ตอน 43 หน้า 4

ผจัญบุตร กับ จุลินทร์นาคราช (3)

สำนักดาบสแห่งสุวรรณภูมิ

 

 

-------------------

องค์หญิงศรีวรรณเดินลับท้องพระโรงไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

ราชบุตรหูปิง และ คณะทูตมีสีหน้างุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจาก ไม่มีคนในคณะแม้แต่คนเดียว ที่เข้าใจภาษาทวารวดี ยกเว้น เจ้าล่ามชาวนาคา ที่ยืนอมยิ้มอยู่

ดาบสแห่งสุวรรณภูมิ กวักมือเรียกล่ามแห่งนานเยว์

"เจ้านี่ มีความสามารถมิใช่น้อย ข้าขอมองหน้าเจ้าใกล้ ๆ หน่อย"

หนุ่มนาคา คลานเข่าไปที่หน้าแท่นพำนักของฤาษี แล้วยกมือพนม

เมื่อล่ามเงยหน้าขึ้น ฤาษีพ่นน้ำหมากพรวด

น้ำหมากสีแดงกระจายเต็มหน้าล่ามหนุ่ม เขาล้มหงายลงนอนบนพื้นท้องพระโรง ท่ามกลางความฉงนของผู้คนทั้งหมด

ดาบสแห่งสุวรรณภูมิหันมาทูลเจ้าธรรมราชาด้วยเสียงอันดัง

"ควรมิควร แล้วจะกรุณาโปรดเกล้า ! ล่ามแห่งคณะนานเยว์ผู้นี้ แปลความหาเป็นจริงไม่

สิ่งที่ล่ามผู้นี้กล่าว ล้วนมาจากปากของเขาเอง หาได้มาจากความตั้งใจของท่านราชบุตรไม่

หม่อมฉันร่ายเวทย์ให้เขาหมดสติไป

หากมิทรงต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นต้องมัวหมอง ขอจงทรงรับสั่งจับตัวล่ามผู้นี้ เพื่อสอบหาความจริง"

เจ้าธรรมราชา ชี้มือไปที่ร่างของล่ามชาวนาคา ที่นอนหมดสติบนพื้น แล้วตะโกนลั่นท้องพระโรง

"ทหาร ! จับตัวล่ามผู้นี้พันธนาการไว้"

.............................................................

ฤาษีผู้แก่กล้าอาคม ปลุกล่ามปากดีให้ตื่นจากมนต์

เขาลืมตามาพบว่า ตัวเองกำลังนั่งบนพื้นถูกเชือกมัดมือทั้งสองไพล่หลังผูกติดกับโคนต้นไม้ในสวน

เบื้องหน้าของเขาคือ เจ้าธรรมราชา แห่ง ปะทุมดี และ ฤาษีแก่

กษัตริย์แห่งปะทุมดี ถามขึ้นเมื่อเห็นว่า นักโทษเริ่มมีสติแล้ว

"เจ้ามีประสงค์ใด จึ่งได้กุเรื่องอันเป็นเท็จ ลบหลู่เกียรติของลูกสาวเรา ?"

ล่ามหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ

"หม่อมฉันมาเพื่อขอคนของหม่อมฉันคืน ! นั่นคือประสงค์ที่แท้จริง"

"คนของเจ้า คือผู้ใด ?"

"องค์หญิงศรีวรรณ คือ คนของหม่อมฉัน !"

เจ้านครขมวดคิ้ว แล้วมองหน้าพระดาบส

"ดูท่าสติของชายผู้นี้ จักมิสมประดี"

ฤาษีชี้หน้า

"เจ้าเป็นชาวนาคา องค์หญิงศรีวรรณ เป็นคนของเจ้าได้แต่ใด ?"

ล่ามเงยหน้ามองเจ้าธรรมราชา

"หม่อมฉันเป็นคนนำลูกสาวของพระองค์ มายื่นให้มเหสีจอมเงินในพระสุบิน (ฝัน) บัดนี้หมดซึ่งเวลาแล้ว หม่อมฉันขอมารับคืน"

พระราชบิดา หัวเราะ

"แอบอ้างอย่างไร้สำนึก !

ทุกผู้คนในแดนสุวรรณภูมิ ต่างก็รู้กันไปทั่วว่า นามแห่งนิมิตของลูกสาวคนโตของเรานั้น ได้มาจากพญานาคแห่งสรวงสวรรค์ยื่นดอกไม้มาให้ จึ่งได้นามแต่นิมิตว่า ทิพยโกสุม

หากเจ้าอ้างเหตุนี้ ผู้ใดก็อ้างได้

ราชบุตรแห่งแคว้นต่าง ๆ คงมิต้องลงทุนแต่งขบวนอันมีเกียรติมาทำความรู้จักแบบนี้ดอก หากเพียงใช้คำอ้างพล่อย ๆ เช่นนี้ เราคงจักต้องยกลูกสาวให้กับไพร่ทุกผู้ที่นำนามแต่นิมิตมากล่าวอ้าง

เสียเวลาคุยกับเจ้าจริง ๆ !"

"มีไพร่หน้าไหน รู้ถึงคำพูดของพญานาค ที่กล่าวกับ พระมเหสีจอมเงินในพระสุบิน (ฝัน)?

พญานาคระบุพระนามขององค์หญิงไว้อย่างหนึ่ง แต่พระองค์ทรงมิได้ปฏิบัติตาม กลับขานพระนามองค์หญิงเป็นอื่น"

คำพูดของจำเลยผู้นี้ทำให้เจ้าธรรมราชาชะงัก

ฤาษีทูลถาม

"มีเรื่องเช่นนั้นจริงรึ พ่ะยะค่ะ ? พระมเหสีจอมเงินได้เล่าพระสุบินให้ฟัง รึว่า เจ้าล่ามผู้นี้ กุเรื่องปดขึ้นมาอีก ?"

กษัตริย์แห่งปะทุมดี ถึงกับทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ แล้วจ้องหน้าจำเลย

"เจ้ารู้การณ์นี้ได้แต่ใด ?"

"หม่อมฉันได้ทูลพระองค์ไปแล้วว่า หม่อมฉันเป็นผู้นำองค์หญิงมายื่นให้พระมเหสี แล ประสงค์ให้พระมเหสีจอมเงิน ตั้งพระนามขององค์หญิงเมื่อประสูตแล้วว่า จันทิมา"

เมื่อเจ้าธรรมราชาได้ยินคำว่า 'จันทิมา' ก็ถึงกับออกอาการ ทรุดตัวจากยอง ๆ เป็นนั่งลงบนพื้น แล้วกระพริบตาปริบ ๆ

ล่ามผู้ตกเป็นจำเลย พูดต่อ

"พระราชธิดาศรีวรรณจะหมดอายุขัยก่อนขึ้นสิบห้าค่ำนี้ หากพระองค์ไม่คืนองค์หญิงศรีวรรณให้หม่อมฉัน พระองค์ก็เตรียมจัดพิธีศพให้พระราชธิดาได้"

กษัตริย์แห่งแคว้นปะทุมดีหันมามองพระดาบส แล้วชี้นิ้วไปที่ตัวล่ามหนุ่ม

"ระงับปากมันไว้ ! ท่านดาบส จงปิดปากชายผู้นี้ไว้ตลอดชีวิต !"

