

ท่านลุงพยักหน้า
"ใช่ ! นับถอยหลังจากสมัยโยนกนครนั้นไปอีก ประมาณพันปี ภาษาที่เขาใช้กันสมัยนี้ ไม่มีศัพท์ไหนที่แกจะเดาออกได้เลย"
"ภาษาสมัยนี้ ? สมัยนี้ คือ สมัยที่เราอยู่กันเหรอครับ ?"
"ก็ใช่ เราอยู่กันที่สมัยนี้"
"อ้าว ! สมัยที่เราอยู่กัน ผมจะไม่เข้าใจได้ยังไง ? ผมหมายถึง สมัยนั้นสิ สมัยที่เรากำลังระลึกมานี่น่ะ"
ท่านลุงท้าวสะเอว เชิดหน้าแล้วตะโกน
"มึงจะมาทะเลาะกับกูเรื่องสมัยโน้น สมัยนี้อีกแล้วใช่มั้ย ? ไอ้ระยำนี่ มีเรื่องมาแหย่ได้ประจำ"
แอนดี้หัวเราะร่วน
"ฮ่า ๆๆๆๆ ! แหม ! แหย่ก็เพราะรักน่ะครับ งั้น ดูเหตุการณ์กันต่อเลยครับ สมัยนี้ เกิดอะไรกันขึ้นนะ ?"
มอนพ้งถือวิสาสะ นั่งลงบนพื้นหญ้าข้าง ๆ






แอนดี้มองหน้าท่านลุง เลิกคิ้ว ไม่เข้าใจคำศัพท์บางคำ
ท่านลุงถอนหายใจ
"นี่ชั้นโมดิฟายให้มันซิมเปิ้ลแล้วนะ ยังไม่เข้าใจอีก บาดนี่คือการนับเวลาสมัยก่อน หนึ่งบาดก็ประมาณหกนาที ไอ้สิบบาดนี่ก็ประมาณชั่วโมงนึง"
"อ้อครับ ! แล้วนับยามล่ะครับ เค้าไปนับยามที่นั่น คืออะไรครับ ?"
"สมัยโบราณ เค้านับเวลาตอนกลางคืนว่ายาม ตั้งแต่พระอาทิตย์ตก ก็นับหนึ่งยาม ยามนึงมีสามชั่วโมง นับไปสี่ยามก็เช้า ไอ้คำว่านับยามที่นายสิงดีพูด เค้าหมายถึงว่า จะไปพักค้างคืนที่นั่น"
แอนดี้พยักหน้าเข้าใจ
สิงดีเจ้าของคณะค้าเร่ เดินมาสั่งลูกน้องตีนม้าเร็ว

ท่านลุงพยักหน้า
"ไอ้พ่อค้าเร่คนนี้ มันเก่ง ค้าขายจนเชี่ยวชาญ รู้เส้นทางการเดินทางไปยังแคว้นต่าง ๆ"
นายพันจูงม้าของตัวเอง เดินกลับไปที่เกวียนเล่มที่สอง
คนงานชายในคณะของนายสิงดีสี่ห้าคน เดินตามไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นายพันยืนอยู่ที่ท้ายเกวียนเล่มสุดท้าย หันหน้ามาส่งยิ้มให้กับเหล่าคนงานของคณะเร่
แล้วเงยหน้าพูดกับคนในเกวียน




สาวชื่อจันอายุประมาณสามสิบปีพยักหน้ารับคำ
คนงานคณะเร่ของสิงดี ยืนมองอยู่ใกล้ ๆ เกวียนเล่มที่สอง ให้ความสนใจกับคณะผู้ร่วมเดินทางคณะนี้เป็นพิเศษ
พี่สาวของแดง กระซิบที่ข้างหูน้องสาว ขณะที่น้องสาวกำลังจะก้าวลงจากเกวียน

พี่สาว ยื่นนิ้วชี้ผลักหน้าผากน้องสาว น้องสาวหัวเราะ
นายพันพาดบันไดไม้ไว้ให้ที่บริเวณของท้ายเกวียน
แดงไต่บันไดลงจากเกวียน นังจันไต่ลงตามมา
สาวแดงย่างเท้าเข้าไปหาเด็กหญิงที่ข้างพงหญ้า ก้มหน้าจ้องไปที่ปากเด็กน้อย

เด็กน้อยฟังความรู้เรื่อง ก็หันหลัง ก้มลงวางกะท้อนของตัวเองลงที่ห่อผ้าที่วางอยู่บนพื้น แล้วหยิบกะท้อนลูกใหม่อีกสองลูก ยื่นให้นังแดง
นังแดงเอียงคอ ยื่นมือรับ แล้วมองหน้านายสิงดี

