ตอน 8

สมชายกับเปี๊ยก

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

เถ้าแก่ไพบูลย์ตัดสินใจได้หลังจากใช้เวลาไตร่ตรองมาข้ามอาทิตย์ เขาจึงเรียกน้องชายมาพบที่บ้านเพื่อบอกข่าวดี

วรัญเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ แยกตัวจากการทำงานที่โรงงานผลิตของเล่นของพี่ชายที่โคราช ออกมาเป็นนักบริหารมืออาชีพ อายุเพียงสี่สิบกว่าปีก็ได้เป็นมือขวาของเจ้าของกิจการที่มีธุรกิจในเครืออยู่นับพันล้าน

สองพี่น้องกำลังนั่งคุยที่ชานบ้านของเถ้าแก่ไพบูลย์ผู้เป็นพี่

ไพบูลย์ยกกาน้ำชาขึ้นรินใส่จอกถ้วยน้ำชา ควันบาง ๆ โชยขึ้นจากถ้วย

"ทิกวนอิม ซื้อมาจากจีนเมื่อต้นปี"

วรัญพยักหน้า ยกถ้วยน้ำชาขึ้นเป่าเบา ๆ แล้วจิบ

"อือ... หอมดี ! ห่อที่แล้วที่ให้ผมไปนั่นอะไรน่ะ เฮีย ? อู่หลงเหรอ ?"

พี่ชายพยักหน้า

น้องชายมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ในใจนึกดีใจเกินคาดที่พี่ชายตกลงจะยกเด็กหนุ่มไฟแรงที่มีความสามารถมาให้เป็นผู้ช่วยของเขา

"เฮียแน่ใจแล้วนะ ว่าจะให้สมชายมาอยู่กับผม ?"

เถ้าแก่พยักหน้า

"เฮียตัดสินใจแล้ว ยิ่งมาดูเด็กคนนี้ทำงานพักหลัง ๆ นี้ เฮียว่า ที่นี่เอาเค้าไม่อยู่แน่"

น้องชายถึงกับเลิกคิ้ว

"ขนาดนั้นเชียว ! แหม ! ตรงกับที่ผมดูมาตั้งแต่แรก เพียงแค่ได้เจอครั้งแรก ผมก็กาหัวไว้แล้วว่า คนนี้ไม่ธรรมดา ไอ้ตอนที่ผมพูดกับเฮียว่าจะขอเค้ามาทำงานกับผม ผมยังนึกอยู่ว่าเฮียจะโกรธหรือเปล่า เพราะท่าทางเฮียก็รักเค้ามาก"

พี่ชายพยักหน้าซ้ำ ๆ

"เป็นแค่พนักงานธรรมดา แต่ทำงานเหมือนเจ้าของกิจการ"

"แล้วทำไมเฮียถึงปล่อยเค้ามาให้ผมได้ล่ะ ?"

"โรงงานผลิตของเล่น คงเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้นานหรอก เค้าทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่เพื่อเงิน คนแบบนี้เราต้องมีอะไรท้าทายให้เค้าทำ ไอ้โรงงานเฮียน่ะ มันค่อย ๆ ทำก็ได้ แล้วความคิดก้าวหน้าแบบเด็กคนนี้ เจอเจ๊จินตีกรอบก็หมดสนุกแล้ว"

วรัญหัวเราะเมื่อได้ยินชื่อของผู้จัดการฝ่ายการเงินของโรงงาน

จินตนาเป็นลูกสาวของคุณอา ซึ่งเธอมีศักดิ์เป็นลูกพี่ของเถ้าแก่ไพบูลย์ ด้วยอายุที่มากกว่าเถ้าแก่ถึงสี่ปี ทำให้เถ้าแก่ไพบูลย์มีความเกรงใจในผู้จัดการฝ่ายการเงินคนนี้เป็นพิเศษ

"เจ๊จินแกห้ามโน่นห้ามนี่อีกล่ะสิ ช่างเหมาะกับตำแหน่งผู้พิทักษ์กงสีเหลือเกิน"

พี่ชายหัวเราะบ้าง

"ก็ตามประสาของเจ๊แกน่ะแหละ แต่โรงงานนี้ถ้าไม่ได้เจ๊จินมาช่วยตั้งแต่แรก ป่านนี้คงไม่ได้มาถึงตรงนี้"

"ก็ใช่ ! แล้วเจ๊จินมีปัญหากับสมชายเหรอ เฮีย ?"