ฤาษีได้ฟังรับสั่ง ก็เริ่มตั้งจิตร่ายเวทย์ทันที

เจ้าธรรมราชาลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากที่แห่งนั้นทันที

ระหว่างเดิน จิตก็เริ่มนึกถึงอดีตเมื่อช่วงที่มเหสีจอมเงิน.... ภรรยาคนโปรด กำลังตั้งครรภ์

แน่นอนว่า สิ่งที่ล่ามชาวนาคาคนนั้นพูดเกี่ยวกับความฝันของมเหสีจอมเงินนั้น เป็นความจริง

เป็นความจริงที่รู้กันอยู่เพียงแค่สองพระองค์ ระหว่างพระมเหสี และ พระองค์เองเท่านั้น

มเหสีจอมเงินล้มป่วย แล้วสิ้นบุญไปตั้งแต่พระราชธิดาทั้งสองยังเด็ก

เรื่องเล่าเกี่ยวกับความฝันของภรรยาตนเองนั้นจึงเป็นความลับอยู่กับตัวเองเท่านั้น พระองค์ไม่เคยปริปากบอกเล่าให้ใครฟัง แม้แต่ลูกสาวของตนเอง

น้ำตาเริ่มออกมาคลอเบ้า บ่นพึมพำกับตัวเอง

"สิ่งที่น้องหญิงได้เล่าให้พี่ฟัง นั่นเป็นความจริงที่เชื่อถือได้รึ ? แต่ น้องหญิงมิได้เล่าให้พี่ฟังว่า ลูกสาวของเรา จักมีชีวิตอยู่ได้มินาน เจ้าล่ามนั่น กุเรื่องขึ้นมาเป็นแน่"

เดินจากมาไม่ถึงห้าสิบก้าว จิตก็เริ่มฉุกคิด แล้วหยุด หันหลังเดินกลับเข้าไปในสวน

.............................................................

"ช้าก่อน พระอาจารย์ ! เรามีเรื่องจักสนทนากับเจ้าล่ามผู้นี้"

รับสั่งทันทีที่เดินเข้ามาใกล้ต้นไม้ แต่เมื่อเหลียวมองหาจำเลยไม่เจอ ก็ทำให้แปลกใจ

ใต้ต้นไม้มีแต่ฤาษีที่กำลังนั่งบริกรรมคาถา

พระอาจารย์ลืมตาขึ้น

"พระองค์ทรงเปลี่ยนพระทัย ?"

"หายไปไหนเล่า เจ้าล่ามผู้นั้น ?"

ฤาษีกวาดตามองไปที่โคนต้นไม้ มีแต่เชือกกองอยู่ แต่ใต้เชือกกองนั้น มีงูเหลือมตัวใหญ่นอนขดอยู่ จึงชี้มือไป

"อยู่นั่นพ่ะยะค่ะ ! หม่อมฉันร่ายมนต์สุริยันจันทรา ขังเจ้าล่ามผู้นั้นไว้ในร่างสัตว์"

พระองค์จ้องไปที่งูตัวใหญ่ซึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติง

"ท่านดาบสถอนเวทย์ให้เขากลับมาสู่ร่างเดิมได้รึไม่ ? เรามีความอยากสนทนากับเขา"

ฤาษีแหงนหน้าขึ้นมองแสงอาทิตย์

"หากพระองค์ทรงต้องการเช่นนั้น หม่อมฉันจักหยุดการร่ายเวทย์ในบทจันทรา คำสาปในบทสุริยันที่หม่อมฉันร่ายไปแล้ว จักสาปให้เขาเป็นสัตว์ในเวลากลางวันเพียงเท่านั้น

ขอพระองค์ทรงรอจนตะวันลับ ล่ามผู้นี้จักกลับเป็นมนุษย์ให้พระองค์ทรงสนทนาได้"

.............................................................

แอนดี้ยกมือขึ้น

"ผมไม่รอถึงตะวันตกหรอกครับ ! เล่าลัด ๆ หน่อยเถอะ ท่านลุง ! ผมอยากรู้อดีตของล่ามชาวนาคาคนนี้ รบกวนท่านพาผมไปดูเลยได้มั้ยครับ ? ไม่อยากรอตะวันตกแล้ว"

สหายพรหมพยักหน้า

"เออ ๆ ได้ ! เตรียมป๊อปคอร์นให้พร้อม เราจะไปดูกัน"