สาวเป็งที่มีอาวุโสมากที่สุดในคณะ ปิดปากหัวเราะ
สาวปทุมคนพี่ มองดูกะท้อนในมือ แล้วมองหน้าเป็ง



ทั้งเป็ง และ จัน ต่างเอามือปิดปาก รู้สึกผิดที่พลั้งปากไป
สหายลุงพูดขึ้น
"แนะนำตัวละครคร่าว ๆ แค่นี้ก่อน เดี๋ยวเราตัดไปตอนที่กองคาราวานนี้ ไปถึงหมู่บ้านสะเทินไม้เลย"
"อือ ดีครับ ! ตัวประกอบข้าม ๆ ไปก็ได้ ผมอยากเห็นผจัญบุตรแล้วครับ ดูว่าจะเท่ห์ขนาดไหน"
"ยัง ๆ ! ตัวเอกจะมาเปิดตัวตอนแรกได้ยังไง ตัวประกอบหรือไม่ประกอบ เดี๋ยวแกก็ได้รู้ ใจเย็น ๆ จะให้ดูคร่าว ๆ ไม่ยืดเยื้อหรอก"
แอนดี้พยักหน้า
********************************************************************************

คณะเดินทางของพ่อค้าเร่ เลือกทำเลประจำที่เคยพักค้างแรมทุกครั้งที่เดินทางผ่านมา มันคือ หน้าปากถ้ำใหญ่ อยู่ชายป่าท้ายหมู่บ้านสะเทินไม้
ปากถ้ำมีความกว้างเกือบร้อยเมตร ความใหญ่ของปากถ้ำ เพียงพอต่อการนำเกวียนทั้งหมดของคณะ เข้าไปจอดพักได้
หลังจากขนข้าวของที่จำเป็นลงปักหลักเพื่อค้างแรมที่บริเวณนี้แล้ว สิงดีก็จะนำคณะของเขา เข้าไปยังหมู่บ้านเพื่อทำการค้า
นายพันกำลังออกคำสั่งลูกน้องให้จัดการวางข้าวของให้เป็นระเบียบ และ จัดระบบเวรยาม ในขณะที่สิงดีเดินมาฝากความ










นังแดงมีรอยยิ้มขึ้นมาทันที
แอนดี้สะดุดหูกับคำว่า 'พระเจ้าตวันอธิราช' เขาถามท่านลุงทันที
"นี่คือเหตุการณ์ร่วมสมัยกับพระเจ้าตวันอธิราช ? ขนลุกไปหมดเลย ผมได้เคยเกิดมาในสมัยพระเจ้าตวันอธิราชด้วย"
"อือ ! ก็แกดองกับท่านมาตลอดนะ พ่อใหญ่ก็คือพ่อใหญ่ตลอด แล้วสมัยนั้นเนี่ย มันก่อนที่พงศาวดารไทยจะบันทึกไปถึง ฉะนั้น ที่เรามาระลึกกันอยู่นี่ มันไม่มีทางจะไปอ่านได้จากที่ไหนเลย เป็นออริจินัลแท้ ๆ"
แอนดี้ยกมือขึ้นพนม
"จะเป็นบุญของผมมาก ถ้าผมได้เห็นพระเจ้าตวันอธิราช รบกวนท่านลุงพาผมไประลึกถึงท่านสมัยนั้นนะครับ"
"อย่าเพิ่งเลย เดี๋ยวมันยาว ถ้าแกเห็นพ่อใหญ่แก ยาวแน่ ปีติแกจะทำให้ชั้นไม่ต้องไปไหนกัน ตอนนี้ เรื่องสำคัญคือ เรื่องพระนางจันทิมา ฯ เอาเรื่องนี้ก่อน จะได้ไม่เสียเวลา"
แอนดี้พยักหน้าเข้าใจ
"ได้ครับ ! แต่ทำไมนังแดง ถึงต้องพูดว่า ถ้าอยู่ในเขตของพระเจ้าตวันอธิราช จะไม่มีอันตราย แล้วที่อื่นมีอันตรายเหรอครับ ? แคว้นปะทุมดีนี่ ใช่เขตของพระเจ้าตวันอธิราชหรือเปล่าครับ ?"
"ไม่ใช่ ! ปะทุมดีก็เป็นแคว้นปกครองตนเอง ส่วนพระเจ้าตวันอธิราชเป็นกษัตริย์ของอาณาจักทวารวดี แต่พูดภาษาเดียวกัน วัฒนธรรมคล้ายกัน แต่งตัวคล้ายกัน สองแคว้นนี้เป็นมิตรกัน"
"แต่แคว้นอื่น ไม่เป็นมิตร ? ผมคงถามเยอะไป ไปตามดูเหตุการณ์ต่อก่อนก็ได้ครับ"
"เดี๋ยวตามดูไป ถ้าไม่เข้าใจค่อยถามใหม่"
********************************************************************************