พี่ชายสั่นหัว

"เปล่า ! ไม่ได้มีปัญหา สมชายไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่ไอเดียที่สมชายคิดอยากจะทำน่ะ ยังไงก็ไม่ผ่านเจ๊จินหรอก เฮียรู้ ลองคิดดู เด็กหนุ่ม เสนออะไรก็ไม่ผ่าน เพราะติดฝ่ายการเงิน ไม่นานก็ลาออก คนอย่างสมชายน่ะ ไม่ได้อยู่เพื่อกินแค่เงินเดือน"

วรัญพยักหน้าเข้าใจ

"อือ... เค้าต้องการผลงานที่เป็นไอเดียของเค้าเอง งานของผม มีให้เค้าแน่ เรื่องเงินเดือนก็ไม่ใช่ปัญหา คุณศุภชัยมีปัญญาจ่ายได้ ถ้าได้คนที่เก่งจริง สำคัญคือตัวของสมชายเองนั่นแหละ เค้าจะมามั้ย ? เฮียได้คุยกับเค้าหรือยัง ?"

"เฮียเกริ่นกับเค้าไว้แล้ว แกไปเตรียมมาว่าแกจะให้เค้าไปอยู่ตำแหน่งอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ แล้วเฮียค่อยคุยรายละเอียดกับเค้าอีกที แต่เฮียมั่นใจว่าเค้าจะตกลง เพราะเค้ารู้เหตุผลแล้ว เค้าอยู่ที่นี่ต่อไปก็อึดอัด ยังไงก็ต้องหาทางลาออกแน่ ๆ แทนที่จะต้องเสียไปให้คนอื่น เฮียยกให้แกดีกว่า"

วรัญยกถ้วยน้ำชาซดจนหมด แล้วยื่นให้พี่ชายเทน้ำชาให้อีก

"เยี่ยมเลยเฮีย !"

เฮียหัวเราะ

"อะไรเยี่ยม ? ทิกวนอิม หรือ สมชาย ?"

"ทั้งคู่นี่แหละ น้ำชาก็เยี่ยม สมชายก็เยี่ยม"

วรัญพยักหน้าช้า ๆ เมื่อนึกถึงภารกิจต่าง ๆ ในองค์กรที่เด็กหนุ่มชื่อสมชายคนนี้ จะมาแบ่งเบาไปจากเขา

"ภาษาก็ดี การเงินก็เป็น การตลาดก็เป็น ที่ไหนเป็นคนฝึกเค้ามานะ เฮีย ? เฮียเคยบอกว่าเค้าเคยทำงานเป็นแค่พนักงานวิเคราะห์สินเชื่อ พนักงานธรรมดาไม่น่าจะเก่งขนาดนี้"

เถ้าแก่ไพบูลย์จ้องหน้าน้องชาย

"ดีที่พนักงานเก่าคนนึงแนะนำสมชายเข้ามา เฮียสัมภาษณ์ครั้งเดียว ดูท่าทางพูดรู้เรื่อง ก็เลยรับไว้ก่อน ลองให้จับงานขายดู เพราะเราขาดคนที่ขายเป็น ไม่งั้นเฮียเหนื่อยตาย ต้องวิ่งขายเอง

