ตอน 61 (หน้า5/5)

ลาก่อน

สนามบินสุวรรณภูมิถูกจัดว่าเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สามารถรองรับเที่ยวบินได้ถึง 76 เที่ยวบินต่อชั่วโมง

อาคารผู้โดยสารเดี่ยวที่มีขนาดห้าแสนกว่าตารางเมตร...ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก

ชั้นสี่ของอาคารผู้โดยสาร เป็นส่วนของผู้โดยสารขาออก ผู้คนมากมายทั้งชาวไทย และ ต่างประเทศ เริ่มคราคร่ำมาใช้บริการตั้งแต่ตอนสาย

เที่ยวบิน LH9719 กรุงเทพ ฯ - แฟรงค์เฟิร์ต มีกำหนดเวลาขึ้นเครื่อง 1245 น.

ฐิติชญาอยู่ในชุดเสื้อยืดคอปกสีเขียว สวมเสื้อคลุมแจ็คแก็ตสีน้ำตาลเข้ม ใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินซีดขาบานตัวเก่ง รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล กำลังยืนอยู่กับนิมิต เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่จะเดินทางไปประเทศเยอรมันด้วยกัน

"ญา ผมได้เจอกับหัวหน้าเซคชั่นเราแล้วนะ ทริปนี้ตกลงมีกันสามคน โธมัสจะไปรับเราที่แฟรงค์เฟิร์ต"

"เหรอคะ ? คุณพิจิตรเหรอคะ ? รู้จักแต่ชื่อ ตอนแรกบอกว่าจะตามไปอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอคะ ?"

นิมิตพยักหน้า

"เอ็นดีที ฯ ทำเรื่องเอกสารได้ทัน ก็เลยจัดให้ไปพร้อมกัน พี่จิตรเป็นรุ่นพี่ผมสี่ปี อายุสามสิบสอง ท่าทางเก่ง แกทำงานทางด้านเทเลคอมมาก่อน วันที่แกแวะมาเซ็นสัญญาที่ออฟฟิศ ก็นั่งคุยกัน ความรู้แกเยอะมาก คุยกับแกแล้วสนุก เดี๋ยวญาคงได้เจอเอง"

ทอมพยักหน้า

"อือ...ค่ะ คงต้องคุยกันสามคนไปตลอดสองปีนี่แหละ" เธอพูดแล้วก็หัวเราะเบา ๆ

นิมิตหัวเราะ

"แหม.. ! ญา คนเยอรมันที่ทำงานเค้าก็พูดภาษาอังกฤษกันได้"

ไหล่ของทอมถูกโอบโดยเธอไม่ทันรู้ตัว ตัวของเธอถูกดันเข้าไปแนบชิดกับหน้าอกชายหนุ่ม

"ว่ายังไงจ๊ะที่รัก ! ผมเดินหาด่าร์ลิ้งตั้งนาน"

ทอมยกศอกหวังจะกระทุ้งที่ท้องเพื่อน แต่เจ้าจอมทะเล้นเอี้ยวตัวหลบทัน

"แน่ะ ! มาไม้นี้ประจำ จะลงศอกสามี จะทำอะไรก็ระวังลูกในท้องเรานะจ๊ะ เดี๋ยวจะแท้งคาแอร์พอร์ต อดได้สัญชาติเยอรมัน"

นิมิตยืนขำ

ทอมหันไปพูดน้ำเสียงกระโชก

"มาเมื่อไหร่ ไอ้รุ่ง ?"

"ก็มาทันเห็นเธอกำลังจู๋จี๋กับคนอื่นนี่ไง" รุ่งพูดทั้ง ๆ ที่มีรอยยิ้ม เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นพอดีตัวสีฟ้าอ่อน กางเกงลำลองขายาวสีเทา รองเท้าผ้าใบ เป็นสไตล์การแต่งตัวที่เพื่อนคุ้นตามาตลอด

นิมิตหัวเราะ

"ผมจู๋จี๋ไม่ได้หรอกครับ แฟนผมมาส่ง เค้าไปซื้อของกิน เดี๋ยวก็คงมา"

ทอมหันไปแนะนำเพื่อนร่วมงาน ให้รุ่งรู้จัก

"นี่พี่นิมิต รุ่นพี่เรา"

รุ่งยกมือไหว้

"หวัดดีครับ ! ช่วยดูแลอีนี่ด้วยนะครับพี่ อย่าให้มันแรดเกินความจำเป็น มันชอบยั่วยวนผู้ชาย พอเริ่มคบกันซักพัก มันเบื่อมันก็ทิ้งครับ"

เพื่อนสาวเท้าสะเอว

"นี่ ! แกไม่ได้ไปด้วย แกก็จะทำให้ชั้นขายไม่ออกตั้งแต่ในประเทศเลยใช่มั้ย ?"

เพื่อนร่วมงานของทอมรู้สึกขำในบุคลิกของรุ่ง

"ตามสบายก่อน เดี๋ยวผมเดินไปหาน้องเค้าก่อนครับ มีเวลาอีกเยอะนะญา เดี๋ยวค่อยกลับมาเจอกันแถวนี้นะ"

นิมิตเดินผละจากไป

รุ่งถามขึ้นทันที

"ทอม เมื่อวานแม่ชั้นให้อะไรแก ?"

ทอมนึกขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาได้ทันที

"แม่พาชั้นเข้าไปในห้องพระ มีหนังสือของหลวงพ่อทั้งนั้นเลย เต็มตู้ไปหมด แม่บอกว่า ให้ชั้นตัดสินใจเลือกไปเล่มนึง เล่มไหนก็ได้ ชั้นก็สุ่ม หยิบออกมาโดยไม่อ่านชื่อหนังสือ ได้ออกมาเป็น หนังสือมงคลสามสิบแปด และ อุทุมพริกสูตร แม่บอกว่า ถ้าตอนอยู่ที่เยอรมันมีปัญหาอะไรที่ต้องการให้หลวงพ่อช่วย ให้หลับตา แล้วสุ่มเปิดหนังสือ เปิดได้หน้าไหน หน้านั้นจะมีคำสอนที่ท่านต้องการสื่อให้เราอ่าน ให้อ่านหน้านั้นจนเข้าใจ ของขวัญของแม่แก สุดยอดเลยว่ะ !"

รุ่งพยักหน้า

"อือ ! ชั้นก็มีของจะให้แก นี่ !"

เขายื่นซองใส่ซีดีให้เพื่อน

"ซีดีอะไร ? แกสารภาพความในใจมาเหรอ ? " ทอมกระเซ้าเพื่อน

"แกไปให้ที่อยู่บ้านชั้นกับคนเขียนจดหมายนั่นใช่มั้ย ? เค้าส่งซีดีเพลงมาให้จริง ๆ เป็นเพลงจีนกลาง สะใจแกเลยมั้ยล่ะ ?"

เพื่อนทำตาโต รีบล้วงแผ่นซีดีออกมาดู

"ถามจริง ? แล้วแกฟังหรือยัง ? ทำไมมีซีดีสองแผ่นเลยวะ ?"

