![]() |
| ||||||
| |||||||
สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท เกือบครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา แอนดี้ไม่สามารถเข้าสู่สมาธิได้เลย อาการอึดอัดเหมือนกับขาดอากาศหายใจเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาหลับตากำหนดจิต เมื่อเข้าสมาธิไม่ได้ อาการป่วยทางกาย ก็รบกวนจิตได้อย่างเต็มที่ เกิดเวทนาอันน่าทรมาน ทั้งร่างร้อนอย่างกับอังอยู่ใกล้เตาไฟ หลับตาทีไร ก็อึดอัดแทบจะขาดใจ จึงจำเป็นต้องลืมตา ลุกเดินไปเดินมา เมื่อพยายามจะกำหนดจิตเพื่อเดินจงกรม อาการอึดอัดก็ปรากฏขึ้นอีกทันที สิงห์ต้าลู่นั่งลงที่ปลายเตียง พยายามประคองลมหายใจเข้าออก แล้วนำจิตไปจับกับผิวกายที่ร้อนรุ่มแทน เวลาผ่านไปเกือบครบชั่วโมง อาการร้อนในตัวเริ่มลดลง จิตก็ปรากฏภาพในมโนทันที ศพผู้ชายนอนตายปรากฏขึ้น หน้าอกมีเลือดท่วม เลือดค่อย ๆ ทะลักออกมาจากบริเวณกระดูกซี่โครงด้านขวา เขารู้จักศพนี้ ! แอนดี้กำหนดจิต อุทิศส่วนบุญกุศลให้วิญญาณตนนี้ได้ไปเกิดในภพภูมิที่สมควร แต่ผู้ตายกลับพูดโต้ตอบด้วยภาษาจีนกลาง "ฉันไม่รับ ! ฉันจะเอาชีวิตแกไปด้วย ฉันจะทำให้แกขาดใจตายตกตามฉัน เมื่อไหร่แกจะเข้าสมาธิ ฉันก็จะบีบคอแก ให้แกต้องตายอย่างทรมาน" เขาเหลือบมองนาฬิกาติดผนังห้อง เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็ครบชั่วโมง จะมานั่งเถียงกับผีก็เสียเวลาเปล่า "ขอเชิญท่านลุงพระยายมจัดการกับผีตัวนี้ด้วยเถิด ผมอุทิศส่วนกุศลให้แล้ว เขาก็ไม่ยอม" เสียงของจ้าวแห่งยมโลกตอบกลับ "ก็เธอไปฆ่าเขา เขาก็ผูกจิตแค้น เขามาทวงก็ต้องให้เขา แต่วางใจเถอะ ถ้ายังไม่ถึงวาระที่เธอจะตาย ยังไงเธอก็ไม่ตาย ฉันรับประกัน" แอนดี้น้อมจิตก้มลงกราบอีกครั้ง เวลาผ่านหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว อาการร้อนรุ่มคลายลงอย่างรวดเร็ว ภาพของท่านลุงปรากฏขึ้นแทน "เป็นไงล่ะลูกแมวน้อยของชั้น ! คืนนี้โดนผีบีบคอแค่นี้ ก็ปอดแหกแล้วเหรอ ?" "ไม่ไหวครับ ! ทุกคืนมันทรมานร่างกายยังไง ถ้าได้หลับตาพาจิตไปสงบที่อื่นได้ มันก็พอทนรับเวทนาจากการป่วยได้ แต่คืนนี้ แย่เลย เจ้ากรรมมาโผล่ให้เห็น แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปนั่งนึกเหมือนทุกวันว่า กูไปทำอะไรใครนะ คืนนี้ถึงต้องโดนแบบนี้ คืนนี้เจ้าตัวมาเอง จำได้ครับ" "จำได้ก็ดีแล้ว ! แกไปยิงเขาตาย เขาก็มาทวงพอหอมปากหอมคอ ฮ่า ๆๆๆๆ" เสียงท่านลุงหัวเราะซ้ำ "ไอ้ที่ผมยิงมัน เพราะมันข่มเหงรังแกกัน ผมทนไม่ได้เรื่องการใช้กำลังข่มเหงคนที่ไม่มีทางสู้ เสียงของพระนางจันทิมาดังขึ้นทันที "ใช่ ! มิผิดตามที่ท่านได้กล่าว !" ภาพของพระนางปรากฏขึ้นตามมา "ปล่อยเขารังควานอยู่ฝ่ายเดียว มิโต้ตอบ คือ คนขลาด ท่านมีเราอยู่เป็นฤทธิ์เป็นเดช อีกเหล่าบริวารของท่านก็ต้องการคนปกป้องดูแล เมื่อถึงคราที่ท่านสามารถกำจัดศัตรูท่าน เราก็มิเคยรอช้า" "พระนาง ! ตอนนั้นพระนางมีส่วนช่วยเหลือให้ผมยิงไอ้หมอนั่นตาย ใช่มั้ยครับ ?" "เราปกป้องท่านในยามนั้น มันผู้นั้น จะไม่มีทางสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนกับร่างกายท่านได้ แต่การที่ท่านฆ่าผู้นั้นได้ด้วยเพราะกรรมเก่าที่ตามจองเวรกันมา อย่างไรเสีย มันผู้นั้น ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของท่าน" แอนดี้พอจะเข้าใจ "จองเวรกันมาอย่างนี้ เมื่อไหร่จะจบเล่าครับ ? ผมฆ่าเขา ชาติต่อไป เขาก็ตามมาฆ่าผมอีก แล้วยังมีอีกกี่คนกัน ที่จองเวรผมมาแต่ในอดีต ผมต้องมีเรื่องไปฆ่าแกงกับใครอีกครับเนี่ย ?" "หมดแล้ว ! กรรมที่จองเวรถึงขนาดที่ทำให้ท่านต้องไปฆ่าใครอีกนั้น หมดแล้ว แต่ ก็ไม่ได้หมายความว่า เราสามารถปล่อยให้ใครรังแกเราได้ฝ่ายเดียว หากไม่มีการตอบโต้ นั่นย่อมไม่ใช่เราแน่นอน พระนางจันทิมา... หากดูแลท่านไม่ได้ ใยเราจะมีชื่อเสียงปรากฏอยู่ในหมู่ทวยเทพได้ ในพันโยชน์ที่เรามองเห็นรอบกาย ท่านจะหาใครมีฤทธิ์เปรียบเท่าเรานั้น.... มิมี" พระนางจันทิมามีความมั่นใจในตนเอง รักศักดิ์ศรี และ อารมณ์ร้อนพอสมควร แอนดี้สัมผัสได้ตั้งแต่แรกที่รู้จัก "มีท่านอยู่คอยให้คำแนะนำ ผมก็อุ่นใจครับ ขอบพระคุณพระนางมาก แต่มันจะดีมาก ถ้าเราไม่ต้องไปสู้กับใคร อยู่อย่างสงบจะดีที่สุด" "ไม่ได้ ! ก็ท่านเพิ่งกล่าววาจาจากปากท่านเองว่า ปล่อยเขารังแกอยู่ฝ่ายเดียว ถ้ามิตอบโต้ ยังใช่ท่านอยู่หรือ ? ใครก็ตามที่รังแกท่านอยู่ฝ่ายเดียว จำเป็นต้องกำราบ" เสียงท่านลุงแทรกขึ้นเป็นภาษาจีนกลาง "โหย่วอี้เซียเหริน ปู้เหนิง ปู้ต่า" (คนบางคน ถ้าไม่สั่งสอนซะบ้าง ไม่ได้) แอนดี้หัวเราะหึ ๆ "อือ ! สองท่าน ความเห็นเดียวกันเลย ดุน่าดู ยังงี้ไม่พ้นศีลทะลุ ได้ลงนรกกันอีกแน่ผม" ภาพของพระนางหายไปแล้ว แอนดี้สนทนากับสหายพรหมต่อ "พระนางท่านไปแล้ว ! ท่านพิโรธผมหรือเปล่านะ ?" "ไม่หรอกมั้ง ! แต่หน้าที่ของท่านคือ ปกป้องแก แล้วก็เป็นฤทธิ์ให้กับแก เรียกว่า พระนางเป็นครูฝ่ายบู๊ ไม่ใช่ครูสอนธรรมะ ฝ่ายบุ๋น ไปเรียนกับคนอื่น" แอนดี้พยักหน้า "หมิงไป๋เลอ ! ผมแยกแยะเรื่องนี้ออกตั้งแต่ต้นแล้ว" "แกนึกว่าหลวงพ่อสอน จะปล่อยให้แกมีครูที่สอนให้แกผิดศีลเหรอ ?" ลูกแมวพยักหน้าเข้าใจ "มองไปรอบตัว บริวารก็มีอยู่แค่หยิบมือเดียว ทรัพย์สินอะไรก็ไม่มี ผมจะต้องการฤทธิ์เดชระดับพระนางไปเพื่ออะไร ? เหมือนกับแก๊งระดับข้างถนน แต่พกระเบิดปรมาณู" สหายพรหมหัวเราะร่วน "ฮ่า ๆๆๆ ! แกเปรียบฤทธิ์ของพระนางเยี่ยงนั้นเชียวฤา ช่างหาคำเป็นเลิศ หาคนเทียบได้ไม่" "แน่ะ ! ท่านเอาสำนวนพระนางมาล้อเลียน เดี๋ยวผมจะบอกให้พระนางสาปท่านลุงเป็นไส้เดือน" เสียงพระนางดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง "ท่านอย่าลืมเรื่องที่เราฝากไว้ เด็กภัทราผู้นั้น จงรีบนำเธอมาอบรมฝึกฝน เราได้เตรียมวิชาจะถ่ายทอดให้กับเธอ จงรีบเร่งทำเสีย" "ครับ พระนาง !" แอนดี้ตอบกลับ พระนางต้องการให้แพทตี้มาเป็นบริวารฝ่ายบู๊ให้กับเขา ความสามารถของเด็กสาวคนนั้นน่าจะมีมากมาย แต่ก็ลึกลับ แต่...ถ้าพระนางบอกว่าสามารถจัดการเธอให้อยู่ในโอวาทได้ เขาก็เชื่อตามนั้นทุกประการ สิ่งที่ไม่เข้าใจ คือ เขาจะต้องสะสมฤทธิ์เดชไปเพื่อการใด เพราะเขามองไม่เห็นศัตรูผู้ไหน ที่จำเป็นต้องปราบด้วยอภิญญา **************************************************************************************** ห้องรับแขกที่บ้านของยิ้ม เป็นที่ต้อนรับแขกในยามดึก ชายสองคนที่กำลังนั่งสนทนากันอยู่ที่เก้าอี้รับแขก คือ รุ่งโรจน์ และ คุณเรือง เรือง....นายตำรวจอายุประมาณสี่สิบปี ได้เคยติดตามอดีตลูกพี่มาปรึกษาหารือกับยิ้มสองครั้ง ครั้งนี้ เขาถูกลูกพี่ที่เป็นอดีตผู้บังคับบัญชา กำชับมาโดยตรงให้มาดูแลเพื่อนของยิ้มที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ รุ่งประสานมือไว้ที่ท้ายทอย ตามองขึ้นไปยังเพดาน แล้วพูดขึ้น "สรุปว่า เรื่องนี้ ผมไม่ต้องแจ้งความเหรอครับ ?" นายตำรวจยิ้มแล้วเลิกคิ้ว "ที่พี่เล่าประมวลสถานการณ์ให้ฟังแล้ว เรามีอะไรเสียหาย เราจะแจ้งในข้อหาอะไร ? กักขังหน่วงเหนี่ยว ? ให้ท่า ?" เสียงหัวเราะร่วนดังมาจากในครัว "ฮ่า ๆๆๆๆ ! แจ้งขอหาหมิ่นประมาทได้หรือเปล่าพี่ ? อีเด็กนิมดาคนนี้ มันหมิ่นเพื่อนผม มันคงนึกว่าเพื่อนผมไม่มีกะเจี๊ยว ขนาดชวนให้ล่อแล้วยังวิ่งหนีออกจากบ้าน เด็กมันคงงงว่า มึงลืมเอากะเจี๊ยวไปเที่ยวบ้านเค้าหรือเปล่า ถึงรีบวิ่งออกมาเอา ?" วิทย์เดินออกมาจากครัว พร้อมกับเสียงเพี๊ยะดังลั่น ฝ่ามือของยิ้ม กระทบเข้าเต็มต้นแขนของแฟนหนุ่ม วิทย์สูดปาก "โห ยิ้ม ! " เขาถอดแว่น แล้วก้มลงมองที่ต้นแขนด้านนอก รอยนิ้วมือปรากฏเป็นสีแดงตัดกับสีผิว "เจ็บนะ ! เป็นรอยเลยเนี่ย" แฟนสาวหรี่ตา แล้วใส่สีหน้าดุดัน "ก็ใครให้วิทย์พูดจาไม่สุภาพในบ้าน ? วิทย์ไม่เกรงใจคุณเรืองเค้าหรือยังไง ?" นายซ่งใส่แว่นกลับตามเดิม "อะไรอะ ยิ้ม ? กะเจี๊ยวไม่สุภาพตรงไหน ?" "อยากพูดไปพูดนอกบ้าน !" เธอเดินตรงมาที่ห้องรับแขก วิทย์เดินตามมา "ได้ ! เดี๋ยวจะออกไปหน้ารั้ว แล้วถามเพื่อนบ้านว่าคำว่ากะเจี๊ยว ไม่สุภาพตรงไหน " รุ่งกับนายตำรวจ หัวเราะเบา ๆ เพื่อนแว่นเดินมาถึงบริเวณโซฟา ชี้หน้ารุ่ง "ไหน ! นี่มันกี่โมงแล้ว ? มึงจะเริ่มเมาได้หรือยัง ? ยาเหี้ยอะไรวะ มอมตั้งสองชั่วโมงแล้ว ไม่เห็นมึงเมาซะที ?" "วิทย์ ! ออกไปนอกบ้านเดี๋ยวนี้ ถ้ายังไม่หยุดพูดคำหยาบ ! ไม่ต้องกลับเข้ามา !" เสียงเจ้าของบ้านดังลั่นห้องโถง รุ่งหัวเราะชอบใจ "เป็นไง มึง ! ถูกไล่เหมือนหมาเลย" "ท่านแม่บอกแล้วใช่มั้ยว่า ห้ามวิทย์พูดคำหยาบในบ้าน ? ทำไมวิทย์ไม่จำซักที ?" นายซ่งชี้หน้าเพื่อน "ก็ไอ้เห้... ! เอ๊ย ! ก็อ้ายนี่ มันนาน ๆ มาที วิทย์ก็ลืมตัว จะให้พูดกับมันว่า คุณรุ่งโรจน์ครับ กลัวมันจะจำไม่ได้ว่า วิทย์เคยเป็นเพื่อนมันมาก่อน" นายตำรวจพยักหน้า "วิทย์พูดถูกแล้ว ผมคิดว่าเด็กคนนั้น ไม่ได้ตั้งใจมอมยารุ่งหรอก น่าจะป็นกรณี ทำไปด้วยเสน่หามากกว่า ซึ่งเราเป็นฝ่ายชาย ไม่ได้เสียหายอะไร ไปเอาผิดเค้าไม่ได้ อีกอย่าง เค้าก็ให้เราเข้าไปที่บ้าน แม้ว่า บ้านนั้นอาจจะไม่ใช่บ้านเค้า แต่ มันก็ต้องเป็นบ้านใครซักคน ถ้าวางแผนจะทำอะไรผิดกฏหมาย ไม่น่าจะจัดสถานที่เป็นบ้านคนแบบนี้ เพราะเจ้าของบ้านต้องรับผิดชอบแน่นอน หากเกิดอาชญากรรมขึ้นในบ้านตัวเอง" วิทย์ยืนท้าวสะเอว "มึงจำหน้าเด็กได้ใช่มั้ย ?" รุ่งหรี่ตา แล้วพยักหน้า "คิดว่าจำได้ เพราะมันถอดหมวก กูเห็นหน้าชัด จำได้" "มึงไปที่อำไรเลย ! ไปยืนหน้าโรงเรียน ต้องเจอแน่ ถ้าเด็กคนนี้เป็นรุ่นน้องเราจริง มันก็ต้องไปโรงเรียน ไปถามหาว่าคนชื่อนิมดาอยู่ไหน " ยิ้ม กับ พี่ตำรวจ พยักหน้าเห็นด้วย "ใช่ ! ถ้าอยากรู้จริง ไปสืบจากโรงเรียน น่าจะได้ ผมคิดว่า เด็กไม่ได้วางแผนมาเพื่อก่ออาชญากรรม เธอจึงไม่ได้ปกปิดหน้าตา อย่างนี้ไปตามหาตัวที่โรงเรียนก็คงเจอ" วิทย์พูดขึ้น "ถามจากลูกมึงด้วย ! ไอ้เตี้ยมอแกน ! มันเป็นคนต้นเรื่อง มันต้องอธิบายว่าอะไรเป็นอะไร มึงให้มันไปลากตัวเด็กคนนั้นมาให้ได้ ไม่งั้น มึงเลิกคบมัน แต่...." เพื่อนซ่ง เอียงคอ แล้วถามขึ้น "... เด็กคนนั้นหน้าตาดีปล่าววะ ?" รุ่งกลอกตาขึ้นข้างบน "ก็... หน้าตาสะอาด เหมือนลูกผู้ดี" "เฮ่ย ! ยังงี้น่าสน ไม่ต้องลากตัวมาหรอก มึงแหละไปตามหาเด็ก แล้วบอกว่า ขอแก้ตัวอีกครั้ง" ยิ้มยกแขนสองข้างชูขึ้น เดินเข้าไปหาแฟน วิทย์ร้องตะโกน แล้วรีบยื่นมือไปจับต้นแขนสองข้างของแฟนสาว ก่อนที่เธอจะตีลงมา "อย่านะยิ้ม ! ล้อเล่น ล้อเล่น ! "ทำไมวิทย์พูดจาเลอะเทอะแบบนี้ ? เด็กเค้ามีพ่อมีแม่ ดีนะที่เป็นรุ่ง ถ้าเป็นวิทย์ เด็กคงเป็นอะไรไปแล้ว" อ้ายตี๋หัวเราะหึ ๆ "เด็กมีพ่อแม่ ! กูมีลูกสาวแบบนี้ กูเตะซี่โครงหักเลย