ตอน 35 หน้า 2

ปมที่เริ่มคลาย

 

 

จ๊อดปรากฏตัวที่ห้องโถงล็อบบี้ชั้นล่างของโรงพยาบาลรามคำแหง ในชุดเสื้อเชิ้ตลำลองแขนสั้น กางเกงแสล็ค สะพายกระเป๋าลำลองสีดำหนึ่งใบพาดบ่า

วิภวาสังเกตเห็นพี่ชายตั้งแต่ไกล เดินรี่เข้าไปหาทันที

"พี่จ๊อด !"

เขามีรอยยิ้มขึ้นทันทีเมื่อเห็นน้องสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันสองปี

จ๊อดเพยิดหน้าขึ้น

"ว่าไงวิ ? วันนี้ไม่ต้องไปมหาลัย' ?"  เธอทักน้องสาวที่อยู่ในชุดลำลองไปรเวท

น้องสาวสั่นหัว  ยื่นมือมาจับต้นแขนพี่ชาย

"ขอจับแขนหน่อย !  พี่จ๊อดดู....." เธอสอดส่ายสายตาตั้งแต่ใบหน้าของพี่ชาย ไล่ลงมา

"....ตาตี่เหมือนเดิม หน้าคล้ำขึ้นนิดนึง  พุงก็ยังไม่มี..."

"ชั้นตาตี่ที่ไหน ?"

"แต่แขนพี่จ๊อดใหญ่ขึ้น ผิวคล้ำขึ้น   แหม ! ว่าตาตี่ทีไร เดือดร้อนทุกที  แต่ยังงี้ก็ยังดีกว่าสมัยที่ใส่แว่น  ตอนใส่แว่นไม่เห็นลูกกะตา ยิ่งยู่ยี่เข้าไปใหญ่"

เขายกมือขึ้นตีหัวน้องสาวเบา ๆ

น้องสาวมองกระเป๋าที่พี่ชายสะพายอยู่ ยื่นมือไปจับ

"พี่จ๊อดหอบอะไรมา ? เอกสารเหรอ ?"

"อย่ารู้เลยน่า ! วิ วันนี้มีใครรู้บ้าง ?"

น้องสาวมองหน้า

"มีคนเดียว ที่น้องวิปิดไม่ได้  พี่จ๊อดต้องเจอนะ คนอื่นวิไม่ได้บอกใคร แต่มีอีกคนต้องการเจอพี่จ๊อด ฝากน้องวิมาบอกให้พี่จ๊อดไปเจอ แต่เค้าไม่รู้ว่าพี่จ๊อดจะมาวันนี้"

"ใครอยากเจอชั้น ?"

"พี่ต่อบอกว่า คุณลุงปัญจะวิทย์ต้องการเจอพี่จ๊อด ให้พี่จ๊อดไปหา"

เขารับฟัง แต่ไม่แสดงความคิดเห็นโต้ตอบ

"แล้ววันนี้ชั้นต้องเจอใคร ?"

"คุณย่า !  คุณย่าคนเดียวที่รู้ว่าพี่จ๊อดมาที่นี่"

จ๊อดนิ่งเพื่อคิดเพียงแค่อึดใจ แล้วพยักหน้าช้า ๆ

"ได้ !"

"อ้อ..!" น้องสาวนึกขึ้นมาได้ "จริง ๆ ก็มีอีกคนนึงรู้นะ แต่คงไม่เป็นไร พี่รุ่ง น้องวิบอกพี่รุ่งว่าวันนี้น้องวิจะเจอพี่จ๊อด"

หน้าตาของจ๊อดเปลี่ยนจากยิ้มมาเป็นเฉยเมยทันที

"ไม่ต้องพูดถึงชื่อนี้ตอนนี้ได้มั้ย ?"

เธอพยักหน้าหงึก ๆ

"โอเค โอเค !  งั้นพี่จ๊อดขึ้นไปเจอคุณย่าก่อนเถอะ"

น้องสาวพาพี่ชายเดินตรงไปยังบริเวณหน้าลิฟท์

**************************************************************************

วิภวาเปิดประตูห้องคนไข้ ชะโงกหน้าเข้าไป

"คุณย่าคะ พี่จ๊อดมาแล้ว !"

จ๊อดก้าวเข้ามาในห้อง  น้องสาวกระซิบเบา ๆ

"ตามสบายนะ น้องวิลงไปรอข้างล่าง"  แล้วเธอก็ปิดประตูกลับออกไป

คุณย่าเฉลาถอดแว่นสำหรับอ่านหนังสือออก แล้วเปลี่ยนเป็นแว่นสายตา ท่านนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขกของห้อง

หลานชายยกมือไหว้

คุณย่ากวักมือชี้ไปที่เตียงคนไข้

"ไปไหว้คุณพ่อก่อน ! คุณพ่อพูดไม่ได้นะ แต่มีสติรับรู้ได้"

ลูกชายคนโตวางกระเป๋าสะพายที่เก้าอี้โซฟา แล้วเดินไปที่ปลายเตียงคนไข้ 

บิดาบังเกิดเกล้านอนตะแคง มีหน้ากากอ๊อกซิเจนครอบปากอยู่

เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าจะได้เห็นพ่อของตัวเองในสภาพแบบนี้  ความสะเทือนใจเกิดขึ้นในทันที

