ตอน 27 หน้า 3

ผิดคาด

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

ฐิติชญารู้สึกยินดี และ ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ที่รู้ว่า ครูปั้นจะลงมาสอนการปฏิบัติกับเธอถึงที่กรุงเทพ ฯ

เธอได้ให้คำยืนยันไปเมื่อวานนี้ว่า เธอสะดวกช่วงบ่ายของวันนี้

พิจิตรเป็นคนเตรียมสถานที่ บ้านทาวน์เฮ้าส์ของลูกศิษย์อารยะเมตตาจิต ซึ่งอยู่แถวปากเกร็ด ไม่ไกลจากบ้านของเธอ

สายวันนี้ เธอตื่นมาพร้อมกับจิตใจที่ไม่สดชื่นแจ่มใส

ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองทั้งในประเทศ และ ต้นสังกัดที่เยอรมนี ทำให้จิตใจเธอเริ่มเป็นกังวล

หากไม่มีการต่อสัญญาจ้างงาน เธอก็จำเป็นจะต้องหางานใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเวลาที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ ก็เพียงพอกับการทำใจแล้วว่า อาจจะไม่ได้กลับไปทำงานที่เยอรมันอีก ทั้ง ๆ ที่ใจยังอยากจะกลับไป

เธอพยายามถามหาช่องทางการติดต่อ โธมัส บีค อดีตนายจ้างผู้ที่รับเธอเข้าทำงาน ซึ่งขณะนี้ ถูกย้ายงานไปดูแลโครงการที่ประเทศตุรกี โธมัสอาจจะให้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องภายในของ NLT ซึ่งอาจช่วยให้เธอตัดสินใจได้ดีกว่าอยู่รอคำตอบแบบนี้

สถานะความสัมพันธ์ระหว่างเธอ กับ แม่ ยังคงที่ ไม่ดีขึ้น และ ไม่เลวร้ายลง มันทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะเรื่องนี้จะหวนเข้ามารบกวนจิตใจเธอได้อยู่เป็นประจำ

สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีความหวังที่จะมีความสุขอยู่ได้ในประเทศนี้ คือ พิจิตร ผู้ชายที่เป็นแบบอย่างให้เธอนึกชื่นชม และ เธอมั่นใจว่า จะเดินร่วมทางไปทุกแห่งกับเขาได้อย่างมีความสุข

การได้ไปเข้าปฏิบัติธรรมตามวิธีของศูนย์อารยะเมตตาจิต อาจทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่านี้ก็ได้

ทอมเดินลงมาชั้นล่าง อาศัยเวลาที่คุณพ่อกำลังดูโทรทัศน์อยู่ สนทนาแจ้งเรื่องข่าวคราวการงาน

"พ่อคะ ! ญาอาจจะสมัครงาน หางานทำที่นี่" เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟารับแขก

คุณพ่อกดรีโมทปิดทีวี

"อ้าว ! ที่เยอรมันยังไม่มีข่าวเหรอ ญา ?"

"ค่ะ ! ยังเงียบ ๆ ถ้าจะต่อสัญญา เค้าจะต้องบอกมาล่วงหน้าแล้ว นี่กำลังจะหมดสัญญาแล้ว ยังไม่บอก แสดงว่า เค้ามีปัญหา ไม่พร้อมมาทำโครงการนี้กับกองทัพไทย ญาเลยคิดว่า ไม่อยากรออย่างเดียว อยากหางานไปพร้อม ๆ กันเลย"

คุณพ่อพยักหน้า

"ก็ดี ! ถ้าได้งานที่เราพอใจที่นี่ ก็ดี ถึงรายได้มันจะไม่เท่าไหร่ แต่ได้อยู่ในประเทศไทย มันก็ใกล้พ่อ ก็ดีนะ"

ลูกสาวมีรอยยิ้ม แต่ในใจเธอ อยากทำงานที่ต่างประเทศ หรือ ต่างจังหวัด ไม่อยากจะต้องกลับมาอยู่ที่บ้านนี้ทุกวัน

"แล้วพิจิตรล่ะ ! ปรึกษากันว่ายังไง ? ถ้าเค้าไม่ต่อสัญญา ก็ไม่ต่อสัญญาทั้งคู่ใช่มั้ย ?"