เฮียไม่ได้หวังอะไรมาก เงินเดือนก็ให้แค่สองหมื่น เค้ารับได้ ก็เอา

ปรากฏว่า เป็นอย่างที่เห็น ขายเก่ง วางแผนเป็น รู้เรื่องการเงิน ทำอะไรอีกมากมายนอกเหนืองานที่ให้ทำ แล้วดูเค้าแต่งตัว ผิวพรรณก็ดี เวลาไปติดต่องานที่อื่น เค้านึกว่าเฮียส่งลูกชายไป"

วรัญฟังแล้วมีรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง

"หน่วยก้านดูดีเลย ประวัติมาจากไหนไม่สำคัญ เดี๋ยวค่อยซักถามกันได้ แต่มองเค้าแล้ว ผมเห็นอนาคต"

*****************************************************************************

หมวยเล็ก...นักศึกษาปีสามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อยู่ในชุดลำลองเสื้อยืด กางเกงสี่ส่วน รองเท้าแตะ เดินจากตัวบ้านเข้าไปเขตออฟฟิศของโรงงาน

หกโมงเย็น... ออฟฟิศของโรงงานผลิตของเล่นปิดแอร์แล้ว ไฟฟ้าส่วนใหญ่ถูกดับ เหลือแต่ไฟฟ้าบางดวงที่ยังเปิดอยู่

ลูกสาวคนโตของเถ้าเแก่ แต่กลับชื่อหมวยเล็ก... เคาะประตูกระจกห้องการเงิน ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป

หมวยเล็กยกมือไหว้

"หวัดดี โกวจิน ! โกวยังไม่กลับเหรอคะ ?"

สาวอาวุโสวัยเกือบหกสิบปีมองลอดแว่น

"อ้า.. อาหมวยเล็ก ! วันนี้กลับบ้านเหรอ ?"

"ค่ะ ! วันอาทิตย์นี้ป๊ากับม๊าจะไปหาโซ้ยอี๊ที่อุดร จะให้หมวยเล็กไปด้วย กู๋วรัญมาหาป๊า โกวจินเจอหรือยัง ?"

จินตนาพยักหน้าให้หลานสาว

"เจอแล้ว ! คงมาคุยเรื่องสมชาย"

หลานสาวขมวดคิ้วยกมือขึ้นจับปลายผมเปียของตัวเอง

"เรื่องพี่สมชาย ! ทำไมเหรอคะ ?"

จินตนาถอดแว่นสายตาออก วางลงบนโต๊ะทำงาน

"วรัญ อีอยากจะได้สมชายไปช่วยงาน ป๊าเธอคงใจอ่อนแล้วมั้ง"

หลานสาวเอียงคอด้วยความสงสัย

"เอ๋.... เป็นไปไม่ได้ ! ป๊าบอกว่าพี่สมชายเป็นพนักงานที่ทำงานได้ดีที่สุดตั้งแต่ป๊าเคยมีลูกจ้างมา ทำไมถึงปล่อยให้กู๋วรัญเอาไปได้ ? พี่สมชายมีปัญหาอะไรกับป๊าหรือเปล่า โกวจิน ?"

"ไม่มีหรอก ! ตรงกันข้าม ป๊าเธอน่ะรักสมชายเหมือนญาติ เค้าอยากให้สมชายเติบโต มีที่ทำงานที่เหมาะกับความสามารถ"

หมวยเล็กพยักหน้าช้า ๆ

"เหรอคะ ? น่าเสียดายจัง พี่สมชายเค้าทำงานเก่งขนาดนั้นจริงเหรอ โกวจิน ?"