บิดายกมือขวาขึ้น จ๊อดเข้าไปยืนชิดที่หัวเตียง แล้วจับมือ

ทันทีที่ฝ่ามือตัวเองสัมผัสกับมือพ่อบังเกิดเกล้า น้ำตาก็ร่วงอย่างห้ามไม่ได้  เขาโน้มหัวลงเพื่อให้แก้มสัมผัสกับหลังมือของคนป่วย

คุณพ่อยกมืออีกข้างขึ้นลูบหัว

เสียงสะอื้นเริ่มออกมาจากปากของลูกชาย  จ๊อดไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ได้ ความสะเทือนใจถูกระบายออกมาเป็นน้ำตา และ เสียงสะอึกสะอื้น

เกือบสองนาที กว่าเสียงร่ำไห้ของลูกชายจะเงียบลง  คุณพ่อโบกมือเป็นสัญญาณขอกระดาษ และ ปากกา

คุณย่าชี้ไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง

"เศษกระดาษกับปากกาอยู่ตรงนั้น"

หลานชายรีบเอื้อมมือไปหยิบปากกา กับ เศษกระดาษส่งให้คุณพ่อ

เอกฤทธิ์จับปากกา เขียนข้อความลงในเศษกระดาษ ยื่นให้ลูกชาย

จ๊อดอ่านข้อความในเศษกระดาษ 'ขับรถ เหนื่อยมั้ย ?'

เขาสิ่งยิ้มให้คุณพ่อ พร้อมสั่นหัว

"ไม่เหนื่อยครับ !"

คุณพ่อยังเขียนหนังสือได้ แสดงว่าสติยังดีอยู่ ลายมือบนเศษกระดาษทำให้จ๊อดใจชื้นขึ้นอย่างมาก

คุณย่าพูดขึ้น

"จ๊อดมานั่งคุยกันตรงนี้กับย่า เราคุยกัน คุณพ่อก็ได้ยินด้วย"

เขาพยักหน้า "ครับ !"

จ๊อดเก็บเศษกระดาษลายมือของคุณพ่อ พับใส่กระเป๋ากางเกง

เดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา  สองมือถือผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา

"คุณพ่อเป็นโรคอะไรครับ ? วิบอกว่าให้จ๊อดมาถามคุณย่าเอง"

"โรคที่หมอธรรมดารักษาไม่ได้ อาการออกมาที่ปอด แต่ต้นเหตุ ไม่ใช่จากปอด"

ชุดโซฟาอยู่ห่างจากเตียงคนไข้เพียงแค่สามก้าว คำสนทนาของทั้งสอง ได้ยินถึงหูคนไข้ได้อย่างชัดเจน

"ต้นเหตุเป็นที่ไหนเหรอครับ หมอธรรมดาถึงรักษาไม่ได้ ?"

คุณย่าถอนหายใจ

"เรื่องนี้ เราคงต้องคุยกันยาว  แต่ย่าจะเล่าให้จ๊อดฟัง หลังจากวันที่มีคนมาล้างแอร์ที่บ้าน"

คำตอบของคุณย่า ไม่เป็นที่เข้าใจของหลาน

"วันที่ใครมาทำอะไรนะครับ ?"

"จะมีคนมาล้างแอร์ที่บ้าน หลังจากวันนั้น ย่ามีเรื่องเล่าให้จ๊อดฟัง  แต่จ๊อดล่ะ อยากจะฟังหรือเปล่า ?"

เขาพยักหน้า

"จ๊อดอยากฟังเรื่องคุณพ่อครับ อยากรู้ว่าคุณพ่อป่วยเป็นอะไร"

"แล้วเรื่องอื่น ๆ ไม่อยากฟังเหรอ ?"

เขาก้มหน้า ผ่อนลมหายใจยาว

"เรื่องอื่น ๆ.... ก็ ฟังได้ครับ ถ้าคุณย่าอยากให้ฟัง"

คุณย่าเฉลาหัวเราะเบา ๆ

"เราไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับที่บ้านบ้างเหรอ หรือว่า จากบ้านไปนาน ลืมทุกอย่างหมดแล้ว ?"

จ๊อดสั่นหัว

"ไม่ได้ลืมครับ ! แต่ จ๊อดแค่.... เป็นห่วงคุณพ่อ  เรื่องอื่น จ๊อดไม่ค่อยอยากรู้ คุณย่าสบายดีนะครับ ! คุณย่าไม่ค่อยเปลี่ยน"

ผู้อาวุโสพยักหน้าช้า ๆ

"ย่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปได้มากกว่านี้  แต่เธอน่ะ เปลี่ยนไป"

เขาก้มลงมองที่แขนตัวเอง

"คงคล้ำขึ้นครับ เห็นวิก็ทักแบบนั้น"

"ไม่ใช่เรื่องสีผิว !  ย่าอ่านข้อความที่เธอส่งมาถึงพ่อทุกครั้ง  พ่อเธอให้คนพิมพ์ออกมาให้ย่าอ่าน"

หลานชายมีสีหน้าประหลาดใจ

"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ? มันไม่น่าให้ย่าอ่านหรือยังไง เรื่องพวกนั้นน่ะ ?"