ยังเรียนอยู่เสือกเรียกผู้ชายมานอนด้วย" รุ่งพยักหน้าช้า ๆ ทบทวนเหตุการณ์ และ เหตุผลตามที่เพื่อนซี้ และ นายตำรวจวิเคราะห์ "ถ้างั้น กูคงไม่ได้ถูกใครแกล้งใช่หรือเปล่า ? เป็นอีเด็กเนี่ย มันเสน่หาจริง ๆ กูกลัวเป็นแบบที่เห็นในทีวี เดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟน กล้องตัวเล็ก อุปกรณ์ไฮเทคเพียบเลย ไว้จับผิดคนนั้นคนนี้ มึงรู้มั้ย ตอนที่ยัยเด็กนิมดามันควักถุงยางมาวางบนโต๊ะ กูคิดถึงอะไร ?" ทั้งสามคนรอฟังว่ารุ่งจะพูดอะไรต่อ "กูนึกถึงหน้า อาน้อย แล้วก็หน้าแม่กูลอยมา หน้าพี่แอนดี้อีกคน กูคิดเลยว่า กูกำลังจะมีเรื่องที่ทำให้คนพวกนี้ผิดหวัง ถ้าเค้าเห็นภาพกูออกในทีวี ข่าวโทรทัศน์เอาคลิปมาประจาน ทั้งสามคนนี้ ต้องผิดหวังในตัวกูมาก แล้ว อีกคน ที่คงจะสะใจ" รุ่งยกมือกางห้านิ้วออกมา "นี่.... หน้าครูยาใจลอยมาเต็ม ๆ เป้ง ๆ กำลังแสยะยิ้ม หัวเราะ สุดท้าย กูก็เป็นแบบที่เค้ากาหัวไว้" วิทย์พยักหน้าหงึก ๆ เข้าใจในเหตุผล "มึงเลยฉุนขาดซะ !" "เออ ! กูฟิวส์ขาด ดีนะที่ใกล้ ๆ มือไม่มีอะไรที่ใช้เป็นอาวุธได้ ไม่งั้น กูอาจจะหยิบมาตีหัวอีนิมดานั่น แล้วลากมันมาส่งตำรวจ ให้มันสารภาพ" นายตำรวจเรืองหัวเราะ "ทำอย่างนั้น รุ่งโดนแจ้งความทำร้ายร่างกายแทนเลย ไม่ได้ครับ ! เราไปทำอย่างนั้นไม่ได้" รุ่งหัวเราะตัวเอง "ครับ ! ผมพูดไปยังงั้นเแหละ แค่อธิบายอารมณ์โกรธ จริง ๆ ก็คงไม่กล้าทำ แต่ เด็กนั่น มันโง่จริง ๆ ที่ทำยังงั้น เพราะเรื่องมันจะใหญ่โตแน่ ๆ ถ้าเกิดผมบ้าขึ้นมา แล้วผมทำร้ายร่างกายเค้า" จู่ ๆ วิทย์ก็หัวเราะก๊ากขึ้นมา ยิ้มจ้องหน้า "หัวเราะอะไร ?" เขานึกถึงเหตุการณ์ แล้วหัวเราะร่วนต่อ "ฮ่า ๆๆๆๆๆ ! ขำว่ะ ! ฮ่า ๆๆๆๆๆ" รุ่งขมวดคิ้ว "มึงหัวเราะอะไร ?" นายซ่งพยายามกลั้นหัวเราะ ถอนหายใจยาว แล้วพูด "มึงคิดดู อีเด็กนั่นคงเอ๋อไปเลย เดินทางมา จะยั่วมึง ควักถุงยางออกมา มึงหยิบไม้มาตีหัวมัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ขำว่ะ !" รุ่งได้ยินคำพูดเพื่อน ก็หัวเราะตามไปด้วย วิทย์พูดต่อ "อีเด็กนั่น เดินร้องไห้ ออกจากบ้าน มือนึงกุมหัวเลือดโชก อีกมือถือถุงยางกลับไปด้วย ฮือ ๆๆๆ ! แม่จ๋า หนูออกจากบ้านไปหาผัว แต่โดนตีหัวแตก ฮ่า ๆๆๆๆ ผัวก็ไม่ได้ ได้เลือดแทน หนูงงอ่า แม่...! หน้าตาหนูระยำกว่าผีขนุนอีกเหรอ ? ฮ่า ๆๆๆๆๆ !" ยิ้มส่ายหัว "หุบปากได้แล้ววิทย์ ! วิทย์ไปเอาผ้าเช็ดตัวมา ให้รุ่งอาบน้ำก่อนเถอะ เหงื่อเต็มตัว เสื้อชื้นไปหมดแล้ว" วิทย์พยักหน้า "ได้ ! เดี๋ยวเอาผ้าเช็ดตัวในรถ กูพกไว้ไปตีแบด เดี๋ยวเอามาให้" รุ่งพยักหน้ารับรู้ เขายกมือไหว้นายตำรวจ "ขอบคุณพี่เรืองมากที่อุตส่าห์มาช่วยผม ขอโทษนะพี่ ผมมันปอดแหกไปหน่อย ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงไม่วิ่งหนีแบบนี้" "ไม่เป็นไรครับ มีอะไรติดต่อพี่ได้ ไม่ต้องเกรงใจ รุ่งเป็นเพื่อนคุณยิ้ม พี่ช่วยเต็มที่ แต่ทำอย่างนี้ก็ถูกแล้ว คือหลบออกมา อย่าไปทำร้ายร่างกายเค้า" วิทย์เดินกลับเข้ามาในบ้าน เขาโยนเสื้อยืดกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลงบนหน้าตักเพื่อน "มึงไปอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างบนก่อน เดี๋ยวกูออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาหน้าปากซอยเข้ามากินกัน ร้านนี้แม่งอร่อยโคตร ต้มยำทะลวงทวาร พี่เรืองเดี๋ยวอยู่กินด้วยกันนะครับ อร่อยพ่อแม่ไม่สั่งสอน...