Pendulum ลูกดิ่งมหัศจรรย์ เพื่อสุขภาพที่ดี

จากภาวะสังคมปัจจุบันจะพบว่า ผู้คนมีแต่ความรีบเร่ง รีบร้อนในการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การทำงาน จนลืมที่จะดูแลเอาใจใส่ตนเอง โดยเฉพาะเรื่องของสุขภาพร่างกายที่ต่างก็ปล่อยปละละเลย ยิ่งเมื่อผนวกกับการรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณประโยชน์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งส่งผลให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนขึ้นมากมาย

 
พิภัทรา  ธาดาธนากร ผู้ทำการประเมินสุขภาพด้วยวิธี Pendulum ขณะใช้ลูกดิ่ง Pendulum ประเมินสุขภาพ
               แน่นอนว่า หลายคนอาจจะไม่ใคร่ใส่ใจเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บมากนัก เนื่องเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิด ยังไม่มีความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะกว่าจะพบว่าสุขภาพของตนเริ่มที่จะไม่เอื้ออำนวยกับการทำงาน ก็ทำให้การบำบัดรักษาเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น
       
        ศาสตร์ทางเลือกศาสตร์หนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การประเมินสุขภาพด้วย Pendulum
       
        ศาสตร์แขนงนี้ เป็นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด โดยการใช้ลูกดิ่งในการประเมินสุขภาพ ทั้งกาย กรรม จิต และพลังตามแนวพระไตรปิฎก ผนึกกับการใช้พลังจิตในการตั้งคำถามเกี่ยวกับระบบต่างๆ ของร่างกายว่าร่างกายมีระบบการทำงานเป็นอย่างไร และเปรียบเทียบออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ เพื่อตรวจสอบความสมดุลของภาวะ ร่างกายและนำมาเป็นแนวทางในการแก้ไขอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบภาวะของการเกิดโรคได้อีกด้วย
       
        อาจารย์พิภัทรา ธาดาธนากร ผู้ทำการประเมินสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติ โดย Pendulum ให้ข้อมูลว่า แต่เดิมให้ความสนใจในเรื่องของการฝึกจิตทำสมาธิอยู่แล้วซึ่งสามารถนำมาช่วยในการรักษาผู้อื่นได้ และต่อมาพบว่าในสังคมทุกวันนี้ผู้คนมักจะเกิดโรคต่างๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย บางคนยังอายุไม่ถึง 50 ปี ก็เป็นโรคร้ายแรงแล้ว บ้างก็ถึงกับเสียชีวิต
       
        ทั้งนี้ สาเหตุที่พบเกิดจากการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง และยิ่งสังคมปัจจุบันอยู่ในภาวะบริโภคนิยมรุนแรง โดยเฉพาะอาหารจำพวกทอด หรือขนมขบเคี้ยวต่างๆ ที่ก่อให้เกิดไขมันอุดตันจึงส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานทุกส่วนของร่างกาย ทั้งไต ที่ต้องทำงานหนักขึ้น เลือดที่นำไปเลี้ยงสมองน้อยลงทำให้เกิดอาการอื่นๆ ตามมา เช่น เกิดอาการมึน ตาพร่ามัว ความจำลดลง ชาตามมือและเท้า เป็นต้น


 
ดูกันชัดๆ สำหรับโฉมหน้าของลูกดิ่ง Pendulum
               จากนั้นจึงเริ่มศึกษาเกี่ยวกับกาย กรรม จิต และพลังเพิ่มขึ้นและมีการเชิญชวนนักสุขภาพจิตร่วมรณรงค์และให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิต เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกแก่ประชาชนนอกจากการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน
       
        “ในการตรวจรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันจะพบว่าเป็นการตรวจความบกพร่องของร่างกายที่เกิดขึ้นกับแต่ละบุคคล ย่อมมีที่มาของชนิดและอาการของโรคที่ต่างกัน จากนั้นก็จะมีวิธีการรักษาตามขั้นตอนและแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ระบบหัวใจ ไต ปอด ตับ กระเพาะ ปัสสาวะ เป็นต้น ซึ่งจะแตกต่างกับการรักษาด้วย Pendulums ตรงที่การรักษาวิธีนี้จะตรวจเช็กทุกส่วนของร่างกาย การทำงานทุกระบบ รวมไปถึงการนำเรื่องของเวรกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะเชื่อว่าการกระทำของแต่ละคนมีผลต่อสุขภาพ ซึ่งแพทย์ทั่วไปไม่ได้มองถึงเรื่องนี้”
       
