![]() |
| ||||||
|
| |||||||
สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท
ชูศักดิ์ประมวลสถานการณ์สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ความสงบราบเรียบที่เกิดขึ้นกับชีวิตครอบครัว ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ลูกชายไม่รบเร้าถึงเรื่องนั้น ภรรยาก็ไม่กล่าวถึง ทุกอย่างช่างเงียบสงบ เหมือนกับทะเลไร้คลื่น เปี๊ยกเป็นเด็กแค่แปดขวบ ยังต้องเจอะเจอกับประสบการณ์อีกมากมาย การเรียนที่สูงขึ้น เพื่อนที่มากขึ้น กิจกรรมที่เพิ่มขึ้นจะเข้ามาทดแทนความจำส่วนนั้นได้ทีละน้อย แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก ที่คงไม่สามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกชายได้ สิ่งที่ติดค้างหลายอย่างไม่สามารถลบไปจากใจได้จนกว่า จะได้รับคำตอบที่เขาพอใจ เปี๊ยกเปิดประตูกระจกห้องทำงานเข้ามา แล้ววางกระเป๋านักเรียนบนโต๊ะ ยกมือไหว้ "สวัสดีครับ !" ชูศักดิ์เหลือบมองลูกชายด้วยหางตา "เออ ! ลูกชิ้นอยู่บนโต๊ะ !" ลูกชายพยักหน้าแล้วฉีกยิ้ม รีบหันตัวกลับ เปิดประตูห้อง วิ่งตรงไปบริเวณครัว ฉวีวรรณเคาะผนังกระจก กวักนิ้วเรียกสามีออกมาจากห้องทำงาน ชูศักดิ์ลุกเดินออกมาจากห้องทำงาน "มีอะไร ?" "ไอ้แขกลืมส่งตั่งให้ปิแอร์" ภรรยาพูด เขาตีหน้าตาย มองหน้าภรรยา "เอ๊อะ ! ไม่ส่งก็ไปส่งสิ !" ฉวีวรรณยกมือตีแขนสามี "เอ๊ะ ! พี่พูดง่าย ๆ ยังงี้ได้ไง ? พี่น่ะแหละ ต้องโทรไปขอโทษเค้า ไอ้แขกมันพูดฝรั่งเป็นซะที่ไหนเล่า" เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ยกมือเกาหัว "พรุ่งนี้ค่อยโทรไปแล้วกัน บ่าย ๆ ยังงี้ พูดฝรั่งไม่ออก" "น่าเกลียด ! พี่จะรอเค้ากลับมาบ้าน แล้วโทรมาต่อว่าเราก่อนเหรอไง ?" สามีทำหน้ามุ่ย เปี๊ยกวิ่งออกมาจากห้องครัว ลูกชายคนเดียวของบ้านอยู่ในชุดเสื้อยืดกีฬา กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ "แม่ ! เปี๊ยกไปเตะบอลกับพี่หยุยนะ ที่สนามหลังตลาด" แม่พยักหน้า "เอาโทรศัพท์ติดไปด้วย !" ลูกชายพยักหน้า แล้วรีบวิ่งออกทางหน้าร้าน พ่อตะโกนตาม "ไอ้เปี๊ยก ! ถ้าฝนตก เอ็งต้องหลบฝน แล้วมือถือน่ะ เอ็งไปคุยตอนฝนตก ฟ้าผ่าตายโหงเลยนะเว้ย !" เสียงลูกชายตะโกนกลับมาก่อนจะวิ่งพ้นหน้าร้าน "ค๊าบ !" พ่อบ่นตามหลัง "ไอ้นี่ ลูกชิ้นไม่ติดคอมันตายคาสนามหรือไงวะ ! กินเสร็จก็ไปเตะบอลต่อเลย" เขากลับเข้าห้องทำงาน ควักโทรศัพท์มือถือขึ้นกดหาลูกค้าชาวฝรั่งเศส เพื่อขอโทษ เสร็จจากสายของปิแอร์ ชูศักดิ์กดปุ่มดูหมายเลขในหน่วยความจำไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่ เบอร์ของคุณวายุ เขาเดินมาที่ผนังกระจก ชะเง้อดูว่าภรรยาอยู่ในบริเวณใกล้เคียงหรือไม่ เมื่อมั่นใจว่าปลอดโปร่ง ก็กดปุ่มโทรออก "สวัสดีครับ คุณชูศักดิ์" "คุณวายุ สะดวกพอจะคุยได้มั้ยครับ ?" "ได้ครับ ได้ !" "ผมต้องรีบพูดก่อน ตอนนี้เมียไม่อยู่ เมียอยู่พูดลำบาก เอาสั้น ๆ ตรง ๆ เลยนะครับ ผมอยากรู้ว่าเจ้าเปี๊ยกชาติก่อนน่ะ เป็นใคร ? มีอาชีพอะไร ? ตายยังไง ? แล้วหกเดือนก่อนตาย ทำไมถึงติดต่อใครไม่ได้ ? แล้วก็ อารยะเมตตาจิต ความเป็นมายังไง ตอนนี้ไปถึงไหน ?...." เสียงปลายทางหัวเราะ "ไม่สั้นแล้วคุณชูศักดิ์ ที่ถามมาน่ะ ยาวเลยนะ !" "เอ่อ... ! นั่นน่ะสิ ! ยาวก็ต้องยาว ยังไงผมกราบขอรู้รายละเอียดด้วยเถอะครับ" "ครั้งที่แล้ว คุณเองบอกว่าจะให้หนูเปี๊ยกทิ้งเรื่องทุกอย่าง เพราะที่อารยะเมตตาจิต เค้าได้ผู้นำของเค้ากันแล้ว เรื่องก็จะได้จบกัน ไม่ใช่เหรอครับ ?" ชูศักดิ์ยกมืออีกข้างขึ้นเกาหัว "มันก้อ..... คือ ช่วงนั้นมันยุ่ง ก็จบไปก่อนแบบนั้น เจ้าเปี๊ยกเองตอนนี้ก็ดูจะมีสมาธิกับชีวิตปัจจุบันมากขึ้น ผมอยากให้เค้าสนใจเรื่องของชาตินี้เป็นหลัก แต่ พูดจริง ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ เรื่องนี้มันอาจรื้อฟื้นขึ้นมาได้อีก แล้วถ้าเกิด ป่านนั้น ผมแก่จนสมองเลอะเลือนไปแล้ว ผมคงช่วยอะไรลูกไม่ได้ ตอนนี้ ผมทำใจได้มากขึ้น มันจะเลวร้ายขนาดไหน ผมขอรู้เรื่องให้ครบภาพรวมมากที่สุดก่อน แล้วในอนาคต ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยผมจะได้เตรียมใจได้ว่า เจ้าเปี๊ยก มันจะโตไปเป็นอะไรกันแน่" "ครับ เข้าใจแจ่มแจ้งครับ ข่าวที่ได้รู้เพิ่มเติม ศูนย์ที่เป็นเครือข่ายของพวกเค้าในต่างจังหวัด จะถอนตัว แล้วก็ขอชื่อศูนย์คืน เรื่องนี้ผมว่าเป็นเรื่องใหญ่" "ถอนตัวทำไมครับ ?" "นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมไม่ทราบ พี่เนศ กับ ผม เราสองพี่น้องไม่ได้ติดต่อกับที่นี่นานมาก ไม่ได้ตามข่าวด้วย แต่ผมอาจจะติดต่อคนที่เคยรู้จัก แล้วก็ถามข่าวให้ ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกับการที่เค้ารู้กันแล้วว่าผู้นำที่มาเกิดใหม่เป็นใคร หรือเปล่า ? คือ พอรู้แล้ว อาจจะรับไม่ได้" "อ้าว ! มียังงี้ด้วย ! น่าปวดหัว ! มันเกี่ยวกับเรื่องเงินทองด้วยใช่มั้ยครับ ?" "เกี่ยวซะยิ่งกว่าเกี่ยวอีก ! แต่ ยังตอบไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก เพราะผมก็ไม่รู้ว่า เค้ารู้กันภายในว่าเป็นใคร มันยังไม่ประกาศกันอย่างเป็นทางการ เพียงแต่รู้กันในหมู่คนใกล้ชิด