ตอน 61 หน้า 3/5

ลาก่อน

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

น้อยเดินมาเรียกวิบูลย์...พี่ชาย ให้เดินออกไปคุยนอกห้องกรรมฐาน

หน้าห้องกรรมฐาน คุณหญิงเจน แพม กับสมาชิกครอบครัวกิจบูรณากลุ่มเล็ก ๆ กำลังยืนสนทนากัน สีหน้าบ่งบอกได้ว่า เรื่องที่สนทนากัน คงไม่ใช่เรื่องที่ดี

วิบูลย์และน้อย เดินมาถึง คุณหญิงเจนพยักหน้าให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องแยกย้ายกันกลับไปเข้าห้องกรรมฐาน คงเหลือแต่ คุณหญิงเจน แพม วิบูลย์ และ น้อย

ลูกชายคนโตของคุณหญิงถามขึ้น

"มีอะไรเหรอแม่ ?"

น้อยเริ่มเล่าให้พี่ชายฟัง

"พี่ใหญ่เห็นผู้หญิงที่ใส่เสื้อยืดสีขาว มาตั้งแต่เช้ากับเพื่อน ๆ ห้าหกคน ?"

วิบูลย์พยักหน้า

"อือ เห็น ๆ เค้าก็เข้ามายกมือไหว้พี่เหมือนกัน แต่พี่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร"

"อาจารย์ยาใจ เป็นคนนึงที่ช่วยเหลือหาทุนมาสร้างเรือนไม้นี่ เธอศรัทธาในหลวงพ่อมาก เคยช่วยงานบุญกับพวกเรามาหลายปี ชักชวนเพื่อน ๆ ที่เป็นอาจารย์หลายคนให้มาเริ่มปฏิบัติกันเป็นกลุ่ม ๆ"

พี่ชายคนโตของกิจบูรณาพยักหน้า

"อือ แล้วยังไง ?"

"อาจารย์ยาใจมาบอกแม่ว่า เคยเป็นครูสอนรุ่ง รุ่งเคยเป็นนักเรียนของเธอมาก่อน"

วิบูลย์หัวเราะ

"อ้าว ! เหรอ ? ก็ดีน่ะสิ"

แพมทำหน้านิ่ว

"แย่สิพ่อ ! อาจารย์เค้ามีเคยมีเรื่องกับรุ่งมาก่อน รุนแรงด้วย ถึงขนาดไล่รุ่งออกจากโรงเรียน"

คำพูดของลูกสาวหยุดรอยยิ้มของวิบูลย์ทันที

"เกิดอะไรขึ้น ? สองคนนี้มีเรื่องอะไรกัน ?"

น้อยอาสาเป็นคนเล่า

"เรื่องคร่าว ๆ คือ รุ่งมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในโรงเรียนหลายครั้ง มีปัญหากับครูหลายคน ที่ร้ายแรงที่สุดคือ รุ่งทะเลาะกับครูผู้หญิง แล้วตบหน้าครูต่อหน้านักเรียนคนอื่น เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อาจารย์ใหญ่เรียกรุ่งไปคุย รุ่งยอมรับว่าได้ตบหน้าครูจริง อาจารย์ใหญ่สั่งให้ขอโทษ รุ่งไม่ยอมขอโทษ วันพิจารณาคดี มีครูหลายคนอยู่ในห้องนั้น รุ่งก็ทำท่าจะมีเรื่องชกต่อยกับครูผู้ชายในห้อง ครูทุกคนทนไม่ได้ ก็เห็นพ้องกันว่า ควรไล่รุ่งออกจากโรงเรียน"

วิบูลย์ทำตาโต

"จริงเหรอ ? แล้วสุดท้าย รุ่งถูกไล่ออก ?"