"ค่ะ ! พี่จิตรก็คงต้องหางานใหม่เหมือนกัน"

บิดาพยักหน้า มีท่าทีรับฟัง ท่าทีเหล่านี้ เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสมัยก่อนที่เธอจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศเยอรมัน

คุณพ่อมีความเข้าใจในตัวเธอมากขึ้น สิ่งใดที่ลูกสาวตัดสินใจ คุณพ่อก็พร้อมจะยอมรับ แต่คุณแม่..... เพียงแค่นึกขึ้นมาก็สะกิดหัวใจให้รู้สึกหมอง

ความรู้สึกนี้มันคืออะไร ? มันมีอะไร หรือ มันไม่มีอะไร กันแน่ ? เธอเป็นโรคจิต คิดไปเอง หรือว่า นี่มันเป็นสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ เขาก็เป็นกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล ? ฮอร์โมนที่ผิดปกติของวัยอาวุโส ย่อมทำให้อารมณ์แปรปรวน พฤติกรรมเปลี่ยนเป็นเย็นชา นี่คงเป็นเรื่องปกติ

ลูกสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่

"อย่าเพิ่งกังวลไปเลย ญา ! ค่อย ๆ ว่ากันไปทีละขั้น คิดล่วงหน้าไปก็เปล่าประโยชน์ ลองหางานใหม่ดู ในระหว่างนี้ ถ้าเกิดที่เก่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง เค้าอาจติดต่อกลับมาก็ได้ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ อย่าเครียดนักนะ"

"พ่อ ! แม่เป็นไงบ้างคะ ตอนที่ญาไม่อยู่ ?"

คุณพ่อเลิกคิ้ว

"หมายถึงตอนไหน ? ตอนญาไปเยอรมันเหรอ ?"

"ค่ะ !"

"อ้าว ! แล้วไม่ถามแม่เค้าเองล่ะ ! แม่เค้าก็ภูมิใจนะ ที่ญาได้ไปทำงานต่างประเทศ มีคนเห็นว่าลูกสาวเราเก่ง แม่ยังเคยถามพ่อว่า ถ้าได้ลูกเขยเป็นเยอรมันกลับมาว่ายังไง ?

พ่อก็บอกว่า ยอมรับ อ้าว ! จริง ๆ นะ ! ถ้ามันจะเป็นเนื้อคู่กันแล้ว มันขวางไม่ได้นะ แม่เธอเค้าก็หัวเราะ หาว่าพ่อแกล้งทำเป็นใจกว้าง แต่พ่อหมายถึงยังงั้นจริง ๆ ไอ้ที่พ่อกลัวน่ะ ไม่ใช่เรื่องจะได้แฟนเป็นอะไร พ่อน่ะห่วงเรื่องการเดินทางไปมา ต้องบินไปเยอรมัน บินไปอเมริกา พ่ออยากให้ญาเดินทางอย่างปลอดภัย เรื่องนี้แหละ ที่ห่วงจริง ๆ"

ถึงแม้คำตอบจะไม่ตรงกับเรื่องที่เธอถาม แต่ก็ทำให้เธออมยิ้มได้

"แล้วพอญาไม่ได้แฟนเป็นเยอรมัน พ่อก็โล่งอกเหรอคะ ?"

บิดานิ่งนึกสักอึดใจ แล้วตอบ

"ก็.... ตอบยังไงดี เอาเป็นว่า ไหน ๆ ญาก็เลือกพิจิตร พ่อก็ว่า ดีกว่าฝรั่งแล้วกัน"

ลูกสาวหัวเราะ

คุณพ่ออธิบายเพิ่ม "ไม่ใช่แค่ดีกว่าฝรั่ง พ่อว่า ดีเกินพ่อคาดซะอีก"

"พ่อคาดอะไรไว้เหรอคะ ?"

"เรื่องมันผ่านไปแล้ว ! ญาเลือกคนที่เราชอบเอง มันก็ดีแล้ว เคยจำได้มั้ย พ่อเคยเล่าเรื่องตาที่ชอบคนอื่นมากกว่าพ่อ ?"

เธอพยักหน้า คุณพ่อของเธอยังคงเข้าใจผิดว่า ไอ้เพื่อนปากหมาคือคนที่ตามจีบเธอ

"ค่ะ ! สุดท้ายพอแม่เลือกพ่อ ตาก็ยอม"

คุณพ่อพยักหน้า

"ใช่ ! แล้วลูกกับรุ่ง ยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า ?"