คุณป้าเหลือบสายตา มองไปผ่านกระจกไปยังห้องทำงานอีกฝั่ง

"เก่งมาก ! ซื่อสัตย์ แล้วก็ทุ่มเท ถ้าป๊าเธอตัดสินใจให้สมชายไป ก็น่าเสียดาย จะไปหาเด็กหนุ่มที่ไหนที่บ้างานแบบนี้มาทำงานที่โคราช คนเก่งเค้าเข้าไปหางานในกรุงเทพ ฯ หมด"

หลานสาวมองตามสายตาของคุณป้า ไฟในห้องทำงานอีกฝั่งยังถูกเปิดอยู่สองสามดวง

มองเห็นสมชายกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

"พี่เค้าเครียดเกินไปหรือเปล่านะ ? หมวยเล็กไม่ค่อยเห็นพี่เค้ายิ้มเลย"

"เราน่ะ เรียนจบแล้วก็รีบมารับภาระต่อจากป๊าเธอซะ ป๊าเธอไม่มีลูกชาย ก็รอเธอมารับช่วงอยู่นี่แหละ"

หลานสาวหัวเราะ

"เฮอะ ๆ ... หรือไม่ ก็หาลูกเขยเก่ง ๆ น่าจะง่ายกว่านะ"

คุณป้าหัวเราะตาม

"หาผู้ชายเก่ง ๆ ไม่ง่ายหรอก แค่หาให้เป็นชายแท้ สมัยนี้ก็ยากแล้ว"

หมวยเล็กพยักหน้าหงึก ๆ แล้วพูดเบา ๆ

"ยากก็ต้องลอง"

เธอหันหลังเดินกลับไปที่ประตู

"เดี๋ยวหมวยเล็กไปคุยกับพี่สมชายก่อน"

*********************************************************************************

สาวรุ่นเดินลากรองเท้าแตะ ตรงเข้ามาที่โต๊ะทำงานของสมชาย

หนุ่มแว่นบ้างานละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วส่งยิ้มให้เธอ

"หวัดดีครับ หมวยเล็ก !"

เจ้าตัวทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ

"หวัดดีค่ะ ทามาดะซัง ! นาน ๆ จะได้เห็นพี่ทามาดะยิ้มซะที ตอนอยู่ในออฟฟิศ พี่ยิ้มให้คนอื่นบ้างหรือเปล่า ?"

คำพูดนี้ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะได้

"ใครเค้าจะมาคอยจ้องว่าผมจะยิ้มเมื่อไหร่ ?"

"งั้นพี่ก็ระวังมะเร็งกินแล้วกัน คนที่เครียดกับงานมาก ๆ มีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าคนปกติ สิบเท่า"

สมชายยิ้มอีกครั้ง แล้วพยักหน้า

"ไม่ต้องห่วง ทำงานก็มีความสุขอยู่ข้างใน แต่อาจจะไม่ได้ออกมาทางสีหน้า"

หมวยเล็กเริ่มเข้าเรื่องที่ต้องการจะสนทนา

"ชื่อนั้นสำคัญไฉนนะ พี่สมชาย ? ทำไมคนเราต้องเปลี่ยนชื่อกัน ?"

อีกฝ่ายขมวดคิ้ว ที่จู่ ๆ ก็ได้ยินคำถามนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย

"หมวยเล็กหมายถึงใครเหรอ ?"

"ก็ พี่วรรณา เปลี่ยนชื่อเป็น กชมน ไง พี่สมชายรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย ?"

สมชายพยักหน้า

"รู้แล้ว !"

"รู้เหตุผลด้วยหรือเปล่าคะ ?"

สมชายพยักหน้าอีกครั้ง

หมวยเล็กอมยิ้ม

"แน่ะ ! สงสัยรับฟีดข่าวทุกวัน ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อด้วยล่ะคะ ? เอ๊ะ... ! แต่อย่าเพิ่งเล่าตอนนี้เลย พี่สมชายเย็นนี้มีธุระที่ไหนหรือเปล่า ?"

