![]() |
| ||||||
| |||||||
คลิปวิดิโอที่ถูกส่งมาถึงมือถือของเขา ทำให้เขารู้สึกอารมณ์เสีย ต้นไม่ได้มีอารมณ์โกรธคนส่ง เพราะ คนส่งคลิปมาให้นี้เป็นเพื่อนสนิทของเขาเอง แต่เนื้อหาที่เห็นในคลิป มันทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน เขาโทรศัพท์หาเพื่อนที่ส่งคลิปนี้มาให้ทันที "เบ็น ! กูเห็นคลิปแล้ว มึงถ่ายเองเหรอ ?" "เออ ! กูถ่ายเอง เมื่อสองเดือนที่แล้วตอนกูไปเที่ยวมาเลซีย วันนั้นถ่ายไว้หลายคลิป พอเอามาเปิดดู ปรากฏว่าเจอตามนี้แหละ มึงเห็นชัดปะ ?" "อือ ...! ...." ต้นตอบห้วน ๆ แล้วก็นิ่งเงียบไป เบ็นถามซ้ำ "เฮ่ย มึงโอเคปล่าววะ ? มึงรู้จักผู้หญิงในคลิปใช่มั้ย ?" "ไม่รู้ ! กูไม่รู้จัก" คำตอบนี้ทำให้เบ็นรู้สึกเสียววาบ เขาอุทาน "อ้าว ชิบหาย ! งั้น.... กู.... กูลบคลิปนี้ทิ้งดีกว่า มึงก็..... อย่าคิดมากเลย เรื่องบางเรื่องมันคงมีคำอธิบายที่เราไม่รู้" "ขอบใจมากเบ็น ! กูก็พอรู้ว่าเค้าเจ้าชู้ แต่กูไม่คิดว่า วันนึงจะได้เห็นเค้าอยู่กับผู้หญิงอื่นด้วยตาตัวเองแบบนี้" เบ็นรู้สึกอึดอัด เขาพูดด้วยความกระอักกระอ่วน "แต่.... มัน..... มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่เห็นก็ได้ เค้าอาจจะเป็นแค่คนสนิทกันแค่นั้น" "สนิทกัน ถึงกับหอมแก้มกันในที่สาธารณะ คงไม่ใช่แล้ว !" เสียงเพื่อนถอนหายใจดังเข้ามาในโทรศัพท์ "เฮ้อ.... ! มันก้อ..... มึงลืมคลิปนี้ไปซะเถอะ ถือว่ากูไม่ได้ส่งให้มึงแล้วกัน" "เฮ่ย เบ็น กูโอเค ! กูรับได้ !" "เออ ค่อยโล่งอกหน่อย ! ไงกูก็จะลบคลิปนี้ มึงไม่ต้องห่วง จะไม่มีใครได้เห็นแน่" "ขอบใจเว้ย เบ็น !" ต้นตัดสายเพื่อน แล้วถอนหายใจยาว เขาหวังว่าจะสามารถเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไว้ให้ได้นานที่สุด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า เรื่องแบบนี้ สักวันหนึ่ง ก็จะต้องถูกเปิดเผยออกมา เสียงรถยนต์ถูกสตาร์ทเครื่อง ต้นชะเง้อมองออกนอกหน้าต่าง รถสปอร์ตสีบรอนซ์ ของต่อกำลังเคลื่อนตัวออกจากตัวบ้าน เขาเดินลงบันไดมา ถามคุณแม่ซึ่งกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟารับแขก "แม่ พี่ต่อไปไหน ? เค้าไม่ได้จะไปเยี่ยมลุงเอกกับเราเหรอ ?" "ต่อไปหาลุงปัญจะวิทย์" เธอพูดแล้วก็นึกได้ "เอ้อ ! เธอไม่ต้องบอกใคร ต่อไม่อยากให้ใครรู้" ต้นมีสีหน้าประหลาดใจ "ไปหาลุงปัญจะวิทย์ ? ไปทำไม ? ไม่ให้คนอื่นรู้ เค้าคิดจะทำอะไร ?" "ลุงปัญจะวิทย์เป็นคนเรียก" ต้นเอียงคอ ขมวดคิ้ว "แล้วพี่ต่อก็ไม่บอกอามัณเหรอ ? ได้โอกาสเลยล่ะสิ ต้นรู้ว่าพี่ต่อคิดจะทำอะไร ?" "เค้าจะไปคิดอะไร ? ผู้ใหญ่เรียก ก็ต้องไปหา ต้นจะไปคิดมากทำไม ?" "แล้วทำไมให้อามัณรู้ไม่ได้ ? เพราะพี่ต่อจะใช้โอกาสนี้ กันคนอื่นออก ต้นมองก็รู้" "กันใคร ?" "กันพี่ธรรม์ ! พี่จ๊อดไม่อยู่ลุงเอกก็ป่วย พี่ต่อกลัวว่าถ้าพี่จ๊อดไม่กลับมาอีก