ตอน 32 หน้า 2

มึนเป็ด

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

พิจิตรพาฐิติชญา เดินอ้อมหลังเรือนเพาะชำ มาหยุดอยู่ที่เพิงข้างทุ่งโล่ง

ทุ่งหญ้าโล่ง มีบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง รอบบึงน้ำมีเป็ดหลายสิบตัว เดินกันอยู่เป็นกลุ่ม

ทอมชี้มือไปที่ฝูงเป็ด

"เป็ดพวกนี้ของใครคะ ?"

"ของที่นี่แหละ เราสอนเด็กปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ มีบ่อปลา เราทำให้พวกเค้ารู้จักการอยู่อย่างพอเพียง"

เป็ดสีเทาสองตัวเดินเข้ามาในที่ร่มใต้ชายคา

"สองตัวนี้น่ารักดี"

พิจิตรชี้มือไปข้างหน้า

"โน่น ! คนดูแล"

หนุ่มผิวคล้ำวัยประมาณยี่สิบกว่าปี ใส่เสื้อยืดเก่า ๆ กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ กำลังเดินเข้ามาที่เพิง

พิจิตรกวักมือเรียก

"ไอ้ป๊อก ! มานี่"

ไอ้ป๊อกยกมือขึ้นไหว้ แล้วเดินจ้ำเข้ามาในเพิง

"มาช่วยจับเป็ดนี่หน่อย ตัวไหนญา เลือกมาตัวนึง"

ทอมชี้มือไปยังเป็ดขนเทาตัวที่มีขนาดย่อมกว่า

พิจิตรชี้มือสั่งเจ้าป๊อก

"ตัวเล็กนี่ ! จับมาให้ดูใกล้ ๆ หน่อย"

พิจิตรหันมาหาทอม

"ป๊อกเป็นคนเลี้ยงเป็ดไก่ที่นี่ ชำนาญเรื่องการจับไก่จับเป็ด คนไม่เคยจับ ไม่ใช่ว่าจะจับมันได้ง่าย ๆ นะ"

เพียงไม่กี่นาที เจ้าป๊อกก็จับเป็ดตัวที่ทอมเลือกกอดไว้ในอ้อมแขน แล้วเดินเข้ามาหา

เป็ดขนเทาชูคอหันไปหันมา เป็นที่น่าเอ็นดู

พิจิตรพยักหน้าให้แฟนเดินเข้ามาใกล้ ๆ

"มาสิญา ! เอามือลูบตัวมันได้"

ทอมยื่นมือไปลูบที่สีข้าง

"ต้องบีบแน่นขนาดนั้นเหรอ ?" ทอมถามเจ้าป๊อก

พิจิตรตอบแทน

"ถ้ากอดไม่แน่น มันจะกระพือปีก แล้วก็หลุด คนที่จับเป็นจะจับที่คอก่อน เมื่อกี๊เห็นตอนที่ไอ้ป๊อกมันจับหรือเปล่า ?"

เธอพยักหน้า

"นั่นแหละ ! ต้องคว้าคอไว้ แล้วรีบตะครุบปีก"

ทอมยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าเป็ด

"น่ารักดี ตัวนี้"

"ตั้งชื่อให้มันสิ !"

เธอนึกสักอึดใจ แล้วตอบ

"ชื่อดอนน่าแล้วกัน จะได้เป็นเพื่อนกับโดนัลด์ดั๊ก"

พิจิตรหัวเราะ เขาพูดกับป๊อก

"เดี๋ยวเอาดอนน่าแยกไว้เป็นพิเศษ แยกไว้ให้อยู่ในซุ้มเล็ก"

ป๊อกขยับจะเดินไป ทอมพูดขึ้น

"เดี๋ยว ขอลาดอนน่าก่อน !" เธอเอื้อมือไปลูบสีข้างมันอีกครั้ง

"โชคดีนะ ดอนน่า ! ยินดีที่ได้รู้จัก"

