ตอน 20

วันหยุดของพี่ใหญ่

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

สองทุ่มกว่า อาการปั่นป่วนในร่างกายคลายลงจนเกือบหมดสิ้น...

... แอนดี้ใช้เวลาพักจิตอยู่ในความสงบประมาณเกือบสิบนาที ก่อนที่เสียงของพระนางจันทิมาจะดังขึ้น

"พลังท่านฟื้นหรือยัง ?"

"ครับ ! แปดสิบเปอร์เซนต์ได้แล้ว อีกซักสิบนาทีคงเป็นปกติ"

ภาพของพระนางในชุดสตรีโบราณเริ่มปรากฏขึ้นในจิต

"เรามีข่าวดีจะแจ้งให้ท่านรับรู้ วันพรุ่ง ท่านจะได้รับรางวัลเป็นวันหยุด หนึ่งวัน"

"วันหยุด ! วันหยุดเรื่องอะไรครับ ?"

"ก็ท่านโอดโอยคร่ำครวญกับพระอาจารย์ของท่านว่า อาการเจ็บป่วยของท่านทำให้ท่านอยากจะลาโลกนี้ ใช่หรือไม่ ?"

"ครับ วันก่อน ผมโดนหนักมาก คิดว่าเค้าเอาผมถึงตายแน่ ๆ แต่วันนี้ก็เบาลงครับ"

พระนางสั่นหัวช้า ๆ

"เจ้ากรรมกลุ่มใด ก็มิสามารถทำให้ท่านถึงตายได้ หากเรายังอยู่ ท่านจะไม่ตายด้วยการเจ็บป่วยแน่นอน"

"นั่นยิ่งเป็นการทรมานหนักกว่าการตายซะอีก"

พระนางพยักหน้าเข้าใจ

"ด้วยการที่ท่านบ่นโอดโอยน่าสงสารยิ่งนัก เราจึงจัดการต่อรองวันหยุดให้ท่าน หนึ่งวัน คืนพรุ่ง ท่านจะไม่มีอาการเจ็บป่วยเหมือนทุกวัน"

"วันหยุด ! เจ้ากรรมนายเวรผมมีวันหยุดพักผ่อนได้ด้วย พักไปวันนึง วันถัดมา ผมจะโดนหนักเป็นสองเท่าหรือเปล่าครับ ?"

พระนางสั่นหัวช้า ๆ

"อย่ากังวลไปเลย ! ที่เราสามารถต่อรองวันหยุดให้ท่านได้นั้น เนื่องมาจาก เจ้ากรรมรายใหญ่ ได้ทวงท่านไปเกือบหมดแล้ว ท่านก็มีจิตที่สงบ ไม่เคืองแค้นในเจ้ากรรมเหล่านั้น อีกเหตุผลหนึ่ง คือ การปฏิบัติธรรมของท่านในทุก ๆ วัน ทำให้บุญส่งผล ลดทอนวิบากใหญ่ ให้กลายเป็นวิบากเล็ก จึงมีช่องว่างให้เราได้เจรจาวันหยุดให้ท่านได้"

แอนดี้ตั้งจิตก้มลงกราบพระนาง

"ขอบพระคุณพระนางมาก แค่นึกถึงว่า ผมจะได้ใช้ชีวิตหนึ่งวันเต็ม ๆ โดยไม่ป่วย ผมก็รู้สึกดีใจเกินคาดแล้ว"

"ขอแสดงความยินดีกับวันหยุดของท่าน ก็ขอให้ท่านได้ใช้วันหยุดหนึ่งวันอย่างคุ้มค่า"

**************************************************************************************

นับเป็นเวลามากกว่าห้าสิบวันติดต่อกัน ที่ความเจ็บป่วยอย่างหนักเรียงกันเข้ามาปะทะเขาทุกวันในเวลาหนึ่งทุ่มตรง

ห้าสิบกว่าวันที่เขาจำเป็นต้องกลับให้ถึงบ้านก่อนเวลาหนึ่งทุ่มเพื่อเตรียมรับอาการเจ็บป่วย

ห้าสิบกว่าวันที่อาหารกลางวัน กลายเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของวัน เขาไม่มีโอกาสทานอาหารเย็นมาเกือบสองเดือนแล้ว