รุ่งพยักหน้า

"ฟังแล้ว เพราะดี นี่ชั้นก็อปปี้มาให้"

ทอมแน่ใจทันทีว่า คนที่เขียนจดหมายนั้น คือใคร เธอมองหน้าเพื่อน

"รุ่ง ! ชั้นขออะไรแกอย่างนึง อย่างเดียว ถือว่าชั้นขอร้องเลยก็ได้"

"มีอะไร ? จะให้ดูแลรถให้เหรอ ?"

ทอมสั่นหัว

"ชั้นขอให้แกรับปากชั้นว่า แกจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ แกจะไม่ตอบจดหมายเค้าอีก แล้วแกก็ห้ามชอบเค้า"

คำพูดของเพื่อน ทำให้เขาหัวเราะ

"อีนี่จะบ้าไปใหญ่ ! ชั้นไม่เคยเห็นหน้าเค้า ชั้นจะชอบเค้าได้ยังไง ? แกรู้เหรอว่าเค้าเป็นใคร ? แกบอกมาเลยดีกว่า"

เพื่อนสั่นหัว

"แกไม่ต้องรู้หรอก แต่แกไม่ใช่คนที่หาใครไม่ได้ ฝนก็ชอบแก แกลองไปหว่านเสน่ห์ให้สาว ๆ รับรอง แกมีคนชอบเยอะแยะแน่ แต่ ขอร้องว่า ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้"

รุ่งหัวเราะหึ ๆ

"ยิ่งห้าม ยิ่งอยากรู้ เดี๋ยวกูนัดเจอซะเลย"

"ไม่ได้ !" เสียงตวาดของเพื่อนทำให้เขาสะดุ้ง

สีหน้าทอมไม่มีรอยยิ้ม ทำให้เพื่อนรู้ว่า เธอกำลังหมายความอย่างนั้นจริง ๆ

"แกซีเรียสเหรอ ?"

"ใช่ ! ชั้นขอร้อง แกให้ชั้นเรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องอื่นไม่ขอร้องแกอีก เวลาที่ชั้นไม่อยู่นี่ จะไม่มีใครห้ามแก ชั้นอยากให้แกรับปากว่า แกต้องไม่ยุ่ง ไม่ตอบจดหมาย ไม่นัดเจอกับผู้หญิงคนนี้"

เสียงร้องเรียกชื่อทอมของเด็กสาวดังมาแต่ไกล

"พี่ทอม พี่ทอม !"

แฟนนี่วิ่งนำหน้า รุ้ง และ ชาตรี ทั้งสามกำลังตรงมาหาทั้งคู่

รุ่งยืนกางแขน ทำท่ารอสาวน้อยวิ่งเข้ามากอด

แฟนนี่พาซื่ออ้าแขนตรงเข้าไปจะกอดรุ่งจริง ๆ รุ่งกลับยกมือห้าม

"เฮ่ย ! ไม่ต้อง รออีกสามปี อายุสิบเจ็ดแล้วค่อยน่ากอดหน่อย"

สาวน้อยหยุดยืนหัวเราะ

"โตขนาดนั้นแล้ว แฟนนี่ไปกอดกับคนอื่นดีกว่า"

รุ่งหัวเราะ

"เดี๋ยวเถอะ ให้คุณแม่ได้ยิน ได้มีแขนลายดอกอีกแน่"

สาวน้อยรีบหันหลังไปมอง คุณพ่อกับคุณแม่ยังเดินอยู่ห่างพอสมควร เธอหันกลับมายกมือไหว้สองสหาย

"หวัดดีค่ะ พี่รุ่ง พี่ทอม"

แล้วเธอก็เดินตรงเข้าไปกอดรุ่นพี่สาว

"พี่ทอม จดอีเมล์แอดเดรสของแฟนนี่ไว้ แล้วเมล์มาคุยกันบ่อย ๆ นะคะ"

รุ่งยกมือไหว้รุ้ง และ ชาตรี ที่กำลังเดินมาถึง

สองสามีภรรยายกมือรับไหว้

รุ้งทักขึ้น

"ว่าไงรุ่ง มีคนมาส่งเยอะมั้ย ?"

"น่าจะเกือบสิบคนมั้งครับ พ่อแม่ของทอมกำลังทานข้าวอยู่ชั้นสาม มีเพื่อน ๆ ที่มหาลัย'อีกสามคน แล้วก็น้องสาวของผมอีกคน"

ชาตรีถือกล่องของขวัญขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อย เดินตรงมายื่นให้ทอม

"ทอมครับ คุณลุงของแฟนนี่ฝากมาให้ สำหรับคุณหมอที่เก่งที่สุด เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตต่างแดน"

ทอมยกมือไหว้ ก่อนรับของ

"ฝากขอบคุณคุณลุงด้วยค่ะ เอ๊ะ...! ไม่ดีกว่า ถ้าทอมจะขออนุญาตโทรไปขอบคุณท่านเอง ได้มั้ยคะ ? น่าจะมีมารยาทกว่า"

ชาตรีพยักหน้า

"ได้ ๆ"

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วกดเบอร์ไปหาพี่ชาย

เสียงโทรศัพท์มือถือของรุ่งดังขึ้น หน้าจอขึ้นชื่อของ 'วิภวา'

รุ่งขอปลีกตัวเดินไปรับน้องสาว

ครอบครัวของชาตรี ยืนสนทนากับคนที่จะเดินทางอย่างเป็นกันเอง

ไม่นานนัก วิทย์ ยิ้ม และ ฝน ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเดินอีกฟากหนึ่งของห้องโถง

ทั้งสามค่อย ๆ เดินมาที่จุดนัดหมาย

รุ่งเดินลงมารับวิที่ชั้นล่าง วิภวาอยู่ในชุดกระโปรงแซกสีเทารองเท้าส้นสูง

"น้องวิมายังไง ? แต่งตัวเหมือนกับไปงานเลี้ยงเลย"

"ส่งพี่ทอมทั้งที ต้องดูดีหน่อยค่ะ น้องวิมีคนรถมาส่งค่ะ พี่รุ่งมานานหรือยัง ?"

"ไม่นาน เรื่องที่บ้านใหญ่เป็นไงบ้าง ?"

คำพูดของพี่ชายทำให้เธอเปลี่ยนสีหน้าทันที

"เรื่องวุ่นวายกันใหญ่ คุณพ่อไล่พี่จ๊อดออกจากบ้าน อามัณกับคุณย่ากำลังคุยกันว่าจะจัดการเรื่องนี้ต่อยังไง แต่คุณพ่อยืนยันเด็ดขาดว่า จะไม่ให้พี่จ๊อดกลับเข้าบ้านมาอีก"

รุ่งมีสีหน้าตกใจ

"ขนาดนั้นเลยเหรอ ? แค่มีเรื่องกับเพื่อนวิคนนั้นเหรอ ?"

