ตอน 15 หน้า 2

วันลายสก็อต (3)

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

รุ่งยืนอยู่ใต้ชายคาหอพักหญิง กำลังชั่งใจว่าจะใช้แรงกายที่เหลือ พาสังขารที่ระบมบั้นท้ายไปทางไหนดี

ฝนยังโปรยลงมาอย่างไม่ขาดสาย เขาไม่มีร่มติดตัว ซองพัสดุที่ถืออยู่นี่คงกันได้เพียงแค่ไม่ให้ฝนเปียกหัว แต่กันลำตัวไม่ได้

เขาก้มลงดูเสื้อเชิ้ตเอวคอดทรงสตรีของแคลร์ที่เขาใส่อยู่

พี่รุ่ง...ขวัญใจของแฟนคลับ แทนที่จะใส่เสื้อลายสก็อต เดินอย่างสง่าผ่าเผย กลับต้องมาใส่เสื้อผู้หญิง แล้วเดินเหมือนคนป่วย

เสียงเพลงกระหึ่มดังจากโดมคอนเสิร์ตแว่วมาตามสายลม ด้วยความหนักของก้นที่รู้สึกกึ่งชา กึ่งเจ็บ ทำให้เขาหมดอารมณ์ที่จะกลับเข้าไปดูคอนเสิร์ต

เสียงฝีเท้าของคนที่กำลังเดินลงมาจากบันไดหอพัก ทำให้รุ่งหันกลับมามอง

แคลร์อยู่ในชุด เสื้อแขนกุดสีขาวลายดอก กางเกงยีนส์ ปล่อยผมยาวสยาย ในมือถือร่มคันเล็ก

เธอหยุดยืนข้าง ๆ รุ่ง แล้วถามอีกครั้ง

"แน่ใจนะ ว่าเธอจะไม่ไปกับฉัน ?"

รุ่งสั่นหัว

สาวอินเดียนหยิบร่มขึ้นมากาง เธอชะโงกหน้ามาหารุ่ง

"เอ่อ.... คืนนี้.... เธอจะรังเกียจไหม ถ้าคนที่ร่วมดูพลุกับเธอ เป็นสาวที่มีแฟนแล้ว ?"

รุ่งส่งยิ้มให้ เขายกมือขึ้นกางนิ้วโป้งกับนิ้วก้อยขึ้นแนบหู เป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายโทรหา

แคลร์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

"แล้วฉันจะโทรไปนะ โรมิโอ !"

พูดจบ เธอก็ยกร่มขึ้นบังฝน แล้วก้าวเท้าเดินออกไปจากตึก

ลมพัดวูบมาพร้อมกับความเย็นชื้นของสายฝน

เขาก้มมองซองพัสดุเปียกที่อยู่ในมือ

คืนนี้หลายอย่างผิดจากที่คาดการณ์ไว้ เมื่อเช้าเขายังร่าเริงปกติดีอยู่ แต่ค่ำนี้กลับเดินเดี้ยงเสียแล้ว อนิจจัง ! ความไม่แน่นอนของสรรพสิ่ง

แต่สิ่งที่กำลังถืออยู่ในมือ คงเป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ยังแน่นอนอยู่ในช่วงเวลานี้ จดหมาย และ ของฝากจากสาวนิรนามคนนั้น ไม่เคยมีครั้งไหนเลย ที่ไม่เป็นที่ประทับใจของเขา

ฉะนั้น...ค่ำนี้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ กลับขึ้นไปที่ห้องพัก แล้วเปิดพัสดุในซองนี้ อ่านจดหมายหวาน ๆ หรือ ดูว่าของกำนัลในซองนี้ ยังมีอะไรให้เซอร์ไพรส์ได้อีก

รุ่งยกซองพัสดุขึ้นบังหัว แล้วก้าวออกจากชายคาหอพักพนักงานหญิง ค่อย ๆ เดินย่ำเท้าถี่ ๆ เพื่อบรรเทาน้ำหนักที่กดลงไปที่ก้นกบ

สิ่งที่ติดอยู่ในใจเล็กน้อย คือ การปฏิเสธความช่วยเหลือที่แคลร์ขอร้อง เพราะคติที่ตั้งมั่นไว้ในอดีต