อามัณจะให้อำนาจพี่ธรรม์แทน" "แม่ไม่เคยได้ยินต่อพูดเรื่องนี้" "แต่พี่ต่อเคยพูดให้ต้นได้ยิน ของของพี่จ๊อด พี่ต่อไม่ยอมให้เป็นของเด็กบ้านไหนทั้งนั้น ไม่ว่าจะบ้านโน้น หรือ บ้านไหน มันต้องเป็นของบ้านเรา ถ้าไม่ใช่พี่จ๊อด รองมาก็คือพี่ต่อเองน่ะแหละ" แม่สั่นหัว "คิดกันไปเองทั้งนั้น ! ผู้ใหญ่เค้าตกลงกันเอง เราจะไปรู้เรื่องอะไร ? " "แม่หมายถึงต้น หรือ พี่ต่อ ที่ว่าคิดไปเอง ?" "ก็เราทั้งคู่น่ะแหละ !" ต้นไม่ต่อคำสนทนาเดินออกจากตัวบ้านมายืนตากลมให้สมองได้แล่นไปตามเรื่อง ********************************************************************************* ข้อความจากมอแกน แจ้งเข้ามายังมือถือของรุ่งว่า 'ไฟดับที่หอพัก ทำให้เครื่องดีวีดีเสีย พอไฟมาแล้ว เปิดไม่ติด' รุ่งส่งข้อความกลับไป 'หอบเครื่องไปฝ่ายซ่อมไฟฟ้า หาพี่มงคล บอกเขาว่าเป็นของรุ่ง ให้ช่วยดูให้' - - - - - - - - - - - รุ่งโรจน์นึกถึงใบหน้าที่สวยหวานของสาวพนักงานโรงแรม แล้วก็กระหยิ่มในใจ ถึงแม้ว่าการได้เดทกับเธอครั้งแรกมันจะไม่โรแมนติคเหมือนที่คาดไว้ แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังมั่นใจว่าสาวคนนี้น่าจะมีใจให้เขาอยู่บ้าง ไม่ว่าเธอจะมาตีสนิทกับเขาด้วยเรื่องใดก็ตาม มันก็มีโอกาสอย่างมากที่ เธออาจจะมีความผูกพันเกี่ยวเนื่องกับเขามาแต่อดีต ถึงไม่ใช่เนื้อคู่ แต่อย่างน้อย ถ้าได้คบเป็นคู่เดท หรือ ไม่แน่ อาจจะได้เป็นแฟนกันในอนาคต ก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว ไม่ใช่สิ ! คำว่าไม่เลว มันยังน้อยไป ต้องใช้คำว่า 'ซือก้อย' ถึงจะเหมาะสม รุ่งนึกถึงงานเลี้ยงรุ่นไม่ว่าจะสถาบันไหน หากเขาได้พานาน่าควงไปแนะนำกับเพื่อนพวกนั้น..... ไม่ต้อง ไม่ต้อง ! ไม่ต้องแนะนำดีกว่า แค่ควงไป แล้วรอให้เพื่อน ๆ ถาม แน่นอนว่า ถึงแม้เขาจะไม่พูดแนะนำว่าเธอเป็นใคร พนันกันร้อยทั้งร้อย เพื่อนต้องถามว่านางฟ้านางนี้คือใคร กลิ่นน้ำหอมขวดโปรดที่เขามักจะเลือกใช้เพื่อมัดใจสาวอยู่เสมอ โชยจากไอร้อนในกายเข้ามากระทบจมูกเป็นระยะ เขาจะซักถามเธอเรื่องประวัติตัวตนของเธอ ซึ่งมั่นใจว่า ด้วยเสน่ห์ที่การันตีโดยพระนางของพี่นง เธอจะยอมเล่าตัวตนของเธอ เปิดเผยปริศนาให้เขารู้ และ หลังจากนั้น เขาก็จะใช้ความเป็นตัวตนของเขา ประทับความทรงจำที่แปลกใหม่ให้กับเธอ การเล่าวิธีการใช้ชีวิตของเขาแบบง่าย ๆ แล้วแทรกด้วยมุกตลก กับ คำคม ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นของสตาฟรูท....ทางเดินสำหรับพนักงานที่แสนจะโรแมนติค จะมัดใจเธอได้นับตั้งแต่เย็นนี้เป็นต้นไป รอยยิ้มที่ไม่อาจซ่อนได้ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาไม่ต่ำกว่าสิบนาทีแล้ว รุ่งหอบเอารอยยิ้มที่มีเลศนัย เดินเข้าทางเดินในส่วนของพลาซ่า เหมือนกับอดีตที่ซ้ำรอยสัปดาห์ที่แล้ว นางฟ้าผิวชมพูของกิจบูรณา ใส่ชุดกระโปรงสีเนื้อ ยืนอยู่ที่หน้าภัตตาคารอาหารจีน เธอเลิกคิ้ว