วิสั่นหัว

"ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเรื่องอะไรกันแน่ แต่บอยถึงกับแขนหัก พี่จ๊อดก็ทำแรงเกินไป บอยเข้าไปโรงพยาบาลคืนนั้น หมอบอกว่าแขนหัก แต่บอยไม่ได้บอกพ่อแม่บอยว่าพี่จ๊อดเป็นคนทำ เรื่องก็ไม่ได้รู้ถึงคุณพ่อ"

"แขนหัก ? ไม่ใช่จ๊อดทำนะ ! พี่วิ่งไปถึงพอดี บอยเค้าจะชกจ๊อด แล้วต้นวิ่งเข้าไปกัน ถ้าแขนบอยจะหัก ก็เพราะต้นยกมือขึ้นกัน นอกนั้น จ๊อดไม่ได้ทำอะไรแขนบอย"

น้องวิมองหน้าพี่ชาย

"จริงเหรอคะ ? พี่รุ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเหรอ ?"

รุ่งพยักหน้า

"พี่ไปไม่ทันตั้งแต่ต้น แต่ตอนวิ่งไปถึง บอยกำลังกระทืบจ๊อดอยู่ แขนไม่ได้หักแน่นอนในตอนนั้น เพราะบอยเงื้อมมือจะชกจ๊อด แล้วต้นวิ่งเข้าไปเอาแขนขึ้นกัน ผลักบอยจนล้ม แล้ววิทย์ก็เข้าไปช่วยผลักบอยออกไป ไม่มีใครไปยุ่งกับแขนบอยเลย นอกจากตอนที่ต้นยกมือขึ้นกัน"

วิพยักหน้ารับรู้

"น้องวิปวดหัวกับเรื่องนี้มาก น้องวิเป็นห่วงพี่จ๊อด แต่ที่ยุ่งกว่านั้น คือ พี่ต่อ พี่ต่อต้องเอาคืนกับบอยแน่ ๆ พี่ต่อมาบอกน้องวิว่า ให้อยู่ห่างกับบอยไว้ให้มากที่สุด ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับบอย ขอให้น้องวิเงียบไว้ อย่าเอะอะบอกใคร แล้วน้องวิรู้ว่านิสัยพี่ต่อเป็นยังไง เรื่องมันไม่จบง่าย ๆ แน่"

รุ่งสั่นหัวช้า ๆ เขาไม่อยากรับรู้เรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้หนักสมอง

"อย่าเพิ่งคิดมากเลย เวลาผ่านไป เรื่องมันก็คงค่อย ๆ คลายไปเอง ไปหาพี่ทอมดีกว่า พี่ทอมรอน้องวิอยู่"

น้องสาวเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นยิ้ม

"รอน้องวิจริงเหรอคะ ? ไปสิ ไปกัน"

************************************************************************************************* 

ญาติผู้พี่ และ ญาติผู้น้องสองคน เดินกลับมาที่จุดนัดหมาย บริเวณใกล้เคาน์เตอร์เช็คอิน

กลุ่มคนที่มาส่งทอมรวมกันเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น

คุณพ่อ และ คุณแม่ของผู้เดินทาง ยืนอยู่ในกลุ่มพร้อมแล้ว แขกที่มาส่งต่างแนะนำตัวกันและกัน

คุณพ่อของทอมเห็นรุ่งเดินมาแต่ไกลก็กวักมือเรียก

"มาแล้วรุ่ง มา ๆ อยู่นี่"

ลูกสาวพูดขึ้น

"รุ่งเจอกับญาแล้วค่ะ เค้าเดินไปพาน้องสาวมา นั่นน้องสาวรุ่ง"

คุณพ่อพยักหน้า

"เหรอ ? น้องสาวหน้าตาน่ารักเลยนะ แต่หน้าไม่เหมือนพี่ชาย"

"ไม่ใช่น้องจริง ๆ ค่ะ เป็นลูกของอา"

รุ่งหันไปบอกวิ ทั้งคู่เดินเข้ามายกมือไหว้ผู้อาวุโสทั้งสอง

แล้ววิก็โผเข้าไปจับมือกับทอม

คุณแม่ทักขึ้น

"ว่าไงรุ่ง ! ญาไม่อยู่ รุ่งคงเหงา"

รุ่งพยักหน้า

"ครับ ผมว่าจะหาหมามาเลี้ยงตัวนึง คงแทนเค้าได้ อาจจะน่ารักกว่าด้วยซ้ำ"

คุณพ่อหัวเราะ

"รุ่ง ทำไมเราไม่ตามญาไปล่ะ ? ทางโน้นอาจจะมีลู่ทางดี ได้ทำงานแล้วก็แต่งงานกันที่นั่นเลย"

นายจอมทะเล้นแทบจะสำลักเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อเพื่อน

เขาหัวเราะ เดินกัดฟันเข้าไปข้าง ๆ เพื่อนสาว เขาพูดโดยไม่ขยับริมฝีปาก

"แกได้ยินหรือเปล่า ? พ่อแกอยากให้แกเป็นเมียชั้น เฮ่อๆๆๆ ถ้ามีเงิน จะซื้อตั๋วเครื่องบิน บินไปเป็นผัวแกที่นั่น"

สิ้นคำสุดท้ายของประโยค ทอมยกมือขึ้นตบที่หัวรุ่งอย่างแรง

"อ้ายลามก ! โน่น !" เธอชี้มือไปที่ฝน

"แกไปเคลียร์กับคนของแกไป จะคบเค้าเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟน ไปจัดการเรื่องของตัวเองซะ"

รุ่งมองไปเห็น วิทย์ ยิ้ม และ ฝน กำลังยืนหัวเราะอยู่

"อ้าว ! ยิ้ม ฝน มาแล้วเหรอ ?"

วิภวาหยิบของในกระเป๋าถือออกมา ของขวัญชิ้นเล็กอยู่ในกล่องผูกโบว์สีแดง ถูกยื่นให้ผู้ที่กำลังจะเดินทาง

"พี่ทอมคะ ! ของที่ระลึก"

ทอมยื่นมือรับ แล้วมองหน้าน้องสาวของเพื่อนด้วยความประหลาดใจ

วิพูดขึ้น

"เก็บของขวัญนี้ไว้แล้วไปเปิดที่โน่นนะคะ อยากให้พี่ทอมคิดถึงน้องวิทุกครั้งที่เห็นมัน"

ทอมดึงตัววิเข้าไปกอด วิซบหน้าที่ซอกคอของเธอ

"พี่ทอมเป็นพี่สาวที่น้องวิอยากจะมีมาตลอด เป็นพี่สาวน้องวิตลอดไปนะคะ"

คำพูดจากน้ำเสียงกึ่งอ้อนวอน ทำให้น้ำตาของทอมออกมาคลอได้ทันที เธอพยักหน้า

"น้องวิเป็นน้องสาวของพี่ทอม เราเป็นพี่น้องกันตลอดไปนะ"

วิพยักหน้ารับ นัยน์ตาของน้องสาวก็เริ่มมีน้ำตามาเลี้ยงอยู่เต็มหน่วย

วิทย์หัวเราะเบา ๆ

"เอาเว้ย ! ปี่พาทย์เริ่มบรรเลงตั้งแต่หัววันแล้ว"

รุ่งขำตามเพื่อน

ยิ้มเขย่าแขนวิทย์

"ไว้รอดูตัวเองเหอะ วิทย์ ! เดี๋ยววิทย์ก็ได้เป่าปี่กับเค้าบ้าง"

รุ่งหันมาหาฝน

"ฝนจ๊ะ ! ถ้าวันนี้ฝนจะร้องไห้ รุ่งให้ยืมบ่าซบนะ"

เขายื่นหัวไหล่มาทางสาวสวย

ฝนหัวเราะ

"ไม่มีทาง ต่อมน้ำตาของฝนลึก"

รุ่งเหล่ตาทันที

"คนอะไร ใจหยาบกระด้าง !" เขาหยอกสาวสวยเล่น

รุ้งขยับตัวเข้ามาหารุ่ง

"ตอนนี้รุ่งได้งานหรือยัง ?"

