![]() |
| ||||||
| |||||||
สิบโมงเช้าวันเสาร์ ... ออดี้สีขาวแล่นบนถนนวิภาวดี-รังสิต จุดหมายปลายทาง คือ จังหวัดนครราชสีมา เพลงป๊อปสากลร่วมสมัยถูกเล่นจากเครื่องเสียงรถยนต์ที่มีคุณภาพในระดับสี่ดาวเป็นเพลงที่ห้าติดต่อกัน โชเฟอร์ตัดสินใจหยุดความเงียบในห้องโดยสาร ด้วยการตั้งคำถาม "แฮมเบอร์เกอร์ที่โรงแรมมาร์โคโปโล เรียกว่า อะไรนะครับ ?" หงส์ใช้เวลาคิดสักอึดใจ ก็นึกออกว่าโชเฟอร์กำลังถามถึงเหตุการณ์ไหน เธออมยิ้ม "เรียกว่า ธรรม์ใช้นิ้วกดรีโมทเครื่องเสียงบนแป้นพวงมาลัย บังคับเสียงเพลงให้เบาลง "ชื่อยาวจัง" "เรียกว่ากัวคุยก็ได้ค่ะ สั้น ๆ จะเป็นเนื้อหมูเนื้อวัว หรือ เนื้อไก่ก็ เรียกว่ากัวคุยได้หมด กัวคุยแปลว่า.... แป้งที่ทำเป็นที่ห่อ คุยคำเดียวแปลว่าหมวกที่คนมีตำแหน่งใส่ อย่างข้าราชการจีนสมัยก่อนจะมีหมวกประจำตำแหน่ง เป็นผ้าบ้าง เป็นเหล็กบ้าง พวกนั้นเรียกว่าคุย เวลาเอาแป้งมาทำแบบนี้คล้าย ๆ เบอร์เกอร์ก็เรียกว่ากัวคุยได้หมด" ผู้บริหารหนุ่มแห่งไตรสรณ์มีรอยยิ้มออกมาทันที เมื่อได้ยินสาวข้าง ๆ เริ่มสนทนาด้วยประโยคยาว "โอเค ! กัวคุย แต่ผมกลัวคุณหงส์ไม่คุยมากกว่า" หงส์น้อยหัวเราะ "ก็เพลงเพราะดีค่ะ หงส์ก็กำลังตั้งใจฟังเพลงอยู่ จู่ ๆ ถามเรื่องอาหารที่เฉิงตูขึ้นมาทำไมคะ ? คุณธรรม์หิวแล้วสิ !" "ผมไม่คิดว่าอาหารจีนจะอร่อยแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ผมก็กินอาหารจีนมาตลอด แต่รสชาติที่เฉิงตูมันแปลกกว่าอาหารจีนที่เคยทานที่อื่น หรือว่า คุณหงส์อาจจะเห็นว่าเป็นปกติ เพราะคงทานจนเบื่อไปแล้ว" หงส์สั่นหัว "ไม่ได้ทานแบบนั้นบ่อย ๆ หรอกค่ะ ! กัวคุยแบบนั้นถือว่าอร่อยนะคะ อาหารของเฉิงตูจะเป็นแบบเสฉวน มีรสเผ็ดหน่อย ๆ คนไทยส่วนใหญ่จะคุ้นกับอาหารกวางตุ้งมากกว่า ที่เสิ่นเจิ้นกับฮ่องกง มีแต่คนไทยไปทานอาหารกวางตุ้ง" เขาพยักหน้ารับรู้ "อือ... มีเรื่องนึงผมสับสน เรื่องเกี๊ยวเนี่ย ผมสั่งผิดบ้างถูกบ้าง จนผมสับสนว่าคนจีนเรียกเกี๊ยวว่าอะไรกันแน่ อย่างตอนผมอยู่ที่อังกฤษ เห็นหน้าร้านมีรูปเกี๊ยว ก็สั่งหวั่นตัน เค้าสั่นหัว บอกไม่มี ผมชี้ไปที่รูป เค้าก็พยักหน้าว่ามี แต่เค้าเรียกอีกชื่อนึง แต่ไปบางร้าน สั่งหวั่นตันก็เข้าใจเลย แสดงว่า เค้าใช้ภาษาไม่เหมือนกันเหรอครับ ?" หงส์นึกภาพออกทันที เธอหัวเราะเบา ๆ "เกี๊ยวหวั่นตัน เป็นเกี๊ยวกวางตุ้งค่ะ ! มีแต่คนกวางตุ้งเท่านั้นที่ทำ คนฮ่องกงเป็นคนกวางตุ้ง ทำเกี๊ยวใช้แป้งแบบนั้น คนจีนเรียกเกี๊ยวแบบนั้นว่า หุนทุน เราไม่เรียกว่าเกี๊ยวค่ะ" "หุนทุน ! มันคือหวั่นตันหรือเปล่า ?" เจ้าของภาษายินดีอธิบาย "ค่ะ ! หุนทุนเป็นภาษาจีนกลาง คนกวางตุ้งจะเรียกว่าหวั่นตัน คนจีนในเมืองไทยก็ทำหวั่นตันขายกับบะหมี่ แล้วก็เรียกว่าเกี๊ยวมาตลอด ไม่ได้เรียกว่าหวั่นตัน