จ๊อดสั่นหัว

"เปล่าครับ ! คุณย่าอ่านได้ครับ"

เขาเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายมาวางไว้บนตัก

"จ๊อดมีเรื่องอยากจะขออนุญาตคุณย่าครับ"

"มีอะไร ว่ามา !"

จ๊อดเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบซองกระดาษหนาประมาณเกือบคืบมาวางไว้บนโต๊ะรับแขก

"จ๊อดอยากให้ใช้เงินนี้ เป็นค่ารักษาคุณพ่อ  เงินนี้มันแค่หกหมื่นกว่าบาท  ค่ารักษาของคุณพ่อคงเป็นล้าน จ๊อดไม่มีเงินขนาดนั้น  แต่เงินนี้ เป็นเงินที่จ๊อดหามาได้จากการทำงานแล้วค่อย ๆ เก็บมา   จ๊อดอยากให้ใช้เงินก้อนนี้ให้หมด"

คุณย่าเพ่งมองหลานชาย

จ๊อดใช้มือดันซองใส่ธนบัตรให้เลื่อนไปด้านหน้าของคุณย่า

คุณย่าเฉลาเอื้อมมือมาจับซองไว้

"คุณย่าเข้าใจจ๊อดนะครับ จ๊อดอาจจะอธิบายไม่ค่อยเก่ง แต่จ๊อดอยากให้ใช้เงินนี้...."

คุณย่าพยักหน้า

"ย่าเข้าใจ ! หลานของย่าทุกคนที่โตมาในบ้านนี้ ย่าเข้าใจทุกคน  เธอไม่ต้องอธิบายมากกว่านี้  ย่าเต็มใจรับเงินนี้ แล้วย่าก็คิดว่า คุณพ่อเธอ ก็เต็มใจเหมือนกัน"

เขาถอนหายใจยาว ๆ แล้วค่อย ๆ ดึงมือกลับ  คุณย่าหยิบซองธนบัตรขึ้นจากโต๊ะ แล้ววางที่เบาะข้าง ๆ ตัวท่าน

"มีเรื่องอะไรจะขออีก ?"

จ๊อดสั่นหัว

"ไม่มีแล้วครับ !"

ผู้อาวุโสสูงสุดของบ้านไตรสรณ์เลิกคิ้ว แล้วถามย้ำอีกครั้ง

"เรื่องที่จะขอมีเรื่องเดียว ?  แค่นี้เธอก็พอใจแล้วเหรอ ?"

จ๊อดพยักหน้า

"ครับ ! แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ"

"เรื่องของไตรสรณ์กับทายาทที่ต้องรับช่วงต่อ เธอไม่อยากรู้แล้วเหรอ ?"

จ๊อดมองหน้าคุณย่า เขานึกไม่ถึงว่าคุณย่าจะถามเรื่องนี้ขึ้นมาในตอนนี้ 

สายตาเขากลอกไปยังบิดาซึ่งคงกำลังนอนฟังการสนทนาของย่าหลานอยู่บนเตียง

"ไม่อยากรู้ครับ ตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไป จะเป็นของใคร ก็แล้วแต่อามัณเห็นว่าใครสมควร ก็ตามนั้นครับ จ๊อดไม่ได้ติดใจอะไรแล้วครับ"

"ทำไมเธอถึงเข้าใจว่าอามัณมีอำนาจตัดสินใจ ยกหน้าที่นี้ให้กับใครก็ได้ ?"

จ๊อดขมวดคิ้ว

"อ้าว ! ไม่ใช่อามัณเหรอครับ ? เพราะผมเห็นว่าอามัณเป็นคนวางแผนทุกอย่างให้ครอบครัวเรามาตลอด ตอนจะประกาศว่าให้ใครมาเป็นผู้นำรุ่นต่อไป จ๊อดก็เห็นอามัณเป็นคนจัดการ"

คุณย่าพยักหน้า

"เธอคิดแบบนั้น ย่าก็เข้าใจว่าใคร ๆ ก็คงคิดแบบนั้น  แต่ความจริง มันไม่ใช่แบบนั้น  ผู้นำรุ่นต่อไป มันไม่ใช่แค่ตำแหน่ง แต่มันเป็นหน้าที่  เรื่องนี้แหละ ที่ย่าจะอธิบายให้เธอได้เข้าใจ หลังจากวันที่มีคนมาล้างแอร์ที่บ้าน

เธอคงเข้าใจว่า ย่าคงจะยกตำแหน่งนี้ ให้รุ่ง ใช่มั้ย ?" 

"ตอนนี้จ๊อดไม่ได้ติดใจแล้วครับ จะเป็นใคร ก็ไม่ได้ติดใจอะไร"

"ถ้าเป็นรุ่ง เธอไม่ติดใจแล้วเหรอ ? เพราะอะไรถึงไม่ติดใจ ?"

"เพราะตำแหน่งนี้ ให้กับหลานชายคนโต วันที่จ๊อดรู้ว่า ใครเป็นหลานชายคนโตจริง ๆ จ๊อดก็เลิกติดใจแล้ว ยังไงก็ไม่ใช่จ๊อด  จ๊อดเลิกติดใจเรื่องนี้มาสองปีแล้วครับ"

จ๊อดกลับต้องแปลกใจ เมื่อเห็นคุณย่าหัวเราะ แล้วสั่นหัวช้า ๆ

"เธอนี่ท่าจะสับสน ! พูดไปแล้ว มันก็ไปโทษเธอคนเดียวไม่ได้ ไม่มีใครไปอธิบายให้เธอฟัง แล้วเธอก็ไม่เคยถาม เธอก็ตีความไปเอง

เธอเข้าใจว่า ใครคือ ผู้นำของรุ่นที่สาม ?"

จ๊อดตอบทันที

"ถ้าตอนนี้ คือ พี่ธรรม์ ยังเป็นอยู่อย่างเป็นทางการ แต่คงจะส่งมอบให้หลานคนโตของคุณปู่ ในอนาคต"

คุณย่าพยักหน้า

"ถูกต้อง ! เธอน่ะพูดถูกต้อง  แต่ใครล่ะ คือ หลานคนโตของคุณปู่ ? เธอตอบย่ามาซิ !"

"ก็... จ๊อดรู้แล้วว่าไม่ใช่จ๊อด !"

"ทำไมไม่ใช่เธอ ?  คุณปู่เธอรู้จักหลานคนอื่นที่เกิดก่อนเธออีกเหรอ ?"

หลานชายขมวดคิ้ว

"ก็ถ้าคุณปู่สั่งเสีย หรือ ทำพินัยกรรมไว้แบบนั้น  หลานชายคนโตตามวันเดือนปีเกิด ก็ไม่ใช่จ๊อด"

"พินัยกรรมอะไร ? มีใครเคยพูดถึงพินัยกรรม ? ตั้งแต่ปู่เธอเสียไป กี่ปีมาแล้ว มีใครเคยพูดถึงพินัยกรรมให้เธอได้ยินบ้าง ?"

จ๊อดสั่นหัว

"ไม่มีครับ ! แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่า งานเลี้ยงวันเกิดคุณย่าเมื่อสองปีที่แล้ว คุณย่ากำลังจะประกาศให้คนทั่วไปรู้ว่า มีหลานชายคนใหม่ มาเป็นผู้นำรุ่นที่สาม"

ผู้อาวุโสหรี่ตา ถอนหายใจช้า ๆ  แล้วพยักหน้าหลาย ๆ ครั้ง

"อ้อ .... ! นี่ นี่ นี่ ! ชั้นเพิ่งมารู้ตอนนี้ว่า เธอเข้าใจแบบนี้มาตลอด  งั้น ย่าถามเธออีกครั้งว่า งานในปีนั้น เดิมทีอามัณเขาจะประกาศว่ารุ่งเป็นอะไร ?"

ทำไมคุณย่าถามคำถามนี้ ? สมาชิกไตรสรณ์ทุกคนก็น่าจะตอบคำถามนี้ได้

"อามัณจะประกาศว่า เขาเป็นผู้นำคนใหม่ของรุ่นที่สามครับ"

คุณย่าหัวเราะหึ ๆ

"เธอจำเอกสารที่พิมพ์แจกกันภายในบ้านได้ใช่มั้ย ?"

หลานชายพยักหน้า  เขายังจำภาพแผนภูมิที่มีชื่อของเด็กบ้านนั้น ขึ้นมาจ่อเป็นชื่อหลานชายคนโตอยู่บนสุดได้ดี

คุณย่าพยักหน้า

"ความจำดี !  ถ้าเธอจำได้ เธอบอกย่าหน่อยว่า หัวเรื่องของเอกสารใบนั้น พิมพ์ว่า อะไร ?"

"ขอเชิญนักข่าว ร่วมฟังเรื่องการแถลง เปิดตัว สมาชิกใหม่รุ่นที่สาม ของครอบครัวไตรสรณ์ น่าจะประมาณนี้ครับ"

คุณย่าพยักหน้า

"อือ ใช่ ! ประมาณนั้น ย่าจำได้  ความจำเธอยังดี  แล้วในรายละเอียดของคำแถลงน่ะ อามัณจะประกาศว่ารุ่งโรจน์ เข้ามาเป็นอะไร ?"

หลานชายถอนหายใจ

"คุณย่าครับ ! เค้าจะเป็นอะไร หรือ ไม่ ตอนนี้ จ๊อดไม่ได้ติดใจอะไรแล้วครับ  จริง ๆ นะครับ จ๊อดมีความสุขกับชีวิตจ๊อดตอนนี้แล้ว  อยากให้คุณย่าสบายใจ"

"ตอบคำถามย่าก่อน ว่า ในเอกสารนั้น อามัณจะประกาศว่า รุ่งโรจน์ มาเป็นใคร ?"

หลานชายคงจำเป็นต้องตอบในสิ่งที่คุณย่าถาม

"มาเป็นผู้นำรุ่นที่สามครับ !"

คุณย่ายิ้มที่มุมปาก แล้วมองหน้า   

เขาไม่เคยชอบสีหน้าท่าทางที่มีเลศนัย และ น่าสะพรึงแบบนี้ของคุณย่าเลย สองปีแล้ว ที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้

"ย่าจะบอกให้อามัณ ส่งสำเนาเอกสารนั้น ไปให้เธอดูอีกครั้ง แล้วเธออ่านดี ๆ ว่า  มีคำว่า ผู้นำรุ่นที่สาม อยู่ในคำแถลงมั้ย ?"