เขาสั่นหัว "ยังครับ"

"สนใจทำงานกับพี่ชาตรีมั้ย ? พี่ชาตรีเค้าสนใจรุ่งนะ งานนี้งานหนักหน่อย บอกแล้วอาจจะตกใจ"

รุ้งขยับตัวให้รุ่งเดินตามมา เพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว รุ่งเดินตามออกมา

"ครับ พี่รุ้ง พี่ชาตรีจะให้ผมไปช่วยอะไรเหรอครับ ?"

"พี่ชาตรีจะเล่นการเมือง ลงสมัครเลือกตั้งครั้งหน้า กำลังฟอร์มทีม อยากให้รุ่งไปช่วย"

ข่าวนี้ทำให้เขาประหลาดใจ

"จริงเหรอครับ ? ดีจังเลย ! ลงที่จังหวัดไหนครับ ?"

"ลงที่ไหนต้องรอจัดสรรกันก่อน แต่พี่ชาตรีต้องการคนรุ่นใหม่ที่ไว้ใจได้ จริง ๆ คือ ต้องการรุ่งมาอยู่ในทีม รุ่งว่ายังไงล่ะ ?"

เขาทำหน้าอึกอัก

"พี่รุ้ง ผมไม่ชอบการเมือง แต่ให้ช่วยเรื่องอื่น ๆ ผมเต็มที่เลย"

รุ้งพยักหน้าเข้าใจ

"ไม่เป็นไร พี่รู้ว่ารุ่งคงไม่ชอบทางนี้หรอก แต่พี่ชาตรีเค้าชอบรุ่งจริง ๆ ถามดูก็ไม่เสียหายอะไรใช่มั้ยล่ะ ?"

"ครับ ดีใจจังเลย พี่ชาตรีอุตส่าห์เลือกผม อยากให้นักการเมืองบ้านเรา มีคนอย่างพี่ชาตรี พี่ชาตรีเป็นคนที่เก่ง สุขุม แล้วก็อบอุ่น หายากแล้วครับ แสดงว่านี่ตัดสินใจดีแล้ว ลงเต็มตัวเลยเหรอครับ ?"

รุ้งพยักหน้า

"ใช่ ! ลาออกจากงาน แล้วต้องทุ่มเต็มที่ มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่พอพี่ชาตรีได้คุยกับคุณลุงแฟนนี่แล้ว ทำให้ตัดสินใจได้"

ชาตรีเดินเข้ามาตบบ่ารุ่ง

"ว่ายังไง ? รู้แน่ ๆ ว่าเราไม่ชอบทางนี้ ใช่มั้ยล่ะ ?"

รุ่งจับแขนชาตรีแน่น แล้วเขย่า

"พี่ชาตรี ! ยินดีล่วงหน้าแทนประชาชนไทย สู้ ๆ นะครับ นี่เป็นข่าวดี"

ชาตรีพยักหน้า

"ประเทศไทยเรามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต้องสะสาง พี่แอ๊ดมีอุดมการณ์ที่ดีมาก ๆ แต่สิ่งที่ขาดคือ เสนาธิการ ผมเองได้คุยเรื่องปัญหาของสังคมไทย และ วิธีแก้ กับพี่แอ๊ด สรุปได้ตรงกันเป๊ะ แปลกนะ เป็นพี่เป็นน้องกัน ผมไม่เคยคุยกับพี่ชายของผมเรื่องการเมืองมาก่อน ไม่เคยเลย เพราะผมไม่ชอบ แต่ก็ต้องขอบคุณรุ่งกับทอม ตั้งแต่พี่แอ๊ดป่วยครั้งนั้น ผมก็มีโอกาสคุยกับพี่แอ๊ดมากขึ้น ผมเพิ่งรู้ว่าพี่แอ๊ดตกอยู่ในสถานะเหมือนกับคนแบกโลกไว้ คือ พี่แอ๊ดรู้ปัญหา รู้ว่าจะแก้ยังไง แต่ขาดแขนขา ทำให้เค้าอึดอัดมาก"

รุ่งพยักหน้าเข้าใจ

ชาตรีเล่าต่อ

"อย่างช่วงที่ป่วย พี่แอ๊ดนึกถึงเรื่องสาธารณสุขของคนไทย แล้วก็เล่าเรื่องเบื้องหลังของท่านหัวหน้าพรรคบางเรื่อง มันก็หนีไม่พ้นเรื่องพัวพันกับกลุ่มสนับสนุนที่ต้องการผลประโยชน์ตอบแทน จะเล่าลึกก็ไม่ได้ เอาเป็นว่า พรรคการเมืองทุกพรรค ที่มีสิทธิ์ลุ้นเข้าไปอยู่ในรัฐบาล จะต้องมีเส้นสายในการหาผลประโยชน์ติดมือไปด้วย คือ ใครเนียนหน่อย ก็จะหาผลประโยชน์ได้โดยไม่ขัดนโยบายพรรค ไม่ขัดนโยบายรัฐบาล ตรงตามที่รัฐบาลต้องการ นี่เรียกว่ากินตามน้ำ หมอแผนปัจจุบันส่วนใหญ่ ได้เงินสนับสนุนจากบริษัทยาฝรั่ง นักการเมืองไทย ก็ได้รับเงินสนับสนุนจากบริษัทยาฝรั่ง หมอคือฝ่ายวิชาการ นักการเมืองคือฝ่ายการเมืองเข้าไปแก้กฏหมาย ทั้งนักวิชาการ และ ฝ่ายการเมือง เป็นไปในทางเดียวกัน คือ เบื้องหลังมีต่างชาติสนับสนุน รุ่งคิดดู กฏหมาย ก็แก้ให้เอื้อประโยชน์กับยาฝรั่ง ฝ่ายวิชาการ ก็ออกมาสนับสนุนยาฝรั่ง ทั้งสองฝ่าย บล็อกสมุนไพรไทย ตายแน่นอน"

รุ่งพยักหน้า เข้าใจ และ เห็นภาพ

ชาตรีเล่าต่อ

"ต่อไปกฏหมายไทย จะเข้มงวดกับสมุนไพรไทยมากขึ้น จะมีข้อกล่าวหา มีคดีที่ฟ้องร้องเกี่ยวกับสมุนไพรไทยมากขึ้น คดีที่แจ้งจับหมอเถื่อน คือ หมอที่ไม่ใช่หมอฝรั่งจะมีมากขึ้น แล้วเมื่อเรื่องถึงศาล สมุนไพรไทย และ หมอพื้นบ้าน ก็จะแพ้คดีหมด เพราะกฏหมาย จะแก้ไขให้สมุนไพรไทย กับ หมอพื้นบ้าน กลายเป็นจำเลยที่ผิดในทุก ๆ เรื่อง จนคนในสังคมอนาคต จะไม่มีใครยอมรับสมุนไพรไทยอีกเลย รุ่งรู้มั้ย เงินที่บริษัทยาฝรั่งจ่ายให้สมาชิกพรรค บินไปดูงานต่างประเทศน่ะเท่าไหร่ ? แล้วใครได้ไปกันบ้าง ?"