เอนกต้องคอยดูแลเขาเสมือนพยาบาลส่วนตัวในช่วงคำของทุกวัน บางวันต้องทำความสะอาดเศษอาหารจากการอาเจียน บางวันต้องเช็ดตัวเพราะอาการไข้ สำรับยาที่ท่านสิทธาฤาษีจัดให้มีเตรียมไว้ใกล้มือนั้น เอนกเป็นผู้รับผิดชอบหยิบฉวยให้ในเวลาที่เขาเจ็บป่วย

แอนดี้เดินลงมาจากห้องนอน เพื่อบอกข่าวดีกับน้องสาว และ เอนก

บริวารทั้งสองต่างมีรอยยิ้ม

เอนกพูดขึ้น

"ถ้ายังงั้น พรุ่งนี้ ผมขอลาไปหาชลนะครับพี่แอนดี้"

พี่ใหญ่พยักหน้า

"ไปเถอะ ! วันหยุดทั้งที ต้องใช้ให้คุ้ม"

เขาหันหน้ามาหาน้องสาว แล้วพูดด้วยภาษาจีนกลาง

"อาฟ่ง ! แล้วเราสองคนล่ะ พรุ่งนี้ทำอะไรกันดี ?"

ซีฟ่งอมยิ้ม ยกนิ้วชี้ขึ้น

"มีสิ่งเดียว ที่ครอบครัวเราจะทำ เนื่องในโอกาสพิเศษแบบนี้ คือ....."

พี่ชายตอบสวนมา

"สุกี้ !"

น้องสาวพยักหน้าทันที

"ใช่ ! ฉันจะเตรียมซื้อของมา แล้วจะทำน้ำจิ้มสูตรของพี่หลงด้วย"

แอนดี้พยักหน้า

"ดี ! เราพี่น้องสองคนมาฉลองกัน"

"จริงสิ พี่ใหญ่ ! พี่ใหญ่ยังดื่มเบียร์ได้หรือเปล่า ?"

พี่ใหญ่สั่นหัว

"ไม่ต้องเบียร์หรอก แค่เนื้อวัวกับน้ำจิ้มสูตรอาหลง มันก็วิเศษมากแล้ว"

แอนดี้มองหน้าเอนก อดีตลูกน้องเก่าเชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ที่รู้จักคบหา สนิทชอบพอกันมานับสิบปี ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นพยาบาลจำเป็น

เขาพูดกับน้องสาวด้วยภาษาจีนกลาง

"เราจะชวนเขา กับ แฟนของเขามากินสุกี้ร่วมกับเราด้วยดีไหม ?"

แอนดี้หมายถึงเอนก กับ ชลลดา

น้องสาวพยักหน้า

"ได้สิ ! พวกเขาก็ใกล้ชิดกับเราเหมือนเป็นครอบครัว ไม่มีเขา พี่ใหญ่คงจะลำบากกว่านี้"

แล้วเธอก็หันหน้าไปหาพยาบาลจำเป็น พูดด้วยภาษาไทย

"พี่เอนก พรุ่งนี้ชวนพี่ชลมากินสุกี้ที่นี่สิ หงส์กับพี่แอนดี้จะทำสุกี้กินกัน"

เอนกโบกมือ

"ไม่เป็นไร ! ตามสบายเลยหงส์ นาน ๆ สองพี่น้องจะได้กินข้าวด้วยกัน"

หงส์พยักหน้า

"อื้อ ! นาน ๆ พี่เอนกก็จะได้ดินเนอร์กับพี่ชลเหมือนกันเนอะ"

เอนกส่งยิ้มให้

"จะให้ช่วยซื้ออะไรหรือเปล่า ? บอกได้นะ"

หงส์สั่นหัว

แอนดี้พูดขึ้น

"เรื่องซื้อของมาทำสุกี้ ของถนัดของเค้าแหละ เอนกพาชลไปกินข้าวเถอะ ชลอยู่กรุงเทพ ฯ หรือ อยุธยา ?"