คำพูดนี้ ทำให้จ๊อดฉุกคิด เขารำพึงออกมาเบา ๆ

"หรือว่า... ประกาศว่าเป็นหลานชายคนโต แค่นั้น" เขามองหน้าคุณย่า แล้วพูด  "แต่ก็หมายความว่าเป็นผู้นำรุ่นที่สามเหมือนกันนี่ครับ"

"ก็ย่าบอกเธออยู่ตรงนี้ ว่ามันไม่เหมือนกัน  หลานชายคนโต คือ หลานชายคนโต เรื่องนี้มันเป็นข้อเท็จจริงที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้  รุ่งโรจน์เค้ามีอายุมากกว่าเธอ เค้าเป็นพี่ชายของเธอ เค้าคือหลานชายคนโตของชั้น

ส่วนผู้นำรุ่นที่สาม มันไม่ใช่ตำแหน่ง แต่มันเป็นหน้าที่ ที่ยกให้ใครไม่ได้ เพราะมันมาจาก....."

คุณย่าชะงักไว้แค่นั้น แล้วเงียบ เพื่อใช้ความคิด

เพียงอึดใจ ท่านพยักหน้า

".... เอายังงี้ เธอยังจำได้ใช่มั้ยว่า คุณปู่น่ะ มีความเชี่ยวชาญเรื่องอะไรมากที่สุด ?"

จ๊อดกลอกตาคิดเพียงครู่ พยายามหาความเกี่ยวเนื่องระหว่างบุคลิกของคุณปู่ กับ เนื้อหาที่คุณย่ากำลังถาม เมื่อคิดว่าน่าจะใช่คำตอบนี้ เขาจึงตอบ

"เรื่องการทำนายชะตาคนครับ"

คุณย่ายิ้ม แล้วพยักหน้า

"ใช่ !  จ๊อดตอบแบบนี้ ก็ได้ชื่อว่าเป็นหลานปู่จริง ๆ   คุณปู่มีวิชามากมาย การดูดวง หรือ ทำนายชะตาชีวิตคน ถือว่าแม่นมาก   ครอบครัวไตรสรณ์ เรามีหลานชายอยู่สามคน   คุณปู่ทำนายว่า สองในสาม จะมาช่วยธุรกิจของครอบครัวให้เจริญรุ่งเรืองต่อจากอามัณ   หนึ่งในสองคนนั้น จะเป็นผู้นำที่เก่งที่สุด  ในรุ่นที่สาม กิจการของไตรสรณ์จะรุ่งเรืองกว่ายุคของอามัณ"

จ๊อดมีรอยยิ้ม

"ถ้าอย่างนั้น จ๊อดก็ดีใจครับ ! ต่อเป็นคนที่เก่ง หัวไว ฉลาด....."

คุณย่าพูดสวนขึ้น

"ยัง ! ยังฟังย่าไม่จบ !   คุณปู่มั่นใจว่าทำนายชะตาของครอบครัวเราแม่น  ก็จึงเจาะจงให้หน้าที่นี้กับคนที่มีชะตาเป็นผู้นำ   ไม่ใช่ให้ใครก็ได้  อามัณตั้งคำถามคุณปู่ว่า หากทั้งสองคนยังไม่พร้อม เราจะมีทางเลือกเป็นคนนอกหรือไม่ ?

คุณปู่ตอบว่า คนที่ไม่พร้อมตอนนี้ สักวันหนึ่งเค้าจะพร้อม แล้วจะมั่นใจกว่าตอนนี้  ส่วนคนที่ใช้ไม่ได้ ไม่ว่าอีกนานเท่าไหร่ ก็จะเป็นคนที่ใช้ไม่ได้อยู่ดี  คนที่ใช้ไม่ได้ ไม่สามารถเป็นผู้นำได้ เป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น

คำตอบนี้ ตรงกับสิ่งที่ย่าเห็นเหมือนกัน หลานที่โตมาในบ้านไตรสรณ์ทุกคน ย่าก็ทำนายอนาคตได้ด้วยสายตา ถึงแม้จะไม่มีวิชาเหมือนคุณปู่    สิ่งที่คุณปู่ทำนาย เป็นสิ่งที่ย่าเห็นตรงด้วย"

จ๊อดขมวดคิ้ว แล้วเอียงคอ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจคำพูดเหล่านี้

"ใครที่ไม่พร้อม แล้วจะพร้อม  ใครที่ใช้ไม่ได้ ใครเป็นใครล่ะครับ ?"

คุณย่าถามกลับ

"เธอคิดว่า ใครเป็นใครล่ะ สองคนนี้ ?"