ยืนท้าวสะเอว แล้วหัวเราะเบา ๆ "เดินตรวจงานหรือไง ?" รุ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของแพม "พี่นอนที่นี่หรือไง ? บ้านมีก็ไม่กลับ นอนค้างที่ร้านอาหารจีนเนี่ยอะนะ ?" แพมหัวเราะ "จะบ้าเหรอไง ? พี่ต้องมานี่ ตามพ่อกับอาน้อยมาดูงาน โรงแรมจะมีพิธีเปิดวีคหน้า เลยต้องมาบ่อยหน่อย วันนี้คุณย่าก็มา" "คุณหญิงเจนเหรอ ? อยู่ในห้องอาหารเหรอ ?" เธอสั่นหัว "เปล่า ๆ ! อยู่ที่เรือนอภิญญา ฯ" เธอพูดแล้วก็นึกขึ้นได้ "กล้าไปเหยียบที่โน่นหรือยัง ?" รุ่งยักคิ้ว "กล้าตอนกลางคืน กลางวันยังไม่อยากไป" เขาเปลี่ยนเรื่องคุย "แล้วบอดี้การ์ดพี่แพมล่ะ ?" "ใคร ? พี่ปลิวเหรอ ?" "อือ.... เค้ามาด้วยหรือเปล่า ? แต่หุ่นยังกะพี่เค้าน่ะ ยังไงก็ไม่ปลิวหรอก กรรมกรยังเรียกพี่" แพมหัวเราะ "เออ ! เดี๋ยวพี่จะบอกเค้าว่ารุ่งเอาเค้าไปเปรียบกับกรรมกร เอ๊ะ ! วันนี้นัดกับจูเลียตเหรอ โรมิโอ ? อาบน้ำหอมมาเลยเนี่ย" รุ่งก้มหน้าลงสูดกลิ่นตัวเอง "มันฉุนขนาดนั้นเลยเหรอ ?" แพมสั่นหัว "เปล่าหรอก ! ก็หอมบาง ๆ" รุ่งอมยิ้ม เขานึกถึงใบหน้าของนาน่า "แล้วพี่แพมได้กลิ่นนี้ พี่แพมประทับใจผมมากขึ้นมั้ย ?" เขาจ้องหน้าเธอ นางฟ้ากิจบูรณาหน้าเหวอ เธอตั้งตัวไม่ทัน "หา ! .... เอ่อ....." คำถามนี้ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นอย่างฉับพลัน "เฮ่ย !.... ทำไมต้องคิด ? ไม่ใช่คำถามสอบไล่ พี่คิดนานเกินไปแล้ว ผมไปละ !" รุ่งโบกมือ แล้วเดินผละจากไป ลมที่ผ่านจากตัวเขา ทิ้งกลิ่นน้ำหอมบาง ๆ ไว้ที่ปลายจมูกของเธอ ***************************************************************************************** ลานจอดรถใต้อาคารของโรงแรมเป็นที่นัดหมายการเดทครั้งที่สองของหนุ่มสาวคู่นี้ นาน่าผลัดชุดยูนิฟอร์มออกแล้ว เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีขาวกางเกงแสลคขายาวสีดำ แต่งหน้าเล็กน้อย เสื้อยืดไม่ได้รัดรูปมาก แต่มันก็ยังรัดพอที่จะเน้นทรวงอกของเธอให้โดดเด่นกว่ายูนิฟอร์ม ทันทีที่เธอปรากฏตัวมาจากทางเดิน รุ่งก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดกับตัวเองในใจ 'เมื่อวานจิตตก วันนี้จิตพุ่ง ให้มันได้ยังงี้ซีวะ ! ถ้าจะต้องแลก เสียวิชาลูกดิ่งที่เริ่มจะเละเทะออกทะเล กับ การได้สาว ๆ ที่แสนสวยอย่างนี้มาทดแทน บอกเลยว่า คุ้ม !!!!' ไม่ว่าจะอยู่ในชุดแต่งกายแบบไหน นาน่า ก็คือ สาวที่สวยคมในแบบตะวันตก มีทรวดทรงหน้าอก และ สะโพกชัดเจนเหมือนสาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ ที่ ไม่ว่าสถานที่ใดที่เธอเดินผ่าน ผู้ชายทุกคนก็ไม่อาจละสายตาได้ คู่เดทที่สวยที่สุดในชีวิตของเขา เดินเข้ามาหา แล้วยกมือไหว้ รุ่งโบกมือปัด "ก็บอกแล้วไง ไม่ต้องไหว้ แค่นี้พี่ก็แก่พอแล้ว" สาวลูกครึ่งหัวเราะเห็นลักยิ้มบุ๋มชัด "ไม่แก่เลย คนที่ไม่รู้ จะนึกว่าพี่รุ่งเด็กกว่านาน่าซะอีกนะ" เสียงเปาะแปะ ดังมาจากส่วนที่โล่งนอกอาคาร รุ่งมองออกไป แล้วเบิกตาโต "เฮ้ย ชิบหาย ! มาตกอะไรกันตอนนี้วะ ?" สาวแก้มบุ๋มหันหลังมองตาม สายฝนเริ่มโปรยลงมาเบา ๆ รุ่งขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นเกาหัว "หมดกัน !" นาน่ารู้อยู่แล้ว เพราะเขาบอกเธอเองว่าจะพาเธอไปเดินถนนเลี่ยงฟันปาร์คสำหรับพนักงาน ที่เรียกกันว่า สตาฟรูท เธอเข้าใจความรู้สึกเขา "ฝนตกก็ตก เดี๋ยวนาน่า กลับเข้าไปเอาร่ม เรามีร่ม แล้วเราก็ยังไปเดินกันได้ รอนาน่าแป๊บนะ" รุ่งยิ้มขึ้นมาทันที เขาผงกหัวรับ ไม่น่าเชื่อเลย ! สาวสุดสวยนางนี้ แสดงออกอย่างเด่นชัดมากว่า เธอกระตือรือร้นที่จะมาเดทกับเขา แม้กระทั่งจะต้องเดินถือร่มกลางฝน เธอก็ยอม แต่ สตาฟรูท ไม่ใช่ถนนซีเมนต์ บางส่วนเป็นดิน หากฝนตก คงไม่สนุกแน่ ไม่ถึงสองนาที สาวลูกครึ่งเดินกลับมาพร้อมร่มเล็กสองคันในมือ รุ่งส่งยิ้มให้ "ขอโทษที คงไปเดินที่นั่นไม่ได้ พี่ลืมไปว่า ถนนที่นั่นเป็นดิน ถ้าฝนตกมันลื่น แล้วบางแห่งก็กลายเป็นโคลน" เธอพยักหน้ารับ สีหน้าบอกถึงอารมณ์เสียดาย สัญญาณข้อความเข้ามาที่โทรศัพท์ รุ่งหยิบขึ้นมาดู 'พี่มงคลจะดูให้เลย แต่ถ้าหัวอ่านเสีย คงไม่เปลี่ยนให้ ซื้อใหม่คุ้มกว่า' รุ่งรู้สึกเอะใจเพื่อนที่เคารพ เขาจึงรีบกดโทรศัพท์ไปหา "นาน่า ขอพี่คุยโทรศัพท์แป๊บนึง" เขาพูดกับคู่เดท เธอพยักหน้า เพื่อนเตี้ยรับสายแล้ว รุ่งทักขึ้นทันที "มอแกน ดีวีดีมันเป็นอะไร ?" "ไฟไม่เข้า มันเปิดไม่ติด ต้องเป็นเพราะไฟดับแน่ พอไฟมาแล้ว มันเปิดไม่ได้เลย" รุ่งถามต่อทันที "มีแผ่นอยู่ในนั้นใช่มั้ย ?" เพื่อนใช้เวลานึกสักอึดใจ "ใช่ !" "เวรอีกแล้ว กูนึกแล้ว ! ไฟไม่ติดก็เลยส่งเครื่องไปให้ซ่อม แผ่นติดอยู่ในนั้นเอาออกมาไม่ได้ ใช่มั้ย ?" "ใช่ ๆ !" รุ่งยกมือกุมหัว แล้วพึมพำ "กูได้เหนื่อยอีกแล้ว เมื่อวานวันศุกร์ เรารู้เลยว่า นายดูอะไร" มอแกนยังไม่เข้าใจความหมาย รุ่งพูดกรอกมา "แค่นี้แหละ !" เขามองซ้ายมองขวา สมองรีบคำนวณระยะทาง เขาพึมพำ "จะวิ่งไปทางไหนดี ? ออกหน้าโรงแรม หรือ อ้อมหลัง แล้วไปทางนั้น" "พี่รุ่งจะไปไหนคะ ?" "พี่มีเรื่องด่วน จะไปเดินเล่นหน่อย แต่ เดินเล่นคงไม่ทัน อาจจะเดินกึ่งวิ่งน่ะ" "กลางฝนเนี่ยเหรอ ?" รุ่งรีบเดินอย่างเร็ว ออกจากอาคารโรงแรม นาน่าวิ่งตามออกมา แล้วยื่นร่มให้ "เอ้านี่ !" รุ่งรีบกางร่มออก ฝนโปรยลงมาเป็นเม็ดบาง ๆ นาน่ากางร่มให้ตัวเอง แล้วเดินคู่มาด้วย รุ่งเดินไปอธิบายไป "พี่จะไป เอ่อ.....ไป ไปแผนกซ่อมไฟฟ้าน่ะ !" เธอพยักหน้า "ค่ะ ! พี่รุ่งเดินนำเลย นาน่าไม่รู้จักทาง" ความเข้าใจของเขา คือ เธอกำลังจะเดินตามไปด้วย "นาน่าไม่กลัวเปียกฝนเหรอ ? บางช่วงลมแรง กางเกงอาจจะเปียกนะ" เธอสั่นหัว "มีคนบอกว่า บรรยากาศฝนตกในฟันปาร์ค สวย" รุ่งพยักหน้า "ใช่ ๆ ! ใครบอก ? คิดเหมือนพี่เลย" เธอหัวเราะร่วน ก้าวเท้าเร็วขึ้นเพื่อตามให้ทันคู่เดท "ฮ่า ๆๆๆ ! พูดเองยังจำไม่ได้ ไปพูดยังงี้กับสาวทุกคนเลยเหรอคะ ?" "อ้าวเหรอ ? พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ย ?" รุ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก เข้าเขตฟันปาร์คแล้ว เสียงเครื่องเล่นต่าง ๆ ดังคละกัน แว่วมาให้ได้ยิน "นาน่าไม่เคยคิดว่า การเดินเล่นที่....." เธอเริ่มหอบ รุ่งวิ่งหลบฝนเข้าไปที่บริเวณซุ้มน้ำ นาน่าวิ่งตามเข้ามา เธอหอบเล็กน้อย หยุดยืน แล้วพูดซ้ำ "นาน่า.... ไม่เคยคิดเลยว่า .... การเดินเล่นที่โรแมนติค...." เธอเว้นช่วงหายใจ รุ่งหัวเราะ "จะพูดหมดประโยคก่อนเที่ยงคืนมั้ยเนี่ย ?" "....จะต้องเดินเร็วอย่างนี้ด้วย" รุ่งหัวเราะ "พี่ขอโทษ ! มันคงไม่โมแลนติคแล้วแหละ นาน่าหลบฝนคอยตรงนี้ก็ได้ อีกไม่เกินห้าสิบเมตรก็ถึงแผนกซ่อม เดี๋ยวพี่ทำธุระแล้วรีบกลับมา" เขาวิ่งออกมาจากซุ้มน้ำ โดยไม่กางร่ม เพราะมันจะช้าที่ต้องมาพะวงกับการกลัวเปียก ในใจยังนึกประทับใจในตัวคู่เดท นาน่าเป็นสาวสวยที่ซื่อมาก เธอเดินตามเขาออกมากลางฝน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้บอกเธอว่าจะเดินไปทำไม เธอก็ไม่ถามเหตุผล แต่กลับเดินตามออกมาง่าย ๆ ซะอย่างนั้น ******************************************************************************* เมฆกระจายตัวออกไป ฝนเริ่มตกขาดเม็ดแล้ว ยังพอเห็นแสงแดดส่องมาได้เป็นหย่อม ๆ นาน่ากำลังยืนถือแก้วน้ำอยู่ข้าง ๆ ซุ้ม เธอเลิกคิ้วเมื่อเห็นสภาพของคู่เดทเดินตากฝนกลับมา ในมือหอบเครื่องเล่นดีวีดีมาด้วย "พี่รุ่งเอามาฝากนาน่าเหรอ ?" เธอหยอกคู่เดท "เดี๋ยวตัวการคงโผล่มา" เขาก้มลงมองเครื่องดีวีดีในอ้อมแขนตัวเอง "อยากได้มั้ยล่ะ ?" "สวีทมากเลย ที่นาน่าจะได้เครื่องเล่นดีวีดีจากหนุ่มแทนที่ดอกไม้" เธอพูดแล้วก็หัวเราะคิกคัก "พี่นัดเพื่อนมารับเครื่องดีวีดีตรงนี้ นาน่ารอแป๊บนึง แล้วเราไปดินเนอร์กัน" พูดจบประโยค มอแกนก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดเสื้อยืดทีมฟุตบอลแมนยู ฯ กางเกงขาสั้นคลุมเข่าสีดำ เมื่อเพื่อนเตี้ยเดินมาอยู่ในระยะสายตา มองเห็นคู่เดทของรุ่ง ใบหน้าลูกครึ่งสวยคมปานมีดกรีด ใส่เสื้อยืดสีขาว รัดหน้าอกให้เด่นเหมือนขุนเขา ฮอร์โมนในกายขับพลังของเขาออกมาได้ภายในเสี้ยววินาที เขาโปรยยิ้มล่วงหน้ามาแต่ไกล แล้วเดินปราดเข้ามาทักนาน่า "สวัสดีครับ น้องนาน่า ! มอแกนครับ" นาน่ายกมือไหว้ "สวัสดีค่ะ !" รุ่งเหล่ตามองเพื่อน "บอกกี่ครั้งแล้วว่า อย่าใส่ชุดแบบนี้มาเข้าเขตฟันปาร์ค" มอแกนเกาหัว "เราเห็นนักท่องเที่ยวจีน เค้าแต่งเหมือนเราเลย รองเท้าแตะด้วย" "แต่นายเป็นพนักงาน มันไม่เหมาะสมกับสถานที่ แล้วนายจะไปยืนทางโน้นทำไม ? เรายืนอยู่นี่" มอแกนสั่นหัว "เราไม่ยืนใกล้ ๆ นายได้มั้ย ? เราไม่อยากเงยหน้าคุยกับนาย ยืนอยู่ตรงนี้ก็ได้" "ไม่ได้มีเหตุผลเลย นายยืนใกล้น้องเค้า นายก็ต้องเงยหน้าคุยกับน้องเค้าอยู่ดี" รุ่งใช้สองมือจับเครื่องดีวีดี