การยึดติดในเรือนไม้นั้นว่า เป็นทรัพย์สมบัติที่ตนเองมีส่วนร่วม มันคือความโลภที่มีขนาดมหึมา ยากที่จะทำลายได้ในภายหลัง หากปล่อยให้ความยึดถือนั้นฝังรากหยั่งลึกในจิตไปเรื่อย ๆ จะหนีไม่พ้นต้องวนเวียนอยู่กับการต่อสู้กับคู่ปรับ ที่เคยมีฐานะเป็นครูสมัยมัธยม ไม่รู้จักจบจักสิ้น ผลสุดท้าย คือ ฝ่ายหนึ่งชนะ ฝ่ายหนึ่งต้องแพ้

การปลดปล่อยตัวเองให้พ้นจากความวุ่นวายเหล่านั้น คือ การตั้งมโนสำนึกใหม่ว่า เรือนไม้นั้น ตนเองไม่มีส่วนร่วมใด ๆ ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในที่แห่งนั้น และ จะไม่แสดงท่าทีว่าอยากมีส่วนร่วม

การถอยออกมาจากความวุ่นวาย ไม่ใช่การยอมแพ้ใด ๆ เหมือนกับที่น้าเนตร เคยต้องลาออกจากการบริหารโฮสเทล หลังจากบอกเจตนากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า ตนเองจะไม่ไปเหยียบที่เรือนไม้นั้นอีก จิตก็กลับรู้สึกสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเหลือบตามองไปที่เรือนไม้นั้น จิตก็ไม่พะวง ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น มองเป็นแค่เรือนที่ทำด้วยไม้หลังหนึ่งแค่นั้น

แต่... ขาที่กำลังก้าวเดินอย่างสั้น ๆ ซึ่งกำลังเปลี่ยนทางจากเดิมที่ควรมุ่งหน้าไปยังหอพักพนักงานชาย กลับมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนไม้ ณ ขณะนี้ เป็นไปด้วยความอยากช่วยเหลือเพื่อน มากกว่าสิ่งอื่นใด

เพียงแค่การเจรจากับ รปภ. เพื่อขอให้เพื่อนได้เข้าไปเดินดูแค่นี้ มันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงใด ๆ

รุ่งมองผ่านสายฝนที่โปรยมาแบบไม่หนาเม็ดนัก ข้างหน้าคือบันไดทางขึ้นด้านซ้ายของตัวเรือนไม้ หน้าต่างในตัวเรือนถูกเปิดออกทุกบาน โคมไฟระย้าในโถงถูกเปิดสว่างเต็มอัตรา ค่ำนี้คงยังมีคนอยู่ที่นี่ หรือ วันนี้อาจจะมีการสอนการปฏิบัติกรรมฐาน แต่เสียงดนตรีที่ดังแว่วมาจากโดมคอนเสิร์ต น่าจะรบกวนสมาธิได้อยู่ไม่น้อย

ถวิล...พนักงานรักษาความปลอดภัยวัยประมาณห้าสิบกว่าปี รีบทิ้งบุหรี่ที่กำลังคีบอยู่ที่มือลงบนพื้นหญ้า แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ขึ้นยืน

รุ่งย่างขาก้าวสุดท้ายขึ้นบนบันไดขั้นแรก มือจับราวบันไดไม้ แล้วถอนหายใจเฮือก

"ขากลับ สงสัยต้องนั่งรถเข็น !"

ถวิลส่งยิ้มให้

"เจ็บขาเหรอครับ คุณรุ่ง ?"

คุณรุ่งผงกหัว ใช้มือเกี่ยวราวประคองตัวขึ้นบันไดทีละขั้น

"น้าหวินอยู่ด้านนี้ เห็นผู้หญิงหน้าแขก ๆ เดินเข้ามาที่เรือนไม้นี่หรือเปล่าครับ ?"

รปภ.อาวุโสพยักหน้า

"ครับ เดินเข้าไปแล้วครับ"

รุ่งเลิกคิ้ว

"เค้าขอน้าหวินเข้าไปเหรอครับ ?"