ซึ่งจริง ๆ เกี๊ยวนั้น คนจีนจะทำแป้งสีขาว ห่ออีกแบบนึง เรียกว่าเจี่ยวจือ ซึ่งที่ญี่ปุ่น ก็ทำเกี๊ยวรูปร่างเหมือนกับคนจีน แต่เอาไปทอด คนไทยรู้จักเกี๊ยวญี่ปุ่น เรียกว่าเกี๊ยวซ่า" ธรรม์พยักหน้าหงึก ๆ "ใช่ ๆ ! ที่ผมเห็นรูปหน้าร้านอาหารจีนในอังกฤษ มันเป็นรูปเกี๊ยวซ่าที่ไม่ได้ทอด แต่พอผมสั่งหวั่นตัน พนักงานบอกว่าไม่มี แสดงว่า ผมต้องเรียกว่า เจี่ยวจือ ถ้าหน้าตามันเป็นยังงั้น ?" "ใช่ค่ะ ! ถ้าหน้าตามันเป็นเกี๊ยวซ่า ต้องเรียกว่า เจี่ยวจือ ไม่ใช่หวั่นตัน จริง ๆ คือ หวั่นตัน นับว่าเป็นเจี่ยวจือชนิดนึง อธิบายไงดี... คือ เจี่ยวจือคือ เกี๊ยวทั้งหมด ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ดัมพลิ่ง ดัมพลิ่งมันก็มีหลายชนิด ใช้แป้งไม่เหมือนกัน ห่อด้วยรูปแบบไม่เหมือนกัน ไส้ข้างในไม่เหมือนกัน ทุกอย่างเรียกโดยรวมว่า เจี่ยวจือได้ แต่เป็นเจี่ยวจือชนิดไหน ต้องแยกอีกที อย่างเช่น ฮะเก๋า ก็ถือว่าเป็นเจี่ยวจือชนิดหนึ่ง แต่ถ้าเจาะจงจะสั่งฮะเก๋า แล้วไปเรียกว่าเจี่ยวจือ จะไม่ได้กินฮะเก๋าแน่ค่ะ จะได้เกี๊ยวซ่าแทน" ธรรม์หัวเราะ "ผมพอเข้าใจแล้วครับ แสดงว่า คนจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ได้กินเกี๊ยวแบบหวั่นตันกันบ่อย ๆ พวกฮะเก๋ายังงี้ ไม่ใช่อาหารปกติของคนจีนแผ่นดินใหญ่ใช่มั้ยครับ ?" "ค่ะ ! คนจีนกินเจี่ยวจือเป็นประจำ จนแทบจะจำไม่ได้ว่า มื้อไหนกินหรือไม่ได้กิน แล้วบางโอกาสเท่านั้น ส่วนฮะเก๋านี่ไม่ต้องพูดเลย ต้องเข้าร้านอาหารฮ่องกงเท่านั้น ปกติร้านอาหารข้างทาง ไม่มีขายหวั่นตันกับ ฮะเก๋าหรอกค่ะ มีแต่เจี่ยวจือ กับเสี่ยวหลงเปา" ธรรม์พยักหน้ารับรู้ เขาถอนหายใจ "คิดถึงที่เฉิงตูเหมือนกัน อาหารอร่อยมาก ใครเป็นคนจองโรงแรมมาร์โคโปโลครับ ? ตอนแรกทางไตรสรณ์มีดีลคอร์ปอเรทอยู่กับโรงแรมรอมบัสแฟนตาเซีย คุณฉายเคยไปพักที่นั่น บอกว่าสุดยอดมาก ระดับห้าดาว แต่พอผมไป ทางซีโอ ฯ กลับเปลี่ยนโรงแรม เข้าใจว่าทางซีโอ ฯ ต้องการเป็นเจ้าภาพรับผม เลยขอรับผิดชอบเรื่องโรงแรมเอง" "แล้วคุณธรรม์ไม่ชอบเหรอคะ โรงแรมมาร์โคโปโล ?" โชเฟอร์หันมาพยักหน้าอย่างแรง "ชอบสิครับ ! สวยมาก !" เลอหงส์มีรอยยิ้มที่มุมปาก "ถ้าชอบ ก็... หงส์เลือกเองค่ะ !" ธรรม์ยกมือขึ้นตีพวงมาลัย "ว่าแล้ว ! ผมเดาอยู่แล้วว่าน่าจะเป็นคุณหงส์ ปกติทางซีโอ ฯ ไม่มีดีลกับมาร์โคโปโล คุณหงส์รู้มั้ยครับ ?" เธอเลิกคิ้ว "เหรอคะ ? หงส์ไม่ทราบหรอกค่ะ !" "ที่ผมรู้เพราะพี่ฉายเล่าให้ฟัง พี่ฉายชอบที่รอมบัส ซีโอ ฯ บอกพี่ฉายว่าทางซีโอ ฯ เฉิงตู ก็มีดีลคอร์ปอเรทต้อนรับระดับผู้บริหารกับโรงแรมสองแห่งเท่านั้น คือ รอมบัส กับ แอสคอตราฟเฟิ่ล ก่อนไป ผมก็เช็คทางอินเตอร์เน็ทว่า ทั้งสองโรงแรมนี้ จัดว่าสี่ห้าดาวพอกัน ถ้าซีโอ ฯ ขอเป็นเจ้าภาพ ถ้าไม่ใช่รอมบัส ก็ต้องแอสคอต ฯ แต่พอเปลี่ยนเป็นมาร์โคโปโล แสดงว่า ไม่ใช่คอปอเรทตัดสินใจแน่ ไปเลือกโรงแรมที่ไม่มีดีล อีกเรื่องนึง คือ คุณหงส์ดูเชี่ยวชาญโรงแรมนี้" หงส์หัวเราะ "เชี่ยวชาญยังไงคะ ?" "วันแรกที่คุณหงส์ไปรับผมที่แอร์พอร์ต ขึ้นรถมาแล้ว ผมก็ปวดฉี่ พอลงจากรถเข้าล็อบบี้ คุณหงส์ชี้ทันทีว่าห้องน้ำชาย อยู่ทางไหน โดยไม่ต้องมองป้ายเลย" หงส์พยักหน้า "เพราะเชี่ยวชาญห้องน้ำนี่เองเหรอคะ ?" เธอพูดแล้วหัวเราะตัวเอง "ไม่แค่นั้น ! วันที่เลือกร้านอาหารในมาร์โคโปโล คุณหงส์สั่งอาหาร แล้วบอกได้ว่าที่นั่นอะไรอร่อยเป็นพิเศษ" เธอนึกตามแล้วก็พยักหน้า "ค่ะ ! อ้อ... อีกเรื่องนึง พอวันที่จะไปเดินช็อปปิ้งที่ตลาด หงส์พาออกประตูหลัง เดินออกซอยเลี้ยวไปเลี้ยวมา เขาพยักหน้าช้า ๆ "ใช่ ! ผมรู้สึกว่าคุณหงส์ชำนาญแถวนั้น แต่เพิ่งมานึกตอนกลับมาเมืองไทยนี่แล้วว่า มันน่าจะเป็นคุณหงส์ ที่เลือกโรงแรมนั้น เพราะตัวคุณหงส์เองสะดวกที่จะเป็นไก๊ด์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของซีโอ ฯ เฉิงตูเป็นคนเลือก เพราะเค้าไม่ได้ต้องมานำผมเดินทาง" หงส์แบมือขวายกขึ้น "งั้นก็ขอทิปแล้วกัน ถ้าถูกใจไก๊ด์" ธรรม์พยักหน้า "เงินเท่าไหร่ก็คงไม่พอทิปไก๊ด์กิตติมศักดิ์แบบคุณหงส์หรอกครับ" "งั้นวันนี้ ก็ถือเป็นทิปให้หงส์แล้วกัน คุณธรรม์อุตส่าห์พาหงส์ไปถ่ายรูปที่อารยเมตตาจิต" "ผมก็ถือโอกาสเที่ยวด้วยเหมือนกัน ไม่เคยไปมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกัน" ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ผู้โดยสารสาวเริ่มเหม่อมองทิวทัศน์ข้างทางไปเรื่อย ๆ หากเธอปล่อยให้ตัวเองชื่นชมกับทัศนียภาพภายนอกรถอยู่ต่อไป ห้องโดยสารคงเงียบไปได้ตลอดทาง หงส์ตัดสินใจที่จะสนทนาต่อ "ครอบครัวแก่งอุดมเป็นศิษย์ของที่นี่ทุกคนหรือเปล่าคะ ?" "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่เคยได้ถามเรื่องนี้ รู้แต่ว่าคุณพีรวิทย์ กับ คุณปัญจะวิทย์ที่มาที่นี่บ่อย คนอื่นไม่รู้เหมือนกัน" "ครอบครัวแก่งอุดมมีสมาชิกทำงานในธุรกิจไตรสรณ์หลายคน ในบอร์ดผู้บริหาร มีคนของแก่งอุดมนั่งอยู่ด้วยหรือเปล่าคะ ?" ธรรม์พยักหน้า "มีครับ ! แต่พูดถึงบอร์ดนี่จะสับสน เพราะธุรกิจไตรสรณ์มีหลายบอร์ด เพราะแยกเป็นหลายธุรกิจ แต่ถ้าพูดถึงบอร์ดใหญ่ของกลุ่ม ก็มีคุณพีรวิทย์ กับ คุณปัญจะวิทย์นั่งอยู่ นั่นเป็นคนของแก่งอุดม ส่วนของไตรสรณ์ก็อามัณ ฯ ความจริงไตรสรณ์กับแก่งอุดมเป็นญาติกันอยู่แล้ว เรื่องนี้คุณหงส์คงรู้อยู่แล้ว" "ค่ะ ! หงส์รู้ค่ะ ! แล้วธุรกิจที่ทำร่วมกับกิจบูรณาล่ะคะ มีบอร์ดเป็นใครบ้าง ?" "บอร์ดที่ร่วมกับกิจบูรณา อามัณจะนั่งเป็นกรรมการ แต่ก่อนโน้นมีคุณพีรวิทย์ด้วย แต่ตอนนี้คุณพีรวิทย์ไม่ได้อยู่บอร์ดนี้แล้ว