แล้วยื่น "มารับไป ! ห้ามเอามาซ่อมที่ฟันปาร์ค ถ้ามันเสีย ก็ทิ้งไป เครื่องมันเก่าแล้ว ไว้ซื้อเครื่องใหม่" มอแกนไม่สนใจเพื่อน จ้องหน้าสาวลูกครึ่ง "นาน่าจะไปทานข้าวที่ไหนครับ ?" เธอยักไหล่ "แล้วแต่พี่รุ่งค่ะ !" มอแกนมองมาที่เพื่อน "รุ่งนายจะไปกินที่ไหน ? เราไปด้วยนะ" รุ่งมองมอแกนไม่กระพริบตา ไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนคนนี้ จะพูดจาไม่รู้จักกาละเทศะ เขากำลังจะเดทกับสาว เห็น ๆ อยู่ แต่เพื่อนตั้งใจมาแทรก รุ่งกวักมือเรียกมอแกน เพื่อนหัวหยิกเดินเข้าไปหา รุ่งยื่นเครื่องเล่นดีวีดีกระแทกไปที่พุงไอ้หัวหยิก "รับไป !" มอแกนยกสองมือขึ้นรับ รุ่งพูดเบา ๆ กับเพื่อน "เราจะเดทกับน้องนาน่า สองต่อสอง นายเข้าใจคำว่า เดท หรือเปล่า หรือว่า สตินายหายไปไหนแล้ว ? " "ไม่เป็นไร ! เราไม่ถือ นายเดทกับแคลร์ทุกครั้ง เราไม่เคยห้ามเลยนะ นายเดทกับคุณหงส์ เราก็ไม่ห้ามนะ ครั้งนี้เราแค่ขอกินข้าวด้วยเท่านั้น" "แล้วนาน่าเค้าอยากจะกินกับนายเหรอ ?" มอแกนได้ยินประโยคนี้ หันขวับกลับไปหาสาวลูกครึ่ง "นาน่า ถ้ารุ่งชวนผมไปทานด้วยกัน นาน่ารังเกียจมั้ยครับ ?" สาวลูกครึ่งพยักหน้าทันที "ได้ค่ะ ! ไม่รังเกียจ" ไอ้หัวหยิกหันกลับมามองหน้าเพื่อน "นี่ไง ! น้องเค้าตอบแล้ว" มอแกนเดินไปที่ข้างซุ้ม วางเครื่องเล่นดีวีดีตั้งพิงไว้กับถังขยะ แล้วเดินกลับมาหานาน่า "ไปกัน ! ผมมีที่แนะนำ คิดว่าน้องนาน่าจะต้องชอบร้านนี้" เพื่อนแสดงพฤติกรรมที่เขาไม่คาดฝันอีกแล้ว "มอแกน นายจะทิ้งดีวีดีไว้ตรงนี้ ?" "อ้าว ! ก็นายบอกว่าจะซื้อใหม่ไม่ใช่เหรอ ?" มอแกนดูสารรูปเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วหัวเราะ "นายไม่น่าจะต้องตื่นเต้นเลย ! อุตส่าห์วิ่งตากฝน หัวนาย เสื้อนาย เปียกหมด นายเป็นคนใจร้อนเกินไปนะ จริง ๆ ข้างในมันไม่มีแผ่นหรอก เราเด้งแผ่นออกมาแล้ว เพิ่งเห็นเแผ่นที่ห้องเมื่อกี๊ เราคงเอามันออกมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" นาน่าไม่เข้าใจว่าเพื่อนสองคนกำลังคุยอะไรกัน แต่เธอยิ้มเมื่อมองสารรูปของคู่เดทตามที่มอแกนพูด "ท่าทางพี่รุ่งจะรีบร้อนมาก ตอนที่เดินออกมาจากโรงแรม นาน่าคิดว่าเป็นเรื่องด่วน" มอแกนยักไหล่ "ครับ ! เพื่อนผมคนนี้ใจร้อน อย่าไปถือสาเลยนะครับ" รุ่งมองหน้าเพื่อน อารมณ์เริ่มพุ่งปรี๊ด กลับเป็นสติของเขาเองที่เริ่มจะหายไป นาน่าถามมอแกน "ร้านที่แนะนำ ขายอาหารอะไรคะ ?" มอแกนพยักหน้า "อาหารไทยครับ ร้านอยู่นอกฟันปาร์ค แต่ติดกัน เดินข้ามถนนไปก็ถึง เดินไปคุยไปก็ได้ครับ ! ......" ไอ้หัวหยิกในชุดแมนยู ฯ เดินนำ นาน่าเดินคู่ไปด้วย รุ่งยังยืนงงในสิ่งที่เขาประสบ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? จู่ ๆ เพื่อนหุ่นหมาแคระสามารถตีฟอร์มเจมส์ บอนด์ คาบสาวไปควงต่อหน้า !!! ************************************************************************************* ทอมกลับมาถึงบ้านเวลาหกโมงเย็น