ต้องขออภัยมิตรรักแฟนคลับเป็นอย่างสูง

ที่ตะลุ่งตุ้งแช่ตอนนี้ส่งต้นฉบับล่าช้าไปหลายยยยวัน  เหตุเพราะภารกิจมากหลาย พูดไปก็เหมือนแก้ตัว ทั้งงานหลวงงานราษฎร์ไม่ขาดไม่เว้น

แถมยังมาป่วยเป็น “ไข้หวัดงอมแงม” ปวดหัวปี๊ด ๆ ทีละข้าง ไอ-จามอย่างบ้าคลั่ง มีน้ำมูก และ เสมหะมากมาย ราวกับมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดย่อมอยู่ในหลอดคอ  ผลิตของเหลวเหลืองยืดออกมาไม่ขาดสาย โดยไม่จำเป็นต้องป้อนวัตถุดิบใด ๆ (มันมาจากไหนกันเนี่ย!?)

สร้างความฉงนกังขาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก โดยเฉพาะบรรดา “ศิษย์รุ่นพี่” ที่ต่างงุนงงสงสัยว่า “ศิษย์สาย ๒” ผู้น้องนี้ป่วยได้เช่นไร เพราะเป็นคนดูแลสุขภาพตัวเองได้ดี (จนโอเว่อร์)

น้ำเย็นไม่ดื่ม เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ น้ำชา-กาแฟ-น้ำอัดลมก็ไม่แตะ ขนมหวานไม่กิน กินแต่อาหารชีวจิต ดื่มแต่น้ำโมเลกุลเล็กในขวดแก้วขนาดพกพา (ไม่ดื่มน้ำจากขวดพลาสติกอีกแล้วจ้า เพราะกลัวพิษสารฟอร์มาลีน) อาหารกลางวันก็จัดใส่ปิ่นโตไปกินเอง ผักสด-ผลไม้สดไม่เคยขาด

ตอนกลางคืนก็จะอาบแต่น้ำอุ่น ลงน้ำมันบำรุงผิวทั่วตัว และไม่ลืมลงน้ำมันที่ฝ่าเท้าก่อนใส่ถุงเท้า และ ผูกผ้าพันคอเพิ่มความอบอุ่นยามนอนหลับ ห้องนอนก็เป็นอากาศธรรมชาติ ไม่เปิดพัดลม และ ไม่เปิดแอร์

แถมยังรักสุนัขและรักเด็ก

เห็นมั้ย ไม่มีมูลเหตุจูงกายให้ป่วยได้เลย??
 
นี่ถ้าผู้เขียนยังโคจรอยู่นอกวงการธรรมชาติบำบัด เป็นต้องล้มหมอนนอนยาวอยู่ในโรงพยาบาล ให้หมอจิ้มเข็มน้ำเกลือ อัดยาฆ่าเชื้อ ทั้งยากิน-ยาฉีดสารพัด อันนี้แก้หวัดคัดจมูก อันนี้ลดน้ำมูก อันนี้แก้ไอ ละลายเสมหะ แก้ปวดลดไข้ แก้อักเสบ แก้คลื่นไส้ แก้อ่อนเพลีย คลายกล้ามเนื้อ แม้กระทั่งยานอนหลับก็ยังจัดให้ (ช่างน่ารักจริงจริ๊ง)

หายหรือไม่หายไม่รู้หรอกค่ะ รู้แต่ว่าคนไข้จะตาลายและหัวใจวายเพราะ “ใบเสร็จ” เช็คบิลตอนเช็คเอาท์ ทั้งอาการและขนานยาที่ว่าไม่เคยต่ำกว่าสองหมื่น!! (เฉลี่ยค่ารักษาคืนละหมี่น-ใน รพ.เอกชนชั้นดีมีมาตรฐาน) โชคยังดีที่มีประกันสุขภาพ แต่ก็จัดหนักไปเหมือนกัน

หากทุกวันนี้โชคดียิ่งกว่า เพราะได้ปวารณาตัวเป็น “ศิษย์ อ.สุทธิวัสส์” นักธรรมชาติบำบัดระดับหัวกะทิของโลกเลยตรวจพบว่ามีเพียง “สะเก็ดเลือดในปอด”  กินแค่โยเกิร์ต ๑ ถ้วย ผสมน้ำมันขิง ๑ ช้อนโต๊ะ เช้า-เย็นติดต่อกัน ๓ วันก็หาย

อาการที่เป็นเรื้อรังมานานกว่า ๒ อาทิตย์ก็หายเป็นปลิดทิ้ง!!