"พยายามติดต่อ แต่ไม่ได้คุยกันซักที เมื่อวานก็โทรหาเค้าสองสามครั้ง ส่งข้อความไปหา เค้าก็ไม่โทรกลับ สงสัยยังยุ่งอยู่กับงาน"

"รุ่งทำงานอะไรล่ะ ?"

"ทำงานที่บางกอกซีดาร์ฟันปาร์คค่ะ รุ่งเค้าชอบสถานที่แบบนั้น เค้าเบื่อทำงานในออฟฟิศ เบื่อทำงานในเมือง มันก็มีอารมณ์ศิลปิน เดาใจมันยาก"

คุณพ่ออมยิ้ม ลูกสาวสังเกตได้

"ท่าทางพ่อจะชอบรุ่งจริง ๆ นะ" เธอมั่นใจจากสีหน้าบิดา เมื่อได้ยินเรื่องราวของเพื่อนจอมทะลึ่ง

"พ่อก็ชอบพิจิตรเหมือนกัน ญาไม่ต้องกังวลหรอก เป็นผู้ใหญ่แล้ว พ่อไม่ทำให้เสียผู้ใหญ่หรอก เดี๋ยวได้โดนเด็กถอนหงอก"

คุณพ่อลุกขึ้นจากเก้าอี้

"ในครัวมีอะไรกิน ? วันนี้หิวก่อนเวลา ไอ้ฐามันก็ไม่มาซักที นั่งรอมันอยู่เนี่ย นัดสิบโมงเช้า นี่จะสิบเอ็ดโมงแล้ว"

ท่านบ่นถึงคนงานที่นัดมาตัดต้นไม้ เดินลูบท้องไปที่ห้องครัว เสียงส่งท้ายของคุณพ่อดังมาจากในครัว

"แล้วญาจะไปส่งแม่ด้วยกันที่พัทยาหรือเปล่า ?"

พัทยา ! ..... เธอไม่เคยได้ยินแม่พูดถึงเรื่องการไปพัทยา

ฐิติชญารีบเดินจ้ำไปที่ห้องครัว

"แม่จะไปพัทยาเหรอ ?"

คุณพ่อเปิดตู้เย็น ก้มลงมองหาอาหาร

"อ้าว ! แม่ยังไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ ? วันเกิดของน้าเพชร ทุกปีจะกินกันที่บ้านพหลโยธิน ปีนี้เปลี่ยนเป็นเลี้ยงกันที่พัทยา เพราะเพื่อนเขย เอ่อ.... ชื่ออะไรนะ สุคนธ์ทิพย์ มีสามีเป็นเจ้าของโรงแรมที่พัทยา จะเปิดห้องให้ แม่เค้าจะไปค้างที่นั่นคืนนึง"

ลูกสาวถามย้ำ

"แม่จะไปค้างด้วย ! แม่เนี่ยนะ !"

คุณพ่อหันหน้ามามอง

"อือ ! ทำไมเหรอ ? ตอนญาไม่อยู่แม่ยังไปค้างที่ปากช่องกับกลุ่มน้าเพชรเลย"

ลูกสาวยืนงงกับข้อมูลที่เพิ่งได้รับรู้

คุณพ่อได้ของที่ต้องการแล้ว ปิดตู้เย็น เดินไปที่ตู้เก็บจานชาม เพื่อหยิบจาน และ ช้อนส้อม เมื่อหันมาอีกครั้ง ลูกสาวก็หายไปจากห้องครัวแล้ว

พายุแห่งความคิดเริ่มก่อตัวขึ้นอีกแล้ว ทอมเดินขึ้นมาถึงห้องนอน ปิดประตู ตรงไปที่เตียง แล้วหยิบหมอนขึ้นเหวี่ยงไปกระทบผนัง

มันมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ! สองปีที่จากบ้านไป ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนโง่อยู่คนเดียว ที่เห็นสิ่งผิดปกติ แต่คนอื่นกลับไม่เห็น ?

แม่เป็นคนที่ไม่ชอบไปค้างคืนต่างจังหวัด แม้แต่ไปกับครอบครัวแม่ก็ยังไม่อยากไป พ่อก็รู้ดีเสมอมา แต่พอเธอไม่อยู่ แม่กลับไปค้างคืนต่างจังหวัดกับเพื่อน พ่อก็รับรู้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่มันคืออะไร ? ทำไมเธอไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้จากปากแม่ ?