หลังจากขึ้นห้องนอน ล้างหน้า ล้างมือ เสร็จแล้ว เธอเดินลงมาที่ชั้นล่างเพื่อคุยกับคุณพ่อตามที่นัดไว้ เมื่อเธอเดินลงมาชั้นล่างอีกครั้ง มองไปที่ชุดโซฟารับแขก เธอกลับแปลกใจ นอกจากคุณพ่อแล้ว คุณแม่มานั่งรอคุยอยู่ด้วย คุณพ่อชี้ให้ลูกสาวนั่งที่เก้าอี้ ท่าทางแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกถึงการคุกคามตั้งแต่ต้น ลูกสาวทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับผู้สอบสวนทั้งสอง "เล่ามาว่า ทำไมถึงไปร้องเรียนบ้านคุณพงษ์ศักดิ์" "เค้าจัดงานเลี้ยง จอดรถเกะกะ เหลือเลนวิ่งให้เลนเดียวค่ะ" "เลนเดียวเนี่ย ญาวิ่งผ่านไม่ได้เหรอ ?" เธอรู้สึกว่าคำถามของพ่อ.... กวนมาก ! "นี่เป็นถนนส่วนรวม เค้าควรเกรงใจเพื่อนบ้านบ้าง" คุณพ่อถามซ้ำ "พ่อถามว่า เลนเดียวเนี่ย ญาขับผ่านไม่ได้ ใช่มั้ย ?" เธอเดาทิศทางตรรกะได้ ถ้าเธอตอบว่า ได้ เท่ากับเธอยอมรับว่า บ้านนั้นไม่ผิด เพราะไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อน "ไม่เกี่ยวกับขับรถผ่านได้หรือไม่ แต่เกี่ยวกับสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม" ไม่ได้คาดคิด คุณแม่กลับตวาดเสียงดัง "สำนึกบ้าบออะไรของญา ?" คุณแม่ลุกขึ้นยืน "ญาอยู่ที่บ้านนี้ เป็นบ้านของพ่อกับแม่ ถ้าอยากอยู่บ้านนี้ ก็ต้องเชื่อพ่อกับแม่ ถ้าคิดว่าโตแล้ว ตัดสินใจอะไรเองได้แล้ว อยากย้ายไปอยู่ที่อื่น ย้ายไป แต่ถ้าอยู่บ้านนี้ จะทำอะไร ขอให้ปรึกษาพ่อแม่ พ่อแม่ นั่งหัวโด่อยู่สองคน ลูกสาวไปก่ออะไรไว้ พ่อแม่ต้องรับ" ฐิติชญาลุกขึ้นบ้าง "แม่กลัวเค้าขนาดนั้นเลยเหรอ ? เค้าใหญ่โตมากกว่าความถูกต้องเหรอ ?" คุณแม่จ้องหน้าด้วยสายตาที่ดุดัน ดวงตาเบิกโต "ถ้าพูดแบบนี้ ไม่ต้องคุยกัน แม่ไม่คุยด้วย !" คุณแม่เดินจ้ำตรงไปยังบันได แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน คุณแม่ไม่เคยมีบุคลิกเจ้าอารมณ์แบบนี้มาก่อน เธอมองตามด้วยความประหลาดใจปนกับโทสะ แล้วหันมามองคุณพ่อ "บ้านนั้นมันใหญ่โตอะไรนักหนา ? เราทำอะไรผิดกฏหมายเหรอ เราถึงต้องกลัวเค้า ? เราไม่รวย แต่เรามีสิทธิ์น้อยกว่าเค้าตรงไหน ? หรือว่า .... เราคิดไปเองว่าเราต้องยอม เพราะไม่อยากมีเรื่อง ?" คุณพ่อยกมือชี้หน้า "เมื่อเช้าพ่อถามญาว่า รู้มั้ยว่าเค้าเป็นใคร ญาตอบไม่ตรงที่พ่ออยากจะรู้ แล้วญากลับมาพูดจาแบบนี้กับแม่ ตัวเองน่ะ มีสำนึกบ้างมั้ยว่า พ่อแม่เป็นคนไม่มีเหตุผลหรือยังไง ? ญาทำให้แม่เสียใจมากที่พูดจาแบบนั้น ไม่รู้ว่าที่เยอรมันเค้าสั่งสอนกันมาแบบนี้หรือไง ?" "พ่อไม่ต้องพูดถึงที่เยอรมัน ! ที่โน่นเค้าสอนมาดี ดีมากจน ทำให้ญาตาสว่างกับสังคมแบบนี้ ที่เยอรมัน ไม่มีคนแบบนี้ อธิบดีที่นึกว่าตัวเองใหญ่ มีบ้านแค่ร้อยกว่าตารางวา แต่กร่างทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน บารอนที่เยอรมัน มีพื้นที่เป็นเอเคอร์ แต่เค้ามีมารยาท รู้จักระเบียบสังคม คนไทยเทียบกับคนเยอรมันไม่ได้" คุณพ่อยกมือขึ้นกุมหน้าผาก โมโหจนเริ่มเปลี่ยนสรรพนาม "แกรู้มั้ยว่า คุณพงษ์ศักดิ์เป็นใคร ? ไอ้ช่วงที่แกไปอยู่เยอรมัน พ่อแม่อยู่บ้านกันสองคนตายาย น้ำท่วมภาคกลาง ปทุมธานี รังสิต จมน้ำ หมู่บ้านเราต้องกั้นกระสอบทราย เงินส่วนกลางซื้อกระสอบทรายได้ไม่เท่าไหร่ เงินหมด คุณพงษ์ศักดิ์ออกเงินให้ก่อน ให้ลูกน้องไปแบกกระสอบทราย ตั้งเป็นเขื่อนสำหรับกั้นทั้งหมู่บ้าน แล้วออกเงินส่วนตัวซื้อเครื่องสูบน้ำพญานาค จ้างคนผลัดเวรมาดูเครื่องสูบน้ำทั้งวันทั้งคืน คนในหมู่บ้านรู้จักเค้าดีเพราะเหตุการณ์นั้น แล้วเรื่องจัดงานคืนนั้น ก่อนวันจัดงาน เค้าเดินมาบอกบ้านในซอยทุกหลัง คุณพงษ์ศักดิ์ เดินมาบอกพ่อเองที่บ้านว่า เค้าจะจัดงาน จะมีรถจอดเยอะหน่อย มาขออภัยล่วงหน้า พ่อบอกไปว่าไม่เป็นไร อุตส่าห์เดินมาบอก พอแกไปร้องเรียนบ้านเค้า เค้ารู้เรื่อง เมื่อเช้า แกยังไม่ตื่น เค้าเดินมาหาเอง แล้วมาขอโทษ คุณพงษ์ศักดิ์ มาที่นี่ เพื่อขอโทษเพราะคนในบ้านนี้ ไปฟ้อง เค้ารู้สึกผิดที่ทำให้บ้านเราเดือดร้อน แกเดือดร้อนอะไร ? หา ? แกขับรถผ่านไม่ได้ใช่มั้ย ? เขาเหลือให้เลนนึงเนี่ย แกขับผ่านไม่ได้ใช่มั้ย ?" ฐิติชญารับฟังเรื่องทั้งหมด ฟังดูน่าเห็นใจ แต่ หลักการและความถูกต้อง ไม่ควรต้องยอมจำนนต่ออารมณ์ "ญาได้ตอบไปแล้วว่า ขับผ่านได้หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือความเกรงใจ ถ้าเขาเกรงใจ เขาคงคิดก่อน แล้วไม่ทำอย่างนั้น แต่นี่ ทำไปแล้ว พอถูกโวย ค่อยมาขอโทษ...." เธอไม่ได้สังเกตว่าพ่อหยิบนาฬิกาตั้งโต๊ะเมื่อไหร่ มาเห็นเมื่อท่านเหวี่ยงลงกับพื้น 'โพล๊ะ !' พลาสติคแตกกระจาย เสียงดังลั่นห้องรับแขก เสียงเปิดประตูห้องชั้นบนดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าคุณแม่ คุณแม่เดินลงมาถึงที่พักบันได แล้วก้มลงมอง "เกิดอะไรขึ้น ?" มารดาบังเกิดเกล้ากวาดสายตามองลงที่พื้น แล้วถอนหายใจ "คุยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องคุย ! ขึ้นมานอนเถอะ ! มันคิดได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ถ้าคิดไม่ได้ก็เวรกรรมของมัน" คุณพ่อชี้หน้า "แกทำให้พ่อและแม่เสียใจ แกมันไม่รู้จักบาป" ท่านเดินจ้ำตรงไปที่บันได เดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน ทอมสั่นหัวช้า ๆ คุณพ่อควบคุมสติไม่ได้เลย แทนที่จะใช้เหตุผลคุยกัน กลับใช้อารมณ์ ! วันนี้มันวันซวยอะไรของฉันเนี่ย ! เธอคิดในใจขณะใช้ไม้กวาด กวาดเศษพลาสติคของนาฬิกาเข้าที่โกยผง __________________________________________________________________________________________ โดย วีรยาติ หากท่านต้องการอ่าน อภิญญาฆราวาส ตอน 34 กลับขึ้นด้านบน
สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่ |
|||||||
|
|||||||
![]() |
|||||||
![]() |