ป๊อกอุ้มเป็ดดอนน่า เดินออกไป

พิจิตรพูดขึ้น

"ญารอตรงนี้ก่อนแป๊บนึง พี่มีอะไรจะสั่งไอ้ป๊อก เดี๋ยวกลับมา"

พิจิตรวิ่งออกจากเพิงไปจนทันเจ้าป๊อก

ทอมมองออกไปรอบ ๆ ทุ่งโล่ง ลมเย็นพัดโชยมาอย่างต่อเนื่อง

การสอนให้เด็กปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ แล้วยังสอนธรรมะให้ ถือว่าเป็นโครงการปิดทองหลังพระ ที่ควรได้รับการสนับสนุนอย่างยิ่ง หากเธอเป็นเศรษฐี เธอจะขออุปถัมภ์โครงการเหล่านี้ทั้งหมดทันที

*********************************************************************************

อาหารกลางวันถูกจัดเรียงบนโต๊ะยาวชานศาลาไม้

ทั้งเหล่าเด็กนักเรียน และ เหล่าครูอาสา ร่วมกันยืนตักอาหารที่โต๊ะยาว แล้วไปนั่งตามกลุ่ม

เสียงเด็ก ๆ จ๊อกแจ๊กจอแจ หยอกล้อกันอย่างสนุกสนานอยู่รอบ ๆ

ทอมกับพิจิตรถือจานอาหารในมือ แล้วเดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับครูปั้น

โต๊ะเก้าอี้ชุดม้าหินนี้ มีครูปั้น คุณนายปิ๋ว และ ลุงชินนั่งสนทนาอยู่ก่อน ทอมกับพิจิตรทรุดตัวลงนั่งตรงที่ว่าง

ครูปั้นถามขึ้น

"ส่งพลังธาตุไฟ เป็นยังไงกันบ้าง ?"

คุณนายปิ๋วพยักหน้า

"ยังทำอยู่ค่ะ ! ทุกหัวค่ำ อาบน้ำก่อนทุ่มนึง เสร็จแล้วก็เริ่มนั่ง อาทิตย์ที่แล้ว ปิ๋วมีพลาดไปแค่สองวัน คือ ปิ๋วไปงานเลี้ยงตอนเย็น กลับมาไม่ทัน ก็ไม่ได้ส่งพลังไป ที่เหลืออีกห้าวัน ไม่ได้ไปไหน ก็ทำ"

ลุงชินตอบบ้าง

"ผมสัปดาห์ที่ผ่านมานี่ ได้ทำสองวันเท่านั้น นอกนั้นก็เหนื่อย กลับบ้านก็นอนพัก"

ครูปั้นพยักหน้าแล้วยิ้ม

"ไม่เป็นไร ! เอาตามวันที่สะดวก สะดวกวันไหนก็ทำวันนั้น แล้วญาล่ะ ?"

ทอมส่งยิ้มให้

"ญาทำทุกวันค่ะ ! ทำแล้วรู้สึกดี แต่ญาไม่รู้ว่าส่งผิดหรือถูก บางวันก็รู้สึกเห็นเป็นสถานที่ด้วย"

ลุงชินยกนิ้วโป้งชูขึ้น

"คุณญาสุดยอดแล้ว ! ท่านถึงเลือกให้เป็นมือขวา"

ครูปั้นพยักหน้าช้า ๆ

"ญาทำถูกแล้ว ! พลังของญามากที่สุดเท่าที่สำนักเราเคยมีศิษย์มา"

ฐิติชญาเบิกตาโต

"มากที่สุดเลยเหรอคะ ?"

เจ้าสำนักพยักหน้ายืนยัน

"ทุกคนต้องส่งพลังตอนกลางคืนเหมือนกันเหรอคะ ?"