ร้านนี้" เขายกนิ้วโป้งชูขึ้น ยิ้มยืนท้าวสะเอว "ซักวันนึง เราคงต้องเลิกกันเพราะปากวิทย์" รุ่งยิ้มที่มุมปาก เขาลุกจากโซฟา มือข้างหนึ่งถือเสื้อกับผ้าเช็ดตัว เดินผ่านหน้าเพื่อนแว่น มืออีกข้างยกมือขึ้นตบปากวิทย์อย่างจัง 'เพี๊ยะ !' นายซ่งสะดุ้ง "นี่แน่ะ ! ปากหมา !" เขาหันหน้ามาทางยิ้ม "ตบให้แระ !" แล้วเดินก้าวขึ้นบันไดไปชั้นสอง ยิ้มทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา หยิบรีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ วิทย์ทรุดตัวลงนั่งตาม "รู้มั้ย อะไรทำให้ไอ้รุ่งปอดแหก รีบเรียกพวกเราไปช่วย ?" นายตำรวจลองตอบ "รุ่งเค้าคงกลัวเป็นข่าวแบบที่เห็นกันในทีวี ในสื่อ มีคนถ่ายคลิปมาประจานกัน" วิทย์สั่นหัว "ไม่ใช่ครับ ! เด็กนั่นแค่นั้น ไม่ได้ทำให้มันกลัวได้หรอก ไอ้นี่ มันเคยกลัวใครที่ไหน มันไม่ได้กลัวเด็กนั่น แต่มันกลัวเรื่องครูยาใจ" พี่เรืองเลิกคิ้ว "ครูที่รุ่งบอกว่า เห็นหน้าลอยมา ?" "ใช่ครับ ! รุ่งเคยมีปัญหาทะเลาะกับครูคนนี้สมัยมัธยม แล้วครูคนนี้ก็ตราหน้ามันว่า มันเป็นคนเลว แล้วโตขึ้น มันก็ทำทุกอย่างที่เลวได้ ให้ทุกคนคอยดู เรื่องนี้ ฝังใจมัน เหมือนกับ เป็นชะงักติดหลังมันมาตลอด" ยิ้มหัวเราะทันที "โธ่ ! คุณตี๋เอ๊ย ! เค้าเรียกว่า ชนัก ไม่ใช่ชะงัก" วิทย์พยักหน้าหงึก ๆ "เออ นั่นแหละ ! เป็นชนักที่ติดคาอยู่ เวลาทำอะไรก็ไม่กล้า กลัวว่าคำพูดของครูยาใจจะเป็นจริง แม้แต่สาวยืนรอให้มันดูดปาก ห่างแค่ลมหายใจ มันยังนึกถึงหน้าครูยาใจเลย" ยิ้มกดรีโมท ลดเสียงโทรทัศน์ "สาวไหน ?" วิทย์กลอกตาไปมา เขาลืมไปว่าเขาได้สัญญากับรุ่งว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง "เปล่า ๆ ! หมายถึงสาวทั่วไปแหละ ก็ใครก็ตามที่ยอมให้มันทำอะไรก็ได้ มันก็ไม่กล้าทำ เพราะชนักครูยาใจติดหลังมันอยู่" ยิ้มรู้ว่าแฟนหนุ่มพูดเฉไฉเพื่อกลบเกลื่อน เธอพยักหน้าช้า ๆ เผยอยิ้มที่มุมปาก แล้วเชิดหน้า "มีความลับกัน ! มิน่า รุ่งไม่ยอมทำอะไรยิ้มซักที ทั้ง ๆ ที่ยิ้มก็ยอมให้รุ่งมาตลอด" วิทย์อ้าปากค้าง เจ้าของบ้านเหล่หางตามองมายังแฟน "จะออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวก็ไปสิคะ วิทย์ รออะไร ? " เธอกดรีโมทเร่งเสียงโทรทัศน์ให้ดังขึ้น เสียงหัวเราะหึ ๆ ดังมาจากลำคอของนายตำรวจ ******************************************************************************************
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาสี่ชามถูกเตรียมไว้บนโต๊ะกินข้าว ยิ้ม วิทย์ และ พี่เรืองนั่งคุยกันอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก วิทย์เห็นเสื้อยืดตัวเองบนตัวเพื่อนรัก ก็พูดขึ้น "โห ! นี่กูอ้วนขึ้น หรือว่ามึงตัวเล็กลงวะ ?" ยิ้มพูดขึ้นทันที "วิทย์อ้วนขึ้น ! กินไม่รู้จักบันยะบันยัง ยังมีหน้าไปถามคนอื่นเค้าอีก" นายซ่งลุกขึ้นยืน หันหน้าไปทางนายตำรวจ "ไปครับ ! พี่เรือง ไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน" รุ่งเดินไปที่โต๊ะกินข้าว ชะโงกหน้ามองชามก๋วยเตี๋ยวบนโต๊ะ "อือ ! หน้าตา พ่อแม่ไม่สั่งสอนจริง ๆ" วิทย์หัวเราะ "ใช่มั้ย ? แม่งทำโคตรน่าแดกเลย" รุ่งชี้ไปยังชามที่เป็นต้มยำมีน้ำสีแดงจัด "ชามนี้ของมึงใช่มั้ย ? ขี้เป็นเลือดแน่ มันใส่พริกทั้งต้นแหง" วิทย์พยักหน้า ต่างคนต่างนั่งประจำที่ รุ่งพูดขึ้น "เจ้านายเก่าพี่เรืองรู้จักยิ้มได้ยังไงครับ ?" เรืองมองหน้ายิ้ม "อือ ! ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้จักได้ยังไง ให้คุณยิ้มเล่าดีกว่า" ยิ้มเริ่มเล่า "คนไข้เก่าของยิ้ม มารักษาโรคหอบหืด ท่านแม่ให้ไปแก้เรื่องเจ้าที่ที่บ้าน แล้วก็กินยาสมุนไพรด้วย อาการดีขึ้น เค้าก็ไปเล่าให้ญาติฟัง ญาติคนนี้เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ทางใต้ ก็คือผู้กำกับสมาน กำลังสนใจเรื่องเจ้าที่ เพราะคิดว่าตัวเองกำลังมีปัญหากับเรื่องเจ้าที่เจ้าทาง เลยเดินทางจากใต้มาหายิ้ม ท่านแม่ก็ช่วยดูให้ ก็เกี่ยวกับเรื่องเจ้าที่จริง หลังจากปรับแล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น" นายตำรวจนึกอะไรขึ้นได้ "อ้าวงั้นก็ เรื่องศาลพระภูมิของสน. ใช่มั้ยครับ ?" ยิ้มพยักหน้า "ใช่ค่ะ ! ท่านแม่ให้ย้ายศาลพระภูมิจากเดิมตั้งอยู่หน้าห้องน้ำ มาให้อยู่ทางด้านขวาของสถานีตำรวจ" "เป็นคุณยิ้มนั่นเอง ! ผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ย เห็นท่านบอกว่ามีคนแนะนำ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าใคร" วิทย์ตั้งหน้าตั้งตากินก๋วยเตี๋ยวในชาม ไม่สนใจที่จะสนทนากับใคร ยิ้มเล่าต่อ "หลังจากนั้น ผู้กำกับก็มาปรึกษาเรื่องอื่น เรื่องครอบครัว....." "แล้วก็เรื่องสำนักนั้น !" เรืองต่อประโยคให้ "ใช่ค่ะ !" เรืองพยักหน้า "สำนัก ตำหนัก เยอะแยะทั่วประเทศ ใครจะไปรู้ได้ว่า ที่ไหนดีจริง บริสุทธิ์จริง มันดูยากนะครับ ผมก็ตามท่านผู้กำกับไปเหมือนกัน แต่หลัง ๆ ก็รู้สึกว่า มันชอบกล สอนแปลก ๆ ก็เลยถอยออกมา" "ที่นั่นเค้ามีฤทธิ์จริงนะคะ แรงด้วย แต่ไม่บริสุทธิ์จริง ไม่ใช่ทางสายกลาง ถอยออกมาได้ก็ดีแล้ว" รุ่งถามขึ้น "แล้วพี่เรืองมาให้ท่านแม่ช่วยสงเคราะห์ด้วยเหรอครับ ?" เขาพยักหน้า "ใช่ ! พี่มาให้ท่านแม่ช่วยเรื่องลูกสาว ก็ตามผู้กำกับมาอีกที ท่านแนะนำให้มา พี่ย้ายราชการมาอยู่ที่กรุงเทพ ฯ เพราะเมียพี่อยู่กรุงเทพ ฯ แล้วเพิ่งได้ลูกสาวเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ลูกพี่ป่วยมาตั้งแต่คลอดเลย ผู้กำกับก็พาพี่มาหาคุณยิ้ม ตอนนี้ก็อาการดีขึ้นเยอะ" วิทย์หยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะอาหารขึ้นซับเหงื่อ ชี้มือไปที่พัดลม "ยิ้ม เปิดพัดลมให้หน่อยสิ !" สาวเจ้าบ้านลุกจากเก้าอี้ไปกดสวิทช์พัดลม รุ่งจับตะเกียบแล้วรูดนิ้วมาที่ปลายไม้ "อาซ่ง ! ลื้อจับตะเกียบแบบนี้ได้มั้ย "? รุ่งถามเพื่อนตี๋ อาซ่งเลื่อนนิ้วไปปลายตะเกียบ "ได้ดิ ! ทำไมไม่ได้ ? แต่มันไม่ถนัด จับแบบนี้ เตี่ยกูด่าแม่ให้" เขาพูดแล้วก็สั่นหัว "ไม่รู้เค้าจะด่าแม่กูทำไม แม่กู ก็เมียเค้าเอง !" พี่เรืองหัวเราะลั่น รุ่งใช้ตะเกียบคีบหนังปลาทอดในชามเพื่อนเข้าใส่ปากตัวเอง วิทย์ถามขึ้น "อร่อยปะ ?" รุ่งพยักหน้า "อือ ! ทำไมชามกูไม่เห็นมี ?" "อ้าว ! กูไม่รู้มึงชอบ กูสั่งพิเศษ" รุ่งถามสาวเจ้าบ้าน "แล้วยิ้มจะต้องตั้งสำนัก ตั้งเป็นตำหนักอะไรหรือเปล่า ?" เธอหัวเราะ "ตั้งตำหนัก ! ตั้งไปทำไมคะ ? อยู่บ้านแบบนี้ รุ่งไม่ชอบเหรอ ?" "อือ ! นั่นสิ ! แบบนี้ง่าย ๆ ดี อยู่อย่างคนธรรมดา" นายตำรวจพยักหน้าสำทับ "อย่างนี้ดีแล้วครับ ผมเคยไปตำหนักที่ใหญ่โต เดินเข้าไปมีเครื่องบูชาเยอะแยะ ดูน่ากลัว สำนักที่ใหญ่โตมีพื้นที่เป็นไร่ ๆ ผมก็เคยไปมาแล้ว สุดท้าย ไม่มีอะไรสำคัญเท่าความบริสุทธิ์ใจ ขอให้สำนักนั้นบริสุทธิ์ใจ สถานที่ก็ไม่สำคัญ" รุ่งนึกถึงพี่นง สาวร่างทรง ที่เขาเคยรู้จักเมื่อสองปีที่แล้ว "ใช่นะ ! สองปีที่แล้ว เรารู้จักร่างอยู่ที่นึง ใช้บ้านธรรมดา ๆ แบบนี้ ไม่ตกแต่งอะไรเลย แต่น่าศรัทธา" เสียงโทรศัพท์มือถือของรุ่งดังขึ้นในกระเป๋ากางเกง เขาล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ชื่อที่ขึ้นหน้าจอ ทำให้เขาต้องมองนาฬิกาผนัง "กี่โมงแล้วเนี่ย ? สามทุ่มกว่าแล้ว !" เขากดรับสาย