ให้อามัณเป็นตัวแทน ส่วนของกิจบูรณามีคุณน้อยมานั่งเป็นกรรมการ แต่หุ้นของไตรสรณ์เยอะกว่า อามัณก็จะจัดกรรมการคนอื่นสลับกันไปทำหน้าที่ในบอร์ดนี้ด้วย" "คุณมัณเก่งจังเลย" "ชอบอามัณเหรอครับ ?" หงส์เอียงคอ แล้วก็พยักหน้า "ก็ชอบนะคะ ! เก่ง ฉลาด" ธรรม์หัวเราะ "อามัณก็ชอบคุณหงส์ ?" หงส์เลิกคิ้ว "ชอบหงส์ ? เรื่องอะไรคะ ?" "ตั้งแต่งานวันเกิดคุณย่าเมื่อสองปีที่แล้ว คุณหงส์มาในชุดแดง พูดสามภาษาอย่างคล่อง เธอพยักหน้าช้า ๆ แล้วอมยิ้ม ธรรม์ถามต่อ "ตื่นเต้นมั้ยครับ งานวันนั้น ?" เธอนึกถึงงานวันนั้น ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ งานวันนั้นเป็นแค่งานเลี้ยงงานหนึ่งเท่านั้น "ก็... ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ" ธรรม์นึกถึงบรรยากาศในงานวันคล้ายวันเกิดคุณย่าเฉลาแห่งไตรสรณ์เมื่อสองปีที่แล้ว สาวอายุเพียงยี่สิบกว่าปีที่อยู่ในชุดราตรีสีแดงสด ได้แสดงถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยมโดดเด่นกว่าสาวอื่นใดในงาน เธอไม่ได้มีร่องรอยอาการประหม่าเพียงสักนิด ที่ได้สนทนาสังสรรค์กับผู้คนในแวดวงสังคมระดับนั้น คำว่า 'ไม่ค่อยเท่าไหร่' ที่หลุดจากปากของเธอตอนนี้ ถือว่า เป็นการพูดความจริงจากความรู้สึกแท้ ๆ ของเธอ .... เขามั่นใจอย่างนั้น "มีอะไร ทำให้คุณหงส์ตื่นเต้นได้บ้าง ?" "หือ ! ตื่นเต้นเหรอคะ ? แผ่นดินไหวมั้ง หรือ โคลนถล่มก็น่าจะตื่นเต้นอยู่นะคะ" "ต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ ?" หงส์อมยิ้ม "ตอนเรียนที่มหาลัย' เพื่อนเรียกหงส์ว่า นังหงส์หยิ่ง" "นังหงส์หยิ่ง ! แรงจัง ! ไปทำอะไรเค้ามาเหรอครับ ?" "ก็ไม่ได้ทำอะไรค่ะ ! อาจจะเป็นเพราะหงส์ไม่ค่อยจะตื่นเต้น อินอะไรกับเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไปที่เค้าอินกัน จะรู้สึกเฉย ๆ เค้าก็เลยเรียกว่านังหงส์หยิ่ง เพราะมีเพื่อนอีกคนในรุ่นชื่อหงส์เหมือนกัน แต่คนนั้นเพื่อนเรียกว่าหงส์ไน๊ซ์ ก็กลายเป็นชื่อเล่นที่เพื่อนเรียก เวลาพูดถึงหงส์ จะต้องถามว่า หงส์หยิ่ง หรือ หงส์ไน๊ซ์" ธรรม์พยักหน้า "ก็พอจะเข้าเค้า ดูจากบุคลิก เป็นไปได้เหมือนกัน ถ้าคุณหงส์มั่นใจในตัวเองแบบนี้ คนอื่นก็คงเกรงใจ จริง ๆ ผมถามผิดไป ใช้คำว่าตื่นเต้นไม่น่าจะถูก ต้องถามว่า มีอะไร หรือ ใคร ทำให้คุณหงส์ประหม่าได้บ้างมั้ย ?" คำว่า ประหม่า ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวเธอเมื่อไม่กี่วันมานี้ ความประหม่าที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตทั้งหมด เทียบกับครั้งนี้ไม่ได้เลย เลือดเริ่มฉีดไปทั่วใบหน้าทันทีเมื่อนึกถึง ตามด้วยรอยยิ้มที่ยากจะห้ามได้ "มีใช่มั้ยครับ ? หน้าแดงเลย !" "ก้อ.... คุณธรรม์เล่ามาก่อนสิคะ อะไรทำให้คุณธรรม์ประหม่าได้บ้าง