![]() |
| ||||||
| |||||||
สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท ฐิติชญานัดเจอพิจิตรที่บิ๊กซี แจ้งวัฒนะ เธอลังเลที่จะเดินเข้าไปถามว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น เมื่อเห็นแฟนหนุ่มกำลังมีปากเสียงกับพนักงานหญิงของห้าง พนักงานหญิงอีกคนที่มีวัยอาวุโสกว่า เดินเข้าไปไกล่เกลี่ย เธอมีท่าทางที่นิ่ง ใจเย็น ไม่ถึงนาที พิจิตรก็มีรอยยิ้ม แล้วเดินออกมา ทอมเดินเข้าไปหา "พี่จิตร ! มีเรื่องอะไรเหรอ ?" "อ้าว ญา ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?" "ก็มาทันเห็นพี่จิตรเถียงอะไรกับพนักงานคนนั้น" "วันนี้คนเยอะ คิวจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ยาว รอกันแถวละสี่ห้าคน พนักงานคนนั้น ก็เปิดเคาน์เตอร์ใหม่ แล้วเดินมาเรียกคนท้ายแถวให้ไปคิวแรกของเคาน์เตอร์ใหม่ ญาเข้าใจมั้ย ว่าเค้าเปิดแถวใหม่ แทนที่จะเรียกคนที่มีคิวถัดไปของแถวอื่นที่รอมาตั้งนาน แต่ดันไปเรียกคนที่เพิ่งมารอท้ายแถวไปเป็นคิวแรก ?" ทอมพยักหน้า "อือ ใช่ ๆ ! พวกห้างส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ ไม่เหมือนธนาคาร ให้รอแถวเดียว" "ใช่ ! พนักงานพวกนี้ไม่มีใครสอน ไร้จิตสำนึกเพื่อส่วนรวม พี่ก็เลยเข้าไปต่อว่า แล้วพนักงานอีกคน คนนี้เป็นหัวหน้า เค้ายืนอยู่แถวนั้นเลยเดินเข้ามาถาม พี่ก็อธิบายไป เค้าก็ยอมรับ แล้วก็ขอโทษ คนเป็นหัวหน้าคนนี้ใช้ได้นะ ส่วนไอ้พนักงานคนนั้น ท่าทางจะโง่ ๆ ไม่เคยคิดถึงหัวอกคนอื่น" เธอเคยไปช็อปปิ้งกับพิจิตรในซูเปอร์เซ็นเตอร์ที่กรุงเบอร์ลินเป็นประจำ ไม่เคยมีประสบการณ์ว่า พิจิตรมีปัญหากับพนักงานในร้านใด ๆ "อยู่ที่เยอรมัน ไม่ค่อยได้เจอเรื่องแบบนี้กันนะคะ" "ใช่ ! คุณภาพของคน ต่างกันมาก" ทอมสังเกตว่าแฟนหนุ่มของเธอไม่มีสิ่งของใดติดมือ "จะไปเลยหรือเปล่าคะ ? พี่จิตรจะซื้ออะไรอีกหรือเปล่า ?" "ไปได้เลย ! พี่ไม่ได้ซื้ออะไร" "อ้าว ! แล้วพี่ไปเข้าคิวเคาน์เตอร์จ่ายเงินทำไมล่ะ ?" "เปล่า ! พี่ไม่ได้ซื้อของ แค่เข้าไปเดินเล่น เดินอยู่ใกล้ ๆ เคาน์เตอร์ เห็นคนรอจ่ายเงินเพียบเลย พอดีเคาน์เตอร์เบอร์สิบเอ็ดนั่น เปิดใหม่ เห็นกับตาเลย เค้ามักง่าย เดินไปเรียกคนท้ายแถวข้าง ๆ กับคนที่เพิ่งเข็นรถมาใหม่ ให้มาเคาน์เตอร์ใหม่ เห็นแล้วอดไม่ได้" พิจิตรออกเดินนำ ทอมเดินตาม "จอดที่ไหน รถญาน่ะ ? ข้างใน หรือ กลางแจ้ง ?" "ข้างในค่ะ !" "ตอนเดินเข้ามา เห็นที่จอดรถคนพิการว่างอยู่ มีแคมรีเลี้ยวเข้าไปจอด คนขับรถลงมา เป็นผู้ชาย ปกติดีทุกอย่าง "แล้วพี่จิตรทำไงคะ ?" "พี่ก็หยุดยืนอยู่ท้ายรถมัน พอมันลงมา พี่ก็มองหน้ามัน แต่มันไม่รู้สำนึกหรอก มันเดินเข้าห้างเฉย เหมือนกับเป็นสิ่งปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกัน" ทอมพยักหน้าเข้าใจ "เมืองไทยน่ะนะ มันก็เป็นยังงี้แหละค่ะ !" "มันเป็นยังงี้ เพราะเราไม่ช่วยกันดูแลไง !" ฐิติชญาเดินนำพิจิตรตรงไปบริเวณที่เธอจอดรถ เธอยิ้มเมื่อนึกถึงอดีตไม่นานมานี้ที่เธอกับพิจิตร ยังทำงานอยู่แดนไกล "นึกถึงวอลมาร์ทในเบอร์ลินเหมือนกันเนอะ" "นึกถึงวอลมาร์ท หรือ นึกถึงชลอสสตราเซอร์ ?" พิจิตรถามถึงแหล่งช็อปปิ้งที่เต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนม Schlossstrasse Street ในย่าน Steglitz ของกรุงเบอร์ลิน ซึ่งเขาและเธอ เคยไปเดินเที่ยวอยู่บ่อย ๆ ทอมพยักหน้าหงึก ๆ "ด้วย ๆๆๆ ! ชลอสสตราเซอร์ด้วย !" ****************************************************************************************** ฮอนด้าซิตี้สีแดง เคลื่อนตัวออกจากห้างบิ๊กซี โชเฟอร์พูดขึ้น "ฝึกสมาธิรับส่งธาตุไฟ เวิร์คมากเลย พี่จิตร ! ตอนที่พี่จิตรฝึก ก็ฝึกแบบนี้หรือเปล่าคะ ?" "น่าจะเหมือนกันนะ ! พี่เคยส่งพลังธาตุไฟไปช่วยนักการเมือง พระศรี ฯ ท่านบอกให้ช่วยคนนั้น เพราะเค้าเป็นนักการเมืองที่ดี" ฐิติชญาเลิกคิ้ว หันมามองหน้า "จริงดิ ? นักการเมืองคนไหน ? พี่จิตรเล่าหน่อยสิ ! เป็นไงบ้าง ? ช่วยเค้าได้มั้ย ?" "นักการเมืองคนไหน อย่ารู้เลย ช่วยแล้วก็แล้วไป ช่วยได้มั้ย ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันก็มีเรื่องที่น่าคิด ตอนที่กำลังนั่งส่งพลังไป ก็รู้สึกเหมือนกับว่า พี่เห็นเค้าหน้าบึ้ง แล้วพลังก็วิ่งไปลงที่ข้างหลัง ทำอยู่สามวัน วันสุดท้าย เห็นหน้าเค้ายิ้ม แล้วหลังจากนั้น ทีวีก็ออกข่าวว่าเค้าหายดีแล้ว ตกลงว่า หายเพราะเราหรือเปล่าก็ไม่รู้" "แต่พี่จิตรรู้สึกได้ใช่มั้ยว่า พลังเราส่งไปจริง ส่งไปถึงน่ะ ?" เขาพยักหน้า "รู้สึกว่ายังงั้นนะ ! เหมือนกับเค้ามาอยู่ต่อหน้าเรา แล้วเราส่งให้ใกล้ ๆ" ทอมพยักหน้าช้า ๆ "ญาว่าคงถึงนะ คืนก่อนญาส่งพลังธาตุไฟไปทางทิศที่ครูปั้นบอก ญาเห็นเป็นภาพห้อง หรือ บ้าน หรือ ตึกอะไรซักอย่าง เห็นไม่ชัด แล้วก็รู้สึกว่าความร้อนไปที่นั่น พี่จิตรจะรู้มั้ยว่า ญาทำถูกต้องหรือเปล่า ? แล้วสิ่งที่ญาเห็นคืออะไร ?" เขาสั่นหัว "ไม่รู้หรอก ! ถามครูปั้นเถอะ ! แต่พี่ว่า ไม่น่าจะผิดนะ คือ ถ้ารู้สึกว่ามีพลังส่งออกไป หรือ เห็นภาพปลายทางนี่ พี่ว่าพลังน่าจะไปถึงนะ" เธอพยักหน้าอีกครั้ง "ดีจังเลย ! ขอบคุณพี่จิตรที่พาญาไปที่เนินพระศรี ให้ญาได้ฝึกวิชาพวกนี้ ของเก่าที่ติดตัวมา มันเหลือเชื่อจริง ๆ เนอะ ! แล้ว ญาต้องฝึกแบบไหนอีก ถึงจะระลึกชาติได้เหมือนพี่จิตร ?" "ถามครูปั้นเองเถอะ ! ตามที่พี่เคยสอนแบบนั้น ญาก็เคยทำได้แล้วนี่" "ค่ะ ! แต่ มันก็เหมือนเป็นการคิดไปเองหรือเปล่า ? ญาไม่แน่ใจตัวเอง คือ ญาเคยเรียนมโนมยิทธิ ก็เคยไปถึงอารมณ์แบบนั้น พอมาฝึกแบบวิธีที่พี่จิตรสอน ก็เลยงงว่า ตอนเห็นภาพ ญาไปเอามโนมยิทธิ มาใช้ หรือว่า ระลึกได้แบบวิธีของพี่จิตร ภาพที่เห็นก็เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ ไม่รู้ว่าถูก หรือ ผิด แล้วตอนที่พี่จิตรระลึกชาติ เห็นอะไรได้นาน ๆ หรือเปล่าคะ ?" พิจิตรใช้เวลานึกไม่นาน "ก็มีเหมือนกัน เห็นว่าเราถูกคนตามฆ่า เห็นเด็กเล็ก ๆ เห็นผู้หญิง ถูกเค้าฆ่า พี่รู้สึกว่า คนพวกนั้นที่ถูกฆ่าเป็นญาติเรา "โอว ! น่ากลัว แล้วได้เล่าให้ครูปั้นฟังหรือเปล่าคะ ว่ามันหมายความว่ายังไง ?" "ครูปั้นก็บอกว่า ใช่ ! พี่ระลึกได้ถูกต้อง อดีต เราถูกศัตรูตามฆ่าอย่างโหดเหี้ยม จองเวรกันมาตลอด ชาตินี้ พวกนี้ก็เกิดมาจองเวรเราต่อ" "หือ ? ตามมาในชาตินี้ด้วย ? อ้าว ! แล้วเค้าเป็นใครล่ะ ? ชาตินี้เค้าจะมาฆ่าเราอีกเหรอ ?" เขาเอียงคอ "ไม่รู้หรอกว่าเค้าเป็นใคร อาจจะไม่ใช่ถึงกับฆ่ากัน แต่ก็เป็นศัตรูที่ เวลาเราจะทำอะไร เขาก็จะมาขัดขวาง ไม่ให้เราสำเร็จ เพราะเป็นคู่แค้นกันมาแต่ปางก่อน" "ทำไมไม่อโหสิให้กันนะ ? ฝ่ายนั้นคงไม่ได้ศึกษาศาสนาพุทธ ไม่รู้จักการเลิกจองเวร" แฟนหนุ่มอธิบายเพิ่ม "ภาพที่พี่เห็น เค้าฆ่าผู้หญิง ฆ่าเด็ก มันติดตา คนพวกนี้โหดเหี้ยมสุด ๆ ไม่รู้จักคำว่าบาปกรรม ถ้าเราจะทำอะไรให้สำเร็จ เราก็ต้องปราบมารด้วย คือ ต้องมีวิชาที่กำราบศัตรู ไม่งั้น ชาตินี้ ก็จะเหมือนชาติก่อน ที่ต้องถูกเค้ารังแก ถ้าเรากำลังทำงานเพื่อชาติ ไอ้พวกนี้ก็จะมาขัดขวาง ไม่ให้เราทำสำเร็จ เราก็ต้องมีวิชาไว้กำจัดมาร" ทอมพยักหน้า "ใช่ ! จะทำงานใหญ่ มันก็ต้องมีอาวุธ ต้องเด็ดขาด มีทั้งพระเดช พระคุณ ประเทศชาติก็ยังต้องมีทหาร เพื่อป้องกันศัตรู เราทำงานเพื่อชาติ ก็ต้องมีวิชาเป็นอาวุธ" *********************************************************************************** รถยนต์ถูกจอดไว้ที่หน้าบ้านเหมือนเช่นเคย ศิษย์แห่งอารยะเมตตาจิตทั้งคู่ นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าครูปั้น ผู้นำสาส์นแห่งพระศรี ฯ หลับตา แล้วเริ่มสนทนา "เธอทั้งสองคน ถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญของพวกเรา ทหารแห่งพระศรี ฯ พิจิตรเป็นทหารเอกมือขวา ที่มีพลังอันหาคนเทียบได้ยาก และ ขณะนี้ ฐิติชญา ที่มีวิชาของเก่าติดตัว บัดนี้ก็ได้มาเสริมทัพให้กองกำลังของพระศรี ฯ มีอานุภาพมากยิ่งขึ้น" ฐิติชญา ถามขึ้น "ญา ถือว่าเป็นทหารของพระศรี ฯ แล้วเหรอคะ ?" ครูปั้นพยักหน้าทั้ง ๆ ที่ตายังปิดสนิท "ใช่ ! เธอยินดีหรือไม่ ?" ทอมอมยิ้ม "ยินดีค่ะ !" เธอหันไปมองหน้าพิจิตรที่กำลังส่งยิ้มมาให้เธอเช่นกัน "ที่นี่ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไร มีคุณสมบัติพร้อมก็เป็นได้ ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรมากมาย ญา กับ พิจิตร มีธาตุไฟเป็นกำลังที่เด่น หากทั้งสองผนึกกำลังกัน ก็เป็นพลังที่มหาศาล ทำงานได้มากมายเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ ความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย จะหาใครมาสะสางให้เบาบางลงนั้น...