*****************************************************************************************

ฮอนด้าซิตี้สีแดง แวะรับพิจิตรที่ริมถนนแจ้งวัฒนะ

แฟนหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่เบาะหน้า แล้วปิดประตู

"พี่จิตรนำทางญานะ ญาไปไม่ถูก"

เขาพยักหน้า

"ได้ ! ตอนนี้ขับตรงไปก่อน"

ฮอนด้าซิตี้เคลื่อนออก มุ่งหน้าขึ้นสะพานข้ามทางแยก

"เดี๋ยวญาไปถึงที่นั่น เจอครูปั้นแล้ว พี่จะแวะไปบริจาคเลือด แล้วค่อยกลับมาเจอกัน"

"บริจาคที่ไหนคะ ?"

"โรงพยาบาลนนทเวช มีคนต้องการเลือด กรุ๊ปเดียวกับพี่ มีคนส่งข้อความมาว่าต้องการเลือดกรุ๊ปนี้"

"พี่จิตรเลือดกรุ๊ปอะไร ? หายากเหรอ ?"

"เลือดพี่ เลือดขัตติยะ" เขาพูดแล้วก็หัวเราะ

"หือ ! เลือดขัตติยะ กรุ๊ปอะไรน่ะ ?"

เขาหันมองหน้าแฟน สีหน้าเธอบ่งบอกว่าไม่เข้าใจความหมายจริง ๆ

"เลือดขัตติยะ หมายถึงเลือดของกษัตริย์ หรือ คนที่มีเชื้อสายกษัตริย์ เป็นเจ้าชาย เจ้าหญิงพวกนี้น่ะ ไม่เคยได้ดูละครบ้างเหรอ ?"

โชเฟอร์หัวเราะ

"อ้อ เหรอคะ ? เคยได้ยิน แต่ไม่รู้ว่ามันแปลว่ายังงั้น เดี๋ยวระหว่างที่ญาเรียน พี่จิตรเอารถญาไปแล้วกัน"

เขาสั่นหัว

"ไม่ต้องหรอก ! พี่นั่งแท็กซี่ดีกว่า ปลอดภัย คนบริจาคเลือดไม่ควรขับรถเอง เผื่อไว้น่ะ"

รถผ่านหน้าตึกเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ โชเฟอร์ชะเง้อคอมอง

"ญาไม่ได้เดินที่นี่นานแล้ว ว่าง ๆ มาเดินกันมั้ยคะ ?"

พิจิตรเหลือบตามองตึกของห้าง ฯ แล้ว สั่นหัว

"พี่ไม่เดินที่นี่ ! เราไม่ซื้อของที่นี่ พวกเค้าก็ไม่เจ๊งหรอก แต่ ไม่แน่ ในอนาคต ถ้าพวกเราจริงจังกับเรื่องการสร้างชาติ สร้างสังคมใหม่ รวมตัวกันทำอะไรใหม่ ๆ พี่ว่าได้เห็นกิจการใหญ่ ๆ เจ๊งกันบ้างแน่"

ทอมเอียงคอ ไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ

"ญายังไม่ชินกับที่พี่จิตรอยู่ในประเทศไทย"

พิจัตรหัวเราะ

"หา ! แปลว่าอะไรน่ะ ?"

เธอสั่นหัว

"เปล่า ๆ ! ไม่รู้อธิบายยังไง ไว้นึกคำพูดก่อนค่อยอธิบาย ตอนนี้ไปยังไงคะ ? ขึ้นสะพาน หรือ อยู่เลนซ้าย ?"

พิจิตรชี้ทางให้โชเฟอร์

**********************************************************************************

พิจิตรนำฐิติชญาขับรถมาถึงหน้าบ้านที่นัดหมายไว้

"จอดที่หน้าบ้านนี่ก่อน เดี๋ยวพี่ลงไปถามดูก่อนว่าจะให้จอดรถตรงไหน ไม่รู้ครูปั้นมาหรือยัง ?"