*******************************************************************************

หนุ่มชาวนาคาผู้นี้ อดีตชาติย้อนไปเพียงหนึ่งภพจากภพนี้ คือ จุลินทร์นาคราช เป็นพญานาคราช เจ้าแห่งวังบาดาล ที่มีอาณาจักรกว้างใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ใต้แผ่นดินสุวรรณภูมิเกือบทั้งหมด

จุลินทร์นาคราชมีภรรยาเป็นนาคีทั้งหมดห้าร้อยนาง มีภรรยาเป็นมนุษย์อีกห้าร้อยคน

จุลินทร์นาคราช เป็นพญานาคที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา เพราะเคยได้ฟังธรรมจากปากของพระเจ้าปเสนทิโกศลในสมัยพุทธกาล มีความซาบชึ้งในรสพระธรรม ฝึกสมาธิปฏิบัติธรรม เข้าฌานได้ตามอัธยาศัยอย่างสม่ำเสมอ

เจ้าแห่งวังบาดาลตนนี้ มีความรักให้กับ ภรรยาคนแรกที่เป็นนาคี มีชื่อว่า จันทิมา อย่างมาก แต่งตั้งให้เป็นเจ้าแม่แห่งวังบาดาล ผู้เป็นใหญ่ในการดูแลบริวารทั้งหมดของวัง มีหน้าที่สรรหาภรรยาให้กับเจ้าวังบาดาล และ ดูแลความสงบสุขของบริวารทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นสาวที่เป็นมนุษย์ หรือ เป็นนางนาคี ผู้ใดมีความประสงค์ต้องการเป็นภรรยาของจุลินทร์นาคราช จำเป็นต้องผ่านการคัดเลือกของพญานาคีจันทิมา

จันทิมา มีฤทธิ์มีอำนาจมาก สามารถปกป้องวังบาดาลจากภัยอันตรายต่าง ๆ มีนามเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งในหมู่นาคทั้งหมด ทั้งในหมู่เทวดาชั้นต้น ทั้งในภพมนุษย์ ชื่อของเจ้าแม่จันทิมา ก็ยังเป็นชื่อที่มีมนุษย์ให้ความเคารพยำเกรง

ภรรยาที่จุลินทร์นาคราช รักที่สุดรองลงมาจาก เจ้าแม่จันทิมา คือ จรัสศรีนาคีวิมล ผู้ซึ่งเป็นน้องสาวของพญานาคีจันทิมานั่นเอง

จันทิมา และ จรัสศรี เป็นนาคีพี่น้องที่รักกันมาก

จนวันหนึ่ง จรัสศรีผู้เป็น้อง เกิดมีราศีหมอง จิตใจเริ่มมีความทุกข์ จุลินทร์นาคราชนำความไปเล่าให้กับท้าววิรูปักษ์ (ท้าวจตุโลกบาลผู้เป็นเจ้าแห่งนาคทั้งมวล)

ท้าววิรูปักขษ์พยากรณ์ว่า จรัสศรีนาคีวิมล จะหมดบุญจากการเป็นนาคี ต้องจุติ (ตาย) ไปเป็นมนุษย์ในเร็ว ๆ นี้

ด้วยความรักอาลัย และ หักใจไม่ได้ จันทิมาจึงปรึกษากับจุลินทร์นาคราชผู้เป็นสามีว่า เธอจะตัดสินใจ ดับชีพตนจากพญานาคี จุติไปก่อน เพื่อต้องการลงไปดูแลน้องสาวในภพมนุษย์

จุลินทร์นาคราชพยายามทัดทาน หลายวาระ แต่ไม่เป็นผล เจ้าแม่วังบาดาลผู้เป็นภรรยาเอกนางนี้ มีจิตใจที่ดุดัน เด็ดขาด ทุ่มเททุกอย่างเพื่อบริวารที่รัก

ภรรยาอื่น ๆ อีกเป็นพัน ทั้งนาคี และ สตรีที่เป็นมนุษย์ ก็ต่างรักใคร่ ให้ความเคารพพญานาคีจันทิมา ในฐานะ พี่สาว หรือ ผู้ปกครองที่มีพร้อมทั้งฤทธิ์เดช และ ความเมตตา

