ตอน 61 หน้า 2/5

ลาก่อน

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

แปดโมงกว่า...ฮอนด้าซิตี้สีแดง วิ่งเข้าลานจอดรถพนักงาน บางกอกซีดาร์ฟันปาร์ค

รถหยุดสนิท... โชเฟอร์สาวบิดกุญแจรถดับเครื่อง แล้วหันมาเรียกผู้โดยสารที่นั่งคู่กันที่เบาะหน้า

"เฮ่ย..! ไอ้บ้านี่ ! ไม่ทันไร แกย่องไปคุยกับพระอินทร์อีกแล้ว ตื่น !"

ศิษย์พระอินทร์ค่อย ๆ ลืมตา แล้วพูดพึมพำ

"อือ...! ถึงแล้วเหรอ ? ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่าได้นอนในรถแก ตอนแกไปเยอรมัน ทิ้งรถไว้ให้ชั้นนอนเล่นก็ดีนะ"

ทอมหันหน้ามาถาม

"แกจะใช้รถจริงหรือเปล่า ? ชั้นทิ้งให้แกใช้ได้เลย แกเก็บกุญแจสำรองไว้ จะใช้เมื่อไหร่ก็เอาไปใช้ เดี๋ยวชั้นบอกแม่ไว้ให้ ไม่งั้น ไม่อยู่สองปี รถคันนี้ไม่มีใครดูแล"

เพื่อนขี้เซาอมยิ้ม

"ใจกว้างดั่งทะเล น่ารักสุด ๆ เลย ขอหอมแก้มที"

โชเฟอร์หัวเราะหึ ๆ

"ตกลงจะเอาไว้ใช้จริง ๆ ใช่หรือเปล่า ?"

รุ่งกลับสั่นหัว

"ม่ายอะ ! เป็นภาระเลย รายได้ก็ไม่มี ดันต้องมาดูแลรถคนอื่น"

ทอมพยักหน้า

"อือ ! แต่ถ้าแกมีความจำเป็น ก็มาเอารถที่บ้านชั้นได้"

"เออ... ! ถ้าจนตรอกจริง ๆ ชั้นจะขับไปให้ที่เต็นท์ตีราคา"

เจ้าของรถหัวเราะ

"ชั้นกลับมา แกเอาเบนซ์มาคืนแทนละกัน"

"ตอนแกกลับมา คงพกผัวเยอรมันขับบีเอ็มกลับมาด้วยแล้วมั้ง"

ทอมเปิดประตูรถ

"หาผัวได้ง่ายขนาดนั้น ก็ดีซีวะ"

สองสหายก้าวลงจากรถ

รุ่งลงมายืนบิดขี้เกียจคลายความง่วงจากการตื่นเช้าตรู่ ตามองไปที่รางของรถไฟเหาะ กลิ่นอายของสวนสนุกทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา

Roller Coaster

"ถ้าได้ทำงานที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะ อยากรู้จังว่ะ คนที่ทำงานในดิสนีย์แลนด์เค้าจะมีความสุข สนุกทุกวันหรือเปล่านะ"

"แกพูดสองครั้งแล้ว อยากทำงานที่นี่จริง ๆ เหรอ ?"

เพื่อนขมวดคิ้ว

"อะไร ? ชั้นเคยพูดแล้วเหรอ ว่าอยากทำงานที่นี่ ?"

"เคยแล้ว ! ก็ตอนที่มาส่งแกที่นี่ วันที่แกเดี้ยงไง ! แกบอกเห็นบรรยากาศแกก็อยากมาทำแล้ว แกอยากมาใส่ชุดคอสตูมไง"

รุ่งนึกขึ้นได้ เขาหัวเราะ

"เฮ่ย... ! ไม่ใช่ จำได้แล้ว ชั้นบอกว่า ทำอะไรก็ทำได้ แต่อย่าให้ใส่ชุดคอสตูม ร้อนตายห่าแน่"

สองสหายเดินผ่านประตูรั้วด้านหลังของสวนสนุก เข้ามาในเขตพื้นที่โรงซ่อมอุปกรณ์

ถัดจากโรงซ่อมอุปกรณ์ เป็นพงหญ้า ซึ่งติดกับด้านหลังของเรือนไม้

ทอมกับรุ่ง เดินเลียบพงหญ้าที่สูงเกือบท่วมหัว จนมาถึงเรือนไม้

พนักงานหนุ่มคนหนึ่งของบางกอกซีดาร์ฟันปาร์คในชุดเสื้อยืดสีเทา กางเกงสามส่วนสีน้ำตาล ยืนโค้งหัวให้สองสหาย แล้วผายมือ

"มางานเปิดตัวสถาบัน เชิญที่ห้องกรรมฐานใหญ่ได้เลยครับ"

สองสหายส่งยิ้ม แล้วเดินขึ้นบันไดมาบนเรือน เดินตรงเข้าประตู

ห้องกรรมฐานใหญ่......