ยาก หากไม่ใช่ทหารของพระศรี ฯ คนที่รับพลัง รับวิชาแห่งพระศรี ฯ เท่านั้น ที่จะช่วยประเทศให้พ้นวิกฤติได้ ใครก็ตามที่ไม่เชื่อในยุคของพระศรี ฯ ยังทำตนเป็นภัยต่อประเทศชาติ ก็จะต้องถูกพลังแห่งพระศรี ฯ กำจัดไปในที่สุด พวกเรามารวมกัน เพื่อเตรียมที่แห่งนี้ ให้พร้อมต้อนรับพระศรี ฯ ก่อนที่ท่านจะลงมา ที่แห่งนี้ จะต้องสะอาด มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับยุคแห่งพระศรี ฯ ฐิติชญา เธอเข้าใจหรือไม่ ?" ทอมขมวดคิ้ว "ที่แห่งนี้ หมายถึง ที่ไหนคะ ?" "หมายถึง ประเทศไทย ! ใครที่คิดว่ายุคแห่งพระศรี ฯ จะต้องรอไปอีกเป็นพัน ๆ ปี หลังพุทธกาลนี้จบ นั่นเป็นความคิดที่ผิด พระศรี ฯ ท่านเห็นความเดือดร้อนในสังคมไทยมากมาย ท่านไม่รอให้ศาสนาเสื่อมก่อน ค่อยมาช่วยโลก มันจะมีประโยชน์อะไร หากโลกนี้ ไม่เหลือใครให้ช่วยแล้ว ? ฐิติชญา เธอเห็นเป็นยังไง ? คนที่พอช่วยได้ ยังมีอีกมหาศาล เธอจะช่วยพวกเค้าทันที หรือ จะปล่อยให้พวกเค้าทำศาสนาเสื่อมให้หมดก่อน จึงจะช่วย ?" "ช่วยทันทีค่ะ !" ครูปั้นพยักหน้า "ดีมาก ! ศาสนาแห่งพระศรี ฯ เริ่มทันที เริ่มที่พวกเรา หากเราไม่สร้างด้วยตนเอง แต่ไปเชื่อความเชื่อที่คนบอกต่อกันมาว่า ให้รอไปเกิดชาติหน้า ถึงเจอยุคแห่งพระศรี ฯ ชาตินี้ ก็จึงไม่มีคนพร้อมที่จะทำความดี เพราะคิดว่า ต้องไปรอชาติหน้า" ทอมพยักหน้ารับรู้ "ญาเองไม่ได้ศึกษาศาสนาพุทธมากนัก ญาเคยได้ยินคำว่า พระศรีอารย์ แต่ไม่เคยรู้ว่าต้องรอชาติไหน เมื่อไหร่ เคยได้ยินแต่ว่า ยุคพระศรีอารย์ทุกอย่างจะดีมาก มีแต่คนดีมาเกิด ประมาณนี้ค่ะ" ครูปั้นมีรอยยิ้มทั้ง ๆ ที่หลับตา "ไม่เป็นไรหรอก ! ถึงแม้ญาไม่ได้ศึกษาศาสนาพุทธ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่ประการใด คนที่ศึกษาศาสนาพุทธแล้วยึดติดกับสิ่งที่เรียนต่างหาก ไม่ยอมเปิดรับอะไรใหม่ ๆ คนพวกนี้เปลี่ยนแปลงยาก จะให้คนพวกนี้ยอมรับที่จะปรับปรุงตนเองทันที เป็นไปไม่ได้ เรามาเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม สังคมอาจจะเห็นว่าเราเป็นคนประหลาด มีความเชื่อที่ประหลาด แต่เราจะแสดงให้สังคมเห็นว่า เราเปลี่ยนสังคมได้ พวกเราเท่านั้น ที่ทำให้ยุคนี้ เป็นยุคแห่งพระศรี ฯ ที่แท้จริง" "เข้าใจแล้วค่ะ !" "ก่อนที่เราจะช่วยสังคม เราต้องช่วยตัวเราเองก่อน สิ่งที่ครูจะสอนในวันนี้ จะเป็นการสอนรับส่งพลัง