ครูปั้นพยักหน้าอีกครั้ง

"ใช่จ้ะ ! ส่งไปทางทิศเดียวกัน"

"ทิศนั้นมีอะไรเหรอคะ ?" ทหารเอกมือขวาถามต่อ

"ทิศนั้นมีอุปสรรค เราส่งพลังไปเพื่อหยุดอุปสรรค ไม่เช่นนั้นงานของพวกเราจะช้า ตัวอย่างที่เห็นคือ เมื่อคนทางทิศโน้น ซึ่งเป็นศัตรูเก่าของพวกเราแต่ปางก่อน เขาเริ่มมีกำลัง เขาก็จะทำให้พวกเราเริ่มอ่อน จู่ ๆ เจ๊เหมี่ยวก็มาถอนตัว นี่ก็เป็นผลจากกำลังของทางโน้น"

ทอมขมวดคิ้ว

"เค้าบอกให้เจ๊เหมี่ยวถอนตัวเหรอคะ ?"

ครูปั้นยิ้ม

"ไม่ใช่ตรงไปตรงมาขนาดนั้น ! ศัตรูเราที่มาเกิดในชาตินี้ เค้าอาจจะไม่รู้อดีตชาติหรอก แต่เมื่อเขาเกิดมาในชาติเดียวกับเรา พลังของเค้ากับของเรา จะค้านกัน เรียกว่า ดวงเป็นอริกัน หากเค้าดวงขึ้น พลังเราจะถอยลง อุปสรรคเราจะมากขึ้น หากเราหยุดเขาได้ เราก็จะมีกำลังมากขึ้น การงานที่วางไว้ ก็จะสำเร็จได้มากขึ้น"

ทหารมือขวา เริ่มเข้าใจขึ้นอีกนิด เธอพยักหน้า

"ศัตรูพวกนั้น ใช่ที่ญาเคยเห็นตอนส่งพลังหรือเปล่า ? ที่เค้ามาฆ่าพวกเราในหมู่บ้าน ?"

ครูปั้นพยักหน้า ตอบทันทีด้วยเสียงที่หนักแน่น

"ใช่ !"

ลุงชินเลิกคิ้ว

"คุณญาเห็นด้วยเหรอ ? เก่งจังเลย !"

"ค่ะ ! ญาเห็น แต่ไม่เข้าใจหรอกว่าเค้าเป็นใคร ฆ่าเราทำไม ? ญามาเล่าให้ครูปั้นฟัง ครูปั้นบอกว่าพวกนั้นคือศัตรูที่ตามมาจองเวรเราต่อในชาตินี้"

คุณนายปิ๋วลูบแขนไปมา

"ขนลุกเลยค่ะ ! ปิ๋วได้ฟังแม่หญิงสาวิตรีเล่าตอนที่ให้พวกเรานั่งส่งพลัง ตอนนั้นปิ๋วก็คิดสงสัยนะว่า มันเป็นไปได้ด้วยเหรอเรื่องพวกนี้ มาตอนนี้ ได้ฟังน้องญาเล่าอีกคน ปิ๋วขนลุกเลย แสดงว่าที่แม่หญิงให้เรานั่งส่งพลังไปหยุดมารนั่น เป็นเรื่องจริง แต่ปิ๋วก็นั่งส่งพลังไปนะ แต่ไม่เคยได้เห็นอะไรเหมือนน้องเลย"

ครูปั้นพูดขึ้น

"นี่ไงล่ะ พระศรี ฯ ถึงเลือกให้ญาเป็นทหารมือขวา นอกจากพลังที่มหาศาลแล้ว ญายังมีตาที่สาม สามารถเห็นได้มากกว่าคนอื่น"

ลุงชินพูดบ้าง

"ผมคงต้องตั้งใจส่งพลังให้มากกว่านี้ ผมเห็นครูปั้นป่วยแล้วก็สงสาร ไอ้พวกนั้น พอดวงดี พลังของพวกมันก็ทำให้ครูปั้นป่วย"

ครูปั้นพยักหน้า

"ถ้าพวกเราช่วยกันส่งพลังไปหยุดพวกเค้า ครูก็ได้มีโอกาสมีสุขภาพปกติ การงานของเราก็จะได้เริ่มเดินหน้า ตอนนี้ก็หยุดชะงักมาช่วงนึงแล้ว เจ๊เหมี่ยวถอนตัว ชื่อสำนักเราก็อาจจะต้องคืนเค้าไป โครงการสอนเด็กของพระศรี ฯ ก็ต้องหยุดไปก่อน