"วันนี้ไม่ต้องขอครับ คุณน้อยบอกว่า ใครมาวันนี้ เชิญเข้ามาได้หมด"

รุ่งหัวเราะ

"วันนี้อะไรเหรอ ?"

น้าหวินพยักหน้า

"เชิญคุณรุ่งเข้ามาดูเองดีกว่าครับ"

รุ่งมองเข้าไปในห้องโถงเรือนไม้ แล้วชะงักอยู่ตรงนั้น

หากแคลร์ได้เข้าไปในเรือนได้แล้ว เขาก็คงหมดหน้าที่

เสียงซ่าจากฝนห่าใหญ่สาดลงมาที่หลังคาชานเรือนไม้ ฝนที่เดิมตกเม็ดหนาพอสมควร กลับโหมสาดเป็นห่าด้วยเม็ดที่ใหญ่และถี่ขึ้น

น้าหวินหัวเราะ

"โชคดีนะครับ ที่เดินเข้ามาบนนี้ทัน ไม่งั้นคงเปียกหมดแน่ ท่าทางจะตกหนักกว่าเดิมอีก"

น้ำฝนที่ตกกระทบพื้นชาน กระเด็นใส่ขากางเกงของรุ่ง เขาเดินเลี่ยงเข้ามาข้างในอีกสองสามก้าว

น้าหวินอมยิ้ม

"วันนี้รีบออกมาเหรอครับ ? คว้าเสื้อผิดตัวของคนอื่นมาใส่หรือเปล่าครับ ?"

รุ่งก้มลงมองเสื้อยืดของแคลร์บนตัวเขา

"เดี๋ยวนี้มันเป็นเทรนด์ ใส่เข้ารูปแบบนี้"

น้าหวินหัวเราะหึ ๆ

"คุณรุ่งไม่เข้าไปข้างในเหรอครับ ? ยืนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวโดนละอองฝน จะไม่สบายเอา"

รุ่งหัวเราะ

"อือ ! ไอ้ท่าทางที่ผมเดินมาเนี่ย มันก็ไม่ค่อยจะสบายอยู่แล้ว จะมีอะไรหนักกว่านี้อีก ?"

เขาเดินไปเกาะที่ขอบประตูห้องโถง แล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหน้าประตู

"อ้าว ! คุณรุ่งทำไมไม่นั่งบนเก้าอี้นี่ล่ะครับ ?"

รุ่งสั่นหัว

"ไม่ไหวแล้ว ! ตรงนี้เค้าถูทุกวันหรือเปล่า ? สะอาดดี ผมนอนยาวเลยดีกว่า"

ว่าแล้ว เขาก็วางซองพัสดุลงข้างตัว แล้วหงายหลังลงนอนยาว เสื้อที่เปียกน้ำฝนประทับรอยเปียกลงบนพื้นไม้

เสียงสายฝนที่กำลังกระหน่ำอยู่นอกชาน ทำให้เขาหลับตาลงได้อย่างสนิท เพราะคงต้องใช้เวลาอยู่ที่เรือนนี้ไปอีกพักใหญ่จนกว่าฝนจะซาลง

เปลือกตาที่ปิดสนิท ทำให้โสตประสาททำงานได้ดีขึ้น เสียงสายฝนกระทบพื้นหญ้าข้างนอกกลับได้ยินอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

เขาหยิบซองพัสดุเปียกขึ้นวางไว้บนหน้าอก สิ่งของในพัสดุนี้ คงทำให้เขามีรอยยิ้มอีกครั้งเมื่อได้แกะมันออกมาดูคืนนี้

หนุ่มตัวยาวกำลังนอนหงายหลับตา หายใจช้าลง และ ผ่อนลมออกยาวมากขึ้น จิตเริ่มเคลิ้ม

"รุ่ง ! ทำไมมานอนตรงนี้ ?"

เสียงหญิงสาวที่เรียกชื่อเขา ทำให้เขาลืมตาขึ้นมอง

เรียวขาผิวเนียนสีชมพูของหญิงสาว ในชุดกระโปรงสีน้ำตาลเหนือเข่า ทำให้รุ่งรีบผุดลุกขึ้นนั่ง

"พี่แพม ! โอ๊ย !"