เพราะหงส์ก็คิดว่า คุณธรรม์เป็นผู้บริหารที่เก่งมาก ได้ทำงานในตำแหน่งแบบนี้ น่าจะผ่านอะไรมาจนรู้สึกเฉย ๆ ไปหมดแล้ว" โชเฟอร์พยักหน้า "ได้ ! ผมเล่าได้ ! ....." เขาเริ่มนึกเรื่องที่ต้องการจะเล่า ".... สมัยก่อนที่จะเข้าทำงานกับไตรสรณ์ ผมรู้จักกับอามัณเพราะอามัณเป็นอาสะใภ้ เวลาคุยกับอามัณก็ปกติธรรมดา แต่พอเข้าทำงานที่ไตรสรณ์แล้ว ครั้งแรกที่เข้าห้องประชุม แล้วอามัณนั่งเป็นประธาน ผมรู้สึกประหม่ามาก เวลาอามัณคุยกับคนอื่นในที่ประชุม ความรู้สึกแตกต่างกับอาสะใภ้ที่เคยคุยด้วย อามัณเก่ง จับใจความคำพูดคนได้ดี ตรรกะดีมาก พออามัณหันมาคุยกับผมบ้าง ผมรู้สึกประหม่า รู้สึกว่าเรากำลังคุยกับประธานบริหารของกลุ่มบริษัทไตรสรณ์ คิดแล้วก็ยิ่งประหม่า แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนทุกวันนี้ เวลาต้องนำเสนองานกับบอร์ดใหญ่ที่มีคุณพีรวิทย์ กับ คุณปัญจะวิทย์อยู่ด้วย ผมก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ แต่ก็ไม่ถึงกับมีอาการให้คนอื่นจับได้" หงส์พยักหน้ารับฟัง "คุณพีรวิทย์ กับ คุณปัญจะวิทย์ น่ากลัวกว่าคุณมัณอีกเหรอคะ ?" "ไม่ใช่น่ากลัวแบบว่าเค้าดุ หรือ ไม่มีเหตุผล แต่ สองท่านนี้ พูดน้อย แม้แต่อามัณเอง ก็ยังเกรงใจทั้งสองท่านนี้ ผมเองไม่มีโอกาสได้สังสรรค์แบบเป็นกันเองกับทั้งสองท่านบ่อยครั้ง ไม่เหมือนกับอามัณ เพราะผมเจอกับอามัณแทบจะทุกวัน เวลาทานข้าว หรือ นอกเวลางาน อามัณก็คืออาสะใภ้ผม พอเข้าใจมั้ยครับ ?" "หงส์ไม่เคยทำงานในบริษัทมาก่อน มีหลายอย่างหงส์ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ที่หงส์พอเข้าใจ คือ เวลาคนที่พูดน้อย แล้วเราไม่มีโอกาสอยู่ใกล้เค้า เราก็จะกลัวเค้า อันนี้หงส์เข้าใจ เพราะ เพื่อนหงส์ ก็เห็นหงส์เป็นแบบนั้น" ธรรม์อมยิ้ม ชายตามองหงส์น้อย "คราวนี้ ถึงตาคุณหงส์เล่าบ้าง" เธอสัมผัสได้ถึงความจริงใจในเรื่องที่เขาเพิ่งเล่าเกี่ยวกับตัวเอง เธอเองก็คงจะเล่นบทนิ่งเงียบอีกไม่ได้ "เรื่องที่ทำให้หงส์ประหม่า..... เอ่อ.. อธิบายยังไงดี...." เลือดเริ่มฉีดขึ้นใบหน้าอีกแล้ว สีชมพูเรื่อ ๆ ปรากฏจาง ๆ บนใบหน้า ".... สำหรับหงส์ หงส์จะไม่กลัวคนที่คนอื่นกลัว อย่างเช่น คนมีตำแหน่ง คนมีอำนาจ หงส์จะไม่ประหม่า แต่เพื่อนหงส์หลายคน กลัวที่จะคุยกับอาจารย์ หรือ กลัวที่จะโต้ตอบกับเจ้านาย หงส์ไม่เคยกลัว คนที่หงส์กลัว และ เกรงใจที่สุด มีพี่ชายคนเดียวเท่านั้น แค่สายตาของพี่ชายเวลาดุ หงส์จะกลัวมาก แต่ไม่ใช่ประหม่านะคะ" ธรรม์พยักหน้าเข้าใจ "ครับ ! เคารพพี่ชาย ก็คงเหมือนกับที่ผมก็เกรงใจ เคารพพ่อแม่" "ค่ะ ! เพราะหงส์อยู่เมืองไทย มีพี่ชายคนเดียวเท่านั้น แต่คนที่ทำให้หงส์ประหม่าได้ จะเป็นคนที่หงส์ศรัทธามาก หรือ ชอบมาก ๆ มากกว่า อย่างเช่น