หมู่บ้านสะเทินไม้ ตั้งอยู่ชายแดนของเขตทวารวดีติดกับอาณาเขตของอาณาจักรเจนปุระ
บริเวณชายแดนแถบนี้ มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น กระจายอยู่กันหลายหมู่บ้านทางสัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้านสะดวกพอสมควรสำหรับการเดินเท้า และ เกวียน
หมู่บ้านสะเทินไม้เป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่ติดชายแดนอาณาจักรเจนปุระ จึงเป็นชุมทางที่พักค้างคืน ของผู้เดินทางต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งพ่อค้าที่เดินทางข้ามแคว้นเพื่อขายสินค้า เชื้อพระวงศ์ ของกษัตริย์แคว้นต่าง ๆ ที่เดินทางเพื่อจะไปสำนักดาบส ต่างก็จะเลือกมาหยุดพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งมีพร้อมทั้งที่พัก อาหาร และ ตลาด ก่อนที่จะเดินทางต่อไปอีกแค่สองวัน ก็จะถึงสำนักดาบสแห่งสุวรรณภูมิ
ทุกบ่ายของวันขึ้น 15 ค่ำ และ แรม 15 ค่ำ จะมีตลาดนัดที่หมู่บ้านสะเทินไม้ ซึ่งจะมีชาวบ้านหลายหมู่บ้าน ทั้งในเขตทวารวดี และ จากอาณาจักรเจนปุระ นำของมาวางขาย รวมทั้งคณะพ่อค้าเร่ต่าง ๆ
"ตลาดสมัยโบราณ เป็นอย่างนี้นี่เอง" แอนดี้รำพึง
"น่าสนุกมั้ยล่ะ ?"
"ครับ !"
"เรามาเข้าเรื่องของเราดีกว่า"
นังแดงเดินกระหยิ่มยิ้มมาตามทางเดินกลางตลาด เพราะได้ของประดับที่ตนเองพอใจ ทั้งยังมีของฝากไปเผื่อพี่สาวที่นอนปวดท้องอยู่ที่หน้าปากถ้ำ
เธอเก็บของม้วนใส่ผ้าแล้วสะพายไพล่หลังไว้ ไม่ยอมให้นังจัน นังเป็ง ที่ตามมาเป็นเพื่อนช่วยถือ
รอบสามสาว นายพันและลูกน้องหนุ่มอีกห้าคน เดินล้อมเกือบจะเป็นวงกลม
ลมพัดความชื้นเข้ามาในอาณาเขตตลาด ทุกคนรู้สึกถึงความเย็นได้ดี
นายพันมองขึ้นฟ้า


********************************************************************************

หลังจากเคาะไม้เรียกลูกค้านานพอสมควร หน้าแคร่ไม้ไผ่ที่จัดเป็นเวทีการขายของของคณะนายสิงดี ก็เต็มไปด้วยผู้คน ทั้งชาวทวารวดี ชาวเจนปุระ และ ชนเผ่าอื่น ๆ ที่สนใจจะฟังนิทานสิบแคว้น
แอนดี้ถามขึ้น
"นิทานสิบแคว้นนี่ดังมากเหรอครับ ? ทำไมถึงมีคนมานั่งฟังเยอะจัง ?"
"มันไม่ใช่ชื่อนิทาน นิทานสิบแคว้น มันเป็นเทคนิคการขายของของเจ้าคณะต่าง ๆ สมัยสี่สิบห้าสิบปีก่อน ประเทศไทยเองก็มีการขายของโดยการฉายหนังกลางแปลง ล่อให้คนมาดูหนัง ก่อนดูหนังก็ขายของ ฉายไปครึ่งทาง ก็พักขายของอีก หนังหนึ่งเรื่อง หยุดพักสี่ครั้ง ได้โฆษณาขายของสี่ครั้ง"
"อ้อ ๆ ! เมืองจีนสมัยก่อนก็มีเหมือนกัน เข้าใจละครับ"
"คนสมัยก่อน มันไม่ได้มีหนังสือนิยายให้อ่าน ไม่มีทีวีให้ดู ไม่มีมหรสพบ่อย ๆ นาน ๆ ที จะได้อัพเดทข่าวสารจากต่างบ้านต่างเมืองให้มันอินเทรนด์ซักหน่อย เค้าก็แห่พากันมาฟัง มันจะเรื่องโกหก หรือ เรื่องจริง สำคัญคือความบันเทิง ถือว่าเป็นการพักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนสมัยนั้น"
สิงดีเริ่มทำการโฆษณาขายสินค้าที่อ้างว่า สินค้าชนิดนั้นของเขาเท่านั้นที่ดีที่สุด เช่น หนังสัตว์, ผ้าทอจากแคว้นต่าง ๆ, ภาชนะที่ทำด้วยวัสดุจากต่างเมือง, ภาพวาด
นานสักเกือบยี่สิบนาทีแล้ว ยังไม่เริ่มเข้าเรื่องการเล่านิทาน หนุ่มแต่งกายทวารวดีคนหนึ่งตะโกนขึ้น