รุ้งสะกิดสามี
"พอแล้ว ชาตรี ไม่ต้องแฉขนาดนั้นก็ได้ ความลับของพรรค เก็บไว้คุยภายในเถอะ"

ชาตรีหัวเราะ

"ไม่เป็นไรหรอก พูดกับรุ่งน่ะ ผมไม่ได้พูดกับคนอื่น" เขาหันมาพูดกับรุ่งต่อ

"ผมสนใจเกี่ยวกับแพทย์พื้นบ้าน แล้วก็แพทย์ทางเลือกมาก เพราะ คนที่ถูกเล่นงานตอนนี้ คือ อาจารย์เก่ง !"

"อ้าว ! อาจารย์เก่งโดนอะไรอีกล่ะครับ ?"

"โดนสื่อโจมตีอีกแล้ว บทความเขียนโดยหมอในเครือของบ้านธรรมชาติ โจมตีหมอพื้นบ้าน ไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นอาจารย์เก่ง แต่อ่านแล้วก็รู้ว่าเป็นอาจารย์เก่งแน่นอน บทความลงในหนังสือพิมพ์ แล้วก็นิตยสารหลายเล่ม คนให้ความเชื่อถือมาก เพราะคนเขียนคือหมอแผนปัจจุบัน คนถูกกล่าวหาไม่ใช่หมอแผนปัจจุบัน เป็นแค่หมอพื้นบ้าน ยังไงก็เถียงไม่ออก"

รุ่งนึกขำขึ้นมา เมื่อนึกถึงความคิดขวางโลกของเขาที่เคยมีในสมอง เมื่อหลายปีก่อน

"แต่ก่อนผมเคยมีความคิดว่า สส.ไทยทุกคน ควรย้อมสีผมให้เป็นสีบลอนด์ให้หมด แล้วไม่ควรใช้ภาษาไทยในการประชุมสภา ก็คุยแม่งภาษาฝรั่งไปเลย เพราะประเทศนี้ พวกเค้าแบ่งแล้วซอยขายเป็นหย่อม ๆ ให้ฝรั่งอยู่แล้ว สุดท้ายพื้นที่ที่มีอยู่ มันก็คงน้อยเกินไป ไม่คุ้มที่พวกเราเสียแรงจะปกป้องไว้ ขายแม่งหมดเลยเหอะ ก็แค่มีธงชาติเป็นไทยก็พอ เพลงชาติก็ร้องเป็นภาษาฝรั่งไปเลย เดี๋ยวพวกค่ายเพลงคงแข่งกันแต่งเพลงชาติภาษาฝรั่งออกมาประกวด"

คำพูดของรุ่ง ทำให้ชาตรีหยุดอารมณ์ได้ เขากลับมาหัวเราะชอบใจ ตบบ่าของรุ่ง

"ดี ! ผมไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมผมถึงชอบรุ่งตั้งแต่แรก"

รุ้งทักขึ้น

"พอแล้ว ! ไว้คุยกันต่อวันหลัง เดินกลับไปหาทอมได้แล้ว"

************************************************************************************************* 

แขกที่ไม่คาดคิด ปรากฏตัวเดินแทรกกลุ่มคนเข้ามา เธออยู่ในชุดกระโปรงยาวพื้นสีส้มลายดอก ผิวที่เนียนกระจ่างสมกับเป็นผู้ดีมีตระกูลทำให้เธอดูเด่นเตะตา

ผู้ที่กำลังจะเดินทางมีสีหน้าประหลาดใจ

"พี่แพม !"

"ตกใจอะไรเหรอ ?" แพมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า

"คุณย่าเจนกับทุก ๆ คน ฝากพี่มาส่งน่ะ คุณย่าบอกให้ทอมระลึกถึงหลวงพ่อ ทุกครั้งที่ไม่สบายใจเรื่องอะไรก็ตาม กำหนดจิต นึกถึงหลวงพ่อนะ ท่านจะตามทอมไปทุกที่ ขอเพียงแต่ให้ระลึกถึงท่านวันละสองครั้ง ตื่นเช้าครั้งนึง ก่อนนอนครั้งนึง เท่านี้ ก็เท่ากับว่าท่านอยู่ดูแลทอมตลอด"

ทอมยกมือไหว้พี่สาวคนสวยแห่งกิจบูรณา

"ขอบคุณพี่แพมค่ะ"

นาฬิกาเริ่มเดินเข้าใกล้เวลาขึ้นเครื่องมากขึ้น

ทอมมองดูเหล่าผู้คนที่มาส่งเธอในวันนี้ ล้วนแต่เป็นคนที่เธอไว้ใจได้ เธอเพิ่งตระหนักดีในขณะนี้นี่เอง ว่าเธอได้รับความอบอุ่นจากคนเหล่านี้อย่างน่าอิจฉามาตลอด ไม่เคยมีโอกาสใดที่เธอจะได้เห็นคนที่หวังดีต่อเธอมาอยู่รวมกันมากเท่าวันนี้

วิทย์เริ่มหยิบกล้องออกมา แล้วเรียกคนโน้นคนนี้มาถ่าย

คุณพ่อกับคุณแม่ยืนคุยกับยิ้ม และ ฝน

รุ่งกำลังยืนหยอกล้อกับแฟนนี่

นิมิตเดินเข้ามาพร้อมชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วน ค่อนข้างสูง ผิวสองสี วัยประมาณสามสิบปี ทอมเห็นแล้วเข้าใจทันทีว่า นี่คือ หัวหน้างานของเธอ

เพื่อนร่วมงานแนะนำคนที่เดินมาด้วยกันให้รู้จัก

"พี่จิตร นี่ญาครับ"

ทอมยกมือไหว้

"หวัดดีค่ะ" เธอหันไปหาคุณพ่อคุณแม่

"นี่ พ่อกับแม่ของญาค่ะ พ่อ แม่ นี่หัวหน้างานที่ไปด้วยกัน ชื่อพี่จิตร"

พิจิตรยกมือไหว้

คุณพ่อพูดขึ้น

"ฝากดูแลญาด้วยนะ"

"ครับ" หัวหน้างานใหม่พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น พร้อมรอยยิ้ม

เขาหันมาที่ทอม

"ญา เดี๋ยวผมสองคนไปรอตรงโน้นก่อนนะ ยังมีเวลาอีกสิบห้านาที เจอกันตรงโน้นแล้วกัน" เขาชี้ไปที่นัดหมาย