กล้ามเนื้อที่ระบมถูกกระชากด้วยความเคลื่อนไหวอย่างรีบร้อน ส่งผลให้ความเจ็บปวดวิ่งขึ้นถึงกลางแผ่นหลัง

เขาเอื้อมมือไปจับที่แผ่นหลัง

"โอ๊ย..!" สีหน้าบูดเบี้ยวบ่งบอกถึงความเจ็บปวด

ลูกสาวคนโตของคุณวิบูลย์ กิจบูรณา ก้มตัวลงนั่งคุกเข่า

"รุ่งเป็นอะไร ? ทำไมถึงมานอนตรงนี้ ? รู้มั้ยว่าทุกคนเขารออยู่ ?"

รุ่งมองหน้าแพม ผิวที่เนียนปลั่งสมกับเป็นสาวผู้ดีมีสกุลทำให้เธอไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางค์มากมาย เพียงรองพื้นบาง ๆ ก็ขับผิวหน้าให้นวลเปล่งตามธรรมชาติได้เสมอ

"ทุกคนรอผม ? รู้ได้ยังไงว่าผมจะมาที่นี่ครับ ?"

"ไม่แน่ใจว่ารุ่งจะมาหรือเปล่า ? แต่ทุกคนก็ลุ้นให้รุ่งมาให้ได้ แต่รุ่งก็มาจนได้ พระนางนี่สุดยอดจริง ๆ !"

รุ่งไม่เข้าใจในสิ่งที่แพมพูด เขาสูดปากเพราะความเจ็บปวดที่แผ่นหลัง

"ผมคิดว่า ผมคงลุกไปไหนไม่ไหวแล้วตอนนี้ มันเหมือนกับกล้ามเนื้อฉีก เจ็บมาก"

สีหน้าของแพมปลี่ยนเป็นเหยเกตามเขา

"เจ็บมากเลยเหรอ ? งั้นเดี๋ยวรุ่งรอตรงนี้ พี่ไปตามคนข้างในออกมาดีกว่า"

แพมลุกขึ้นยืน รุ่งโบกมือ

"เดี๋ยวก่อนพี่แพม ! พี่แพมเห็นเพื่อนผม ผู้หญิง หน้าแขก ๆ เดินเข้ามาในนี้หรือเปล่าครับ ?"

เธอพยักหน้า

"เห็น ! เค้าอยู่ในห้องโน้น ! รุ่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวจะตามคนออกมา"

แพมหันหลังกลับ เดินผละออกมา

"พี่แพมจะตามใครมา ? เพื่อนผมเค้าเข้าไปทำอะไรอยู่ครับ ?"

แพมไม่ตอบคำถาม เธอเดินตรงข้ามโถงไปที่ประตูห้องกรรมฐานใหญ่

รุ่งลองขยับตัว บิดเอวช้า ๆ ความเจ็บวิ่งแปล๊บผ่านขึ้นมากลางหลังอีกครั้ง เขาสั่นหัว

ทำไมต้องเป็นที่หลัง ? อดีตคงเคยไปก่อกรรมหักหลัง หรือ แทงข้างหลังใครมาแน่ ๆ ชาตินี้ เจ้ากรรมถึงมาทวงเขาที่หลังตลอด

ใบหน้าของเจ้ากรรมผมหยิก ผิวหมึก โผล่ขึ้นมาในความคิด

'นายกระโดดกอดเราทำไมวะ ? ท่าอื่นมีให้ดีใจเยอะแยะ !'

ประตูห้องกรรมฐานใหญ่อีกด้านหนึ่งของโถงถูกเปิดออก

รุ่งมีสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเห็นสมาชิกครอบครัวกิจบูรณา ทยอยเดินออกมาจากห้อง

คุณน้อย, คุณวิบูลย์, แพม, พจน์, แพท, วลีพร กำลังเดินข้ามห้องโถงตรงมาหาเขา

วลีพร....สาวอวบในชุดเสื้อยืดพนักงานฟันปาร์คยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายวิดิโอ

"วันสำคัญ ต้องถ่ายแขกคนสำคัญไว้เป็นหลักฐาน เอ้า ! ดูพี่รุ่งสิ ! ทำไมนั่งอยู่หน้าประตูยังงั้นล่ะ ? เป็นขอทานหรือไง ?" เธอเดินไปพูดไป

แพมหันหน้ามาตอบญาติผู้น้อง

"รุ่งเค้าเจ็บหลัง !"