เครื่องปรับอากาศทุกตัว ถูกเปิดใช้งาน รุ่งกับทอม รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่ออกมาจากห้องเพียงแค่ได้ยืนอยู่ที่หน้าห้องเท่านั้น

ประตูห้องถูกเปิดไว้... ข้างในห้อง มีผู้คนยืนคุยกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ รวมแล้วประมาณสามสิบกว่าคน

สองสหายก้าวเข้ามาในห้อง

ใบหน้าแรกที่รุ่งพาสายตาไปพัก ทำให้ความหลังคุกรุ่นขึ้นมารบกวนจิตใจ

ใบหน้าของสาววัยสี่สิบกว่าปี อยู่ในชุดเสื้อยืดคอปกสีขาว กางเกงสแล็คสีน้ำเงิน กำลังยืนสนทนาอยู่ในกลุ่ม

รุ่งยืนหยุดชะงัก สายตาจ้องไปที่เป้าหมาย.... อดีตคุณครูชั้นมัธยมที่เขาจะไม่มีวันลืมเลือน !

เพื่อนสาวมองหน้า

"เป็นอะไร ? แกเห็นผีหรือไง ?"

"เค้ามาในงานนี้ได้ยังไง ?"

รุ่งพึมพำเบา ๆ แล้วเดินหันหลังกลับออกจากห้อง

ทอมมีสีหน้างุนงง ต้องเดินตามเพื่อนออกมา

รุ่งเดินออกมาถึงชานด้านนอก สีหน้าแสดงอารมณ์ของคนที่กำลังครุ่นคิด แล้วควักโทรศัพท์มือถือขึ้น โทรหาเพื่อนซี้

เพื่อนปลายทางรับสาย

"ว่าไง รุ่ง !"

"วิทย์... กูเจอครูยาใจ"

เสียงปลายทางตอบกลับทันที

"ชิบหาย !"

"อือ.. สงสัยจะชิบหายจริง ๆ"

"มึงไปเจอเค้าที่ไหน ?"

"กูอยู่ที่เรือนไม้ในฟันปาร์ค วันนี้มางานเปิดสถาบันที่นี่ กูเดินเข้าห้องไป เห็นครูยาใจกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ เลยเดินออกมา"

"เค้ายังไม่เห็นมึงเหรอ ?"

"อือ... ยัง"

"ยังก็ดีแล้ว รีบกลับมาเลย อย่าไปมีเรื่องอีก ต่างคนต่างอยู่"

รุ่งถอนหายใจยาว

"กูกลับไม่ได้อ่ะดิ ! งานนี้กูต้องอยู่ แต่ถ้าเดินกลับเข้าไป ยังไง ๆ ก็ต้องเจอกันแน่ ในห้องมีคนไม่ถึงร้อยคนเอง ยังไงก็ต้องเห็นกันจนได้ แม่งเอ๊ย ! ทำไมต้องมาเจอกันวันนี้ด้วยวะ ?"

วิทย์หัวเราะเบา ๆ

"เหอ ๆๆ โลกมันกลม เรื่องมันผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว มึงก็ลืม ๆ ไปซะ ปกติหน้าด้านไม่กลัวใครอยู่แล้วนี่หว่า"

"มึงว่าครูยาใจเค้าจะลืมแล้วเหรอ ?"