สมชายสั่นหัว

"เปล่า"

อีกฝ่ายมีรอยยิ้มออกมาทันที

"งั้นดี ! หมวยเล็กจะชวนพี่สมชายไปกินข้าว หวังว่าพี่สมชายจะไม่กลัวตาย ซ้อนมอไซค์'หมวยเล็กไปกินหมูกะทะแถวตลาดไนท์วัดบูรพ์กัน"

*********************************************************************************

มอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเวฟสีฟ้า พาสองหนุ่มสาวมาถึงกลางเมืองโคราช

หมวยเล็ก และ สมชาย เลือกนั่งโต๊ะอาหารที่ติดริมถนน

"ดีนะที่ตอนบ่ายอาบน้ำแล้วไม่ได้สระผม คืนนี้จะได้สระทีเดียว ไม่งั้นมากินหมูกะทะ กลิ่นติดหัวไปสามวัน"

เธอพูดแล้วก็หัวเราะ ยกมือจับปลายผมเปียตัวเองขึ้นมาลูบ

เด็กหนุ่มประจำร้านยกกาน้ำแกงมาเทบนกะทะเหล็ก

สมชายยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนของตัวเองออก

หมวยเล็กทักขึ้น

"เห็นว่าป๊าจะให้พนักงานทุกคนใส่เสื้อยืดแล้วนะ หมวยเล็กว่าสะดวกดีนะ ไม่ต้องมานั่งรีดเสื้อ เปลืองไฟ แต่... พี่สมชายคงไม่ได้อยู่แล้ว..."

สมชายมองหน้าสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม

"ข่าวไปเร็วจริง ๆ !"

หมวยเล็กหัวเราะคิกคัก

"คนเราอะน๊า !... ไม่รักกันจริง จะทิ้งกันไปได้ลงคอ"

เขามีรอยยิ้มอีกครั้ง แต่ไม่มีคำพูด

"หมวยเล็กต้องขอบคุณพี่วรรณา ที่แนะนำให้พี่สมชายมาช่วยงานป๊า ป๊าเบาแรงไปเยอะเลย แต่ก่อนเวลาลูกค้าโทรมาจากต่างประเทศ ป๊าก็ต้องเสียเวลาคุยตั้งนาน เดี๋ยวนี้ต่างประเทศโทรมาขอคุยแต่คุณทามาดะทั้งนั้น ลูกค้าต่างประเทศคิดว่าพี่สมชายเป็นคนญี่ปุ่นกันหมดเลย ตลกดี !
แต่คนเรา มีพบกันก็ต้องมีจากเนอะ พี่สมชายเล่าให้หมวยเล็กฟังดีกว่า ว่าทำไมพี่วรรณาต้องเปลี่ยนชื่อด้วย"

สมชายค่อย ๆ ถอดแว่นกรอบทอง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ด

"วรรณาป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน แฟนของวรรณาเค้าไปดูดวง หมอดูก็บอกให้วรรณาเปลี่ยนชื่อ ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น แล้วก็ให้คนรอบข้างเรียกวรรณาในชื่อใหม่ เหมือนกับว่า จะเปลี่ยนชะตาจากคนเดิม ให้กลายเป็นคนใหม่ ชื่อจริงก็เปลี่ยนเป็นกชมน ชื่อเล่นก็เรียกว่ามน ผมเองก็ยังไม่ชิน เผลอจะเรียกชื่อเดิมอยู่เรื่อย"

หมวยเล็กจ้องหน้าคนเล่า

"เส้นเลือดสมองอุดตัน ! พี่วรรณามีอาการยังไงคะ ?"

"เริ่มต้นด้วยแขนชา ตอนนี้แขนเริ่มไม่มีแรง กำมือแน่นไม่ได้ หยิบจับของก็ไม่ถนัด อาการเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หมอบอกว่าถ้าไม่รักษา ต่อไปก็อาจจะเป็นอัมพาต ตอนนี้วรรณาต้องลาออกจากงาน เพราะเริ่มทรงตัวลำบาก เดินไม่ตรงแล้ว"

หมวยเล็กยิงคำถามต่อมาทันที

"รักษาด้วยวิธีไหนคะ ? มีวิธีไหนบ้าง ?"

"วิธีแรกคือ กายภาพบำบัด ซึ่งก็ทำมาสองเดือนกว่าแล้ว อาการก็ยังแย่ลง วิธีสุดท้ายคือ ผ่าตัดสมอง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่"

หมวยเล็กอุทานเบา ๆ

"ทรงตัวไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ตายล่ะ !"