แต่เราก็ยังโชคดี วันนี้คุณสุริยน ข่มจันทร์ พาคนมาเป็นนักเรียนเพิ่ม ครูจะให้คนกลุ่มนี้ ช่วยกันส่งพลัง แต่ยังไง พลังของญา ก็ยังเป็นพลังหลัก การได้ญามาช่วยครู ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญมาก ถ้าพวกเราไม่ท้อ ครูก็ไม่ท้อ ถ้าไม่มีพวกเรา ครูก็ท้อเหมือนกันนะ ไหนจะต้องป่วย ป่วยแล้วก็ยังต้องช่วยเรื่องชาติบ้านเมือง ต้องพัฒนาเด็ก ๆ ต้องสร้างสังคมพระศรี ฯ ครูก็คนธรรมดาคนนึง"

ทอมเกิดอารมณ์ร่วมอย่างห้ามไม่ได้ เธอยื่นมือไปจับข้อมือครูปั้น

"อย่าท้อนะคะ ! ญาจะช่วยเต็มที่ ญาเห็นโครงการหลายอย่างของที่นี่แล้ว ญาเชื่อมั่นในที่นี่ ความดีจะต้องชนะทุกอย่าง"

เธอหันไปยิ้มกับพิจิตร ครูปั้นแตะมือของญา แล้วพยักหน้าส่งยิ้มให้

"ขอบคุณมากนะ ญา ครูขอบคุณทุกคนนะ เราเริ่มทานข้าวกันเถอะ"

******************************************************************************

ฐิติชญาทานอิ่มแล้ว ลุกถือแก้วเดินจากโต๊ะม้าหินมาเติมน้ำ

ที่โต๊ะวางน้ำมีน้ำอัดลมวางอยู่เรียงรายหลายขวด เด็กนักเรียนหญิงวัยเจ็ดแปดขวบกำลังเอื้อมมือหยิบขวดน้ำอัดลมรสส้มที่มีเหลืออยู่เพียงก้นขวด

เพียร... .เด็กอ้วนตัวดำหลานชายเจ้าของสำนัก.. เดินเข้ามาข้างหลังเด็กหญิง แล้วตบหัวเด็กหญิงเคราะห์ร้ายจนหน้าคะมำ

"อย่าเสือก ! น้ำส้มของกู จะหมดขวดแล้ว อยากกินไปกินขวดอื่น" เขาก้มลงพูดกับเด็กหญิงที่ตัวเตี้ยกว่า พร้อมกระชากขวดน้ำส้มไปจากมือเธอ

ทอมวางแก้วตัวเองลงบนโต๊ะ แล้วรีบเดินมาดักเพียรที่กำลังถือขวดน้ำส้มเดินกลับไป

"หยุดก่อน !"

เพียรเงยหน้าขึ้นมอง แล้วเบี่ยงตัวเดินหลบ

ทอมฉวยแขนข้างหนึ่งของหลานชายครูปั้นไว้

"หยุดคุยกับพี่ก่อน !"

เจ้าเพียรเกิดอารมณ์ฉุน

"ปล่อยกู !"

ทอมกระชากมือเพียรอย่างแรง

"พูดจาแบบนี้เหรอ ? เมื่อกี๊ทำอะไร ? ไปตบหัวน้องเค้าทำไม ?"

เด็กเพียรสบัดมือจนหลุด แล้วเงยหน้าตะคอก

"มายุ่งอะไรด้วย !"

ทอมเกิดอารมณ์โทสะ เธอคว้าคอเสื้อของเพียร ขณะที่เขากำลังผละออกไป แล้วกระชากกลับ ทำให้เด็กอ้วนต้องเซถอยหลังมาสองก้าว

เจ้าเพียรออกอาการฉุนสุดขีด ขว้างขวดน้ำส้มลงบนพื้นอย่างแรง

โพล๊ะ !