พลางลุกจากเก้าอี้ เดินออกมาจากบริเวณโต๊ะอาหาร "พี่แอนดี้ ! พี่ป่วยเสร็จแล้วเหรอ ?" เสียงปลายทางหัวเราะ "ถามได้ดีมาก ! วันนี้ป่วยประจำวันไปเรียบร้อยแล้ว" "มีอะไรครับถึงโทรมาเวลานี้ ? อาการเข้าที่แล้วเหรอครับ ?" "ก็รุ่งไม่โทรกลับพี่เลย พี่สงสัยว่ารุ่งเป็นอะไรไปหรือเปล่า ?" รุ่งขมวดคิ้วทันที "หา... พี่แอนดี้โทรมาเหรอครับ ?" "ใช่ ! วันนี้พี่โทรหารุ่งสองครั้งแล้ว โทรศัพท์ไม่ได้ขึ้นมิสคอลเหรอ ?" "อ้าว ! เอ๊ะ !...." เขานึกถึงวันนี้ทั้งวัน โทรศัพท์มือถือไม่ได้อยู่ติดตัวเขาตลอดเวลา "อ้อ ! โทษทีครับพี่ เป็นไปได้ ผมเอาโทรศัพท์ไปลงโปรแกรมที่ศูนย์ พอรับกลับมา ไม่ได้ดูมิสคอลที่ค้างไว้ แต่ พี่โทรมาเหมือนรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม พี่แอนดี้รู้ใช่มั้ยครับ ? สรุปว่า ไอ้เด็กคนนั้น มันมีแผนจะหลอกผมใช่มั้ยครับ ?" "หา...!!! เด็กคนไหน ? มีเรื่องอะไรกับรุ่งเหรอ ?" "อ้าว ! พี่ไม่ได้โทรมาถามเรื่องเย็นนี้เหรอครับ ? เอ... แล้วพี่โทรหาผมมีเรื่องอะไรเหรอครับ ?" "มีสิ ! เอาเรื่องสำคัญก่อนนะ รุ่งรู้เรื่องคุณเอกป่วยหรือเปล่า ?" "หือ ! เอกไหนครับ ? อาเอกเหรอครับ ?" "คุณเอก พี่ชายของคุณมัณทนาน่ะ" "อ้าว ! อาเอกป่วยเป็นอะไรครับ ? หนักเหรอ ? พี่แอนดี้ได้ข่าวมาจากไหน ?" "พี่รู้ข่าวมาจากคุณน้อย หนักหรือไม่ พี่ไม่รู้หรอก แต่สังเกตจากสภาพจิตใจของคุณมัณทนา มันไม่ใช่ป่วยปกติแบบสามสี่วันก็หาย จิตเธอมีกังวลเรื่องนี้ พี่สัมผัสได้ พี่อยากให้รุ่งช่วยพี่หน่อย ฟังพี่ให้ดีนะ ... พี่อยากให้รุ่งช่วยพาพี่เข้าเยี่ยมคุณเอก" คำขอร้องของแอนดี้ ทำให้รุ่งรู้สึกประหลาดใจ "พี่แอนดี้จะไปเยี่ยมอาเอก !" "ใช่ ! พี่ต้องไปเจอตัว แต่คนทั่วไปเข้าไปพบคุณเอกไม่ได้ เรื่องที่คุณเอกป่วย ถูกปิดเป็นความลับ คนนอกไม่รู้ แม้แต่อยู่ที่โรงพยาบาลไหน ก็ไม่มีใครรู้" อาเอกป่วยหนัก ! จิตของรุ่งนึกถึงญาติผู้น้องทันที "อาเอกป่วย แล้วน้องวิเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้" เขาพึมพำ "พี่เชื่อว่า วิต้องรู้เรื่อง แต่พี่ไม่ได้เจอน้องวินานแล้ว ไม่สนิทพอที่จะไปถามเรื่องที่พวกเขาพยายามปิดบัง รุ่งคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะถาม" คิ้วของรุ่งขมวดชนกันอยู่ตลอดเวลา "ได้ครับ ! ผมถามน้องวิตรง ๆ เลย ได้แน่นอน ! แต่... พี่แอนดี้ รู้มาว่าอาการหนักใช่มั้ยครับ ? ถ้าถึงขนาดที่พี่แอนดี้ต้องไปเจอตัว คงไม่ใช่เบา ๆ" "รุ่งหาวิธีพาพี่เข้าถึงตัวคุณเอกให้ได้ แล้วพี่จะเล่าให้รุ่งฟัง ได้มั้ย ?" คำขอร้องของสิงห์ เสมือนกับคำขอร้องของบิดาบังเกิดเกล้า "ได้ครับ ! ผมรับปาก ผมจะหาทางพาพี่แอนดี้ไปพบให้ได้" "ขอบคุณนะรุ่ง อีกเรื่องนึง รุ่งเคยเล่าว่าคุณพ่อของรุ่ง เคยสอนภาษาจีนกลางให้เพราะคุณพ่อเคยติตต่อกับประเทศจีน พี่อยากรู้ว่าคุณพ่อรุ่งติดต่อเรื่องอะไรที่ประเทศจีน ?" รุ่งจำได้ว่าเคยเล่าเรื่องนี้ให้แอนดี้ฟังสั้น ๆ เมื่อสองปีที่แล้ว ในวันที่แอนดี้ไปหาเขาที่บ้านเพื่อลาบวช "พ่อสานต่องานของคุณทวดครับ แต่ ผมไม่รู้ละเอียด เพราะยังเด็ก ต้องถามแม่ แม่รู้แน่นอนครับ" แอนดี้หัวเราะ "อือ ...! เรานี่ ท่าทางตอนเด็ก ๆ ไม่ค่อยสอดรู้สอดเห็นเลยนะ" "จริงครับ ! บางเรื่องควรรู้ ผมก็ไม่ยักจะอยากรู้ สมองผมต้องมีอะไรผิดปกติตั้งแต่เด็กแน่ ๆ" "พี่ไม่ได้ตำหนิรุ่งหรอก พี่กลับคิดว่าดีซะอีกนะ ที่เราไม่ต้องรับรู้อะไรมากมาย ยิ่งรู้ ยิ่งกระทบ ยิ่งมากเรื่อง" "อ้อ ครับ ! ไม่เคยได้ยินใครชมผมเรื่องนี้ มีแต่ตำหนิว่า ผมโง่กว่าเด็กปกติ" เขาหัวเราะหึ ๆ "แล้ว ถ้าพี่ขอไปพบคุณแม่ของรุ่งได้มั้ย ? แต่.... ยังไม่ต้องรีบ ไม่ใช่ช่วงนี้แน่ ๆ ตอนนี้ พี่อยากพบคุณเอกให้เร็วที่สุด" "ครับ ๆ ! เดี๋ยวผมติดต่อน้องวิ แล้วจะแจ้งให้พี่แอนดี้รู้" "โอเค ! งั้นไม่รบกวนแล้ว พี่รอรุ่งละกัน" เขายืนคิดอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขก ที่บ้านไตรสรณ์คงเป็นกังวลกันอยู่กับอาการป่วยของอาเอก แล้วคุณย่าจะเป็นอย่างไรบ้าง ? "รุ่ง ! เดี๋ยวยุงได้หามมึงไป ไปยืนตรงนั้น เข้ามานี่หน่อย มึงไม่ต้องไปถามหาชื่อนิมดาแล้ว นี่ไม่ใช่ชื่อเล่นของใครหรอก" รุ่งเปิดประตูมุ้งลวดกลับเข้ามาในบ้าน เดินตรงมาที่โต๊ะอาหาร วิทย์ชี้ไปที่เศษกระดาษบนโต๊ะ "นี่ ดูนี่ดิ นิมดา คือ แอ๊ดมิน !" รุ่งอ่านลายมือของวิทย์ที่เขียนบนเศษกระดาษ 'NIMDA = ADMIN' "ชื่อนิมดาเป็นชื่อปลอม แต่มึงอาจจะแน่ใจได้อย่างนึงว่า อีนี่ มันเป็นแอ๊ดมินตัวจริงแน่ เพราะมันใช้คำว่าแอ๊ดมินสะกดกลับหลังแบบนี้ มันเป็นซิกเนเจอร์ไง เหมือนกับโจรที่จะต้องทิ้งสัญญลักษณ์เพื่อบอกความเป็นตัวตนเอาไว้" รุ่งพยักหน้า แล้วยกมือลูบหัวเพื่อน "เก่งจัง ลูกพ่อ !" จิตของเขาไม่ได้สนใจเรื่องนิมดาแล้วในขณะนี้ "เดี๋ยวขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกก่อน อาเอกป่วย จะโทรหาน้องวิ ถามอาการหน่อย เดี๋ยวจะออกไปเดินคุยในหมู่บ้าน ยืนเฉย ๆ แล้วยุงกัด" วิทย์ กับ ยิ้มพยักหน้ารับรู้ รุ่งเดินออกมานอกประตูรั้วบ้าน เปิดโทรศัพท์ย้อนดูประวัติสายเข้าที่ไม่ได้รับ มีรายชื่อพี่แอนดี้จริง ๆ นอกจากนั้น ยังมีรายชื่อญาติผู้น้อง "มิสคอลเพียบเลย !" ****************************************************************************************** เสียงสัญญาณโทรติดดังขึ้นเพียงสองครั้ง ก็มีคนรับสาย แต่ไม่ใช่เสียงน้องวิ "ฮัลโหล ! รุ่งใช่มั้ย ?" เสียงพูดของผู้หญิงที่คุ้นหู "ครับ ! พี่เพ็ญหรือเปล่า ? น้องวิอยู่มั้ย ?" "อยู่ ๆ รอเดี๋ยวนะ" รุ่งได้ยินเสียงพี่เพ็ญเรียกน้องวิเบา ๆ "น้องวิคะ ! พี่รุ่งโทรมา" เสียงญาติผู้น้องดังมาตามสาย "ค่ะ ! พี่รุ่ง" "น้องวิ โทรเข้ามาหาพี่รุ่งใช่มั้ย ?" เสียงคนสนทนากันได้ยินเข้ามาในสาย หนึ่งในเสียงนั้นคือ เสียงของอามัณ "ค่ะ พี่รุ่ง !" "ตอนนี้สะดวกคุยมั้ย ?" "เอ่อ... ! ก็ นิดหน่อย วิอยากคุยกับพี่รุ่ง แต่วิถามอะไรสั้น ๆ นะคะ" "ได้ ว่ามา !" "พี่รุ่งยังสามารถรักษาคนป่วยได้มั้ย ? พี่รุ่งใช้ลูกดิ่งได้หรือยัง ?" "น้องวิอยากให้พี่ไปช่วยใคร ? เป็นคนสำคัญใช่มั้ย ?" "ค่ะ ! พี่รุ่งอย่าเพิ่งถามนะคะว่าใคร น้องวิไม่สะดวกตอบตอนนี้ ถ้าพี่รุ่งสามารถช่วยได้ น้องวิจะพาพี่รุ่งไป" "ถ้าเป็นคนสำคัญของน้องวิ พี่จะรีบให้คำตอบเร็วที่สุด" "ขอบคุณพี่รุ่งค่ะ ! ตอนนี้ไม่สะดวกเล่ารายละเอียดนะคะ" "ไม่เป็นไร ! ไม่ต้องเล่ารายละเอียด แค่น้องวิบอกว่าเป็นคนสำคัญ แค่นี้พอแล้ว พี่จะรีบให้คำตอบนะ ไม่รบกวนแล้ว" "น้องวิรู้ว่าพี่รุ่งเป็นที่พึ่งของน้องวิได้ ขอบคุณค่ะ" การสนทนาจบลงอย่างสั้น ๆ แต่ได้ใจความตามที่เขาต้องการ จิตของรุ่งพุ่งตรงไปที่พี่นงทันที สองปี.... ครบแล้วสำหรับเวลาที่พระนางให้เขารับปากว่าจะไม่ใช้วิชาลูกดิ่ง พระนางอาจจะมีคำแนะนำที่ดีกว่าเพื่อป้องกันตัวเอง หรือ บรรเทาสิ่งที่ร่างกายเขาต้องรับ หากสามารถช่วยรักษาคุณอาของตัวเองได้ ถึงจะต้องเจ็บป่วยอีกครั้ง ทำไมเขาจะไม่ทำ ? ****************************************************************************************** อ่านหน้า > 2 , 3, 4 |
|||||||
![]() |
|||||||
![]() |