"กลับมากรุงเทพ ฯ แล้ว อีกสองวันจะเริ่มงานที่ใหม่"

หงส์พูดด้วยเสียงสูง

"ได้งานใหม่แล้ว ! เร็วจัง ! คนสวยนี่หางานได้ง่ายเนอะ"

เอนกหัวเราะ แล้วสั่นหัว

"งานที่ใหม่นี่ จริง ๆ ก็ไม่ใหม่ คือ บริษัทเก่าที่ชลเคยทำมาก่อน ชลยังติดต่อกับเจ้านายเก่าอยู่ พอเค้ารู้ว่าชลหางานอยู่ ก็รับกลับไป"

สองพี่น้องพยักหน้ารับรู้

**************************************************************************************

เอนกขอตัวออกไปซื้อของข้างนอกตอนสี่ทุ่ม

ที่ห้องรับแขกข้างล่าง คงเหลือแต่หงส์น้อยนั่งอมยิ้มอยู่ที่โซฟาคนเดียว

การได้จินตนาการถึงภารกิจช็อปปิ้งเครื่องสุกี้ในวันพรุ่งนี้ ทำให้เธอมีอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เธอนึกภาพออกว่าจะซื้อสิ่งใดจากแหล่งไหน ทุกอย่างอยู่ในมโนภาพของเธอหมด ใบหน้าจึงเปื้อนยิ้มอย่างห้ามไม่ได้

เมโลดี้ที่ติดปากถูกฮัมออกมาเบา ๆ

"ฮืม.......!"

เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์วางเครื่องเสียง หยิบแผ่นซีดี ของ จีนี่จัว (Genie Zhuo 卓文萱) แล้วเล่นเพลงโปรดที่คุ้นหู

หน้าจอของแมคบุคที่เปิดอยู่ แสดงผลจำนวนอีเมล์ทั้งหลายที่เธอเคยได้ทำการโต้ตอบกับก้อง

เนื้อเพลงเริ่มเข้าท่อนสร้อย เธอร้องคลอไปด้วยอย่างสุดเสียง

'เซี่ยวเจ๋อเลี่ยนซีเฟินหลี่ เมี่ยนเซี่ยงไท่หยางเจ่าเป้ยอิง เสยซื่อหว่อจื้อจี่ ?'
(ยังยิ้มได้เมื่อแยกทาง หน้าสู้อาทิตย์ยังมองหาที่ร่ม ฉันเป็นใครกันนี่ ?)

เธอกดปุ่ม สั่งลบอีเมล์ทั้งหมดที่แสดงผลในหน้านั้น

'อีเปียนห่วงเจียจั้วห่วงเตอเถาปี้ เสยปี๋หว่อปู้เหลียวเจี๋ยหว่อจื่อจี่'
(ด้านหนึ่งก็ต้องคอยหลบเลี่ยงด้วยคำโกหก ใครจะมาเข้าใจฉัน ในเมื่อฉันยังไม่เข้าใจตนเองเลย)

'เสยซื่อหว่อจื้อจี่ ?'
(ฉันเป็นใครกันนี่ ?)

**************************************************************************************

อ้อมกอดที่อบอุ่นในความฝัน ทำให้ฐิติชญาสงบอยู่ในนิทราจนข้ามวัน

"ญา ! พี่ต้องออกไปแล้วนะ ! ญาจะตื่นไหวมั้ย ?"

เสียงชายหนุ่มที่คุ้นหูดังขึ้นข้าง ๆ เธอรู้สึกถึงมืออุ่น ๆ กำลังแตะที่ต้นแขน

เปลือกตาเริ่มเปิดขึ้น

ใบหน้าของผู้ชายที่คุ้นเคย เป็นสิ่งแรกที่เธอเห็น เมื่อเกลือกตามองอีกเล็กน้อย ก็เริ่มจำสถานที่แห่งนี้ได้ว่า คือ ห้องนอนที่คอนโดของเธอเอง

"พี่จิตร !" ทอมพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

พิจิตรหยิบหมอนอีกใบขึ้นมาเสียบที่หัวเตียงเพื่อหนุนหลังให้เธอ

เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดคอโปโลสีขาว กางเกงแสล็คสีเทา

"ญาไปทำอะไรมา ? พี่กดกริ่งเรียกตั้งนาน ไม่มีเสียงตอบ พี่เลยไขกุญแจเข้ามาตั้งแต่หกโมงเช้า รอญาตื่น แต่ญาก็ไม่ตื่นซะที เลยต้องมาเรียก ญากินยานอนหลับหรือเปล่า ?" เขาพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ

เธอยังจำเหตุการณ์ที่คลีนิคได้ จึงพยักหน้า

"ค่ะ ! ญาให้หมอฉีดยานอนหลับให้"

พิจิตรมองที่แผลเริมบริเวณริมฝีปากของแฟนสาว เขายกมือขึ้นลูบหัว

"อาการเริมเป็นไงบ้าง ? ดีขึ้นหรือยัง ?"

ทอมลองขยับริมฝีปาก

"ค่ะ ! ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ยังเจ็บอยู่"

เขายกนาฬิกาข้อมือ ขึ้นดู

"พี่ต้องรีบไปแล้ว ! สายมากแล้ว ! เรื่องที่พี่จะบอกตอนนี้ คือ เมื่อคืน รัฐบาลมีการประกาศปรับครม. เปลี่ยนหลายตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็เปลี่ยน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เปลี่ยน พี่ถูกโธมัสตามตั้งแต่เมื่อคืน"

ทอมแสดงสีหน้าประหลาดใจ เบิกตาโตจ้องมองหน้าพิจิตร

เขาพยักหน้า เพื่อยืนยันว่า นี่เป็นเรื่องจริง

"ญาคงไม่ได้ดูทีวีล่ะสิ ! พี่พยายามติดต่อญาตั้งแต่รู้ข่าว แต่ติดต่อไม่ได้

โธมัสก็พยายามติดต่อคนในกระทรวง ฯ แต่ทุกคนให้รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องโครงการเอ็นเอลทีไม่ได้ ต้องรอรัฐมนตรีคนใหม่มา เมื่อคืนคุยกับทางเบอร์ลิน เค้าบอกให้หยุดเฟสนี้ไว้ก่อน เพราะไอ้แฟรงค์ มันเริ่มแสดงสันดานขี้ขลาดอีกแล้ว มีอะไรในเอเชีย มันต้องถามพ่อมันที่ปักกิ่งตลอด"

สีหน้าของพิจิตรมีอารมณ์ขุ่นใจปนอยู่เล็กน้อย เมื่อนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ที่ชื่อ แฟรงค์ วอลเตอร์ สไตน์แมร์ (Frank-Walter Steinmeier)

ทอมพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย พยายามขยับริมฝีปากให้น้อยที่สุด

"ประเทศไทยปรับครม. ต้องไปยุ่งอะไรกับที่โน่นด้วย ?"

"โธมัสบอกว่า ไอ้แฟรงค์นี่แหละ ตัวปัญหา ! สมัยที่องค์ดาไลลามะมาประชุมกับผู้ว่าการรัฐของเยอรมัน ปีสองพันแปด ไอ้แฟรงค์นี่ ตอนนั้นก็เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ออกมาคัดค้านความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมัน กับ องค์ดาไลลามะ มันอ้างว่า เพราะจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเยอรมันอยู่ เยอรมันจะเข้าไปยุ่งกับธิเบตไม่ได้ แต่หนังสือพิมพ์ทั่วโลกเค้าก็ด่ามันว่า มันเห็นเงินมีค่ามากกว่า มนุษยธรรม

เรื่องในอาเซียน แฟรงค์มันจะกลัวจีนตลอด ไม่กล้าเข้ามาทำอะไรยุ่มย่ามแถวนี้

โธมัสบอกว่า พอข่าวปรับครม.ในไทยออกมา ทางดอยทช์เดฟ ฯ ก็ให้เอ็นแอลทีหยุดทุกอย่างไว้ก่อน จนกว่าคนในกระทรวงกลาโหมไทยจะคุยกับรัฐมนตรีคนใหม่ได้ ไม่ให้ข่าวโครงการนี้หลุดออกไปในทำนองที่ว่า เยอรมัน เป็นนายหน้าให้อเมริกา ส่งผ่านเทคโนโลยีทางทหารให้กับไทย เพื่อไว้เป็นกำลังเพื่อต่อรองกับจีน"

ทอมสั่นหัว

"โอ้โห ! เรื่องมันไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย ! ความจริงกองทัพไทยเพียงแค่ต้องการเทคโนโลยีเพื่อใช้ป้องกันประเทศเราเอง แล้วจริง ๆ อเมริกาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เราก็ใช้เทคโนโลยีเยอรมัน"