"เปล่า ! กูบอกให้มึงลืม ส่วนครูยาใจ เค้าคงไม่ลืมหรอก ชาตินี้ เค้าไม่มีทางลืมมึงได้หรอกได้เจอนักเรียนอย่างมึงเพียงคนเดียว เค้าก็ต้องรู้สึกเสียใจที่มาเป็นครู"

"มึงปลอบใจกูได้ดีมากเลย"

เขาสูดหายใจยาว ๆ อีกครั้ง แล้วพูดต่อ

"แต่ช่างแม่งเหอะ ! ถ้ารื้อฟื้นเรื่องนั้นมาอีก กูก็ยืนยันเหมือนเดิม กูไม่เคยกลัวใคร แต่งานนี้ กูเกรงใจครอบครัวกิจบูรณา ไม่อยากทำให้งานเค้าต้องเสีย"

วิทย์หัวเราะต่อ

"เหอ ๆๆๆ มึงน่ะ ตอนสมัยมัธยม มึงเหมือนใครรู้มั้ย ?"

"เหมือนใคร ?"

"เหมือนไอ้จ๊อด น้องบ้านโน้นของมึงไง ! แต่ตอนนี้มึงโตขึ้นแล้ว ถ้าครูยาใจเค้ามารู้จักมึงตอนนี้..."

"เค้าคงเข้าใจกูเหรอ ?"

"เปล่า ! มึงเปลี่ยนไป แต่กูว่าครูยาใจเค้าไม่เปลี่ยน ชาตินี้เค้าคงเกลียดมึงที่สุดในชีวิต"

รุ่งส่งคำด่าเข้าเต็มหูนายซ่ง

"อ้ายเหี้ยซ่ง ! มึงจะพูดมาทำไมวะ ? ย้ำลงที่เดิม สุดท้ายคือ ยังไงเค้าก็เกลียดกูอยู่ดี"

นายซ่งเริ่มเปลี่ยนมาเป็นน้ำเสียงที่จริงจัง

"สังคมไทยน่ะ ยังไง นักเรียน ก็ต้องเคารพคุณครู สิ่งที่มึงทำน่ะ สังคมไทยรับไม่ได้หรอก ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นมายังไงก็ตาม มึงก็เป็นฝ่ายผิด"

รุ่งพยักหน้า

"อือ... ! กูก็เป็นคนยุติธรรมเหมือนกัน ถ้าเค้ายอมรับว่าเค้าก็ผิด กูก็จะยอมรับว่ากูผิดด้วย ถ้าจะให้กูขอโทษ กูขอโทษได้ แต่กูไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ได้ทำ ตอนนี้มานึกถึงเหตุการณ์นั้น กูก็ไม่เสียใจในสิ่งที่กูทำ"

"กูเลิกเถียงกับมึงเรื่องนี้มานานแล้ว อย่ามาเถียงกันอีกเลย เดี๋ยวจะเสียเพื่อนเปล่า ๆ ถ้ามึงยังมีความคิดอย่างนั้นอยู่ ก็เก็บไว้ในใจ อย่าพูดออกมา เพราะไม่มีใครยอมรับมึงได้"

"แม้แต่มึงเหรอ ไอ้วิทย์ ?"

"มึงจะถามทำไม ? กูเป็นเพื่อนมึง กูยอมรับมึงได้ในฐานะเพื่อน แต่สังคมมันก็ต้องเป็นสังคม มึงนี่เป็นเหมือนที่ไอ้ทอมมันเคยบอก เวลามึงจะขวางโลกนี่ มึงไม่แคร์ใครเลย มึงเล่าเรื่องนี้ให้ไอ้ทอมฟัง ดูซิว่ามันจะรับมึงได้มั้ย ?"

รุ่งเหลือบตามองสหายสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

"เออ...! เดี๋ยวกูจัดการของกูเอง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลูกผู้ชาย ผิดก็ว่าผิด แต่ไม่เสียใจ จะให้บอกว่าเสียใจ มันโกหกไม่ได้เว่ย ! แค่นี้ก่อนแล้วกัน"

รุ่งกดวางสาย พยักหน้าให้เพื่อนสาว แล้วเดินตรงกลับไปยังประตูห้องกรรมฐาน

ทอมสั่นหัว แล้วรีบสาวเท้าตาม รู้สึกสับสน และ ฉงนในพฤติกรรมของเพื่อน

สองสหาย เดินเข้าห้องกรรมฐานอีกครั้ง

พจน์เดินแหวกกลุ่มคนที่กำลังยืนสนทนากัน ตรงรี่เข้ามาหารุ่ง

รุ่งยกมือทัก

"พจน์ !"