แล้วสองหนุ่มก็ไหว้ลาผู้อาวุโสทั้งคู่ เดินจากออกไป

วิทย์เรียกทุกคนให้มายืนรวมกันเพื่อถ่ายรูป

ทอมเรียกคุณพ่อคุณแม่มายืนชิด คนที่เหลือก็แทรกตัวเบียดเข้าไป

"ไอ้รุ่ง มึงมายืนบังกล้องทำไม ? ตัวสูงไปอยู่ข้างหลัง โน่น ! ไม่งั้นมึงก็คุกเข่า" เสียงตากล้องตะโกนใส่เพื่อน

รุ่งตะโกนบ้าง

"คนสวย ๆ มายืนใกล้ผมหน่อยสิครับ ไปกระจุกอยู่ตรงนั้นทำไม ?" เขาเขยิบไปยืนอยู่ด้านขวาสุดของกล้อง

ยิ้มกระเถิบเข้ามายืนชิดกับรุ่ง รุ่งยกมือไปข้างหลังเธอ ทำท่าเหมือนกับจะโอบ ให้วิทย์เห็น

วิทย์เอากล้องลง แล้วชี้หน้าเพื่อน

"ยิ้ม ! อย่าไปยืนใกล้มัน ไอ้นี่โรคจิต"

ยิ้มหันไปข้าง ๆ เห็นรุ่งทำท่าจะโอบ เธอกลับดึงมือของรุ่ง มาโอบไหล่เธอ แล้วหันหน้ามายิ้มให้วิทย์

"ถ่าย ๆ ไปเถอะค่ะ วิทย์"

รุ่งหัวเราะชอบใจ เขายืนโอบยิ้มแล้วยักคิ้วให้ตากล้อง

วิทย์สั่นหัว เขากดชัตเตอร์ไปสองสามครั้ง

"อ้าว ! สลับที่กันบ้าง"

ต่างคนต่างเดินสลับที่ มีทอมและคุณพ่อคุณแม่ เป็นเซ็นเตอร์อยู่ตรงกลาง

ตากล้องกดถ่ายไปเรื่อย ๆ

สักพัก คุณพ่อยกมือ ขอเป็นคนถ่ายให้ เรียกให้วิทย์เข้ามายืนในกลุ่มแทน

หลังจากถ่ายหมู่.... กลุ่มใหญ่ถูกสลาย กลายเป็นกลุ่มย่อย

วิทย์ทำหน้าที่เป็นตากล้องต่อ

สามสาวหอการค้า ... ทอม ฝน ยิ้ม

กลุ่มสาวล้วน... ทอม ยิ้ม ฝน แพม แฟนนี่ น้องวิ

ยิ้มขอทำหน้าที่ตากล้องบ้าง

"วิทย์ไปยืนกับทอมสิคะ รุ่งด้วย"

วิทย์พยักหน้า เรียกรุ่งไปยืนข้าง ๆ ทอม

สองหนุ่มยืนขนาบข้างสาว คุณพ่อคุณแม่ยืนมองดูลูกสาวอยู่ห่าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม

ตากล้องตะโกน

"ทอม กอดคอทั้งคู่เลย !"

นางแบบทำตาม เอื้อมมือไปคล้องคอสหายหนุ่มทั้งคู่

วิทย์พูดขึ้น

"เราสามคนไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันตั้งนานแล้ว"

รุ่งพยักหน้า

"อือ... ครั้งต่อไป คงงานแต่งงานมึง"

วิทย์หัวเราะ

"ไม่แน่ ไอ้ทอมอาจจะได้ผัวเยอรมันก่อน"

รุ่งชี้หน้าเพื่อนสาวที่อยู่ตรงกลาง

"อย่านะเว้ย ! พ่อแกยกแกให้เป็นเมียชั้น ไปแต่งกับคนอื่น ชั้นจะตามไปกระทืบ"

ทอมหนีบคอเพื่อนซี้สองคนให้กระชับเข้ามาหาตัว

"หุบปากได้แล้ว มองกล้อง !"

ฝนยืนอยู่ข้าง ๆ แพม เธอพูดขึ้นมา

"สามคนนี้สนิทกันตั้งแต่มหาลัย'แล้วค่ะ คบกันมาตลอด"

แพมพยักหน้า

"น่าอิจฉาจัง ! ทอมเค้าน่ารัก ใคร ๆ ก็คงจะรักเค้า"

ฝนพยักหน้า

"ใช่ค่ะ ! ไม่มีทอม รุ่งคงจะเหงา"

ตากล้องพยักหน้า เป็นสัญญาณว่า ได้ยิงภาพไปจนพอใจแล้ว

ทอมปล่อยแขนออกจากคอเพื่อน

วิทย์หันมาหาเพื่อนที่กำลังจะเดินทาง เขามองหน้าเธอ แล้วเอื้อมมือไปจับหัวแล้วเขย่า

"โชคดีนะ เพื่อน !"

ไออุ่นของมือเพื่อนสนิท เรียกน้ำตาเธอออกมาคลออีกแล้ว แต่เธอจะปล่อยให้น้ำตาหลุดออกมาไม่ได้ เพราะเธอตั้งใจไว้ตั้งแต่ที่บ้านแล้วว่า วันนี้จะไม่หลั่งน้ำตาต่อหน้าพ่อ และ แม่ เด็ดขาด !

เธอส่งยิ้มแหย ๆ ให้ วิทย์มองเห็นดวงตาของเพื่อนที่ฉ่ำไปด้วยน้ำ ดวงตาของเขา ก็เริ่มจะฉ่ำตาม

ทอมพูดขึ้น

"อย่าเขย่านาน เดี๋ยวไม่ไหว !"

วิทย์เข้าใจความหมาย หากเพื่อนคนนี้ร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขาตอนนี้ เขาคงกลั้นไว้ไม่อยู่เหมือนกัน

วิทย์ปล่อยมือจากหัวเพื่อน

ทอมหันไปหายิ้ม... พร้อมกับดวงตาที่เยิ้ม

"ดูแลวิทย์ด้วยนะยิ้ม"

ยิ้มถอดแว่นตาออก หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เริ่มไหลพ้นขอบตาลงมา

วิทย์เดินเข้ามาหาแฟนสาว

"นี่ไง ! ไม่รอดแล้วเหรอยิ้ม ? แต่ไอ้ทอมมันเก่งว่ะ มันไม่ร้อง แค่จวน ๆ"

ยิ้มพยักหน้า

"อือ ! ทอมเค้าดูมั่นใจ แล้วก็แข็งแกร่ง ไม่อ่อนปวกเปียกเหมือนลูกแหง่"

ฝนเดินตรงเข้าไปหาทอม แล้วอ้าแขนดึงตัวเพื่อนเข้ามากอด

ทอมพูดขึ้น

"คนสวย ! ถ้าไอ้รุ่งมันรังแก กระทืบมันได้เลย คบกับไอ้นี่ต้องใช้ตีน"

ฝนหัวเราะ

"โชคดีนะ ทอม !"