"ค่ะ !" โชเฟอร์รับคำ เปลี่ยนเกียร์เป็นตัว 'N'

พิจิตรเปิดประตูรถลงไป

เสียงเพลงจากลำโพงดังขึ้น ต้นเสียงคือโทรศัพท์มือถือของพิจิตรที่วางไว้บนเบาะหน้า

ทอมฉวยโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะนำลงไปให้เจ้าของ

เสียงเพลงหยุด ข้อความปรากฏขึ้นที่หน้าจอ มันไม่ใช่เสียงเรียกของสายโทรเข้า เป็นแค่เสียงเตือนข้อความเข้าเท่านั้นเอง

เธอไม่ได้ตั้งใจถือวิสาสะที่จะอ่านข้อความ แต่ประโยคที่ปรากฏขึ้นมา เป็นประโยคสั้น ๆ เพียงแค่เห็นก็อ่านใจความครบ

'อย่าให้กูเจอมึงที่บ้านแล้วกัน มึงหลบกูให้ดี ๆ'

เธอวางโทรศัพท์ลงที่เบาะ ไม่อ่านว่าคนที่ส่งเข้ามาชื่ออะไร

พิจิตรเดินกลับออกมาที่ประตูรั้ว แล้วชี้มือให้จอดรถที่หน้าประตู

**********************************************************************************

ห้องรับแขกพื้นกระเบื้อง เป็นห้องเรียนชั่วคราวของนักเรียนหน้าใหม่

ทั้งครู และ นักเรียนนั่งลงบนพื้น พัดลมตั้งพื้นถูกเปิดเพื่อระบายอากาศให้ถ่ายเททั่วห้อง

"ขัดสมาธิอย่างนี้แหละ จะได้นั่งได้นาน ๆ" ครูปั้นแนะนำ

ทอมนั่งหันหน้าเข้าหาคุณครู จิตใจสงบนิ่งตั้งใจแน่วแน่

คุณครูรูปร่างผอมคล้ำ เริ่มแนะนำ

"อย่างแรก พนมมือ แล้วอาราธนาคุณของพระศรีอารย์ บอกนามตัวเอง ฐิติชญา กัญจนพรหม ขอเรียนศาสตร์แห่งพระศรีอารย์ เพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง และ ผู้อื่น"

ครูปั้นจำชื่อ และ นามสกุลเธอได้เป็นอย่างดี นักเรียนใหม่ยกมือขึ้นพนม แล้วหลับตา กล่าวตามในใจ เธอลืมตาขึ้น เมื่อกล่าวเสร็จ

ครูปั้นยกมือขึ้นพนมอย่างช้า ๆ แล้วหลับตา

"ฐิติชญา กัญจนพรหม เธอรู้มั้ยว่า ทำไมวันนี้ ครูถึงเดินทางมาสอนเธอถึงที่กรุงเทพ ฯ ?" คุณครูพูดทั้ง ๆ ที่เปลือกตายังปิดสนิท

นักเรียนเห็นว่าครูยังพนมมืออยู่ เธอจึงคิดว่า ควรพนมมือตาม

"ไม่ทราบค่ะ ! เห็นพี่จิตรบอกว่า ครูปั้นจะต้องเดินทางมาร่วมงานแต่งงานในกรุงเทพ ฯ"

คุณครูส่ายหัวช้า ๆ

"นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก ! การถ่ายทอดวิชานี้ให้กับญาต่างหาก ที่เป็นเหตุผลหลัก แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็จะถือโอกาสไปงานแต่งงานด้วย"

ทอมพยักหน้ารับรู้ รู้สึกประหลาดใจ และ ซาบซึ้งในความเสียสละที่ครูปั้นมีให้แก่เธอ

"ญาขอบคุณครูปั้นค่ะ ที่เมตตา"

คุณครูยิ้มทั้งที่เปลือกตายังปิด

"งานแต่งงานที่จะไปร่วม เป็นงานของใคร ญารู้มั้ย ?"

"ไม่ทราบค่ะ ! พี่จิตรไม่ได้เล่ารายละเอียด"

"ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว เป็นศิษย์ของอารยะเมตตาจิต เค้าสองคนมาเจอกันที่นั่น แต่เค้าไม่เคยรู้มาก่อนว่า เค้ามาจากแดนเดียวกัน คนที่มาจากแดนเดียวกัน ถ้าได้ครองคู่กัน ก็จะอยู่กันได้ราบรื่น"