น้อยพยักหน้า

"ใช่ ! รุ่งถูกไล่ออกตอนม.ห้า"

พี่ชายคนโตสั่นหัว

"ไม่น่าจะเป็นไปได้ มันน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจอะไรผิด คำพูดของผู้หญิงคนนี้เชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้"

วิบูลย์หันไปมองหน้าคุณแม่ตัวเอง

คุณหญิงเจนพยักหน้าช้า ๆ เป็นการยืนยันในความน่าเชื่อถือของอาจารย์ยาใจ

น้อยพูดกับพี่ชาย

"อาจารย์ยาใจเป็นคนดี เชื่อได้ เป็นคนใจเย็น รักความถูกต้อง"

พี่ชายยังไม่ปักใจเชื่อตามนั้น

"อาจารย์ได้ฟังคนอื่นเล่ามาอีกทีหรือเปล่า ? หรือว่าเธออยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ?"

แพมตอบแทนคุณอา

"โธ่ พ่อคะ ! ครูที่โดนรุ่งตบหน้าคนนั้น คือ อาจารย์ยาใจเองแหละค่ะ !"

คราวนี้วิบูลย์อ้าปากค้าง หมดคำถามที่จะถามต่อ

น้อยพูดต่อ

"คนที่ทะเลาะกับอาจารย์ยาใจได้นี่ ต้องถือว่าเฮี้ยวสุด ๆ แล้ว ถึงขนาดตบหน้าเลย ถือว่าก้าวร้าวรุนแรง"

วิบูลย์สั่นหัวช้า ๆ เขานึกถึงภาพเด็กชายชั้นประถม ที่ติดตามคุณวีระมาที่ห้องซ้อมดนตรี รุ่งโรจน์เป็นเด็กชายที่น่ารัก สุภาพ เข้ากับผู้ใหญ่ได้ง่าย ภาพนี้ยังฝังใจมาตลอด

"น้อย ยังไงเราก็ฟังความข้างเดียวไม่ได้ ต้องถามรุ่ง ฟังความจากรุ่งด้วย"

น้อยพยักหน้า

"แน่นอน ! ยังไงหลานเราก็ต้องเป็นหลานเรา รอให้งานวันนี้ผ่านไปเสียก่อนดีกว่า แล้วมีโอกาสค่อยคุยกัน วันนี้มีฤกษ์มียาม ไม่ควรนำเรื่องนี้มาคุยวันนี้"

คุณหญิงเจนพยักหน้า

"วันนี้บารมีของสมเด็จองค์ปฐม และ หลวงพ่อ คงคุ้มครองให้งานเปิดตัววันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี น้อยดูแลอาจารย์ยาใจด้วยนะ บอกให้เธอใจเย็น ๆ ก่อน ขอให้ผ่านวันนี้ไป แล้วเราค่อยมาจัดการเรื่องนี้อีกที"

ลูกชายพยักหน้ารับฟัง

"แพม ! แพมช่วยไปตามรุ่งมาหาย่าที ย่าจะเล่าความสำคัญของพิธีในวันนี้ให้รุ่งฟัง ย่าจะรออยู่ที่ห้องอาร์เอ็มเอ"

"ค่ะ" หลานสาวเดินผละออกมา ตรงเข้าห้องกรรมฐาน

ถึงแม้ว่าแพมจะได้ยินคำพูดของอาจารย์ยาใจที่เล่าให้คุณย่าฟังกับหูเธอเอง แต่เธอก็ยังมีความเชื่อมั่นว่า รุ่งไม่ใช่คนที่ก้าวร้าวแบบนั้นโดยไม่มีเหตุผล รุ่งไม่มีร่องรอยของคนที่มุทะลุ ใช้ความรุนแรง ไม่แต่เพียงนั้น เธอยังรู้สึกได้ว่ารุ่งมีความละเอียดอ่อน สุขุม และ ใจเย็น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต คงต้องมีเหตุผลอื่น ๆ ซ่อนอยู่ที่ยังไม่ถูกอธิบาย

*************************************************************************************************

รุ่งนั่งบนเก้าอี้โซฟา ตรงข้ามกับผู้อาวุโสหญิงแห่งกิจบูรณา

เขายังเหลียวหลังไปดูรูปภาพที่ตู้โชว์

"วันนี้ ถ้ารุ่งอยากมาดูข้าวของในห้องนี้ เสร็จจากพิธีในงานแล้ว รุ่งเข้ามาห้องนี้ได้"

คุณหญิงเข้าใจดีว่า หลานชายคงต้องฉงนกับสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งเป็นสมบัติส่วนตัวของคุณพ่อตัวเอง ที่ถูกนำมาเก็บไว้ในห้องนี้

"คุณหญิงครับ ห้องนี้เป็นของพ่อผมเหรอครับ ?"