รุ่งยืนมองอยู่ห่าง ๆ เขาไม่ถนัดนักกับการร่ำลา แค่การที่เขาได้มาส่งเธอวันนี้ เธอก็คงรู้ในน้ำใจเพื่อนรักคนนี้ดีอยู่แล้ว

ลูกสาวเดินเข้ามาไปหาบุปผการีทั้งสอง ยกมือไหว้ แล้วซุกตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ และ แม่ เป็นครั้งสุดท้าย

แฟนนี่ยืนกอดรุ้งแน่น แล้วน้ำตาสาวน้อยก็เริ่มไหล

คุณพ่อพูดกับลูกสาวที่กำลังจะเดินทาง

"โชคดีนะญา ไม่ต้องร่ำลากันนานหรอก เมื่อเช้าเราลากันที่บ้านมาพอแล้ว ลูกไม่ไปคุยกับรุ่งหน่อยเหรอ ?"

ทอมสั่นหัว

"ไม่เป็นไรค่ะ ! ไม่มีอะไรต้องคุยกันมากมาย"

วิทย์พูดกับยิ้ม

"ไอ้ทอมมันแน่มากว่ะ ! กอดกับพ่อแม่ตอนนี้ ยังไม่มีน้ำตาหลุดออกมาเลย ใจมันแกร่งดังหินจริง ๆ"

ทอมผละจากอกของผู้ให้กำเนิดทั้งสอง แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสะพาย หันกลับมาโบกมือให้ทุกคน

เธอเหลือบมองหาเพื่อนรัก เมื่อสายตาสบกับรุ่ง เธอทำมือเป็นท่าคุยโทรศัพท์ แล้วพูดไม่ออกเสียง ให้รุ่งอ่านปาก

รุ่งอ่านปากของเธอ..'เปิดโทรศัพท์ไว้ด้วย' จึงพยักหน้าตอบ แต่ไม่เข้าใจเหตุผล

ทุกคนโบกมือให้กับผู้เดินทาง

สาวมั่น หันตัวกลับไป เดินก้าวเท้าอย่างเร็ว มุ่งหน้าตรงไปยังจุดที่นัดหมายกับเพื่อนร่วมงาน โดยไม่หันกลับมามอง

รุ่งมองตามหลังเพื่อน จนเพื่อนเดินลับตาไป

เขาคงไม่มีวันลืมท่าทางการเดินของเพื่อนรักคนนี้ ที่แสดงถึงความมั่นใจในตัวเองมาตลอด

เขาคงไม่มีวันลืมกางเกงยีนส์ขาบานตัวนี้ที่เขาคุ้นตามาตลอด กางเกงยีนส์ตัวนี้ ดูเหมาะสมที่จะเป็นคุ่ทุกข์คู่ยากของเพื่อนรักเมื่ออยู่แดนไกล

เขาคงจะคิดถึงเพื่อนคนนี้ทุกครั้ง เมื่อเขาติดพยาธิ คงจะไม่มีใครตรวจพยาธิในตัวเขาได้แม่นเท่ากับเพื่อนคนนี้

...อยากกอดเพื่อนรักคนนี้จริง ๆ !.....

เหล่าพรรคพวกที่มาส่ง ทยอยกันเดินเข้ามาไหว้ลา คุณพ่อ คุณแม่ ของผู้เดินทาง

สัญญาณ SMS ดังขึ้นที่โทรศัพท์มือถือของรุ่ง เขาเปิดข้อความดู

เป็นข้อความที่ส่งมาจากโทรศัพท์มือถือของทอม

'ไปที่หน้าร้าน Black Canyon ที่ชั้น 3 พี่หลิวรออยู่ ไม่ต้องบอกใคร'

รุ่งหันไปหาวิทย์

"วิทย์ เดี๋ยวกูกลับด้วย รอกูที่ทางเชื่อมตึกจอดรถชั้นนี้แล้วกัน เดี๋ยวกูมา ประมาณยี่สิบนาที"

วิทย์ไม่ถามซักไซ้ พยักหน้าหงึก ๆ

รุ่งรีบวิ่งเหยาะ ๆ ลงบันไดเลื่อนมาที่ชั้น 3 แล้วมุ่งไปที่ร้านแบล็คแคนยอน

สาวในชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยืนโบกมือเรียกเขา

"รุ่ง ทางนี้ !"

รุ่งจำรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าคนนี้ได้ เขายกมือไหว้

"พี่หลิว พี่ทำงานที่นี่เหรอ ?"

เธอพยักหน้า

"เดินตามพี่มา"

รุ่นพี่ในชุดเครื่องแบบบนรองเท้าส้นสูง เดินอย่างกระฉับกระเฉง พารุ่งเข้าไปในเขตหวงห้ามของคนนอก

รุ่งเดินตามรุ่นพี่ ผ่านหน่วยงานภายในต่าง ๆ

พี่หลิวมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง มีตัวอักษรติดหน้าประตูว่า Meeting Room 6

เธอผลักประตูเข้าไป

"เอ้า ! เข้ามาสิ"

รุ่งเดินเข้าไปในห้อง พี่หลิวยืนอยู่นอกห้องแล้วปิดประตู

ทอม...เพื่อนรัก ยืนอยู่กลางห้องประชุม ตาแดงก่ำ

ด้วยสัญชาตญาณ รุ่งรีบเดินเข้าไปหาทันที

ทอมเห็นหน้าเพื่อนรัก น้ำตาก็เริ่มหยดออกมาจากขอบตาทันที เธอโผเข้ากอดเขา

มือทั้งสองของรุ่งโอบหลังเพื่อนไว้แน่น

เสียงร้องไห้โฮออกมาจากปากของทอม

รุ่งค่อย ๆ เอื้อมมือขึ้นไปลูบหัวเพื่อนช้า ๆ

ยิ่งลูบ เหมือนกับยิ่งเรียกน้ำตา เสียงสะอึกสะอื้นเริ่มตามมาถี่ขึ้น

ผู้ชายคนนี้ เป็นเพื่อนที่เธอจะหาเพื่อนคนใดมาทดแทนอีกไม่ได้แล้ว

เป็นเพื่อนที่เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับเธอในเกือบทุก ๆ ด้าน

เป็นเพื่อนที่สื่อสารสิ่งที่อยู่นอกเหนือคำพูดกับเธอได้ด้วยใจ

ไออุ่นจากกาย และ สัมผัสจากฝ่ามือของเพื่อนคนนี้ คงทำให้เธอต้องร้องไห้จนน้ำตาเหือดแน่ ๆ !

รุ่งเริ่มหัวเราะหึ ๆ แล้วพูดค่อย ๆ

"พอหรือยัง ?"