พิจิตรพยักหน้า

"การเมืองไง ญา ! การเมืองเวลาจะเล่นงานใครก็ตาม เค้าจะกุเรื่อง ใส่สี ตีไข่ ให้ใหม่หมด เพื่อจะทำลายกัน

ทางดีดีทีถูกจ้องเล่นงานจากแฟรงค์มาตลอดอยู่แล้ว เพราะผู้บริหารดีดีที อยู่ฝ่ายการเมืองขั้วตรงข้ามกันกับแฟรงค์

แล้วมันก็เข้าล็อค ตรงที่ว่า เอ็นแอลที ยังไงก็มีล็อคฮีตมาร์ติน ของอเมริกาถือหุ้นอยู่ ยังไงก็เลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้

ดีดีทีจะอ้างไม่ได้ว่า ที่ส่งบริษัทร่วมทุนเอ็นแอลที มาขายของให้กองทัพไทยนั้น อเมริกาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะมันร่วมทุนกัน เกี่ยวเต็ม ๆ

ไอ้แฟรงค์นี่ ถ้าเป็นภาษาไทย ต้องเรียกนามสกุลมันว่า แม่เยอะ !"

ทอมจับแขนแฟนหนุ่มเขย่าเบา ๆ

"ไม่เอาน่า พี่จิตร ! การเมืองในประเทศเค้า เราอย่าไปอินมากเลย แล้วนี่พี่จิตรต้องเข้าไปประชุมที่ไหน ?"

"เค้านัดกันที่ร้านอาหารจีนแถวรัชดา ฯ วันนี้คนของเอ็นแอลทีเยอรมันจะเริ่มเก็บของออกจากอาคารของกระทรวงกลาโหมก่อน พี่อาจจะต้องไปช่วยเค้า จะได้ถามถึงสเตตัสของเราด้วย สัญญาว่าจ้างเราที่กำลังจะต่อ จะต่อกันได้มั้ยก็ไม่รู้ ญาตื่นก็ดีแล้ว โอเคแล้วใช่มั้ย ? ไว้ค่อยคุยกันต่อตอนเย็นนะ"

เธอพยักหน้าหงึก ๆ

"งั้นพี่จิตรรีบไปเถอะ ! แล้วเย็นนี้กลับมาฟัง ญาจะเล่าว่าฝันถึงพี่จิตรอีกแล้ว" เธอส่งรอยยิ้มแบบเพลีย ๆ ให้เขา

พิจิตรกลับทิ้งก้นลงนั่งบนเตียง

"งั้นอยู่ฟังก่อน อยากฟัง !"

แฟนสาวสั่นหัว

"ม่ายอาว ! ไม่มีอารมณ์เล่าตอนนี้ หัวของพี่จิตรมีแต่เรื่องงาน ไปทำงานก่อน แล้วตอนเย็นค่อยเจอกันนะ"

เขายกมือขึ้นลูบหัวเธออีกครั้ง แล้วส่งคำลาด้วยภาษาเยอรมัน

"มาคส์ กูท !"
(ดูแลตัวเองด้วยนะครับ !)

พิจิตรลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินผละไปทางประตู

"ชูส !"
(บ๊ายบาย !)

เขากล่าวลาพร้อมกับปิดประตูห้องนอนให้

ฤทธิ์ของยานอนหลับยังทำให้เธอรู้สึกสะลึมสะลือเล็กน้อย แต่การให้ผลของมัน ก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะเธอสามารถหลับยาวมาจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นได้โดยไม่ต้องตื่น

นับตั้งแต่สมองเธอเริ่มถูกรบกวนด้วยเรื่องราวของแม่ คืนที่ผ่านมาเป็นคืนแรกที่เธอนอนหลับได้สนิท

นอกจากการหลับไหลแบบไม่ได้สติแล้ว ยังมีความฝันอันอบอุ่นมาเป็นของแถม พี่จิตรเป็นที่พักพิงสำหรับเธอได้ทั้งยามตื่น และ ยามหลับ

ทอมเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือจากโต๊ะเล็กหัวเตียง เพื่อเปลี่ยนจากโหมดเงียบกลับมาเป็นโหมดปกติ

โทรศัพท์ดังขึ้นทันที... เป็นพิจิตรนั่นเองที่โทรเข้ามา

"ว่าไง พี่จิตร ? ยังไปไม่พ้นตึกก็คิดถึงแล้วเหรอ ?"