โอ๊ว-ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก!!

เลยได้มีโอกาสไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดเขาพุทธโคดม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในคอร์สของท่าน อ.สุทธิวัสส์ อีก ๑ รอบ เมื่อวันที่ ๑๐-๑๒ ธ.ค. ที่ผ่านมานี้เอง

นำบุญมาฝากด้วยนะค้า ... อย่าลืมอนุโมทนาตรงหน้าเว็บ จะได้เก็บเกี่ยวบุญกันไปคนละ ๒๐%  ถ้าอยากได้เต็มร้อย ก็ต้องไปสอยด้วยตัวเองเจ้าค่ะ (ขอโปรโมทคอร์สหน้าล่วงหน้า ๒๑-๒๓ ม.ค. ๕๔ หิ้วกระเป๋าเข้าปฏิบัติได้เลย ไม่ต้องโทรจองให้วุ่นวาย)
           
หายไปนานอย่างนี้ก็ต้องมีของดีมาฝาก สูตรเด็ดตัวใหม่ล่าสุดมีชื่อว่า “น้ำ ๓ กระชาย” ท่านอาจารย์เพิ่งกระซิบบอกมาสด ๆ ร้อน ๆ เตรียมตัวจดได้เลยค่ะ

ขั้นตอนแรก เตรียมหัวเชื้อน้ำกระชายทั้ง ๓ ไว้ก่อน ดังนี้ กระชายเหลือง ๑ ขีด เติมน้ำ ๒ ถ้วย ปั่นให้ละเอียด ผสมน้ำเปล่าจนได้ ๑ ลิตร แล้วกรองเอากากออก (กรรมวิธีทำก็เหมือนน้ำกระชายสูตรเดิมนั่นแหละ)  จากนั้นก็มาทำแบบนี้กับกระชายดำและกระชายแดง

เราก็จะได้น้ำกระชาย ๓ สี ๓ ขวด ถ้ายังไม่กินก็ให้เก็บใส่ตู้เย็นได้นาน ๑ เดือน

ถ้าจะกินก็เอามาเข้าสูตร ดังนี้

น้ำกระชายเหลือง ๕ ส่วน / น้ำกระชายดำ ๑ ส่วน / น้ำกระชายแดง ๑ ส่วน / น้ำผึ้ง ๓ ส่วน รวมเป็น ๑๐ ส่วนพอดี (จะใส่น้ำมะนาวหรือน้ำผลไม้อื่นผสมลงไปด้วยก็ได้ถือเป็นอ๊อปชั่นเสริม)

สรรพคุณจะแรงกว่าสูตรเดิมถึง ๑๐ เท่า แคลเซียมสูงบำรุงกระดูกและฟัน มีธาตุสังกะสีแก้อ่อนเพลีย, ตับ ไต จะยิ่งแข็งแรง, ผมหงอกขาวจะกลับมาดกดำ, ปรับสมดุลความดัน-ฮอร์โมน, ป้องกันต่อมลูกหมากโต, บำรุงสมอง

ข้อควรระวัง น้ำกระชาย (เฉย ๆ) หรือน้ำ ๓ กระชายสูตรนี้ ไม่ควรดื่มเพียว ๆ โดยเด็ดขาด จะเสียของเปล่า ๆ

สรรพยาสุดวิเศษจะเกิดได้ต่อเมื่อมีความหวานจาก “น้ำผึ้ง” เข้าไปหมักบ่มเป็นแอลกอฮอล์ในกระเพาะอาหารของเรา  (เอิ๊ก-ไม่ถึงกับเมาหรอกค่ะ แค่จิ๊บ ๆ เท่านั้น คนถือศีลเคร่งครัดทานได้สบาย ๆ)

สุดท้ายนี้ขอแจ้งข่าว ใครอยากติดตามผลงานท่าน อ.สุทธิวัสส์ ตอนนี้ให้ไปหาซื้อหนังสือ “ดวงประกาศิต” และนิตยสาร “เฮิร์บสฟอร์เฮลท์” (Herbs for Health) ท่านอาจารย์เขียนเองทุกเล่ม มีการอัพเดทข่าวสารวงการสุขภาพใหม่ ๆ ทุกฉบับ

ด้วยรัก และ ปรารถนาดี
จาก ศิษย์สาย ๒

กลับขึ้นด้านบน

อ่านตอนอื่น

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่