ตะลุ่งตุ้งแช่ ตอน 12

เชื้อรากับพยาธิ
คือ คำหยาบโดยแท้ !

 

ชอบใจชื่อนี้ในหน้าเฟซบุ๊ก*เลยขอนำมาตั้งเป็นชื่อตอนตะลุ่งตุ้งแช่ตอนล่าที่มาล่าช้าที่ซู้ด

ขออนุญาตไม่แก้ตัวแก้ต่างแต่อย่างใด เอาเป็นว่าเรามาตะลุ่งและตุ้งแช่กันเลยดีกว่า....

ช่วงนี้เป็นฤดูน้ำหลาก อ.สุทธิวัสส์ ฝากคำเตือนมาว่า

“อย่ากินปลาในหน้านี้ เพราะมีพยาธิเยอะมาก-ยากรอด”      

ปลา

แล้วพยาธิก็เป็นต้นเหตุของโรคร้ายหลายชนิด ดังงานวิจัยของ ดร.ฮัลด้า คลาร์ค ชาวแคนาดา ตีพิมพ์เผยแพร่ระบือลือลั่นไปทั้งเว็บ กระทั่ง อ.สุทธิวัสส์ ยังตีฆ้องรับให้ขยับงานเขียนเรียงเล่มเรื่องนี้

ดร.ฮัลด้า คลาร์ค
ดร.ฮัลด้า คลาร์ค

ศิษย์สาย ๒ สนองคำบัญชา จัดไป  

แต่ขอตัดตอนมาลงให้ชาว PMC อ่านก่อนใครดีมั้ยฮ้า...

พยาธิ (ที่ไม่ใช่พระญาติ) เข้าสู่ร่างกายคนได้หลายช่องทาง ทั้งทางปาก จมูก ผิวหนัง จากอาหารที่สุก ๆ ดิบ ๆ จากผักสด จากการหายใจ จากสัตว์เลี้ยง หมา แมว พอเข้าแล้วก็จะกินเลือดสด ๆ เป็นอาหาร

วงจรของพยาธิ

วงจรพยาธิ

 

ปกติคนเราจะมีเม็ดเลือดแดง ๖ ลิตร พอพยาธิเข้าตัวจะกินเลือดเราไป ๔ ลิตร

เหลือให้ดูต่างหน้าแค่ ๒ ลิตร

เม็ดเลือด

แถมยังกินเม็ดเลือดขาวเป็นขนมหวาน ทำให้ภูมิคุ้มกันตกต่ำถึงขีดสุด ตอนนี้ล่ะไม่ว่าเชื้อโรคอะไรก็ทะลุทะลวงเจาะไชเข้าง่ายดาย

แม้แต่ในคัมภีร์พระไตรปิฎกยังใช้คำว่า “โรคาพยาธิ” นั่นหมายถึงพยาธิเป็นบ่อเกิดแห่งโรค (ร้าย) ทั้งปวงนั่นเองไวรัส

ในพยาธิจะมีไวรัสติดอยู่ด้วยเสมอ เมื่อพยาธิเข้าร่างกาย เราก็ได้ของแถมเป็น “ไวรัส”  เรียกว่าโปรฯ สุดคุ้มซื้อหนึ่งได้ถึงสอง(แต่โปรฯ นี้อิฉันขอบายดีกว่าฮ่ะ)

อึของพยาธิถ่ายหมักหมมทับถมอยู่ในตัวเรา มากเข้า ๆ ก็จะกลายเป็นเชื้อรา 

เชื้อราจากพยาธิจะสร้างพังผืดรอบอวัยวะต่าง ๆ ทำให้เกิดเนื้องอก ซีสต์และ เป็นต้นเหตุของมะเร็ง !

ภูมิคุ้มกันไม่มีก็กลายเป็นภูมิแพ้ แพ้ภูมิตัวเอง (เราคุ้นกันในชื่อโรคพุ่มพวง) อ่อนเพลีย เลือดจาง ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว

แม้กระทั่ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (คงไม่ต้องแปลเป็นภาษาปะกิตนะคะ) 

หมอแผนปัจจุบันรักษาไม่หายเพราะให้แต่ยาฆ่าเชื้อไวรัส แต่ธรรมชาติบำบัดให้กำจัดพยาธิก่อน แล้วค่อยล้างเชื้อรา จากนั้นค่อยมาจัดการกับไวรัสทีละสายพันธุ์  - - รับประกันหายขาดแน่นอน!!