พร้อมตะโกนด้วยเสียงดังลั่น

"โอ๊ย ! ผู้ใหญ่แกล้งเด็ก จะเอาอะไรกับกู !"

เสียงนี้เรียกความสนใจจากคนรอบข้าง

เด็กนักเรียนที่นั่งทานอาหาร นั่งเล่นกันอยู่ในละแวกนั้น เริ่มหันมามอง

พิจิตรเดินเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ

"น้องเพียรเป็นอะไร ?"

เพียรชี้หน้าฐิติชญา

"พี่คนนี้เดินมากระชากเสื้อเพียร"

ทอมจ้องหน้าเด็กอ้วน

"น้องเพียรไปตบหัวน้องผู้หญิงคนนั้นทำไม ?"

พิจิตรมองซ้ายมองขวา

"น้องคนไหน ?"

ทอมหันไปมองหาเด็กหญิงเคราะห์ร้ายคนนั้น

ลุงชิน คุณปิ๋ว เดินเข้ามา

เพียรพูดกระแทกเสียง

"ไม่กินแล้วเว้ย ! เสียอารมณ์ !" แล้วเดินออกไปจากบริเวณนั้น

ครูปั้นลุกจากม้าหิน แล้วตะโกนเรียก

"เพียร เกิดอะไรขึ้น ? จะไปไหน เพียร ?"

เธอเห็นหลานชายเดินจ้ำอ้าว เลยศาลาไม้แล้วก็ยังไม่หยุด จึงเดินตามออกไป

ทอมมองหาเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่เจอ

พิจิตรเดินเข้าไปถามแฟนสาวด้วยน้ำเสียงที่เบา

"ญาไปกระชากเสื้อเค้าเหรอ ?"

"ใช่ ! เพราะญาบอกให้หยุดคุยกันก่อน เค้าไม่หยุด"

"แล้วญาไปกระชากเสื้อเค้าทำไมล่ะ ?"

ทอมมองหน้าพิจิตร

"ก็เค้า... ช่างมันเหอะ !" เธอรู้ตัวว่ากำลังเป็นเป้าสายตาของเหล่าครูอาสา และ เด็ก ๆ

ทอมเดินไปหยิบขวดน้ำอัดลมบนพื้นที่หลานชายเจ้าสำนักปาทิ้ง เธอเปิดฝา แล้วเทน้ำอัดลมลงพื้นจนหมด

"น้ำส้มนี่ก่อเรื่อง เททิ้งซะ" เธอบ่นพึมพำ แล้วเดินถือขวดเปล่าไปใส่ในถังขยะ

**********************************************************************

บ่ายสอง ครูอาสากำลังจัดกิจกรรมร้องเพลงให้เหล่าเด็กนักเรียนได้สนุกสนานกัน

ทอมปลีกตัวจากกลุ่มมาเดินเล่นที่ริมทุ่งนา สายตาทอดยาวไปยังขอบฟ้าที่ตัดกับปลายทุ่ง ในใจยังรู้สึกมึน ๆ ตึง ๆ นึกฉุนอยู่กับพฤติกรรมของหลานชายครูปั้น

หางตาเหลือบไปเห็นคันดินเลียบทุ่งนา เธอนึกถึงศาลพญานาคที่ปลายทุ่ง เพียงแค่คิด เท้าก็เริ่มก้าวเดินมุ่งตรงไปยังคันดินทันที

ไม่ถึงสิบนาที ฐิติชญาได้มายืนอยู่ที่หน้าศาลพญานาค

ศาลทำด้วยไม้มีขนาดความสูงเท่ากับตัวเธอพอดี เธอยกมือขึ้นไหว้

แสงแดดส่องไม่ถึงภายในของศาล แต่เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น

ทอมเขยิบเท้า ก้าวเข้าไปใกล้ศาลอีกหนึ่งก้าว เพ่งตามองเข้าไปในศาล

เธอเริ่มมองเห็นสิ่งที่เคลื่อนไหวนั้นเป็นหัวของสัตว์เลี้อยคลาน อาจจะเป็นจิ้งเหลน หรือ กิ้งก่า