เขาเพ่งลงที่พื้นห้อง จากสถานการณ์ปัจจุบัน เขาคงตอบได้เพียงว่า

"ต่อ ตอนนี้อาจจะยังเด็กไป แต่อนาคต ต่อจะพร้อม  ส่วนต้น ไม่เคยสนใจเรื่องธุรกิจ แต่ต้นก็เข้ามาช่วยพี่ชายได้ แต่คงเป็นผู้นำไม่ได้ เพราะยังไงก็คงไม่เก่งเท่าต่อ"

คุณย่าเอนหลังพิงพนัก ถอนหายใจ

"เธอนี่ก็ช่างคิด !" คุณย่าพักสายตาไปที่ซองใส่ธนบัตรที่วางอยู่ข้างกายท่าน

"ย่ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง  เธออยากรู้หรือไม่ ย่าก็จะเล่า  ถ้าไม่อยากรู้ ฟังแล้วเธอก็ลืม ๆ ไปแล้วกัน"

"คุณย่าเล่าเถอะครับ ไม่มีเรื่องไหนที่คุณย่าเล่าแล้วผมไม่สนใจ" 

เขาพูดตรงตามความรู้สึกจริง  เรื่องที่ออกมาจากปากคุณย่า ถ้าเกี่ยวกับตัวเขา ล้วนแต่เป็นเรื่องจริงจังที่เขาแทบจะลืมไม่ลงไปซะทุกเรื่อง

"ย่าจะเล่าเรื่องที่เธอควรเข้าใจ  ว่าทำไม ย่าถึงปฏิบัติต่อรุ่งเป็นพิเศษกว่าหลานคนอื่น"

หลานชาย ตั้งใจฟังด้วยอารมณ์ที่สงบ

"ลุงใหญ่ของจ๊อด หรือ จะเรียกว่าลุงวีระ เป็นลูกชายคนโตของย่า  เป็นพี่คนโตของพ่อ และ อา ๆ ทั้งหมดของเธอ  ลุงใหญ่เป็นพี่ชายที่น้อง ๆ ทุกคนเคารพรัก  เค้าเป็นลูกที่ดีของย่า เป็นคนเก่งในทุกด้าน  เรื่องการเรียน การงาน ความสามารถ  มีความคิดที่ฉลาด สุขุม  ใครได้อยู่ใกล้ ๆ ลุงเธอ ก็จะรักทุกคน

เมื่อคุณปู่มีปัญหากับลุงใหญ่  พ่อลูกตัดขาดกัน  ไม่มีใครในบ้านอนุญาตให้ติดต่อกับลุงใหญ่อีก  ลุงใหญ่แต่งงาน ย่าก็ไม่ได้มีโอกาสไปร่วมงาน  ลุงใหญ่บอกว่า งานแต่งงานไม่มี มีแค่พิธีระหว่างญาติ  งานแต่งงานมีไม่ได้  มีงานแต่ง ก็คงมีแต่นักข่าวมาขุดคุ้ยเรื่องความบาดหมางของพ่อลูก  ลุงใหญ่ก็ได้แค่ทำพิธีเงียบ ๆ

งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของไตรสรณ์รุ่นที่สอง คือ งานแต่งงานของพ่อเธอนี่แหละ   คุณปู่ยกพ่อเธอให้เป็นลูกชายคนโต  ตั้งใจจัดงานให้เอิกเกริก เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล  ในขณะที่ งานแต่งของลูกชายคนโตจริง ๆ กลับไม่มีใครในบ้านรู้ แต่งแบบไม่กล้าบอกสังคม

จ๊อด คิดว่าหัวอกของย่า คนเป็นแม่ รู้สึกยังไง ที่ลูกชายคนนึง ต้องมีชะตาชีวิตแบบนั้น ?

วันที่หลานคนแรกของบ้านไตรสรณ์เกิดมา คือ จ๊อด ทุกคนในครอบครัวดีใจ เป็นข่าวใหญ่  จ๊อดเกิดมาท่ามกลางความรักของคนในบ้าน มีพร้อมทั้งเงินทอง พ่อแม่ ปู่ย่า และ อา

แต่วันที่รุ่งเกิด ไม่มีใครในบ้านรู้  เค้าไม่ได้ใช้นามสกุลไตรสรณ์ ไม่มีใครในบ้านนี้ ได้อุ้มเค้า  เค้าเป็นหลานที่ไม่มีสิทธิ์เหยียบเข้ามาในบ้านนี้

หัวอกของย่า รู้สึกยังไง เมื่อรู้ว่า ย่าก็มีหลานอีกคน แต่ชาตินี้ ย่าอาจจะไม่ได้เจอหน้า อาจจะไม่ได้อุ้มหลานคนนี้ ?

ถ้าย่าตายไปก่อนคุณปู่  ย่าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าหลานชายคนนั้นเลย"

จ๊อดฟังตาปริบ ๆ สีหน้า และ น้ำเสียงของคุณย่า .... คนที่เขาเกรงกลัวที่สุดในโลก สามารถสะกดอารมณ์ของเขาได้

"ย่ารอว่าวันนั้น อะไรจะมาถึงก่อน  วันที่ย่าจากโลกนี้ไปก่อนคุณปู่ โดยที่ย่าจะไม่ได้เห็นหน้าหลานชายคนโต  หรือ วันที่คุณปู่จากไปก่อนย่า แล้วมีโอกาสให้ย่า ได้ชดเชยเรื่องผิดพลาดที่ติดอยู่ในใจย่ามาตลอด

วันที่คุณปู่จากไป  ภายในวันรุ่งขึ้น ย่าเรียกรุ่งเข้ามาที่บ้านไตรสรณ์  ย่าไม่รู้ว่าชีวิตของย่านี้ จะมีโอกาสได้เจอหลานชายคนนี้อีกซักกี่ครั้ง