สาวตุ้ยนุ้ยดูที่หน้าจอ เห็นแขกคนสำคัญใส่เสื้อเชิ้ตผู้หญิงเข้ารูป เธอละสายตาจากโทรศัพท์ เงยหน้ามองไปที่นายแบบ

"มาแปลกอีกแล้ว ! ใส่เสื้อสาวที่ไหนมาเนี่ย ?"

แพทหัวเราะ

"แต่งเป็นบ๋อยยังกล้าแต่งเลย ใส่เสื้อผู้หญิงแค่นี้จะเป็นไรไป"

พจน์พูดขึ้น

"หรือว่าความจริง รสนิยมของรุ่งเป็นแบบนี้ ?"

เสียงวลีพรหัวเราะดังกว่าใคร

สมาชิกครอบครัวกิจบูรณาเดินมาถึงตัวรุ่ง รุ่งยกมือขึ้นไหว้

"สวัสดีครับ อาน้อย อาวิบูลย์"

วิบูลย์พยักหน้าให้ลูกชายทั้งสอง

"แพทกับพจน์ ช่วยประคองรุ่งเข้าไปข้างในก่อน"

วลีพรจ่อโทรศัพท์มือถือเข้ามาถ่ายภาพเขาในระยะใกล้

รุ่งแลบลิ้นให้

"คนกำลังไม่ปกติ ยังมีหน้าถ่ายอีก"

ตากล้องหัวเราะร่า

"ลีไม่เคยเห็นพี่รุ่งปกติซักวัน"

พจน์ กับ แพท ยืนขนาบข้างของรุ่ง แล้วยื่นมือให้รุ่งเกาะเพื่อดึงตัวเองลุกขึ้นยืน

***********************************************************************************************

คุณน้อยพารุ่งเดินผ่านห้องกรรมฐานใหญ่ สมาชิกที่เหลือเลือกที่จะนั่งรออยู่ในห้องกรรมฐาน คงเหลือแต่เพียงคุณน้อย ที่เป็นคนเดินนำรุ่ง ออกทางประตูห้องอีกด้าน

"คนที่รุ่งรอคอยว่าจะเจอ คงได้เจอในวันนี้"

รุ่งขมวดคิ้ว

"ใครเหรอครับ ?"

"เดี๋ยวก็รู้เอง"

อาน้อยพาเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง อาร์เอ็มเอ แล้วเคาะประตู

"เข้ามาได้เลยครับ !" เสียงผู้ชายตะโกนตอบมาจากในห้อง

อาน้อยเปิดประตู รุ่งเดินเข้าตามมา

แคลร์กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้โซฟารับแขก ดวงตาแดงก่ำ

ที่เก้าอี้อีกตัว ชายในชุดเสื้อคอโปโลสีดำ กางเกงสีดำ ผมสั้น หน้าตาคมเข้มราวกับนายแบบ.... ลุกขึ้นยืน ความสูงพอ ๆ กับรุ่ง

รุ่งอ้าปาก ตาเบิกโต เขาจำชายผู้นี้ได้อย่างแน่นอน

"พี่แอนดี้ !"

แอนดี้ลุกขึ้นยืนส่งยิ้มให้ เขาหันมาทางแคลร์

"เดี๋ยวให้เพื่อนรุ่งออกไปก่อน เราจะได้นั่งคุยกัน"

รุ่งมีสีหน้างุนงง

สาวอินเดียนลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มให้แอนดี้

"ฉันคงจะเก็บเรื่องนี้ไปนอนคิดอีกหลายคืน"

แอนดี้พยักหน้า แล้วตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษ

"ไม่ต้องรีบร้อน ทุกอย่างมันจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเอง"

แคลร์เดินผ่านรุ่ง เขาจ้องมองที่ใบหน้าของเพื่อนสาว

"เธอเพิ่งร้องไห้มาเหรอ ?"