หงส์เคยชอบนักร้องไต้หวัน ชื่อ โจวเจี่ยหลุนมาก คุณธรรม์เคยได้ยินชื่อมั้ยคะ คนทั่วไปเรียก เจย์โชว" ธรรม์พยักหน้า "ครับ ! คุ้นชื่อ ผมไม่ค่อยได้ฟังเพลงจีน แต่ชื่อนี้ ผมคุ้น ผู้ชายใช่มั้ยครับ ?" "ค่ะ ! เจย์โชว เก่งมาก ทั้งร้องเพลง ทั้งเล่นเปียโน แต่งเพลง เป็นผู้กำกับหนัง แล้วก็บุคลิกถือว่ามีเสน่ห์ สมมุติว่า ถ้าวันนึง หงส์เกิดได้เจอกับเจย์โชว แล้วเค้าเดินเข้ามาพูดกับหงส์ หงส์คงเขินเหมือนกัน" ธรรม์หัวเราะเบา ๆ "น่าภูมิใจแทนเจย์โชวจริง ๆ ! ได้คุยกับศิลปินที่ตัวเองชอบ แค่เขินเองเหรอครับ ? ถือว่าความรู้สึกยังช้าอยู่นะ ถ้าเจย์โชวขอทานข้าวด้วยล่ะ จะรู้สึกยังไงครับ ?" เธอใช้เวลาคิดเพียงแค่เสี้ยววินาที แล้วตอบ "อันนี้ประหม่าแน่ ๆ ค่ะ ! แต่ก็น่าจะใช้เวลาซักยี่สิบนาที ก็อาจจะปรับตัวได้ มีสติกลับมา" เธอพูดแล้วก็หัวเราะตัวเอง "แน่มาก ! ยี่สิบนาทีปรับตัวได้ ! แล้วเจย์โชว ต้องทำอะไร ถึงทำให้คุณหงส์ประหม่าแบบปรับตัวไม่ทัน ? ร้องเพลงให้ฟังสด ๆ สองต่อสอง หรือ เล่นเปียโนเดี่ยวให้คุณหงส์ฟังต่อหน้า ?" "หัวใจหงส์คงเต้นแบบทะลุหน้าอกออกมาแน่ ถ้า..... หงส์ได้เต้นรำกับคนที่หงส์ชอบขนาดนั้น !" สีชมพูบนใบหน้า เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ "เต้นรำ ! มันเป็นกิจกรรมที่น่าประหม่ามากที่สุดเลยนะ ผมว่า ไม่ว่าผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ถ้าได้เต้นรำ คงประหม่าทั้งคู่" หงส์อมยิ้ม สำหรับเธอแล้ว การได้เต้นรำกับผู้ชายทั้งหมดที่เคยผ่านมาในอดีต เธอไม่เคยมีความประหม่าเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ยกเว้น คืนวันนั้น ที่หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะทะลุหน้าอกออกมาตลอดเวลาของการลีลาศ แล้วจบด้วยความประหม่าสุดบรรยาย ที่ทำให้หัวใจดวงเดิม แทบจะหยุดเต้นไปหลายวินาที มันเป็นความประหม่าที่ เมื่อนึกถึงขึ้นมาเมื่อไหร่ หัวใจก็จะรู้สึกวูบวาบขึ้นมาอย่างรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที มันเป็นความประหม่าที่ในชีวิตนี้ อาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสเป็นครั้งที่สอง สมรรถนะ และ ระบบกันกระเทือนอันยอดเยี่ยมของออดี้ ทำให้รถแล่นด้วยความเร็วสูง โดยยังคงความนิ่มนวลในห้องโดยสารเสมือนกับรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำ แอร์ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติให้ความรู้สึกเย็นสบาย ไม่หนาวไป ไม่ร้อนไป ก็มีแต่ใจของเธอเท่านั้น ที่ยังร้อนวูบวาบเพราะเผลอไปหวนนึกถึงอดีตที่ผ่านมาเมื่อวันวาน "คุณหงส์ !...." ธรรม์หัวเราะเมื่อมองสีหน้าของสาวที่นั่งเบาะหน้าที่เริ่มเหม่อลอย แต่ผิวหน้าแดงระเรื่อไปด้วยเลือดฝาด ".... ผมไม่อยากจะขัดจังหวะจินตนาการของคุณหงส์กับเจย์โชวเลย