ตอน 43 หน้า 1

ผจัญบุตร กับ จุลินทร์นาคราช (3)

สำนักดาบสแห่งสุวรรณภูมิ

 

 

สมิงมะละเมิง เดินพาทอหรุ่ย...ลูกสาว กับภรรยาคนที่สาม มาร่ำลาคณะเดินทางของนายสิงดีด้วยตนเอง

เจ้าบ้านพยักหน้าให้นายพัน ที่กำลังยืนสั่งการบริวารให้ขนสัมภาระขึ้นเกวียน

พันมีสีหน้าแปลกใจ

สมิงส่งยิ้มให้ แล้วพยักหน้า

***************************************************************************************

พันขึ้นมาตามปทุมที่ห้องนอนบนเรือนไม้ ต่างคนต่างแปลกใจว่า เหตุใด ทอหรุ่ยจึงเจาะจงจะพบกับปทุม ทั้ง ๆ ที่ ทั้งสองคน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

ปทุมขมวดคิ้ว แต่มีรอยยิ้ม

ปทุมเงยหน้าไปมองสมิงมะละเมิง เขายืนยิ้มอยู่

ปทุมรู้ได้ทันทีว่า ทอหรุ่ยคงได้ปรึกษากับผู้เป็นพ่อเรื่องนี้แล้ว ส่วนนายพันซึ่งยืนคุยกับสิงดีอยู่ไกลออกไปอีกห้าหกก้าว คงไม่ได้ยินสิ่งที่ทอหรุ่ยได้พูดมา

เธอหันหน้ามามองทอหรุ่ย แล้วพยักหน้าช้า ๆ

"เดี๋ยว ๆ ๆ ! ขอเบรคตรงนี้ก่อนท่านลุง !" แอนดี้ยกมือโบกเหมือนตำรวจจราจรห้ามรถ

"นามแต่นิมิตนี่ มันคืออะไรครับ ?"

สหายพรหมพยักหน้า

"นิมิตแปลว่าอะไรล่ะ ?"

"แปลว่าฝันครับ"

"ใช่ ! นามแต่นิมิต คือ ชื่อที่ได้จากความฝัน มันเป็นประเพณีของคนโบราณ เวลาแม่ตั้งท้อง ถ้าฝันถึงอะไร ก็จะตั้งชื่อลูกตามฝัน เช่น ฝันเห็นพระจันทร์ ก็ตั้งชื่อลูกว่าจันทร์ ฝันเห็นกิ้งกือ ลูกก็ชื่อกิ้งกือ"

แอนดี้หัวเราะหึ ๆ

"มุกนี้ไว้แหย่เด็กนักเรียนเถอะลุง ! แม่ผมคงฝันถึงแอนดี้ วิลเลียมส์ ท่านลุงรู้จักหรือเปล่า ?"

"รู้ ๆ ! ข้านี่ก็นักฟังเพลงนะโว้ย ! รุ่นนั้น แฟรงค์ สินาตร้า เพอรี่ โคโม่ ดีน มาร์ติน ร้องได้หมด จะหาว่าคุย

แม่แกชอบแอนดี้ วิลเลียมส์ เหรอ ?"

แอนดี้หัวเราะชอบใจ

"เปล่า ! แม่ผมไม่รู้จักหรอก ชื่อแอนดี้นี่ผมตั้งของผมเอง ท่านลุงก็รู้ดีอยู่แล้ว เป็นเทวดาประจำตัวผม ท่านจะไม่รู้ได้ไง ? ทำมาเป็นเหวอ จะหาเรื่องคุยว่าตัวเองก็รสนิยมดีใช่มั้ยล่ะ ?"

"แล้วมึงจะเสือกถามทำไม ว่ากูรู้จักแอนดี้ วิลเลียมส์หรือเปล่า ?"

"แหย่เล่นคั่นเวลาน่ะ แล้วไอ้นามแต่วงศ์ นามแต่ศักดิ์ นามแต่ตนเนี่ย มันอะไรอีกล่ะครับ ?"

ท่านลุงเกาหัว

"ไอ้ที่เหลือนั่น ไม่เล่าตอนนี้ เล่าแล้วมันจะสปอยล์ คนดูหนังเขาจะกระทืบชั้น ปล่อยให้ไปอึ้งตอนเฉลย"

แอนดี้ทำจมูกหึ่งแล้วสั่นหัว

"ความลับเยอะ ! งั้น กลับไปดูกันต่อเถอะ"

ทอหรุ่ยเดินผละจากปทุม กลับไปหาสมิงมะละเมิง

สมิงพูดขึ้นกับสิงดี

เจ้าของคณะเร่หัวเราะร่า แล้วเดินนำเจ้าของบ้านไปที่เกวียนขนสัตว์

พัน และ ปทุม เดินตามไปด้วย

กลิ่นของมูลสัตว์โชยมาตามกระแสลม เมื่อสิงดีพาคณะเดินมาถึง

ชีวัมพาสองสาวเดินลงจากเกวียน สองนางมีผมเผ้ายุ่งเหยิง ต่างคนมีผ้าคลุมกายท่อนบน ไม่มีเสื้อใส่ ท่อนล่างเป็นผ้าถุง