"ค่ะ !" นักเรียนพยักหน้ารับรู้

"ญาเองก็ใช่ มาจากแดนเดียวกันกับพิจิตร วันนี้ที่ครูลงมาสอนให้ เพราะเรามาจากแดนเดียวกัน เคยเกื้อกูลกันมาก่อน ญาเป็นคนที่สำคัญ วิชาที่จะสอนให้นี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะสอนใครก็ได้ เพราะถ้าคนคนนั้น ไม่เคยเรียนมาก่อนในอดีต ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะสอน

วิชาที่ครูจะสอน เป็นสิ่งที่ญาเคยได้แล้วในอดีตทั้งนั้น พอจะเข้าใจนะ"

"ค่ะ ! เข้าใจค่ะ"

"ถ้าเข้าใจ ก็ขอให้ญาตั้งใจ รับวิชาเดิมกลับไป แล้วหมั่นฝึกฝน อย่าทิ้ง เราก็จะมีความสามารถเหมือนกับในอดีต"

ครูปั้นนำมือลงวางบนตัก แต่ยังหลับตาอยู่ นักเรียนก็เลิกพนมมือ วางมือลงตาม

"วันนี้ ครูจะสอนเรื่องง่าย ๆ คือ การรับพลัง และ ส่งพลังตามธาตุ ญารู้หรือเปล่า ว่าตัวเองธาตุอะไร ?"

นักเรียนสั่นหัว

"ไม่รู้ค่ะ !"

"ญาน่ะธาตุไฟ วันนี้ครูจะสอนสิ่งที่ง่ายที่สุดก่อน คือ สิ่งที่มีในตนเอง เมื่อเรามีธาตุไฟ เราจะรับ จะส่งธาตุไฟได้ง่ายกว่าธาตุอื่น ๆ"

"ค่ะ !"

"แต่ก่อนจะสอนวิธีการรับส่งพลัง ครูมีเรื่องอย่างนึง ต้องกำจัดออกไปจากจิตใจของญาเสียก่อน"

"ค่ะ !"

"จิตใจที่ป็นกังวล ทำให้การเรียนรู้ทำได้ไม่เต็มที่ จริงมั้ย ?"

นี่เป็นคำถามทั่วไปที่ถามหลักการ หรือ นี่เป็นคำถามที่เจาะจงถามตัวเธอ ?

ครูปั้นรู้สึกว่านักเรียนนิ่ง ไม่ตอบคำถาม จึงถามย้ำ

"จริงมั้ย ?"

"ค่ะ ! จริงค่ะ !"

"เรามากำจัดมันเสียก่อนดีกว่า ครูเป็นแค่ผู้แนะนำ แต่ญาต้องทำเอง ถ้าญาเชื่อครู ก็ทำตามครูนะ"

"ทำอะไรคะ ?"

"วันนี้ เมื่อกลับถึงบ้าน ให้ญานึกถึงว่า สิ่งใดที่อยากปฏิบัติกับแม่ ให้ทำทันที ไม่ต้องรั้งรออะไร ถ้าญาอยากกอดแม่ กลับถึงบ้านแล้ว เจอหน้าแม่ ให้เดินเข้าไปกอดเลย ไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาลใด ๆ ถ้าอยากจะหอมแก้ม อยากจะซบอก หรือ อยากจะทำอะไร ญาคงรู้เองว่าอยากจะทำอะไร ขอให้ทำทันที ทำเลย ไม่ต้องรอเวลา"

น้ำตาเริ่มรินออกมาจากดวงตา หยดแหมะลงบนหน้าตักของเธอ ทอมยกมือขึ้นปาดน้ำตา

"ได้ยินครูพูดหรือเปล่า ?"

"ค่ะ ได้ยิน" เสียงพูดที่สั่นเครือ ทำให้ครูปั้นรู้ว่า ลูกศิษย์กำลังร้องไห้

"อย่ามีเหตุผลนะ ไม่ต้องหาเหตุผล ถ้าเชื่อครู ขอให้ทำ"

"ค่ะ !" น้ำตายังไหลไม่หยุด นักเรียนเริ่มสูดน้ำมูก

ครูปั้นเปิดเปลือกตา มองเห็นนักเรียนคนสำคัญ กำลังนั่งร่ำไห้ เธอชี้มือไปที่มุมห้อง

"กระดาษทิชชู่อยู่โน่น !"

นักเรียนลุกขึ้น เดินไปหยิบกระดาษทิชชู่

"ญาเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำซะก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยมาเรียนวิธีรับส่งพลัง"

***********************************************************************

 

1, 2 < อ่านหน้า > 4
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่