จ๊อด เกิดที่บ้านนี้ ย่าเห็นเธอมาตลอด แต่ รุ่งเกิดมาแล้วเกือบยี่สิบปี ย่าไม่เคยได้เจอเลย

เรื่องที่ย่าสมควรชดใช้ให้กับรุ่ง ไม่ใช่เงินทอง ไม่ใช่ตำแหน่งอะไร  สิ่งที่หลานชายคนนี้ควรได้ คือ แค่ให้ครอบครัวเรา ยอมรับว่า เขาคือญาติ   เขาคือลูกชายของนายวีระ ที่เป็นลูกชายของย่า  ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยได้รับการยอมรับจากครอบครัวเรา

เขามีเลือดเนื้อของไตรสรณ์เต็มที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครในบ้านเรา เพราะเขาสืบสายเลือดมาจากลูกชายคนโตของย่า ซึ่งเป็นไตรสรณ์เต็มตัว เป็นสมาชิกไตรสรณ์ที่ นอกจากคุณปู่แล้ว ทุกคนที่เหลือทั้งครอบครัวภูมิใจ 

รุ่งเป็นไตรสรณ์โดยสายเลือด เพียงแค่ เขาไม่ได้โตมาในบ้านไตรสรณ์ เขาไม่ได้ใช้นามสกุลไตรสรณ์

ย่าจำเป็นต้องให้ครอบครัวเรา และ คนภายนอกทั้งหมด ยอมรับว่า เขาคือ สมาชิกครอบครัวไตรสรณ์

จ๊อดคิดว่า ย่าจะชดใช้สิ่งนี้ให้กับหลานชายคนนี้  เป็นการสมควรมั้ย ?"

เขาพยักหน้าทันที เพราะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่คุณย่าเล่ามา

"สมควรครับ !"

คุณย่าพยักหน้า

"คราวนี้กลับมาถึงเรื่องเธอบ้าง  ย่าอยากให้เธอทบทวนว่า ตั้งแต่จำความได้ ย่าปฏิบัติต่อเธอยังไง ?  ย่าปฏิบัติกับหลานคนอื่นยังไง ? 

ไม่ใช่ให้เธอต้องตอบย่าในวันนี้  แต่เธอลองทบทวนดูว่าชีวิตเธอ เจออะไรจากย่าไปบ้าง ? เธอคงจำได้ ถ้าจำตั้งแต่เด็กไม่ได้ ก็เริ่มตั้งแต่ ของขวัญวันเกิดตอนอายุสิบแปด  ตั้งแต่ปีนั้น เธอคงเริ่มเกลียดย่ามากขึ้น...."

จ๊อดไม่เคยลืมของขวัญวันเกิดอายุครบสิบแปดปีที่คุณย่ามอบให้เขา  เป็นของขวัญที่จารึกติดอยู่ในขั้วหัวใจ ไม่มีวันลืม แต่ของขวัญที่ประทับใจอย่างสาหัสมากกว่านั้น คือ ของขวัญที่ให้เขาในโอกาสที่เขาเรียนจบปริญญาโท

คุณย่าพูดต่อ

".... หรือว่า ตอนที่เธอกลับมาจากนอก แล้วมาขอสิ่งที่ย่าไม่ให้  เรื่องนั้นอาจจะทำให้เธอเกลียดย่ามากกว่าหรือเปล่านะ ?   เธอไปทบทวนดูแล้วกัน ว่าย่าได้ทำอะไรกับเธอไปบ้าง"

"ผมไม่มีเรื่องติดค้างอะไรกับคุณย่าครับ คงไม่จำเป็นต้องทบทวนเรื่องพวกนั้น  ตอนนี้ผมไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องอดีตแล้วครับ"

คุณย่าสั่นหัว

"ไม่ใช่ ไม่ใช่ ! ที่ให้ทบทวน ไม่ใช่ว่าจะย้ำอดีตให้มันสะเทือนใจ  แต่จะให้เธอทบทวน เพื่อเธอจะได้ตอบถูกว่า ไอ้คนที่ไม่พร้อมน่ะ คือ ใคร ? แล้วเมื่อไหร่ คนคนนั้น เค้าจะพร้อม ?"

ความสับสน เกิดขึ้นในสมองหลานชายทันที  เรื่องราวมันเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร เขาคงไม่สามารถเชื่อมโยงได้ภายในเวลาอันสั้น

สีหน้าเหรอหราของหลานชาย ทำให้คุณย่ามีรอยยิ้ม

"เธอกลับไปทบทวน  ไม่ใช่ให้เธอมาทบทวนตอนนี้   ตอนนี้ เธอใช้เวลาอยู่กับพ่อเถอะ"

*****************************************************************************

เมื่อวิภวาได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายว่า กำลังจะลงลิฟท์มาจากชั้นบน เธอก็เดินไปรอที่หน้าลิฟท์

พี่ชายเดินออกมาจากลิฟท์พร้อมกระเป๋าสะพาย

น้องสาวเพยิดหน้าขึ้น

"เป็นไง อิ่มมั้ยพี่จ๊อด ?"

พี่ชายเลิกคิ้ว

"อิ่มเรื่องอะไร ?"

"ก็ได้ฟังคุณย่าเทศน์ไง ! อิ่มมั้ยล่ะ ?"