ทั้งสองยืนเกร็งอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่ล้อมรอบ

สิงดีก้าวเข้าไปหาสองนาง แล้วถามขึ้น

ชีวัมเดินกลับมาพร้อมกับตะบวยน้ำ

********************************************************************************

คณะเจ้าบ้าน กับ คณะผู้กำลังจะเดินทาง ยังนั่งล้อมวง ฟังทอหรุ่ย ซักถามเหตุการณ์กับสาวเจนปุระทั้งสองนาง

เมื่อสองสาวหนีข้ามเนินเขาจากเจนปุระมาถึงแดนทุ่งตะเลง ทั้งคู่ก็วิ่งเข้าป่าละเมาะ สิ่งที่เธอทั้งสองจำได้ คือ วิ่ง วิ่ง และ วิ่ง

จนทั้งคู่มาหมดแรง ต้องล้มตัวลงนอน อยู่ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่

เมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้ว ร่างกายเริ่มปวดล้าจนแทบจะยันกายลุกขึ้นไม่ไหว ทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยบาด รอยข่วน จากกิ่งไม้ ใบไม้

เมื่อจนปัญญาที่จะเดินต่อไป ทั้งสองต่างจำต้องยอมรับชะตากรรม

หากทหารเจนปุระตามมาในทิศทางนี้ ช้าเร็ว ก็คงเจอเธอทั้งสองคน นอนหมดแรงอยู่ ณ ที่นี้ ชีวิตของเธอทั้งสอง คงต้องจบลงที่การถูกจับไปลงทัณฑ์ด้วยการบำเรอกาม หรือ อาจโดนประหารเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง สุดแล้วแต่ความต้องการของเจ้าชีวิต

ระหว่างที่ต่างคนต่างนอนหมดแรง เธอทั้งสอง กลับเห็นงูเหลือมตัวใหญ่สีเหลือง เลื้อยมาบนดิน จนใกล้บริเวณที่เธอทั้งสองนอนพิงหลังกับต้นไม้ แต่งูไม่ได้ตรงเข้ามาหา กลับเลื้อยไปขดตัวนอนอยู่ห่างออกไปจากต้นไม้นั้นสักเจ็ดแปดก้าว

หากงูเหลือมตัวนั้น ต้องการชีวิตเธอสองคน เธอทั้งสอง ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ การตายด้วยงู หรือ ตายด้วยน้ำมือทหารเจนปุระ ก็ค่าเท่ากัน ทั้งสองจึงไม่ดิ้นรนหาทางหลบหนี นอนหายใจรวยรินอยู่ใต้โคนต้นไม้

ไม่นานหลังจากนั้น เริ่มมีงูชนิดอื่นเลื้อยมาที่บริเวณนี้เพิ่มทีละตัว สองตัว งูหลายชนิดเริ่มโผล่มาจากพุ่มไม้บ้าง จากต้นไม้บ้าง เหมือนกับว่า พวกมันมารวมตัวกัน ไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัว

เมื่องูเหลือม เริ่มเลื้อยจากไป งูอื่น ๆ ก็ต่างเลื้อยตามไปด้วย

พวกมันจากไปในทิศทางเดียวกัน

หลังจากนั้น อีกพักใหญ่ ตะวันเริ่มจะลับ มีผู้ชายคนหนึ่ง มาช่วยเธอ อุ้มเธอทีละคนไปหาที่หลบ แล้วหาห่ออาหารมาให้เธอกิน จัดการหาที่ให้ที่เธอหลบอยู่ในเกวียนขนสัตว์

พันพูดขึ้น

เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ทำให้เริ่มแน่ใจในอะไรบางอย่าง

ปทุมเดินกลับไปทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ทอหรุ่ย แล้วกระซิบเบา ๆ

แดงถามขึ้น

**********************************************************************************

คณะของนายสิงดีออกเดินทางแล้ว

พันรู้สึกหนักใจไม่น้อยที่มีเรื่องไม่คาดคิดแทรกเข้ามาระหว่างการเดินทาง แต่เมื่อคิดถึงระยะทางที่เหลือ ก่อนพระอาทิตย์ตกดินครั้งนี้ ภาระที่ใหญ่ และ มีเกียรติที่สุดในชีวิตการรับใช้ผู้มีพระคุณของเขา ก็คงหมดสิ้น

แดงนั่งคุยกับหงสาตลอดทาง คงเป็นเพราะวัยใกล้เคียงกัน

สาว ๆ ชะโงกหน้าออกไปมองท้องฟ้า เมฆฝนดำทะมึนปกคลุมไปทั่ว

ฝนเริ่มโปรยลงมา

*****************************************************************************

 อ่านหน้า > 2, 3, 4, 5

สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่

กลับขึ้นด้านบน  อ่านตอนอื่น 

 

 

 

 
Copyright © 2008, pendulumthai.com All rights reserved