ข่าวก็กระจายออกไปว่าเค้าเจอแล้วว่าเป็นใคร ใครคนนี้ จะตั้งพวกมาดูแลเงินสะสม คงนึกออกใช่มั้ยครับ ? ไอ้เรื่องประมาณนี้ ขนาดคนที่ทำพินัยกรรมอย่างชัดเจนแล้ว ก็ยังต้องปวดหัวรบราฆ่าฟันกัน แต่ที่นี่ เป็นแค่คำพูด คำสัญญากัน บันทึกกันเอง จดจำสืบต่อกันเอง ลองจินตนาการดูสิครับ ว่ามันจะสนุกขนาดไหน พอถึงเวลา คนโน้นอ้าง คนนี้อ้าง" ชูศักดิ์เห็นภาพตามคำพูดของวายุทุกประการ "เวรกรรม ! เฮ้อ ! ครั้งที่แล้วคุณวายุมาที่นี่ ไม่ได้มีเวลาคุยกันสองคน ครั้งนี้ ผมอาจจะเป็นฝ่ายไปเยี่ยมคุณวายุ กับ คุณธเนศที่สุราษฎร์ จะได้คุยกันสะดวก" "ยินดีครับ จะมาเมื่อไหร่ก็บอกล่วงหน้า ผมจะได้บอกพี่เนศให้พร้อมต้อนรับ แล้ว เอ่อ... จะพาหนูเปี๊ยกมาด้วยหรือเปล่าครับ ? พี่เนศเองก็อยากเจอ แกรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ได้พอสมควร" "เปล่าครับ ! คงไม่ได้พาเจ้าเปี๊ยกไปด้วย ผมไม่อยากให้เค้ารู้เรื่อง เดี๋ยวจะเสียสมาธิ แต่มันมีข้อสงสัยที่เป็นลายมือในบันทึกอยู่หลายเรื่อง ช่วงหกเดือนสุดท้าย ทำไมคนสนิทคนเดิมของเปี๊ยกที่ชื่อวิชากลับเข้าไม่ถึงตัว ? แล้วทำไมเปี๊ยกตอนก่อนตายถึงเปลี่ยน กลายเป็นไม่เชื่อใจวิชา ?" "อือ ! ครับ ! อันนี้ผมก็ไม่ทราบจริง ๆ" "อีกเรื่องนึง คือ สมัยก่อน คุณธเนศ กับ คุณวายุ มีความเห็นอะไรไม่ตรงกับเปี๊ยกในชาติที่แล้วเหรอครับ ?" วายุหัวเราะ "หลายเรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อ ไม่มีผิดไม่มีถูกหรอก เพียงแต่ ศรัทธาเริ่มไม่ตรงกัน ไว้มาฟังผมเล่าที่สุราษฎร์แล้วกัน แล้วอีกคนนึงที่สำคัญ คุณชูศักดิ์จะไม่ไปสอบถามเค้าเหรอครับ ว่าเค้าเป็นใคร หนูเปี๊ยกถึงผูกพันจนข้ามชาติมาชาตินี้ ?" ชูศักดิ์เลิกคิ้ว "ใครอีกครับ ?" "คนที่ชื่อสมชายไง ? คนที่ปฏิบัติแนวของศูนย์ปฏิบัติธรรมมหาศรัทธาโพธิสัตว์ ต้องการมาเกิดใหม่ให้เร็วที่สุดเพื่อบำเพ็ญเพียรต่อ ก่อนตายจากชาตินึง ถ้าคุณสมชายเป็นคนที่หนูเปี๊ยกไว้ใจได้ แปลว่า สมชาย ยังไงก็ต้องรู้จักกับหนูเปี๊ยกในชาติที่แล้ว" ชูศักดิ์เข้าใจประเด็น "ใช่ ! ซึ่ง คุณวายุเอง รู้ว่าเจ้าเปี๊ยกเป็นใครในชาติที่แล้ว แล้วสมชายเป็นใครล่ะครับ ?" "ก็นั่นไง ! ผมรู้จักแต่คุณท่าน แต่ผมไม่รู้ว่าคุณท่านไว้ใจใครตอนก่อนท่านเสีย แล้วสมชายอายุเพียงเท่าไหร่ในตอนนั้น เค้าจะเป็นใครได้ ต้องดูที่อายุด้วย" พ่อเจ้าเปี๊ยกเริ่มอ้าปากหวอ "ถ้าลบอายุของสมชายไปอีก อย่างน้อยก็แปดปี ยิ่งงงไปใหญ่ ตอนนั้นสมชายเองคงอายุไม่ถึงยี่สิบเลย จะไปเข้ากลุ่มพวกนี้ด้วยได้ยังไง ? เจ้าตัวเค้าคงงงเหมือนกันนะ จู่ ๆ มาเป็นมือขวาของเจ้าของสำนักได้ แต่ มันก็ขัดกันอยู่นะครับ ถ้าคนที่ปฏิบัติมาเพื่อจะกลับชาติมาเกิด เตรียมกันขนาดนี้แล้ว ก่อนตาย ทำไมไม่ทำพินัยกรรมเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ซะเลย ? ต้องมาเป็นปัญหาให้คนรุ่นหลัง มานั่งงงว่า ใครจะมาดูแลเงินทอง" "สมัยโน้น ผู้นำกลุ่มเก้าคน ตกลงว่าจะทำพินัยกรรมเป็นลายลักษณ์อักษร ต่างคนก็ต่างเลือกคนที่ตัวเองไว้ใจไว้ ระบุในพินัยกรรมว่า หากตนเองกลับชาติมาเกิด จะไว้ใจให้ใครมาดูแลทรัพย์สินส่วนกลาง ซึ่งพินัยกรรมนี้ บังคับใช้ตามกฏหมายไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องความเชื่อของการระลึกชาติ ซึ่งกฏหมายไม่ยอมรับเงื่อนไขที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ เพียงแต่พินัยกรรมนี้ ใช้เป็นหลักฐานการตกลงกันเองระหว่างคนในกลุ่ม ทั้งเก้าคน ทำพินัยกรรมของตนเองไว้ เก็บสำเนาไว้ที่ศูนย์ คุณท่านก็ทำไว้แล้ว แต่ สุดท้าย ท่านขอเอกสารกลับมาแก้ เรื่องนี้วิชาก็รู้ แต่ไม่มีใครรู้ว่า ท่านต้องการจะแก้จุดไหน เปลี่ยนชื่อคนที่รับสิทธิ์ หรือเปล่า พอท่านนำพินัยกรรมออกไปจากศูนย์ หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครเข้าถึงตัวท่าน จนท่านเสีย" ชูศักดิ์หัวเราะดังลั่น "ฮ่า ๆๆๆๆๆ ! สนุกมาก ! เหมือนกับหนังสืบสวนฮอลลีวู้ดเลย เขียนพินัยกรรมไว้แล้ว ดันเอามาแก้ จะแก้ก็แก้ไม่ทัน ดันตายซะก่อน แล้วไอ้ผู้นำคนอื่น พินัยกรรมทำไว้ซะดิบดี ก็ดันไม่มาเกิด ไอ้เปี๊ยกดันมาเกิด ทั้ง ๆ ที่พินัยกรรมยังไม่ได้ทำ มันน่าขำดีนะครับ ฮ่า ๆๆๆๆ ไอ้เปี๊ยกเอิดหรอย !" (เอิดหรอย แปลว่า กวนอย่างแรง, รั้นสุด ๆ) ฉวีวรรณมายืนมองอยู่ที่ผนังกระจกด้านนอก "เอ่อ... คุณวายุครับ ไว้ผมไปหาที่สุราษฎร์แล้วจะได้ถกกันยาว ตอนนี้เมียผมมายืนจ้อง คงต้องลาแค่นี้ก่อนนะครับ" ภรรยาเปิดประตู ชะโงกหน้าเข้ามา "เดี๋ยวนี้พี่เก่งภาษาอังกฤษขนาดนี้เชียว หรือว่า ปิแอร์พูดภาษาไทยเก่ง ?" ชูศักดิ์เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง "คุยกับปิแอร์เสร็จไปก่อนนี่แล้ว นี่เพิ่งคุยกับกิ๊ก คุยแล้วมันชื่นมื่นหัวใจ ดีกว่าคุยกับเมีย" ภรรยาหัวเราะหึ ๆ แล้วผลุบกลับออกไป ***************************************************************************************