"ไม่ใช่แค่ห้องนี้ เรือนไม้นี้ทั้งเรือน เรียกได้ว่า เป็นของพ่อรุ่ง"

คิ้วของรุ่ง ขมวดชนกัน

คุณหญิงพูดต่อ

"ในงานวันเกิดคุณย่าเฉลา คุณย่าบอกยายว่า อีกไม่นาน คุณย่าจะพารุ่งไปพบกับพ่อ ความอดทนที่รุ่งมีมานั้น ยายเองก็ขอชื่นชม แต่พิธีในวันนี้ ก็ถือว่าสำคัญมาก หากวันนี้ไม่มีพิธีนี้ ก็อาจจะไม่มีวันนั้น ที่รุ่งได้พบกับคุณพ่อ"

รุ่งมองหน้าคุณหญิง แต่ไม่มีคำถาม

"คุณพ่อของรุ่งป่วยหนัก ป่วยมาหลายปีแล้ว อาการแย่ลงเป็นลำดับ หมอเค้าก็บอกสาเหตุของโรคตามประสาหมอนั่นแหละ แต่พระท่านบอกว่า มันเป็นเรื่องกฏแห่งกรรม รุ่งเข้าใจคำว่า 'พระ' ท่านใช่มั้ย ว่าหมายถึงอะไร ?"

รุ่งพยักหน้า

"คิดว่าเข้าใจครับ ผมอ่านหนังสือของหลวงพ่อที่อุทัยธานี ท่านจะใช้คำว่า 'พระ' แทนคำว่าพระพุทธเจ้า ให้เป็นที่เข้าใจกันในหมู่ลูกศิษย์ เพราะหากท่านใช้คำเต็ม ๆ ว่า พระพุทธเจ้า จะทำให้คนที่ไม่มีศรัทธา กล่าวหาว่าท่านโกหก เป็นการปรามาส เป็นบาปติดตัวคนฟังอีก"

"ใช่แล้ว ! พระท่านบอกวิธีบรรเทากฏแห่งกรรมนี้ ด้วยการสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นการชดใช้ในสิ่งที่เคยทำไว้กับเจ้ากรรมนายเวร และ ถือเป็นการต่ออายุให้กับคุณพ่อของรุ่ง ความจริงสำนักปฏิบัติธรรมนี้ จะพร้อมที่มีคนมาเป็นผู้นำบริหารก็อีกประมาณสองปี แต่ด้วยอาการป่วยของคุณพ่อรุ่ง ทำให้เรารอไม่ได้ จึงต้องทำพิธีเปิดในวันนี้ หลังจากทำพิธีเปิดแล้ว ต่อไปก็จะมีการใช้ที่นี่เป็นที่สอนกรรมฐานกัน อาการป่วยของคุณพ่อรุ่ง ก็จะเริ่มดีขึ้น"

รุ่งพยักหน้าเป็นระยะ ๆ เพื่อแสดงออกว่า เขาตั้งใจฟัง

"พิธีเปิดนั้น ง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย คือ เมื่อเช้านี้ มีการบวงสรวงเทวดา ด้วยบทชุมนุมเทวดา ยายกับคนในครอบครัวของกิจบูรณาได้ทำเสร็จไปตั้งแต่เช้าตรู่วันนี้แล้ว อีกสักพัก เวลาเก้าโมงเก้านาที อาน้อย ก็จะนำพวกเรากราบพระ แล้วนั่งสมาธิสิบนาที เสร็จแล้ว อาน้อยก็จะเป็นคนกล่าวเปิดงาน แค่นี้ถือว่าพิธีจบแล้ว"

รุ่งพยักหน้าอีกครั้ง

"แล้วใครจะมาเป็นครูสอนกรรมฐานที่นี่ล่ะครับ ?"