สายตาจับจ้องอยู่เพียงไม่ถึงนาที สัตว์เลื้อยคลานนั้นเริ่มแสดงตัว โดยการโผล่หัวเลื้อยออกมาจากศาล

งูเขียวตัวเล็ก โผล่หัวออกมาชูคอ ลูกนัยน์ตาสีดำ ดูน่ารัก

ฐิติชญาอมยิ้มทันทีเมื่อได้เห็น เธอโบกมือทักทาย

งูเขียวน้อย เลี้อยออกมาจากช่องหน้าต่างศาลแล้วพาตัวเองไปเกาะอยู่ที่หลังคา แสงแดดส่องลำตัวเห็นเป็นสีเขียวมรกต

สวยมาก ! .... ในใจเธอคิด

งูเขียวเริ่มเลื้อยออกจากศาล ไต่ลงมาที่เสา เลื้อยลงมาที่พื้น หยุดชูคอ แล้วเลื้อยช้า ๆ ไปในทิศทางตรงข้ามกับเธอ

ทอมยืนมองอยู่ ณ ที่เดิม งูเขียวกลับหยุด หันมาชูคอ

ทอมอมยิ้ม 'จะให้ฉันตามไปเหรอ ?' เธอถามตัวเองในใจ

แล้วค่อย ๆ ก้าวเท้าตามงูเขียวไป

สาวกพญานาคไม่เลื้อยเข้าพงหญ้า กลับเลื้อยบนทางเดินเท้า

เมื่อเธอหยุดเดิน งูก็หยุดเลื้อยด้วย

'เหลือเชื่อ ! งูตัวนี้ต้องการให้เธอเดินตามจริง ๆ !'

เธอก้าวเท้าเดินต่อ ผู้นำทาง ก็เลื้อยนำต่อไป

สายตาที่จดจ่อกับการเคลื่อนตัวของผู้นำทาง กลัวจะพลัดหากงูเลื้อยหายไป จึงไม่ได้มองทิวทัศน์ข้างทาง

งูเขียวหยุดเลื้อย ชูคอมองไปทางขวา แล้วเลี้ยวเข้าซอกหินก้อนใหญ่ พาตัวไต่ขึ้นไปนอนบนโขดหิน

เลยโขดหินไปเกือบจะสุดสายตา เธอมองเห็นตึกอาคารสองชั้น มีจานดาวเทียมอยู่บนอาคาร

แต่จากจุดนี้ไปที่อาคารนั้น ไม่มีทางเดินเท้า มันเป็นทุ่งหญ้าซึ่งไม่น่าจะมีใครเดินฝ่าไปได้

นั่นคงเป็นที่ดินของคนอื่น ซึ่งคงต้องเข้ามาจากถนนใหญ่ หรือ จากถนนอื่นที่ไม่ใช่จากที่นี่

ณ จุดนี้คือสุดทางเดินเท้าของที่นี่แล้ว ทอมนึกในใจ

'งูเขียวพาฉันมาดูอะไรตรงนี้ ? ดูตึกของชาวบ้านหรือยังไง ?'

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ถ่ายรูปทิวทัศน์บริเวณนี้ไว้สามสี่รูป

เมื่อไม่มีทางเดินต่อ เธอก็ตั้งใจจะเดินกลับ

ทอมโบกมือให้กับงูเขียว ก่อนที่จะหันหลัง แล้วเดินกลับไปตามทางที่เดินมา

ใช้เวลาไม่นาน เธอก็เดินกลับมาถึงบริเวณที่ตั้งศาลพญานาค ทอมยกมือไหว้ลา แล้วเดินตามทางเท้ามาบนคันดิน

**********************************************************************************

ฐิติชญาเดินกลับมาที่ศาลาไม้พร้อมรอยยิ้ม

พิจิตรทักเธอด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล

"ญา หายไปไหนมา ? พี่โทรหาตั้งหลายครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ ญาไม่ได้เปิดมือถือเหรอ ?"

ทอมควักโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงออกมาดู มีข้อความเตือนสายที่โทรเข้า แต่ไม่มีมิสคอล

"สงสัยตรงนั้นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ญาเดินไปไหว้ศาลพญานาค"

"ญาไปทำอะไรอยู่ที่นั้นตั้งสองชั่วโมง ?"

ทอมขมวดคิ้ว

"สองชั่วโมงที่ไหนพี่จิตร ? ครึ่งชั่วโมงเองมั้ง"

"ญาหายไปตั้งแต่บ่ายสอง นี่มันกี่โมงแล้ว ?"

เธอเหลือบมองที่หน้าจอโทรศัพท์

'16:15'

ตาเบิกค้าง

"หา ! สี่โมงกว่า !!!"

เธอหันไปมองที่ทุ่งนา

"จากโน่นมานี่ มันแค่สิบนาทีเอง สองชั่วโมงได้ยังไง ?" เธอยังไม่เชื่อว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนั้น

พิจิตรเปลี่ยนเป็นยิ้ม

"ช่างเหอะ ! กลับมาก็ดีแล้ว พี่นึกว่าญาหลงไปที่ไหน เดี๋ยวเรากินข้าวเย็นตอนห้าโมง แล้วจะได้กลับกรุงเทพ ฯ"

***********************************************************************************

ก่อนห้าโมงเย็นเล็กน้อย ช่วงเวลาอำลากันระหว่างเด็กในโครงการปลูกฝังของพระศรี ฯ กับครูอาสาก็เริ่มขึ้น

ครูอาสายืนรวมกลุ่มกันให้เด็กแต่ละคนเดินเข้าไปร่ำลา ยกมือไหว้ เด็กหลายคนเดินเข้าไปกอดครูที่ตนเองผูกพัน

เด็กบางคนก็เริ่มมีน้ำตา ครูอาสาบางคนก็มีน้ำตา บรรยากาศดูอบอุ่น แต่ เศร้าสร้อย

ฐิติชญาอาสาเป็นคนถ่ายรูปเก็บบรรยากาศการร่ำลาครั้งนี้ไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ

เธอสังเกตดู ไม่เห็นว่าเจ้าเพียรหลานชายครูปั้น มาร่วมอยู่ ณ ที่นี้

หลังจากเด็กนักเรียน เริ่มทยอยกันเดินไปขึ้นรถที่รออยู่ที่หน้าอาคารทิวาทิพย์ อาหารเย็นก็พร้อมที่โต๊ะ สำหรับครูอาสา และ ผู้มาเยือนที่ต้องรีบกลับกรุงเทพ ฯ

ครูปั้นยังมีนัยน์ตาสีแดงจากการเสียน้ำตาให้กับการร่ำลาของเหล่านักเรียน เธอพูดชักชวนทุกคน

"มา ๆ ! มาทานข้าวกันก่อนกลับ เดี๋ยวจะได้กลับก่อนมืด ไม่งั้นกลับถึงบ้านจะดึกไป มาทานข้าวกันก่อน"

โต๊ะอาหารเย็นเป็นโต๊ะยาว เหล่าครูอาสากับผู้มาเยือนรวมกันประมาณสิบกว่าคน เลือกที่นั่งกันตามสะดวก

ครั้งนี้ ทอม และ พิจิตร นั่งอยู่คนละฟากกับครูปั้นซึ่งนั่งอยู่ท้ายโต๊ะอีกฟาก

เจ้าสำนักมองดูอาหารบนโต๊ะ แล้วพูดขึ้น

"อาหารคงมาครบแล้วนะ วันนี้ ครูขอขอบคุณครูอาสาทุกคนที่มาช่วย ในยามที่ลำบาก เราก็จะได้เห็นว่าใครรักเราจริง คนที่บอกว่าเชื่อมั่นศรัทธาที่นี่ ไม่ทันจะได้ร่วมทุกข์กันก็ติดปีกบินหนีไป มีสุขก็มา ได้ประโยชน์แล้วก็ไป ครูเองก็ท้อเหมือนกัน