แต่ขอถามว่า ถ้าเราจะแวะทานข้าวที่ปากช่องจะโอเคมั้ยครับ ? ผมมีร้านรู้จักที่จะพาไป หรือ ถ้ายังไม่หิว ก็ขับต่อไปอีกซักครึ่งชั่วโมงจะมีอีกร้านที่อร่อยเหมือนกัน ?" หงส์กระพริบตา ดึงสติกลับมา "ได้ค่ะ ! ปากช่องก็ได้ !" "ได้ครับ ! เดี๋ยวจะพาไปร้านบ้านไม้ชายน้ำ ติดลำธาร บรรยากาศดี มองหน้าผมก็จินตนาการว่ากำลังทานอยู่กับเจย์โชวละกันครับ" หงส์หัวเราะ เธอพยักหน้า "ค่ะ ! ทานกับผู้บริหารของไตรสรณ์ ก็ประหม่าไปอีกแบบได้เหมือนกันค่ะ" *************************************************************************************** ออดี้สีขาว ออกตัวจากลานจอดรถร้านอาหาร บ้านไม้ชายน้ำ ที่ปากช่อง มุ่งหน้าสู่โคราช "ร้านนี้ ผ่านมั้ยครับ ?" โชเฟอร์ถามขึ้น หงส์พยักหน้า "ผ่านค่ะ ! หงส์ถ่ายไปไม่ต่ำกว่าสามสิบรูป ไว้เลือกแล้วจะส่งให้นะคะ" "รอชมเลยครับ ! เก็บเมโมรี่ไว้กดที่อารยะเมตตาจิตด้วยนะครับ เค้าบอกว่าที่นั่นสวย ธรรมชาติ" "ค่ะ ! ยังมีสเปซในการ์ดเยอะค่ะ ! แล้ว.... วันนี้เราจะเจอคุณพีรวิทย์ด้วยใช่มั้ยคะ ?" "ครับ ! วันนี้คุณพีรวิทย์ไปที่นั่นอยู่แล้ว จะรอต้อนรับเราด้วย" "งั้น วันนี้คุณธรรม์ก็มีโอกาสสนทนากับคุณพีรวิทย์แบบเป็นกันเองแล้วสิคะ อย่างนี้จะเกร็งมั้ยคะ ?" เขาหันหน้ามามอง แล้วหัวเราะหึ ๆ "เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เอง จากปากช่องไปที่อารยเมตตาจิต ประมาณหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณ" หงส์พยักหน้ารับรู้ โชเฟอร์กดรีโมทบนแป้นพวงมาลัย เสียงเพลงจากลำโพงดังขึ้น เธอกำลังนึกขอบคุณนักสืบประยงค์ ไม่ว่าความอยากรู้อยากสืบของเธอจะประสบความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน เธอก็รู้สึกสำนึกบุญคุณของนักสืบอาวุโสผู้นี้ อาการเจ็บป่วยของเขา ทำให้เธอเป็นกังวลใจอยู่ไม่น้อย เลอหงส์ใช้ช่วงที่ไร้การสนทนาภายในห้องโดยสาร คิดถึงวิธีการพูดคุยกับคุณพีรวิทย์ เพื่อจะโยงความเกี่ยวพันเข้ากับตัวนายพงษ์พัฒน์ให้ได้ หลักกิโลเมตรผ่านตาไป หลักแล้ว หลักเล่า .... เธอพบว่า มันไม่ง่ายเลย ที่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่มีประสบการณ์ทางด้านการสืบสวน จะมีไหวพริบสามารถชวนคนในระดับคุณพีรวิทย์ สนทนา โยงเรื่องเข้าหาสิ่งที่ตนเองต้องการได้ สายลับมืออาชีพ คงต้องมีความชำนาญอย่างเชี่ยวกราก จึงจะทำการสนทนาเชิงสืบสวนได้ด้วยปฏิภาณ "คิดอะไรอยู่เหรอครับ ? คิดดังจัง !" "หือ ! ได้ยินเสียงความคิดของหงส์ด้วยเหรอคะ ?" "ความคิดน่ะไม่ได้ยินหรอกครับ แต่เสียงถอนหายใจฟืด ๆ นี่ ได้ยินครับ" หงส์หัวเราะเบา ๆ "คุณธรรม์เปิดเพลงเบาไปนี่ค่ะ เปิดดังกว่านี้สิ !" โชเฟอร์ชี้มือไปข้างหน้า "ไม่ทันฟังเพลงแล้วครับ เพราะจะถึงแล้ว เห็นป้ายข้างหน้ามั้ยครับ ?" ป้ายข้างทางบอกชื่อสถานที่ "สถานปฏิบัติธรรมอารยะเมตตาจิต" พร้อมลูกศรชี้ตรงไปข้างหน้า รถยนต์วิ่งเลียบกำแพงรั้วสีขาวเป็นระยะทางประมาณสองร้อยเมตร ข้างหน้าคือประตูทางเข้ามีป้ายบอกชื่อสถานที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมถนน ออดี้สีขาว เลี้ยวเข้าประตูใหญ่ "คุณพีรวิทย์บอกว่าให้ไปเจอกันที่อาคารทิวาทิพย์ อาคารสีขาว แล้วโทรหา น่าจะเป็นอาคารนั้น" เขาชี้มือไปที่อาคารสองชั้นสีขาวที่ตั้งอยู่ด้านขวาของถนน แล้วบังคับรถให้เลี้ยวเข้าลานจอดรถ ที่ลานจอดมีรถยนต์จอดอยู่ห้าหกคัน มอเตอร์ไซค์อีกสามสี่คัน สองอาคันตุกะเดินลงจากรถ หงส์มองเข้าไปในตัวอาคาร มีผู้คนประปรายเดินอยู่ "อาคารนี้คงเป็นคล้าย ๆ กับอาคารรับรองแขกมั้งคะ ?" ธรรม์พยักหน้า "น่าจะเป็นยังงั้น เราเดินเข้าไปข้างในดีกว่า" ทั้งสองคนก้าวเท้าขึ้นบันไดตัวอาคาร หงส์หยุดยืนมองห้องโถง "คราวนี้หงส์เป็นฝ่ายถามไก๊ด์บ้าง ห้องน้ำอยู่ไหนคะ ?" ธรรม์หัวเราะ เขามองไกลไปยังสุดทางเดินของโถง เห็นป้ายสัญลักษณ์ห้องน้ำห้อยอยู่บนเพดาน "โน่นครับ ! ห้องน้ำหญิงอยู่นั่น !" หงส์หัวเราะ "คุณธรรม์ก็เชี่ยวชาญห้องน้ำที่นี่เหมือนกัน ท่าทางคงจะมาบ่อย" เธอหยอกเล่น "หงส์ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ" "ผมรอตรงนี้ เดี๋ยวผมโทรหาคุณพีรวิทย์ก่อน ตามสบายครับ !" พื้นของอาคารทิวาทิพย์ปูด้วยหินอ่อนสลับลายสีอ่อน ดูสวยงามสะอาดตา พัดลมติดเพดานที่มีอยู่เป็นจุด ๆ พัดให้ความเย็นสบายกับโถงนี้ อาคารนี้ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ให้ความรู้สึกที่ร่มรื่น มีมุมให้เล่นกล้องได้เยอะแยะมากมาย หากวันนี้ ไม่ได้อะไรดั่งที่คาดคิดไว้กลับไป อย่างน้อย ก็ได้รูปสวย ๆ ไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ป้ายห้องน้ำหญิงบนเพดานชี้ไปทางด้านขวา เธอมองไปที่ทางแยกขวามือ สุดทางเดินนี้ คือ ห้องน้ำ ขณะที่เดินพ้นมุมกำแพง หญิงสาวที่เดินสวนมา รี่ตรงเข้ามาจับข้อศอกของเธอ "น้องหงส์ !" เลอหงส์ผงะทันที เธอจ้องหน้าสาวผู้นั้น แล้วอุทานด้วยความประหลาดใจ "อ้าว ! พี่ทอม ! พี่มาที่นี่ได้ยังไง ?" __________________________________________________________________________________________ โดย วีรยาติ อ่าน เกร็ด เบื้องหลังตอนนี้ กดที่นี่ กลับขึ้นด้านบน ท่านที่ต้องการอ่านตอนต่อไป ขอเชิญแสดงความคิดเห็น อภิญญาฆราวาส ตอน 24 โดยการตอบคำถาม "ท่านชอบเกี๊ยวชนิดไหน มากกว่ากัน ระหว่าง เจี่ยวจือ (เกี๊ยวซ่า) และ หวั่นตัน ?" โพสต์คำตอบของท่านในเว็บบอร์ด กดที่นี่ แล้ว ระบบจะส่งอภิญญาฆราวาสตอนต่อไปให้ท่านอ่านก่อนสาธารณะ สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่ |
|||||||
|
|||||||
![]() |
|||||||
![]() |