หนุ่มกิจบูรณาส่งยิ้มให้แขกทั้งสอง

"รุ่ง ทอม ! เข้ามาเลย ! มาดูประวัติพระเจ้าพรหมมหาราช เพิ่งเสร็จเมื่อวานนี้เอง"

รุ่งมองเห็นกลุ่มคนกำลังยืนโบกมืออยู่ที่ผนังอีกด้านของห้อง

อาน้อย แพท แพม ยืนอยู่กับคุณหญิงเจน

รุ่งพยักหน้าให้ทอม แล้วเดินตรงไปหาครอบครัวกิจบูรณา

ผนังห้องฝั่งนี้ มีพระพุทธรูปปางสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐมสีทองขนาดสี่ศอกตั้งสง่าเป็นประธาน ไฟฮาโลเจนสองดวงฉายส่องจากเพดานลงมากระทบเม็ดแก้วคริสตัลที่ประดับบนพระพุทธรูปเป็นประกายแวววาว

ทอมเพ่งมองไปที่พระพุทธรูปยืนองค์ดำที่ตั้งอยู่ด้านขวาของพระประธาน เธอมั่นใจว่านี่คือรูปหล่อของพระร่วง

หญิงสูงอายุผมขาวโพลนในชุดผ้าไหมสีเหลืองอ่อนยืนยิ้มรอต้อนรับแขกหนุ่มคนสำคัญ

รุ่งกับทอมยกมือไหว้ คุณหญิงเจน

อาน้อยเรียกสมาชิกครอบครัวเดินมารวมกัน

คุณหญิงเดินเข้าไปจับมือของทอม

"ฐิติชญา ! ยายจำชื่อเราได้นะ ผิวเราเป็นสีนวลจริง ๆ เห็นพระร่วงหรือยัง ประเดี๋ยวเข้าไปกราบท่านซะนะ"

ทอมพยักหน้า เธอประหลาดใจที่หญิงอาวุโสท่านนี้ มีความจำที่ดีเลิศ

คุณหญิงหันไปหารุ่ง

"รุ่งด้วยนะ เดี๋ยวกราบพระก่อนนะ แล้วกราบพระร่วงด้วย กราบแล้วก็นึกถึงพระคุณของท่านนะ รุ่งต้องมีคุณสมบัติเหมือนท่าน ไม่อย่างนั้นคุณทวดคงไม่ตั้งชื่อเราว่ารุ่งโรจน์หรอก"

ทอมถามขึ้น

"คุณสมบัติของพระร่วงคืออะไรคะ ?"

คุณหญิงตอบ

"วาจาศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็ เรืองด้วยฤทธิ์"

ทอมหันมามองหน้าเพื่อน

"ถ้าแกวาจาศักดิ์สิทธิ์ แย่แน่ เพราะแกชอบปากหมา"

คำพูดของทอมทำให้คนรอบข้างหัวเราะ

รุ่งพยักเพยิดหน้ายักคิ้ว เป็นสัญญาณให้ทอมไปกราบพระพร้อมกับเขาด้วยกัน

สองสหายเดินมาคุกเข่าลงที่หน้าพระพุทธรูปองค์ปฐม ใต้ฐานของพระพุทธรูป มีคำขอขมาพระรัตนตรัยติดไว้ให้อ่าน

ทั้งสองคนอ่านตามในใจ แล้วก้มลงกราบสามครั้ง

หลังจากกราบพระประธานแล้ว ทั้งคู่เขยิบตัวไปข้าง ๆ เพื่อกราบรูปหล่อของพระร่วง

ถัดไปเป็นรูปหล่อพระเจ้าพรหมมหาราช ผนังด้านหลัง มีประวัติพระเจ้าพรหมมหาราชถูกพิมพ์ด้วยตัวอักษรลายไทยบนกระดาษมัน

ทั้งสองคนก้มลงกราบพร้อมกัน

เมื่อสองสหายลุกขึ้นยืน ครอบครัวกิจบูรณาทั้งหมด ก็เดินเข้าไปรุมล้อม

พจน์เป็นคนแนะนำแต่ละคน

คุณวิบูลย์ และ ภรรยา.... ทั้งสองเป็นพ่อ และ แม่ ของพจน์, คุณป้อม...ภรรยาอาน้อย, แล้วหลังจากนั้น สมาชิกอีกสิบกว่าคนก็ได้ถูกแนะนำให้สองสหายรู้จัก

รุ่งยังจำได้ ครั้งหนึ่ง คุณย่าเคยเล่าให้ฟังว่า กิจบูรณามีทายาทมากมาย วันนี้ได้มีโอกาสมารู้จักคนเหล่านี้จริง ๆ เขาไม่สามารถจำชื่อและลำดับญาติได้หมดว่าใครเป็นอะไรกับใคร

เขารู้สึกแปลกใจ แทนที่พจน์จะพาเขา ในฐานะแขกผู้ด้อยอาวุโส ไปแนะนำให้กับคนในครอบครัว แต่พจน์กลับพาญาติทั้งหมด ที่ส่วนใหญ่ก็อาวุโสกว่าเขา มาแนะนำให้เขารู้จักแทน

คนสุดท้ายที่พจน์แนะนำ คือ วลีพร เป็นสาวรุ่นเดียวกับรุ่ง รูปร่างท้วมผิวขาว อยู่ในชุดเสื้อยืดพนักงานฟันปาร์คสีส้ม

แพทเดินเข้ามาแซว

"พี่รุ่ง หมีพะโล้ตัวนี้ เกือบจะได้เป็นคู่หมั้นพี่รุ่งแล้ว"

หมีพะโล้มองหน้าแพท แล้วชี้มือ

"นายแพท เงียบไปเลย เดี๋ยวชั้นจะกระโดดทับแก"

รุ่งกับทอมหัวเราะ

รุ่งมองหน้าแพท

"ทำไมถึงเป็นคู่หมั้นล่ะ ?"

พจน์พูดขึ้น

"โห ! เรื่องมันตั้งนานมาแล้ว ป่านนี้เค้าล้มเลิกกันหมดแล้ว พอเค้าเห็นว่า ลีโตแล้วกลายเป็นหมู เค้าก็สงสารรุ่ง ต้องมาหมั้นกับหมู จะกลายเป็นเรื่องร้าวฉานระหว่างครอบครัวซะเปล่า ๆ"

แพทหัวเราะลั่นกับคำพูดของพี่ชาย

วลีพร... เจ้าของร่างกายที่ท้วมอวบกลับหัวเราะไปด้วย

แพมเดินเข้ามาข้างหลังวลีพร แล้วเอื้อมแขนมาคล้องคอเธอไว้

"ถ้าไม่ใช่ลี ก็พี่แทน หนึ่งในลูกสาวที่อายุใกล้กับรุ่ง ลีอายุน้อยกว่ารุ่งปีนึง พี่อายุมากกว่ารุ่งสองปี "

แพมอยู่ในชุดเสื้อยืดคอปกสีขาว กางเกงแสล็คสีเทา ผิวที่เนียนดุจดั่งผู้ดีทำให้พี่สาวของพจน์คนนี้ ดูสวยเสมอ ไม่ว่าอยู่ในชุดไหน

รุ่งมองหน้าแพม แล้วมีสีหน้างุนงง

"ผม จะต้องหมั้นกับลี หรือ พี่แพม จริงดิ ? ทำไมล่ะ ?"

แพมยื่นหน้ามาถาม

"ทำไมต้องถาม ? หมั้นกับพี่ไม่ดีเหรอ ? หรือว่าพี่ไม่สวย ?"

รุ่งรู้สึกเขินทันที

"สวยดิ ! ถ้าได้หมั้นกับพี่แพม คงได้ปีนต้นไม้เล่นกันทั้งวัน"

ทอมพูดขึ้น

"เห็นพี่แพมตอนกลางวัน ยิ่งสวยกว่าตอนกลางคืนอีก ดูสดใสมากเลยค่ะ"

สาวร่างอวบพูดขึ้น

"ถ้าพี่รุ่งสงสัยไว้ค่อยถามผู้ใหญ่ สมัยก่อนเค้าคุยกัน แต่ไม่ได้ซีเรียสอะไร ตอนนี้คงยกเลิกไปแล้ว ลีอุตส่าห์ทำน้ำหนักรอพี่รุ่งเลยนะเนี่ย"

เธอพูดแล้วหัวเราะอารมณ์ดี

แพมเดินมาจูงมือทอม

"ทอม พี่มีอะไรจะให้ดู"