คนที่เกือบจะมีค่าสำหรับคนอื่น แต่กลับมีค่าอย่างประเมินไม่ได้ในใจของเธอ ! หมวยเล็กใช้เวลาใคร่ครวญเรื่องราวของสมชายที่เธอได้รับรู้ แล้วรู้สึกสับสนในใจ ไร้คนปรึกษา ความผูกพันที่สมชายมีต่อวรรณานั้น ช่างลึกซึ้ง เธอ... ที่ไม่มีสมชาย กับ สมชาย....ที่ไม่มีวรรณา อย่างไหนจะเลวร้ายน้อยกว่ากันนะ ? คำตอบมันชัดเจนอยู่ ! คิดอย่างถ้วนถี่ดีแล้ว เธอจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาวรรณา "พี่วรรณา หมวยเล็กเองค่ะ ! ลูกเถ้าแก่ไพบูลย์ !" "อ้อ... จ้า ! หมวยเล็ก ! ว่ายังไง ? ป๊าม๊าสบายดีหรือเปล่า ?" "ค่ะ สบายดี !" "พี่ขอเปิดลำโพงนะ มือพี่ไม่สะดวกจะถือโทรศัพท์นาน" จริงสิ ! สมชายเคยเล่าให้เธอฟังถึงอาการของวรรณาว่าแขนเริ่มใช้งานลำบาก "ขอโทษค่ะ ! หมวยเล็กลืมไป พี่สมชายบอกว่าพี่วรรณาไม่สะดวกรับโทรศัพท์" "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ! รับได้ ! พี่สมชายปกติเค้าโทรไปที่โทรศัพท์บ้าน มันไม่มีลำโพง แต่ตอนนี้พี่ไม่ได้อยู่บ้าน ใช้โทรศัพท์มือถือ เปิดลำโพงได้ หมวยเล็กได้เบอร์นี้มาได้ยังไงคะ ?" "หมวยเล็กโทรไปที่บ้านพี่วรรณาค่ะ แล้วคุณแม่ของพี่วรรณาให้เบอร์นี้มา" "อ้อ... ! งั้น ! หมวยเล็กไม่ต้องบอกเบอร์นี้กับพี่สมชายนะ ได้เจอกับพี่สมชายบ้างหรือเปล่า ?" "ช่วงนี้เปล่าค่ะ ! ฮึ ? ทำไมเหรอคะ ? พี่สมชายไม่รู้เบอร์นี้เหรอ ?" "จ้ะ ! พี่ไม่อยากรบกวนเค้าช่วงนี้ พี่ไม่ได้อยู่บ้าน มาทำธุระที่อื่น แต่อีกสองอาทิตย์คงกลับไปบ้าน ก็ค่อยติดต่อกัน ได้ข่าวว่าช่วงนี้เค้าก็ยุ่งกับงานใหม่" "อ้าว ! แล้วถ้าพี่สมชายโทรไปที่บ้านพี่วรรณาล่ะ ?" "พี่บอกพี่สมชายไปแล้วว่า สองอาทิตย์นี้ไม่อยู่บ้าน ไม่ต้องโทร" "พี่สองคนทะเลาะกันเหรอคะ ?" วรรณาหัวเราะ "เปล่า ! โอ้ย ! พี่จะมีแรงไปทะเลาะกับใคร ? หมวยเล็กมีอะไร โทรหาพี่ ? หรือว่าป๊าคิดถึง อยากจะเรียกตัวกลับไปทำงานอีก ?" "ใช่ครึ่ง ไม่ใช่ครึ่ง ! ไม่ได้เกี่ยวกับป๊าหรอกค่ะ แต่ที่ใช่คือ ทุกคนคิดถึงพี่วรรณา โกวจินก็ถามถึง ทุกคนขอบคุณที่พี่วรรณาแนะนำให้พี่สมชายมาทำงานที่นี่ พี่สมชายช่วยป๊าได้เยอะเลย" "ไม่รู้จะขอบคุณ หรือจะว่าพี่ดี เพราะ พี่สมชายทำได้แค่ปีกว่า ก็ออก ต้องทำให้ป๊าลำบากหาคนใหม่" "แหม ! ไม่ใช่พี่สมชายออกเอง แต่ป๊าเป็นคนส่งให้กู๋วรัญเอง พี่สมชายเล่าเรื่องอาการของพี่วรรณา ป๊าม๊าก็เป็นห่วง หมวยเล็กก็เลยโทรมา เอ๊ะ ! แต่ หมวยเล็กต้องเปลี่ยนเป็นเรียกชื่อพี่วรรณาว่า กชมน หรือเปล่า ?" "ไม่เป็นไร ! เรียกตามสบายเถอะ ความจริงเรื่องเปลี่ยนชื่อนี่ พี่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรมาก แต่แฟนของพี่เค้ารบเร้า เพราะหมอดูที่เค้าเชื่อถือ บอกว่าชื่อพี่มีสระไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็นกชมน แค่ เน้นให้คนที่ต้องเจอเราบ่อย ๆ เช่น คนในครอบครัว แฟน หรือ เพื่อนสนิท เปลี่ยนมาเรียกชื่อนี้ เพราะเราจะได้ยินบ่อยที่สุด ชื่อเล่นถ้ามีสระก็เรียกไม่ได้ ถ้าจะให้เรียกสั้น ๆ ว่า กช หรือ มน เนี่ย พี่ก็ไม่คุ้น ก็เลยสรุปว่า ให้เรียกกชมนไปตลอด ส่วนคนที่ห่างออกไป เรียกยังไงก็ไม่กระทบเท่าไหร่ เพราะนาน ๆ จะได้ยินทีนึง แต่... พี่ก็เปลี่ยนชื่อมาเป็นกชมนตั้งนานแล้ว ไม่เห็นอาการจะดีขึ้นเลยนะ" "เหรอคะ ? ยังงี้ ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นวรรณา จะได้เปลี่ยนกลับมาเป็นคนเก่า บางทีอะไรเก่า ๆ ที่ดี ๆ อาจจะกลับมาก็ได้นะคะ" ความหมายแฝงที่อยู่ในประโยค วรรณาจับความนั้นไม่ได้ "เรื่องชื่อเป็นกาลกิณีน่ะ พี่ไม่ค่อยเชื่อ ที่ทำ ก็เพราะว่าเห็นแก่แฟน แต่พ่อแม่ของพี่ก็เชื่อตามแฟนของพี่ เอาไงก็เอากัน พี่ไม่มีแรงจะไปเถียง" หมวยเล็กฟังเพียงแค่นี้ ก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างวรรณา และ แฟน ว่าคงจะแนบแน่น มั่นคงไม่มีร่องรอยว่าจะเปลี่ยนใจกลับไปหาทามาดะซังของเธอ "แล้วชื่อพี่สมชายล่ะคะ ใครเปลี่ยนให้ ?" "ไม่ใช่พี่แน่นอน ! พี่ไม่เชื่อเรื่องการเปลี่ยนชื่อ แต่ สำหรับกรณีของพี่สมชายแล้ว พี่เห็นด้วยในเหตุผล สำคัญที่สุด คือ เมื่อเปลี่ยนชื่อแล้ว พฤติกรรมเปลี่ยนหรือเปล่า ? ถ้ายังทำทุกอย่างเหมือนเดิม คิดเหมือนเดิม ชีวิตก็เหมือนเดิม" "แต่พี่สมชายเปลี่ยนได้หมด ใช่มั้ยคะ ?" "พี่เค้าเล่าให้หมวยเล็กฟังเหรอ ?" "ค่ะ ! พี่สมชายเล่าว่า คนที่เปลี่ยนชีวิตพี่สมชายได้ คือ พี่วรรณา" เสียงปลายทางเงียบไปชั่วอึดใจ "ก็... สมชายเค้ามีแรงกดดันของเค้าเอง ถ้าเค้าไม่เปลี่ยน ชีวิตที่เหลือก็คงแย่ไปกว่านั้น พี่เองแค่ให้กำลังใจ" "จิตใจพี่สมชายแข็งแกร่งจริง ๆ ! ชีวิตวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน ชีวิตพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ พี่สมชายบอกแบบนั้น" วรรณาหัวเราะ "หมวยเล็กชอบพี่สมชายเหรอ ?" "บ้านหมวยเล็กชอบพี่สมชายหมดเลย รวมกู๋วรัญด้วย" เธอตั้งใจตอบให้ได้ใจความแบบนั้น "หมวยเล็กจะมีโอกาสเจอพี่วรรณาได้ยังไงบ้าง ? นี่พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปอยู่หอที่ธรรมศาสตร์ พี่วรรณาเข้าไปกรุงเทพ ฯ บ้างหรือเปล่า ?" "ท่าทางมีอะไรอยากคุยเยอะนะ หมวยเล็ก ! เดี๋ยวพี่ส่งที่อยู่ที่กรุงเทพ ฯ ไปทางข้อความแล้วกัน หมวยเล็กมาหาพี่ได้ แต่พี่คงไม่สามารถไปหาหมวยเล็กได้" "ได้ ๆๆๆ ! เข้าใจค่ะ ! ส่งมานะคะ หมวยเล็กมีเรื่องคุยเยอะเลย" "จ้า ! จะดูซิว่าหมวยน้อยตัวเท่าไหล่ ที่เคยซ้อนท้ายจักรยานพี่ ตอนนี้จะสูงซะขนาดไหนแล้ว ?" 1 < อ่านหน้า > , 3, 4 |
|||||||