ไอ ระคายคอจุดนัดพบหรือ Center Point ของพยาธิ คือ ในลำคอ ทำให้หลายคนมีอาการไอคันคอไม่หยุดติดกันหลาย ๆ เดือน ไม่ว่าจะกินยาแก้ไข้แก้ไอแก้หวัดยังไงก็ไม่หาย ถ้าไม่ถ่ายพยาธิซะก่อน (ข้อนี้ศิษย์สาย ๒ รู้ซึ้งเพราะเคยเจอกับตัวเองมาแล้ว ไออย่างบ้าคลั่ง๓ เดือน ตรวจพบว่ามีพยาธิตัวกลม กินใบข่าอ่อน ๒ ใบ ๒ วัน อาการไอก็หายไป เหลือแต่ไอเลิฟยู (อิอิ))

ดร.ฮัลด้า คลาร์ค ก่อนลาลับจากโลกนี้ไปเมื่อวัย ๘๐  ท่านยังได้คิดค้นเครื่องมือตรวจจับ และ กำจัดพยาธิด้วยความถี่ต่างระดับเรียกว่า พาราแซปเปอร์ (ParaZapper)  

เครื่องกำจัดพยาธิด้วยไฟฟ้า

ไอ้เจ้าแซปเปอร์นี่ยังใช้รักษาโรคอื่น ๆ ได้ดีอีกด้วย (อ่านเพิ่มเดิมในwww.parazapper.com)

น่าแปลกใจที่หมอสมัยนี้เค้าเลิกตรวจหาพยาธิกันแล้ว เพราะอะไร? เพราะมันทำให้ภาพพจน์ของหมอดูตกต่ำลงงั้นรึ? หรือ ว่ามันเรียกเก็บค่ารักษาได้น้อยไป ไม่คุ้มกับตึกใหม่ใหญ่อลังฯ ที่เพิ่งสร้างขึ้นหมาด ๆ

เอาน่า-ช่างหมอเถอะ บ่นไปงั้นแหละ ชาว PMC ลูกศิษย์ อ.สุทธิวัสส์ นักธรรมชาติบำบัด เน้นการพึ่งตนเองเป็นสำคัญอยู่แล้ว

ที่จริงคนเราควรถ่ายพยาธิทุก ๆ ๓ เดือน  แต่ยาถ่ายพยาธิที่วางขายกันทั่วไปนั้นมักทำอันตรายต่อตับ และ ทำให้ระบบดูดซึมเสีย-หมดกันจบข่าว

แล้วอย่างนี้เราควรจะกินอะไร??

ก่อนอื่นเราจะแบ่งพยาธิออกเป็น ๓ กลุ่ม

กลุ่มแรกคือพยาธิตัวกลม ได้แก่พยาธิไส้เดือน, เส้นด้าย, แส้ม้า, ปากขอ, เข็มหมุด  พวกนี้จะแพ้ทางกับใบข่า ให้เด็ดใบข่าอ่อน ๆ มากินวันละ ๒ ใบติดกัน ๒ วัน เท่านี้น้องตัวกลมก็งอก่อหงายเก๋ง

พยาธิตัวกลม พยาธิตัวกลม

ภาพขยายพยาธิตัวกลม

ภาพขยาย พยาธิตัวกลม

กลุ่มที่สอง คือ พยาธิตัวแบน ได้แก่ พยาธิตัวตืด, ใบไม้ พวกนี้ต้องจัดการด้วยเมล็ดฟักทองคั่ว หรือ อบ วันละ ๕๐-๑๐๐ เม็ด เคี้ยวมัน ๆ ติดต่อกัน ๒๐ วัน (หาซื้อได้ง่ายสุดที่ 7-11 จ้ะ)

พยาธิตัวแบน

ภาพขยายพยาธิตัวแบน

ภาพขยายพยาธิตัวแบน

กลุ่มสุดท้ายได้แก่ พยาธิตัวจี๊ด และ พยาธิผิวหนัง พวกนี้จะส่งอาการหลายอย่าง นอกจากทำให้เราเลือดจาง ซีด อ่อนเพลียแล้ว ยังกัดแทะกะเทาะผิวหน้าผิวหนังเราให้เป็นแผลพรุน เป็นหลุมสิว

พยาธิผิวหนังพยาธิผิวหนัง
กลุ่มนี้ไม่มียาแผนปัจจุบันรักษาหายได้ นอกจากใช้ก้อนสารส้มเปียกน้ำมาถูหน้าถูตัวก่อนอาบน้ำ และ กินกระเจี๊ยบเขียววันละ ๗ ฝักติดต่อกัน ๒๐-๓๐ วันหรือจนกว่าจะหาย

สารส้ม กระเจี๊ยบเขียว

อย่าลืม-อย่าลืม และ ห้ามลืมเด็ดขาดว่าทุกครั้งที่ถ่ายพยาธิให้อุทิศบุญด้วยบทพูดที่ว่า ... 

“บุญที่ข้าพเจ้าเคยทำมาในอดีต ปัจจุบัน และที่จะทำต่อไป ขออุทิศให้กับพยาธิ.................ที่อยู่ในตัวข้าพเจ้า ขอให้ได้รับบุญนี้ ขอให้อโหสิกรรมและไปเกิดไปภพภูมิที่สูงขึ้น” (พูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง) เท่านี้ก็เรียบร้อย.

*ขอขอบคุณคุณ “ธนิษฐาใจดีแค่ที่นามสกุล เชื้อรากับพยาธิ คือคำหยาบโดยแท้ (สุดแท้แต่น้ำพระทัย)” สำหรับแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อเรื่องค่ะ*

ด้วยรัก และ ปรารถนาดี
จาก ศิษย์สาย ๒

กลับขึ้นด้านบน

อ่านตอนอื่น

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Free web counters