สองสาวเดินเลี่ยงออกจากกลุ่มไปคุยกันสองคน

วิบูลย์...ลูกชายคนโตวัยห้าสิบกว่าปีของคุณหญิงเจน รูปร่างผอมเกร็ง แต่หน้าตายิ้มแย้ม เดินเข้ามาคุยกับรุ่ง

"งานวันเกิดคุณย่า อาไม่ได้เจอกับรุ่ง เห็นแต่ตอนรุ่งขึ้นเวที"

"ครับ ผมก็ไม่ค่อยรู้จักใครในงานเหมือนกัน พอดีเดินเจอพจน์ แพท พี่แพม ยังจำกันได้ ไม่งั้นผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพิ่งมารู้ในงาน"

วิบูลย์หัวเราะเบา ๆ

"เหรอ ? อาน่ะเห็นรุ่งตั้งแต่ยังคลานอยู่ สมัยตอนเราเรียนประถม แล้วคุณพ่อพาไปที่ห้องซ้อมดนตรี เรายังจำได้มั้ย ?"

รุ่งพอนึกภาพออกลาง ๆ ความหลังสมัยเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว

"จำได้นิดหน่อยครับ คุณอาเล่นดนตรีกับคุณพ่อด้วยเหรอครับ ?"

"เล่นสิ อาน่ะ มือคีย์บอร์ดเลย ตั้งแต่ชื่อวงยังเป็นเออร์เบินบอย จนเปลี่ยนมาเป็นอาร์เอ็มเอ อาก็อยู่มาตลอด"

ภาพในความทรงจำของมือคีย์บอร์ดผมยาวประบ่า ผุดขึ้นมาในความนึกคิด

"อาวิบูลย์เล่นคีย์บอร์ด ! ตอนนั้นอาไว้ผมยาวเหรอ ?"

"ใช่ ๆ ยังจำได้ใช่มั้ย ?"

"จำได้ครับ ชื่อวงอาร์เอ็มเอด้วยเหรอครับ ? อาร์เอ็มเอ ย่อมาจากอะไรครับ ?"

"ย่อมาจาก เรดมูนแองเจิ้ล ชื่อนี้พี่วีระเป็นคนตั้ง ตอนนั้นก็ทำเสื้อยืดออกมา ไปให้เค้าทำสกรีนตัวอาร์เอ็มเอ ใส่กันทั้งวง"

"ครับ ๆ ผมยังจำได้ว่าพ่อมีเสื้อยืดอาร์เอ็มเอ"

เรดมูนแองเจิ้ล !... ที่แท้ตัวอักษร อาร์ เอ็ม เอ ย่อมาจากคำนี้เองหรือ ?

"อาวิบูลย์ครับ ชื่อเร้ดมูนแองเจิ้ลนี่พ่อตั้งมาจากอะไรครับ ?"

อดีตมือคีย์บอร์ดตอบทันที

"เทวดาบอกมา ฮ่า ๆๆๆ"

คุณอาหัวเราะเสียงดัง

รุ่งทวนคำ

"เทวดาบอกมา !"

"พี่วีระนั่งสมาธิ แล้วก็ได้ชื่อนี้มา พวกเราที่เหลือก็ไม่มีปัญหา ชื่อมันก็เท่ดี"

เรดมูนแองเจิ้ล... นางฟ้า พระจันทร์แดง ! เป็นชื่อที่แปลก แต่ก็ดูลึกลับน่าค้นหา

คุณอาชี้มือไปข้างหลังรุ่ง

"โน่นไง ! มือกีตาร์ในวงเดินมาโน่นแล้ว"

รุ่งหันหลังไป

"อังเคิ่ล ร็อบ ! อ้อ ! คนนี้ผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นมือกีต้าร์ของวง"

ฝรั่งผมขาวรูปร่างสูงใหญ่ อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ เดินตรงเข้ามาหาทั้งสองคน

รุ่งอ้าแขนต้อนรับ

"Uncle Rob ! Morning ! Good to see you again !"

ร็อบอ้าแขนตรงเข้ากอดหลานชาย

"Morning !"

สองอาหลานเริ่มสนทนาไต่ถามเรื่องราวข่าวคราวในช่วงที่ห่างหายกันไป

*************************************************************************************************

1 <อ่านหน้า> 3 , 4, 5
นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก เปิดให้จองแล้ว กดที่นี่