แอนดี้พูดขึ้น
"นี่ขนาดท่านลุงโมดิฟายภาษาให้แล้ว ยังโผล่ศัพท์แปลก ๆ รอดมาจนได้ กำสีเน แปลว่า อะไรครับ ?"
"กำสีเน แปลว่า คำร่ำลือ"
แอนดี้หัวเราะเมื่อรู้ความหมาย
"ขี้คุยมากเลย สิงดีคนนี้"
เมื่อโอ้อวดสรรพคุณตนเองจนเป็นที่พอใจ พ่อค้าเร่นักเล่านิทาน ก็เริ่มเรื่องเล่า ด้วยเรื่อง โสณะทำนาย





แอนดี้เริ่มมีคำถาม ที่ต้องการคำตอบ
"ราชวงศ์ถัง ชาวฮั่น นี่หมายถึง คนจีน ประเทศจีน ใช่มั้ยครับ ?"
"ใช่ ๆ ! สมัยนั้น ไม่มีคำว่า จีน ในเขตสุวรรณภูมินี้ เขาเรียกคนจีนว่า ชาวฮั่น แคว้นนานเยว์สมัยนั้น เป็นเขตปกครองของจีน พูดง่าย ๆ คือ เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน"
"อ้อ ครับ ! เลยมีความเชื่อไม่เหมือนกับคนแถบนี้ พรานที่ไม่กล้าแตะต้องช้างเผือก เค้ามีความเชื่ออะไรครับ ?"
"ในเขตสุวรรณภูมิสมัยนั้น มีความเชื่อว่า ถ้าได้เจอช้างเผือก ที่มีลักษณะตามตำราดูช้างโบราณ ชื่อตำราว่า คชปุรามหาประเสริฐ ที่มีลักษณะเจ็ดประการตามที่ว่าไป แล้วก็มีพฤติกรรมพิเศษแปดอย่าง ซึ่งอย่าถามชั้นนะว่ามีอะไรบ้าง ชั้นจำไม่ได้หมด
ไอ้ที่พอจำได้ก็ ช้างเผือกจะไม่ร้องในยามปกติเหมือนช้างทั่วไป จะร้องเมื่อมีเหตุอันควร เช่น ร้องเสียงดังเมื่อได้เจอผู้มีบุญที่จะเป็นเจ้าของ อีกข้อ คือ จะหาทำเลที่เหมาะสมด้วยตนเอง"
"อธิบายเลยครับ หาทำเลที่เหมาะสมด้วยตนเอง คืออะไร ?"
"นี่แหละ พอดีกับนายสิงดีคนนี้กำลังจะโม้ พาแกตัดกลับไปเข้าดูละครต่อไป"
ชาวบ้านชายวัยอาวุโสกำลังยกมือถาม


เสียงหัวเราะดังมาจากชาวบ้านหลายคน
นายสิงดีรีบยกมือห้าม ก่อนที่จะเกิดการวิวาทด้วยวาจาในหมู่ผู้ฟัง


บรรดาผู้ฟังที่เป็นชาวเจนปุระ ต่างก็พยักหน้า มั่นใจว่า ช้างเผือกเชือกนี้ จะต้องตกเป็นของอาณาจักรตนอย่างแน่นอน
แอนดี้ขมวดคิ้ว เริ่มมีคำถาม
"นานเยว์ ติดกับ เจนปุระ ใช่มั้ยครับ ? แล้วเจนปุระติดกับอะไรอีกครับ ? ผมอยากรู้ภูมิศาสตร์ ไม่งั้นคงนึกภาพไม่ออก
ช้างจะเดินไปทางไหน ถ้ามันติดทะเล ก็ตกทะเล ก็คงต้องหยุดอยู่ที่เจนปุระแน่"
"แกนี่ฉลาดทุกชาติเลย พอฟังแค่นี้ ก็ถามหาแผนที่ละ ได้ ๆ เดี๋ยวจะเนรมิตแผนที่ให้แกดู"
*************************************************************************************
1< อ่านหน้า > 3, 4, 5
สั่งซื้อนิยายหมอเถื่อนรวมเล่ม คลิ๊กที่นี่
กลับขึ้นด้านบน อ่านตอนอื่น
|