วันนี้ครูก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างให้มันเด็ดขาด กลุ่มอารยะเมตตาจิตเดิม ไม่ต้องทวงชื่อคืน ครูจะคืนให้เลย ไม่ต้องมีการต่อรองอะไร ครูคืนให้ได้ เดี๋ยวเราหาชื่อใหม่ของเราได้ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ครูได้ให้คนมาจัดการทุบป้ายหินที่หน้าสถานปฏิบัติธรรมของเราทิ้ง ไว้เรามีชื่อใหม่ ค่อยทำป้ายใหม่

ส่วนสำนักของอารยะเมตตาจิตทั้งหลายที่มีสมาชิกอยู่หลายจังหวัด ครูจะไม่รับศิษย์พวกนั้นมาเป็นศิษย์ของที่นี่ ครูสร้างเด็กใหม่ สร้างคนใหม่ดีกว่า สาวกของเขา ก็คืนเขาไป เรามีคนน้อยลง ก็ไม่เป็นไร คนที่เหลือคือคนที่มีความศรัทธาจริง ตามแนวทางของที่นี่

ศิษย์ของเราจริง ๆ พอรู้ข่าวเรื่องอารยะเมตตาจิตถอนตัวไป ก็มาให้กำลังใจสนับสนุน ท่านนายพลก็มาช่วย พาคนมาบริจาคเงินเพิ่ม พวกเราอยู่ได้ เพราะศรัทธา ไม่ต้องเป็นห่วงครู ขอให้เราเป็นห่วงประเทศชาติ ห่วงศาสนา แค่นี้ก็พอ

ครูขอขอบคุณทุกคนนะ มีเรื่องพูดแค่นี้ กินข้าวกันเถอะ จะได้รีบกลับบ้าน"

ต่างคนเริ่มจับช้อนส้อม ตักอาหาร

ทอมส่ายหัว ถอนหายใจ

"สังคมเราทุกวันนี้ มันจะเอาอะไรกันนักหนา ธุรกิจ เงิน ผลประโยชน์ มองแต่ตัวเองไม่เห็นส่วนรวม"

พิจิตรเอื้อมมือไปตักกับข้าวมาให้

"ปลาทอดที่นี่ ลองชิมดูว่าฝีมือใช้ได้มั้ย ?"

ทอมตักปลาทอดเข้าปาก เธอพยักหน้าทันที

"ใช้ได้ อร่อย !"

"มีนี่ อีกอย่าง ของเด็ดวันนี้" เขาเอื้อมมือไปตักแกงเผ็ดมาเทใส่จานแฟนสาว

"นี่ แกงเผ็ดเป็ดย่าง"

เธอเกลี่ยเนื้อเป็ดรวมกับข้าวให้พอคำ แล้วตักเข้าปาก เมื่อเคี้ยวและกลืนลงคอ เธอยกนิ้วโป้งชูขึ้น

"อร่อยมาก !"

"อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่าง ฝีมือพ่อครัว เป็นผู้ชายนะ ทำเกือบทุกอย่างนี่เลย เดี๋ยวลองน้ำแกงด้วย เดี๋ยวพี่ตักให้"

เธอพยักหน้ารับ

"พี่จิตร ศิษย์ที่อยู่ในสายอารยะเมตตาจิต มีคนเยอะมั้ย ?"

"หลายหมื่น"

"หลายหมื่น !" เธอทวนคำ "ครูปั้นทิ้งศิษย์หลายหมื่นได้ ใจเด็ดมาก"

"แม่หญิงสาวิตรี ใจเด็ดมาตั้งแต่อดีต ใช่คือใช่ ถ้าไม่ใช่ ก็ตัดทิ้งได้ ไม่อาลัยอาวรณ์ น่ายกย่องมาก" พิจิตรเสริม

ทอมเหลือบตาไปมองครูปั้นที่กำลังทานข้าวอยู่ แล้วพยักหน้าช้า ๆ ความศรัทธาผนวกกับความเห็นใจในเจ้าสำนักหญิงแห่งนี้ เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

***********************************************************************************

1 < อ่านหน้า > 3
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่