แคลร์ส่งยิ้มกลับให้เพื่อน

"ฉันออกไปรอข้างนอกก่อน เธอสองคนคงมีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ"

รุ่งเอียงคอ ทำหน้าฉงนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

แคลร์กับอาน้อย ออกพ้นประตูห้อง ประตูถูกปิด

รุ่งยกมือไหว้แอนดี้ แล้วเดินตรงเข้ามาหา

ทิดเอกจับไหล่ทั้งสองข้างของรุ่ง

"สบายดีมั้ย รุ่ง ?"

เขาสั่นหัว

"วันนี้ ไม่ครับ ! เจ็บก้นมาก ตอนกลางวันผมหกล้ม ก้นกระแทก แล้วพี่แอนดี้สึกมานานหรือยังครับ ? ผมคิดว่าพี่จะบวชไม่สึกซะแล้ว"

แอนดี้มองหน้ารุ่ง

"จะเป็นพระ หรือเป็นฆราวาส มันก็ศึกษาธรรมะได้เหมือนกัน ไม่ได้อยู่ที่เพศหรอก อยู่ที่ใจต่างหาก"

เขาชี้มือไปที่เอวของรุ่ง

"เจ็บพอจะนั่งไหวมั้ย ? พี่จะขอดูหน่อย"

รุ่งพยักหน้า เขาเริ่มปลดเข็มขัดกางเกง

แอนดี้ร้องห้าม

"เฮ่ย ! ไม่ต้อง ไม่ต้อง พี่ไม่ได้จะดูด้วยตา รุ่งนั่งลงบนพื้นห้องนี่แหละ หันหน้าไปทางโน้น ไม่ต้องห่วง พระนางแค่อยากจะหยุดเราไว้ เดี๋ยวพี่จัดการ พรุ่งนี้ก็หายเป็นปกติ"

รุ่งหันหลังให้แอนดี้ แล้วค่อย ๆ ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นห้อง

"พระนาง ? ใครกันครับ ? ผมได้ยินพี่แพมพูดเหมือนกันตอนที่เจอผม ?"

แอนดี้นั่งขัดสมาธิลงบนพื้นห้อง ข้างหลังรุ่ง

"เดี๋ยวค่อยเล่าแล้วกัน ตอนนี้รุ่งนั่งเฉย ๆ ก่อน หรือ ถ้านั่งสมาธิได้ ก็นั่งหลับตาไปเลย"

รุ่งพยักหน้า เขาเริ่มปิดเปลือกตาทันที

แอนดี้เข้าสมาธิ แล้วทำตามที่พระนางสอนทีละขั้น เพื่อส่งพลังไปบำบัดอาการของรุ่ง

"ท่านเห็นส่วนสีดำเหนือกระดูกเอวหรือไม่ ?"

แอนดี้สื่อสารกับพระนางด้วยจิต

"ภาพเหล่านี้ ท่านเป็นคนแสดงให้เห็นหรือครับ ? ปกติ ผมไม่เคยมองร่างกายคนได้อย่างนี้มาก่อน"

"ใช่ ! เราแสดงให้ท่านเห็นเอง เนื่องด้วย เราเป็นคนทำให้เขาเป็นเช่นนี้ เราก็ย่อมต้องนำพาท่านเพื่อเยียวยาเขาได้"

"ผมต้องทำยังต่อครับ ?"

"ให้ท่านเข้าเตโชกสิณให้ถึงฌานสี่ แล้วลดลงมาเหลืออุปจารสมาธิ จากนั้น ท่านจงนำฝ่ามือไปอัง ณ บริเวณนั้น ให้ห่างจากตัวเขาประมาณหนึ่งคืบ ท่านจะเห็นภาพไฟกำลังไล่เลือดเสียออก นับหนึ่งจนถึงห้าสิบ หลังจากนั้น ให้ท่านเข้านิลกสิณให้ถึงฌานสี่ ลดลงมาเหลืออุปจารสมาธิ แล้วนำฝ่ามือไปอังบริเวณนั้น ท่านจะเห็นภาพพืชพรรณไม้ต่าง ๆ ที่เข้าไปช่วยบำบัด ใช้เวลานานเท่ากัน

ขอให้ท่านทำเช่นนี้ สลับกันไปมา จนกว่าเราจะบอกให้ท่านหยุด

***********************************************************************************************

1 < อ่านหน้า > 3
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่