"เมื่อชั้นเดินออกจากห้องนี้ไป ชั้นก็จะไม่เห็นแกไปอีกสองปี"

"I'll hold you in my heart so don't you cry. (ฉันจะกอดเธอไว้ในใจฉัน เธออย่าร้องไห้ไปเลย !)" รุ่งพูดกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ

"อยู่ที่ข้างนอก ทำเป็นแอ๊คแมน" เขาหยอกซ้ำ

รุ่งคลายแขนที่กอดเธอออก

สาวแกร่งที่กลับกลายเป็นสาวเจ้าน้ำตา หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา แล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้

"ชั้นไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าพ่อแม่ ถ้าชั้นกอดแกที่ข้างนอกนั่น ชั้นต้องอายคนทั้งสนามบินแน่ ๆ"

รุ่งหัวเราะ

"อือ... ! มันก็น่าอาย แกเล่นร้องโฮแบบญาติเสียยังงี้ คนเค้าคงนึกว่าชั้นทำแกท้องแล้วจะทิ้งไปนอก"

คำหยอกของเพื่อนทำให้เธอหัวเราะได้

"รุ่ง ชั้นมีเรื่องขอแกสามเรื่อง"

"โห ! เพิ่มเป็นสามแล้วเหรอ ? อือ ! ว่ามา"

"ตอนชั้นไม่อยู่ แกติดต่อป้าชั้นด้วยนะ ป้าเห็นแกเป็นเพื่อน ชั้นอยากให้ป้ามีแกเป็นเพื่อนตลอดไป ป้าเค้าดูมีความสุขเวลาได้คุยกับแก"

รุ่งพยักหน้า

"เรื่องต่อมา แกใช้ลูกดิ่งไม่ได้ คือ ไม่ได้ แกอย่าคิดมาก ชีวิตแกยังทำประโยชน์ได้อีกหลายอย่าง ใช้ลูกดิ่งไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย คนอื่นทั้งโลกนี้เค้าใช้ลูกดิ่งกันไม่เป็นไม่เห็นเค้าจะตาย แกต้องห่วงสุขภาพแกเป็นอันดับแรก ชั้นไม่อยากจะต้องกลับมางานศพแก แล้วมีคนมายกย่องแกว่าเป็นหมอชั้นเยี่ยมที่รักษาคนไข้จนตายในหน้าที่"

รุ่งพยักหน้า

"อือ ! ชั้นรู้ ต่อไปนี้ชั้นจะเลิกเป็นหมอเถื่อนแล้ว จะเป็นคนธรรมดา"

"ชั้นไม่อยู่ แกก็ถ่ายพยาธิเป็นประจำนะ ไม่ต้องรอใครมาตรวจให้"

รุ่งพยักหน้า

"เรื่องสุดท้าย แกจะคบกับใคร ไม่ใช่เรื่องของชั้น แต่ขอคนเดียว คือ คนที่เขียนจดหมายมาหาแก อย่ายุ่งกับคนนี้เด็ดขาด อย่าโต้ตอบจดหมาย อย่าให้ความหวังเค้า แกรับปากชั้น"

รุ่งมองหน้าเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจ

"รับปากชั้นสิ ! ถ้าอีกสองปี แกหาใครคบไม่ได้จริง ๆ ชั้นจะกลับมาแต่งงานกับแกก็ได้ แต่แกอย่ายุ่งกับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด"

รุ่งหัวเราะ

"ถ้าต้องแต่งงานกับแกนะ เฮ่อๆๆๆ ชั้นว่าชั้นรับปากแก ง่ายกว่า โอเค ! ถึงแม้ว่าชั้นไม่รู้ว่าแกรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ แต่ถ้าแกขอชั้นขนาดนี้ แสดงว่ามันซีเรียส ชั้นรับปาก ชั้นจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้"

ทอมพยักหน้า

"ชั้นคงต้องไปแล้ว ถ้าชั้นเดินออกไปแล้ว แกจะไม่ได้เห็นชั้นอีกสองปี"

เพื่อนพยักหน้ารับรู้

"Time will fly !... ทอม! ซีดีอีกแผ่นนึงที่ให้ไปพร้อมกับเพลงจีนกลาง ชั้นอัดเพลงให้ ถ้าแกคิดถึงชั้นกับไอ้วิทย์ ก็เปิดฟังแล้วกัน"

(Tine will fly แปลว่า เวลามันเดินเร็วเสมือนติดปีกบิน)

"เพลงอะไร ?"

"We Never Really Say Goodbye ! แกฟังแล้วแปลความหมายเองแล้วกัน Time will fly !"

ทอมส่งยิ้มครั้งสุดท้ายให้เพื่อน

"ชั้นไปก่อนรุ่ง โชคดี !"

เธอเดินไปหยิบกระเป๋าสะพาย แล้วตรงไปเปิดประตูห้อง

"บ๊ายบาย ทอม !"

เพื่อนสาวหันมาพยักหน้า แล้วเดินจากไป

************************************************************************************************* 

รุ่งเดินอย่างช้า ๆ เพื่อตรงไปยังทางเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสาร กับ อาคารจอดรถ

เขาเอื้อมมือขึ้นมาคลำเสื้อเชิ้ตบริเวณไหล่ ยังมีความชื้นจากรอยน้ำตาของเพื่อน

เพื่อนคนเดียวที่เรียนรู้วิชาการใช้ลูกดิ่ง และ ธรรมชาติบำบัดพร้อมกันกับเขา บัดนี้ได้จากไปแดนไกลแล้ว

ก่อนหน้านี้ วิชาลูกดิ่งที่เคยทำให้เขาเป็นนักทำนายสุขภาพที่น่าทึ่ง ก็จำต้องลาจากกับเขา นับตั้งแต่วันที่เขารู้ว่า ธาตุในกายเขาไม่สามารถจะรองรับวิชาลูกดิ่งนี้ได้

"เดินหาเศษตังค์หรือไง ?" เสียงนายซ่งตะโกนมาแต่ไกล

รุ่งเงยหน้ามองเพื่อนที่กำลังยืนอยู่กับแฟนสาว และ ฝน ความคิดหนึ่งแล่นขึ้นมาในสมอง

'ทั้งวิทย์ และ ฝน...เพื่อนทั้งสองคนนี้ ก็เป็นคนธรรมดา

ไม่มีความสามารถพิเศษใด ๆ เหนือคนทั่วไป แต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้'

คงถึงเวลาแล้ว ที่เขาต้องร่ำลา กับการใช้ชีวิตเป็น.... หมอเถื่อน

กลับมาใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ที่มีความสุข'

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า เขาเดินสาวเท้าให้เร็วขึ้น ตรงไปยังเพื่อนทั้งสามที่กำลังยืนรออยู่

(จบ)
__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

ต้องการฟังเพลงอีกครั้ง กด play

"We Never Really Say Goodbye"
Keep a song of joy inside your heart
Even though the time has come for us to part
We'll be together soon and time will fly
Because we never really say goodbye

Don't forget the love we shared today
Sweet memories to keep us warm along the way
I'll hold you in my heart so don't you cry
'Cause we never really say goodbye

Time may come between us
But it doesn't mean a thing
You know we'll be together in our dreams
And so tonight, my friend, sleep tight

And keep a song of joy inside your heart
Even though the time has come for us to part
We'll be together soon and time will fly
'Cause we never really say goodbye
We never really say goodbye

__________________________________________________________________________________________

โดย วีรยาติ

1, 2, 3, 4 <อ่านหน้า อ่านภาค 2

กลับขึ้นด้านบน

 


อ่านตอนอื่น

1. สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

2. แสดงความคิดเห็น หรือ โหวต

- ชอบตัวละคร ขอเชิญโหวตได้ที่นี่

- อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่

เชิญเยี่ยม Facebook หมอเถื่อน

(ให้กำลังใจโดยเข้าไป แล้วกด Like หรือ เขียนคำวิจารณ์)