"ญา ! เกอร์ดาโทรมาบอกว่า ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงให้เอาอุปกรณ์ของเอ็นแอลทีออกให้หมดภายในวันนี้ ญา เอาอุปกรณ์จอยท์ฟอร์ซทั้งหมดไว้ที่ตัว ไม่ต้องเอาไปที่กระทรวงแล้ว ค่อยรอคำสั่งต่อไปว่าจะให้ทำอะไรแล้วกัน"

"ค่ะ ! รับทราบ !"

พิจิตรตัดสายทันที

เธอคุ้นเคยกับการสื่อการของคนในแวดวงการทหารมาพอสมควร ถึงเวลางาน ต้องสื่อสารด้วยความกระชับ ตรงประเด็น

พี่จิตรมีบุคลิกลักษณะคล้ายกับทหารที่มีระเบียบวินัยเคร่งครัด แตกต่างกับโธมัส บีค เจ้านายของเธอ ซึ่งดูเป็นนักธุรกิจที่อลุ้มอะล่วยผ่อนผันซะมากกว่า

*********************************************************************************

ยี่สิบนาทีต่อมา ทอมลงลิฟท์มาที่ลานจอดรถในตึก

บริเวณที่จอดรถที่เธอเคยจอดอยู่ประจำ กลับไม่พบรถฮอนด้าซิตี้สีแดงของเธอ

เธอกดรีโมทคอนโทรลที่กุญแจรถเพื่อบังคับให้รถส่งสัญญาณเสียงร้อง แต่กลับไม่ได้ยินเสียงใด ๆ

แสดงว่า รถของเธอไม่ได้อยู่ในบริเวณที่จอดรถนี้

สีหน้าท่าทางที่งุ่นง่าน เหลียวซ้ายมองขวา ทำให้ รปภ. หนุ่มประจำลานจอดรถ เดินเข้ามาหา

"คุณครับ ! หาอะไรอยู่ครับ ?"

ทอมหันไปหา รปภ. ที่คุ้นหน้า

"รถค่ะ ! เมื่อวานจอดไว้ที่ไหน ก็นึกไม่ออก วันนี้หาไม่เจอ ฮอนด้าซิตี้สีแดงค่ะ"

รปภ. พยักหน้า

"ครับ จำได้ครับ ! แต่เมื่อวานคุณไม่ได้ขับรถกลับมานะครับ"

"หือ ! เมื่อวานเห็นหนูเหรอคะ ? แล้วหนูกลับเข้ามายังไงคะ ?"

"คุณคงไม่สบาย หรือ เป็นลมหรือเปล่าก็ไม่รู้ มีผู้ชายอุ้มคุณลงมาจากรถ แล้วผู้หญิงอีกคนนึง เป็นคนเดินพาเข้าไปในตึก"

เธอยืนงงอยู่กับคำตอบของรปภ. แล้วพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานว่า เธอได้กลับมาที่คอนโดนี่ได้อย่างไร แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก

ถ้าพี่จิตรเป็นคนมาส่งเธอที่นี่ แล้วผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คือ ใคร ?

ทอมพยักหน้า แล้วส่งรอยยิ้มให้ รปภ.

"ขอบคุณค่ะ !"

เธอค่อยเดินช้า ๆ กลับมาที่ตัวอาคาร พลางนึกถึงความเป็นไปได้ในเหตุการณ์ที่เธอจำความไม่ได้

ผู้หญิงคนอื่น ที่มีคีย์การ์ดเข้าคอนโด และ มีกุญแจห้องเธอ คือ.... น้องหงส์ คนเดียวเท่านั้น !

ใครมาส่งเธอ ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับ รถยนต์เธออยู่ที่ไหน อุปกรณ์ของเอ็นแอลทีที่อยู่ท้ายรถเป็นสิ่งที่น่าห่วงมากกว่า

*****************************************************************************************

อ่านหน้า > 2, 3
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่