เพื่อช่วยบำบัดอาการของเรา และ คนในครอบครัว ฐิติชญา ได้ฝึกรับส่งพลังธาตุไฟไปแล้ว เป็นยังไงบ้าง ?" "รู้สึกดีค่ะ ! แต่ญาไม่รู้ว่า ญาฝึกถูกต้องหรือเปล่า..." เธอยังพูดไม่จบประโยค ครูปั้นก็ตอบทันที "ถูกต้อง ! ที่เธอทำ ถูกต้องหมดทุกอย่าง" "เหรอคะ ? ญามีเห็นภาพด้วย เป็นภาพแว๊บ ๆ เห็นแค่แป๊บเดียว มันเป็นสถานที่อะไรก็ไม่รู้" "ลักษณะเป็นยังไง ? เป็นสถานที่ในโลกนี้ หรือว่า เป็นวิมาน ?" "ในโลกนี้ค่ะ ! เป็นเหมือนบ้าน แต่ไม่ชัดนัก" ครูปั้นเงียบไปสักพัก แล้วพูดต่อ "ครูไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ? แต่ยังไงก็ฝึกต่อไป ทำอย่างนั้นถูกต้องแล้ว วันนี้ที่ครูจะสอน ก็คล้ายกับวันแรกที่สอนไป แต่วันนี้จะสอนรับส่งพลังธาตุรวม เราสามารถจะใช้เพื่อเยียวยาตนเอง และใช้เยียวยาคนอื่นได้" *********************************************************************************** ครูปั้นสื่อสารวิชาพลังเพื่อเยียวยาร่างกายให้กับ ฐิติชญา และ พิจิตร จนครบขั้นตอน "เธอสามารถรับส่งพลังเพื่อช่วยเหลือคนป่วยคนอื่นได้ เริ่มต้นที่คนในครอบครัวก่อน พ่อ หรือ แม่ ที่ไม่สบาย หรือ ปวดเมื่อยส่วนไหน เธอก็อยู่ที่ห้องนอนเธอเอง ฝึกวิชานี้ ส่งพลังไปช่วยเหลือได้" ทอมพยักหน้าติดกันหลายครั้ง "ดี ค่ะ ! คืนนี้จะลองส่งพลังให้พ่อกับแม่" ครูปั้นถามขึ้น "แล้ว คุณแม่ของญา เป็นยังไง ?" "โอเคเลยค่ะ !" ผู้สื่อสารกับพระศรี ฯ พยักหน้า ดวงตายังปิดอยู่ "ที่นี่ เราไม่มีเรื่องต้องปิดบังกัน ครูถามเรื่องแม่ต่อหน้าพิจิตร ญาไม่ถือสานะ" "ไม่หรอกค่ะ !" "ญา กับ พิจิตร จะทำงานร่วมมือกันได้ดีในทุก ๆ เรื่อง เพราะ เราสองคน มาจากแดนเดียวกัน คนที่มาจากคนละแดน จะอยู่กันได้ไม่นาน หากมีคู่ ก็อาจจะต้องแยกทาง หรือไม่ ก็อยู่ด้วยความทุกข์กัน เห็นกันมาหลายคู่แล้ว ใช่มั้ย พิจิตร ?" พิจิตรพยักหน้าพร้อมตอบ "ใช่ครับ !" ความคิดจากอดีตแล่นเข้ามาในจิตของฐิติชญาอย่างห้ามไม่ได้ ภาพดวงตาที่มีอำนาจสะกดเธอให้อยู่ในภวังค์เพียงแค่ได้สบชั่วครู่ อีกความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาต่อเนื่องทันที เธอสามารถปลดคำอธิษฐานที่เคยขอผูกพันกันมาในอดีตได้สำเร็จแล้ว .... ความคิดหลัง ลบล้างให้จิตเป็นอิสระ ปลดเปลื้องความรู้สึกที่มีพันธนาการออก "คู่ที่มาจากแดนเดียวกัน ก็จะทำให้ชีวิตราบรื่น ใช่มั้ยคะ ?" เธอถามพร้อมกับมองหน้าพิจิตร "ใช่ ! ต่อไป เธอสองคนก็จะร่วมมือกัน ช่วยเหลือประเทศชาติ ป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ ด้วยพลังแห่งพระศรี ฯ" ***************************************************************************************************** 1, 2< อ่านหน้า > 4 |
|||||||
![]() |
|||||||
![]() |