"เรามีอาสาสมัคร ซึ่งเริ่มต้นนั้น มีกันไม่กี่คน ทุกคนเรียนมาทางสายเดียวกับหลวงพ่อที่อุทัยธานี คือ ทุกคนต้องสอนมโนมยิทธิได้ แต่หลักสูตรการสอน ไม่ใช่จะมีแค่มโนมยิทธิเท่านั้น จะมีตั้งแต่กรรมฐานแบบสุกขวิปัสสโก มโนมยิทธิครึ่งกำลัง ญานแปด กสิณ แล้วก็มีต่างชาติมาสอนวิธีการฝึกอภิญญาแบบตะวันตก"

คำอธิบายของคุณหญิง ทำให้รุ่งประหลาดใจ

"โห ! นี่นับว่าสอนเยอะเลยนะครับ คงมีครูมาจากทั่วประเทศเลยสิครับ มีฝรั่งมาเป็นครูด้วย สุดยอดเลย !"

คุณหญิงหัวเราะเบา ๆ

"บอกรุ่งตรง ๆ ว่า ตอนนี้ยังไม่มีครบตามนั้น เรามีครูอาสาแค่สี่คนเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้พูดไปนั้น พระท่านเป็นคนบอกแบบนั้น ท่านบอกว่า อนาคตที่แห่งนี้ จะมีการสอนแบบนี้ เรื่องครู ไม่ต้องกังวล จะมีคนมาเป็นครูอาสาเพิ่มขึ้นเองเมื่อถึงเวลา ที่นี่จะเป็นที่พึ่งของคนที่นิยมอภิญญามาแต่เก่าก่อน อนาคต ประเทศไทยจะต้องการคนเหล่านี้เพื่อช่วยบรรเทาเหตุการณ์ต่าง ๆ"

ขนในตัวของเขา กลับลุกซู่

"ผมเคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อ ทำนายเรื่องภัยพิบัติ แล้วก็เหตุการณ์ในประเทศไทยเอาไว้ล่วงหน้า ท่านบอกว่า เรื่องร้ายจะมีขึ้นแน่นอน แต่สำหรับคนที่รักษาสมาบัติไว้ได้ ทุกอย่างก็จะผ่อนคลาย จากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นไม่มี ส่วนคนที่ประมาท ไม่นึกถึงความตาย ยังหลงกับชีวิต ก็จะถูกภัยต่าง ๆ คุกคาม หนียังไงก็ไม่พ้น"

หญิงอาวุโสมีรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก

"รุ่งศึกษาธรรมะของหลวงพ่อมานานแล้วสินะ ถึงจำเรื่องราวได้เยอะ"

"ไม่นานครับ แต่ผมอ่านเยอะมาก"

รุ่งมองไปที่ตู้โชว์รอบห้อง

"เรือนไม้ทั้งหลังนี้ เป็นของพ่อผม ! เงินจากไหนกันครับ ที่มาสร้างเรือนไม้นี้ ? คงไม่ใช่เงินของพ่อแน่ ๆ"

"เงินของคนที่ศรัทธาในตัวพ่อของรุ่งไง เขาบริจาคเพราะความศรัทธา เมื่อบริจาคแล้ว พ่อของรุ่งก็มอบให้เป็นสมบัติของพุทธศาสนา ไม่ได้เก็บไว้ใช้ส่วนตัว"

รุ่งโรจน์ไม่ใช่วัยรุ่นที่ไม่มีสมอง คำพูดเพียงเท่านี้ ทำให้เขาคิดถึงคำตอบที่แคบลงได้

ความศรัทธาในตัวบุคคล ที่ทำให้คนอื่นซึ่งไม่ใช่ญาติ บริจาคเงินจำนวนมากมายสร้างเรือนไม้นี้ได้ ความศรัทธานั้น จะต้องมีพื้นฐานมาจากความประพฤติที่เยี่ยมยอดกว่าบุคคลทั่วไป

เวลาเพียงชั่วข้ามนาที กับสิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้รวบรวมมาตลอดระยะเวลาหลายปี สรุปได้ เป็นคำตอบเดียวที่อธิบายได้ว่า หากพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ ทำไมแม่จึงไม่เคยติดต่อ ไม่เคยไปเยี่ยม

*************************************************************************************************

 

1, 2 <อ่านหน้า> 4, 5
นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก เปิดให้จองแล้ว กดที่นี่