____________________________________________________________________________________
1 , 2 < อ่านหน้า
ต้องการอ่านตอนต่อไป โปรดฟังคำถามท้ายตอนในคลิปข้างล่างนี้
แล้วโพสต์ตอบ กดที่นี่
สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่
กลับขึ้นด้านบน อ่านตอนอื่น
แสดงความคิดเห็น
|