นางนาคีในวังบาดาลทั้งหมด ต่างก็ทัดทาน ไม่มีนาคีตนไหน ต้องการให้พญานาคีจันทิมาจุติ

แต่ความเด็ดขาดของจันทิมา ก็สุดที่ จุลินทร์นาคราชจะทัดทานได้

เจ้าแม่วังบาดาล ตัดสินใจดับจิตจุติ ในอ้อมกอดของจุลินทร์นาคราช

ท้าววิรูปักษ์ สงเคราะห์ชี้ครรภ์ของผู้ที่จะให้กำเนิดเจ้าแม่จันทิมาให้จุลินทร์นาคราชได้รับรู้ ว่านางผู้มีบุพกรรมคู่ควรจะได้เป็นแม่ของจันทิมานาคี คือ พระมเหสีจอมเงิน พระมเหสีในพระเจ้าธรรมราชา แห่ง แคว้นปะทุมดี

ท้าววิรูปักษ์ ยังเมตตาทำนายกาลล่วงหน้าไว้ว่า จันทิมานาคีนั้น ไม่ได้จุติตามปกติเนื่องจากหมดอายุขัย นางตั้งใจดับจิตตนเองก่อนอายุขัยด้วยฌานขั้นต่ำ เนื่องด้วยเหตุนี้ นางจึงเปลี่ยนภพ มาอยู่ในภพภูมิมนุษย์ ซึ่งต้องอาศัยบุญเก่าที่เคยถือศีลห้ามาในอดีตที่เคยเป็นมนุษย์ ซึ่งมีบุญเพียงพอแก่การมีอายุขัยเพียงแค่ หนึ่งในห้า ของอายุขัยมนุษย์ทั่วไป

นั่นหมายความว่า จันทิมาเมียรักของเขา จะสามารถมีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่ดูแลน้องสาว เพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบปี

ท่านท้าวจตุโลกบาลวิรูปักษ์ อธิบายต่อว่า เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วสิ้นอายุขัย อาจจะไม่ได้กลับมาเกิดเป็นนาคีอีก จะเกิดในภพไหนต่อไปนั้น เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับวาระจิตก่อนตาย

หากก่อนตาย ระลึกได้ว่าตนเองเคยเป็นพญานาคี บำเพ็ญตบะให้เหมาะสมกับภพภูมิอดีต เมื่อตายแล้ว ก็อาจกลับมาเกิดเป็นนาคีได้

แต่หากก่อนตาย จิตใจเศร้าหมอง มีความโกรธ ความเคียดแค้น ความห่วงใย ตายแล้ว อาจไปเกิดในอบายภูมิ

จุลินทร์นาคราชได้ฟังแล้วมีความวิตก จึงส่งจิตไปเข้าฝัน แสดงตนในนิมิตของมเหสีจอมเงินระหว่างตั้งครรภ์ เป็นพญานาค นำดอกบัวมายื่นให้ แล้วเจาะจงบอกผู้ที่กำลังจะเป็นแม่ ให้ตั้งชื่อลูกสาวคนนี้ ว่า 'จันทิมา'

ด้วยความเชื่อที่ว่า หากจันทิมา ในร่างของมนุษย์ เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนว่า 'จันทิมา' จะทำให้ย้อนระลึกได้ว่า ในภพก่อนหน้านี้ เคยได้เป็นพญานาคีจันทิมา เจ้าแม่แห่งวังบาดาล

และ เมื่อระลึกได้ จะสามารถฟื้นอภิญญาสมาบัติ และ พลังอิทธิฤทธิ์ในอดีตที่เคยมี กลับมาใช้ป้องกันตัวได้ในชาติมนุษย์ และ บำเพ็ญตบะ ถือศีล เพื่อที่เมื่อถึงเวลาหมดอายุขัย จิตที่ผูกพันกับวังบาดาล จะทำให้เธอกลับมาเกิดเป็นนาคี และ ได้อยู่ร่วมกับเขาอีกครั้ง