จ๊อดไม่ตอบคำถาม แต่ตั้งคำถามกลับ

"วิรู้เรื่องล้างแอร์ที่บ้านหรือเปล่า ?"

น้องสาวเลิกคิ้วบ้าง

"ล้างแอร์อะไร ? พี่จ๊อดจะกลับไปนอนที่บ้านเหรอ ?"

"ไม่ใช่ ! ชั้นได้ยินคุณย่าบอกว่าจะมีการล้างแอร์ แต่ไม่เข้าใจว่ามันมีอะไรสำคัญมากกับการล้างแอร์ วิได้ยินเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า ?"

น้องสาวยักไหล่

"ไม่รู้อะ ! ล้างแอร์อะไร ?  ทำไมพี่จ๊อดไม่ถามคุณย่าล่ะ ว่าล้างแอร์อะไร ?"

"ช่างมันเหอะ ! คิดว่าคุณย่าไม่อยากให้ชั้นรู้รายละเอียดตอนนี้"

น้องวิพยักหน้า

"งั้นก็อย่าเพิ่งรู้เลย ! แล้วนี่ เสร็จจากนี่พี่จ๊อดจะต้องไปไหนต่อ ?"

"ไม่มี ! มีแต่ตอนเย็นต้องไปร่วมงาน คุณย่าสั่งให้ไป  คุณย่าบอกว่า ถ้าไม่มีอะไรให้ออกไปจากโรงพยาบาล อย่าอยู่ที่นี่ต่อ แล้วก็อย่าไปไหนที่อื่น รอถึงตอนเย็นก็ไปงานที่คุณย่าสั่ง"

น้องสาวเอียงคอ

"งานอะไรที่ต้องไปอะ ? อย่าไปไหน ที่อื่น คืออะไร ?"

"ถ้าจะให้ชั้นคิด  ชั้นคิดว่าไอ้ที่ลุงปัญจะวิทย์อยากเจอชั้น  ชั้นคงไม่ต้องไป"

น้องสาวเบิ่งตาโต

"เฮ่ย ! เป็นไปได้ด้วยเหรอ ? แก่งอุดมอยากเจอพวกเรา แล้วเราไม่ต้องไปได้ด้วยเหรอ ?"

จ๊อดยิ้มมุมปาก แล้วหัวเราะเบา ๆ  เหล่ตามองน้องสาว

"พวกไตรสรณ์น่ะ ชั้นไม่รู้หรอก  แต่ ชั้นน่ะ ไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว"

น้องสาวมองหน้าพี่ชาย

"พี่จ๊อดจะถือว่าตัวเองไม่ใช่ไตรสรณ์แล้วเหรอ  แค่พี่จ๊อดไม่ได้อยู่นี่สองปี ?"

จ๊อดมองหน้าน้องวิกลับ

"ชั้นไม่ได้ถือว่าตัวเองไม่ใช่  แต่ชั้นไม่สนใจ   ใครจะคิดว่าชั้นเป็นไตรสรณ์ หรือ คิดว่าไม่เป็น ชั้นไม่สนใจแล้ว เพราะ ชั้นไม่มีอะไรอยากได้จากที่นี่อีกแล้ว   

แก่งอุดมจะทำอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับชั้นอีกแล้ว"

วิภวาทำหน้านิ่ว

"น้องวิไม่เข้าใจพี่จ๊อด ! ทำไมพี่จ๊อดเปลี่ยนไปอย่างนี้นะ  น้องวิไม่ชอบเลย !"

"แต่ก่อน เธอก็ไม่ชอบชั้นอยู่แล้วนี่  ชั้นไม่สนใจหรอกว่าน้องสาวจะต้องเคารพชั้น"

เขามองหน้าน้องสาว  เธอมีสีหน้าเจื่อน บอกถึงอารมณ์ไม่พอใจต่อการสนทนาที่เกิดขึ้น

"ไปหาข้าวเที่ยงกินกัน ชั้นมีเรื่องอยากคุยกับเธอ"

วิภวายังทำหน้าหงิก  จ๊อดจับข้อศอกน้องสาว แล้วลากให้เดินตาม

"ไป ๆ !  ไปกินข้าวแล้วค่อยนั่งคุยกัน  คนขับรถอยู่ที่ไหน ?"

น้องสาวสะบัดแขนจนหลุด

"ไม่ต้องลากก็ได้ ! จะเลี้ยงข้าวน้องก็บอกดี ๆ อยากกินข้าวฟรีเหมือนกัน เดินตามน้องวิมาทางนี้"

น้องสาวเดินนำไปทางประตูด้านหลังอาคาร จ๊อดเดินตามไป

"เย็นนี้พี่จ๊อดต้องไปงานอะไร ? น้องวิไปด้วยได้หรือเปล่า ?"

"เธอจะมาทำตัวติดกับชั้นตอนนี้ทำไม ? แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นอยากไปไหนด้วยกันเลย"

น้องสาวเชิดหน้า

"เชอะ ! ไม่อยากไปก็ได้"  เธอเดินนำพี่ชายออกนอกอาคารโรงพยาบาล

*****************************************************************************

1 < อ่านหน้า > 3

สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่

กลับขึ้นด้านบน  อ่านตอนอื่น 

 

 

 

 
Copyright © 2008, pendulumthai.com All rights reserved