        “ทั้งนี้ การรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับตัวผู้ที่ทำการประเมินเองที่จะต้องมองว่าเราได้กระทำอะไรลงไปบ้างที่ส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งก็มีเรื่องของกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง และวิธีการรักษาย่อมต้องแก้ด้วยการนั่งวิปัสสนา กรรมฐาน การทำบุญ ซึ่งช่วยในเรื่องนี้ได้มาก” ผู้ทำการประเมินด้วย Pendulums อธิบาย
       
        นอกจากทำการประเมินสุขภาพด้วย Pendulum แล้ว ยังมีการจัดกระดูกเพื่อความสมดุล ของร่างกาย เนื่องจากในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันหลายคนปฏิบัติตัวอย่างผิดวิธี เช่น การยกของหนัก นั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จนทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดเอว ตามข้อต่างๆ เมื่อได้รับการจัดกระดูกแล้วก็จะบรรเทาอาการปวดเหล่านั้นให้หมดไป นอกจากนั้นยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้นด้วย
       
        สำหรับวิธีการประเมิน ผู้ประเมินจะใช้ลูกดิ่งหย่อนลงที่มือ จากนั้นอาจารย์จะตรวจสอบว่ามีเจ้ากรรม นายเวรหรือไม่ ตรวจสอบเม็ดเลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้า ส่วนกลางและส่วนหลังว่าแต่ละส่วนมีจำนวนเท่าใดจาก 100 % นอกจากนั้นยังตรวจสอบเซลล์มะเร็ง ความผิดปกติของเซลล์ประสาท ที่สำคัญตรวจว่าร่างกายมีโพแทส เซียม ฟอสเฟต(ผักสด ผลไม้สด) และโซเดียมฟอสเฟต(ถั่ว,ข้าวเหนียว,ของดอง)แตกต่างกันเท่าใด


 
การจัดกระดูกที่ถูกนำมาใช้ประกอบด้วย
               ตัวอย่างหนึ่งของผู้รับการประเมิน พบว่า มีเจ้ากรรมนายเวร จึงต้องมีการอโหสิกรรมและนั่งวิปัสสนา 3 วัน เลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้า 70% ส่วนกลาง 75% และส่วนหลัง 90 % ปริมาณเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงปกติ ไม่พบเซลล์มะเร็ง ไขมัน และนำตาลในเลือดปกติแต่มีไขมันในลำไส้ มีโพแทสเซียม ฟอสเฟต(ผักสด ผลไม้สด) 35 % และโซเดียมฟอสเฟต(ถั่ว,ข้าวเหนียว,ของดอง) 65 %
       
        เมื่อมีผลออกมาข้างต้น อาจารย์ได้แสดงความคิดเห็นว่า การที่มีเลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้า 70% นั้นส่งผลให้เกิดอาการมึนงงบ่อยครั้ง มีไขมันในลำไส้ ทำให้เกิดการปัสสาวะบ่อย และมีโพแทสเซียม ฟอสเฟตในร่างกาย เพียง 35 % ในส่วนนี้จะส่งผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจทำให้เกิดการทำงานผิดปกติ แสดงว่าทานผักสดและผลไม้สดน้อยมากจึงควรงดอาหารจำพวกถั่ว ข้าวเหนียวและของหมักดอง เพราะมีโซเดียมฟอสเฟตถึง 65 % เป็นระยะเวลา 2 เดือน จากนั้นจึงควบคุมให้มีความสมดุลกัน
       
        “ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มารับการประเมินทำให้ทราบว่าร่างกายของเราเป็นอย่างไรบ้างทั้งระบบเลือด ความผิดปกติของเซลล์ต่างๆ ที่สำคัญช่วยในเรื่องของการรักษาสุขภาพว่าควรเลือกรับประทานและควรจะอดอาหารประเภทใดเพื่อจะทำให้เกิดความสมดุล
ของร่างกาย
ทั้งนี้ ยังได้เรียนรู้วิธีการกำหนดจิตวิปัสสนาเพื่อผ่อนคลายด้วยและเมื่อได้ทำการจัดกระดูกแล้วรู้สึกว่าร่างกายมีความคงที่ อาการปวดก็บรรเทาลงและ คาดว่าจะปฏิบัติไปเรื่อยๆ เพื่อสุขภาพของตนเอง” หนึ่งในผู้รับการประเมินแสดงความเห็น
       
        ...การรักษาสุขภาพให้รอดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บควรเริ่มต้นที่การดูแลเอาใจใส่ตนเอง เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดซึ่งสามารถบำบัดรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างดี ทั้งนี้ ควรเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและควรเอาใจใส่กับการเลือกอาหารบ้างเพื่อมิให้ร่างกาย
ต้องทำงานหนักเกินความจำเป็น...

http://www.blogth.com/blog/Colum/Helth/943.html