แต่เหตุการ์กลับผิดคาด เมื่อพระเจ้าธรรมราชา ผู้เป็นพ่อ ได้ยินมเหสีเล่าสิ่งที่ฝัน ไม่เห็นด้วยตามนั้น กลับนำดอกบัวในความฝัน มาตั้งเป็นชื่อ ทิพยโกสุม ซึ่งแปลว่า ดอกไม้ทิพย์ แทนชื่อ จันทิมา

จุลินทร์นาคราช เกิดความไม่พอใจ และ ไม่มั่นใจว่าเมียรักของตน หากระลึกไม่ได้ว่าตนเองเคยเป็นพญานาคี เมื่อสิ้นอายุขัย อาจเปลี่ยนภพไปอยู่ภพอื่น อาจตกไปอยู่อบายภูมิ หรือ ภพภูมิอื่น ๆ ที่ ทำให้ทั้งสอง ไม่ได้อยู่ร่วมกันอีก

เจ้าแห่งวังบาดาล จึงตัดสินใจดับจิตตนเองด้วยฌานสี่ จุติมาเกิดเป็นชาวนาคา ชื่อว่า จุลินทร์

ด้วยอานุภาพของฌานสี่ ทำให้เมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้ว สามารถระลึกชาติได้ตั้งแต่เด็กว่า อดีตเคยเป็นพญานาคมาก่อน มีอภิญญา หนึ่งในสิบของภพอดีตที่เป็นพญานาค

จิตมีพลังสามารถสนทนากับสัตว์ เมื่อแสดงพลัง สามารถสยบสัตว์ทุกชนิดได้ไม่ว่าเล็ก หรือ ใหญ่

อานุภาพของฌานเก่าในอดีต ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกับ ท้าววิรูปักษ์ได้ตลอดเวลา ตั้งแต่เด็ก

เมื่อจำความได้ ระลึกได้ว่า เขาเกิดมาเพื่อปกป้องอดีตภรรยาสองพี่น้อง จันทิมา และ จรัสศรี แต่ด้วยอำนาจของท้าววิรูปักษ์ ปิดกั้น ไม่ให้เขาระลึกได้ว่า สองพี่น้องอดีตภรรยานั้น เกิดมาเป็นใครในภพนี้

สิบแปดปีผ่านไป มีแต่ความทรงจำว่า เขามีอดีตภรรยาที่รักมากสองนาง ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ รอคอยที่จะได้พบกันใหม่ แต่ไม่รู้ว่าเธอสองคนนั้น ไปเกิด ณ ที่ไหน เป็นใคร

เมื่อกาลเวลากำลังจะใกล้ถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะอายุขัยของจันทิมากำลังจะสิ้น ท้าววิรูปักษ์ จึงเมตตา ให้จุลินทร์ปฏิบัติสมาธิแล้ว ระลึกได้ว่า จันทิมา และ จรัสศรี เกิดมาเป็นใคร

ในสมาธิที่จุลินทร์เห็นภาพ คือ การกบฏจะเกิดขึ้นในพระราชวังปะทุมดี

จันทิมา ซึ่งมาเกิดเป็นองค์หญิงศรีวรรณ จะเสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น ในระหว่างหลบหนีการจับกุม

หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ดวงจิตของจันทิมา จะตกอยู่ในความเคียดแค้น ทุกข์โศก เสี่ยงเป็นอย่างมากที่จะต้องไปเกิดในอบายภูมิ

แอนดี้พยักหน้าหงึก ๆ เมื่อพอเข้าใจอดีตของล่ามจำแลง

"งั้น กลับมาดูเหตุการณ์กันต่อ" ท่านลุงพูด

******************************************************************************

1, 2, 3,  < อ่านหน้า > 5

สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่

กลับขึ้นด้านบน  อ่านตอนอื่น 

 

 

 

 
Copyright © 2008, pendulumthai.com All rights reserved