เธอกระพริบตาถี่ ๆ สักพัก น้ำตาก็ออกมาคลอ

"พี่วรรณาเริ่มป่วยมานานเท่าไหร่แล้วคะ ?"

"มีอาการแขนชามาปีกว่า แล้วเพิ่งมาเริ่มหนักขึ้นเมื่อหกเดือนที่แล้ว"

เขาเองก็เริ่มที่จะแสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมา เมื่อพูดถึงอาการป่วยของเพื่อนคนสำคัญ

หมวยเล็กมองหน้าสมชาย

"แค่เปลี่ยนชื่อ มันจะช่วยได้เหรอคะ ?"

เขากระพริบตาปริบ ๆ ถอนหายใจยาว

"ผมเองไม่เชื่อเรื่องเปลี่ยนชื่อหรอก แต่แฟนของวรรณาเค้าจัดการเรื่องนี้ มันก็คงดีกว่าไม่ทำอะไรมั้ง"

"แล้วใครเป็นคนตัดสินใจเรื่องการรักษาล่ะคะ ? แฟนพี่วรรณาเหรอ ? หรือว่าพ่อแม่ของพี่วรรณา ?"

"พวกเค้าคงปรึกษากัน แต่ผมเองกลับรอไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ใช่คนในครอบครัวเค้า"

สมชายหัวเราะตัวเองเบา ๆ

หมวยเล็กพยักหน้าเข้าใจ

"ก็พี่สมชายคงสนิทกับพี่วรรณา พี่สองคนรู้จักกันมานานแล้วเหรอคะ ?"

"วรรณาเป็นเพื่อนผมตั้งแต่สมัยมัธยม"

เธอพยักหน้าอีกครั้ง

สมชายกลับมีอาการเหม่อ ตาลอย มองออกไปยังนอกร้าน

หมวยเล็กจับความรู้สึกได้ว่า รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม คงกังวลใจกับอาการป่วยของเพื่อนสนิท

"พี่สมชาย เราไปตักของมากินเถอะ เดี๋ยวกินเสร็จไปเดินตลาดไนท์กันนะ"

เขาพยักหน้ารับ

เนื้อหมักต่าง ๆ ผักสด น้ำจิ้ม และ น้ำอัดลม วางอยู่บนโต๊ะรอบ ๆ กะทะ

คู่สนทนาหยุดสนทนากันชั่วคราวเพื่อจัดการกับมื้ออาหารที่วางอยู่ต่อหน้า

สมชายยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม เขานึกถึงมื้ออาหารในงานสังสรรครั้งอดีต ที่ส่วนใหญ่แล้ว เครื่องดื่มประจำตัวของเขาคือ สก็อตวิสกี้ผสมโซดา

แต่เครื่องดื่มประจำตัวที่ถูกใจ ก็เทียบไม่ได้กับความอิสระเบาสบายทางใจที่เขาได้รับในวันนี้

คนคนเดียวที่เปลี่ยนจิตใจที่หมกมุ่น ว้าวุ่น ตึงเครียด ของเขา ให้มาเป็น สมชายในวันนี้ได้ ก็คือ เพื่อนคนสำคัญคนนั้น

รถเก๋งที่มีเบาะนิ่ม ไม่มีกลิ่น และ เสียงรบกวนจากภายนอก ก็เทียบไม่ได้กับ การซ้อนมอเตอร์ไซค์ ที่ต้องปะทะแรงลม ผสมฝุ่น และ กลิ่นจากบรรยากาศรอบข้างที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละที่

สมชายวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ แล้วถามขึ้น

"หมวยเล็กขับมอเตอร์ไซค์เป็นตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?"

อีกฝ่ายตอบทั้ง ๆ ที่ยังเคี้ยวเนื้อหมูอยู่ในปาก

"สิบสาม ! ป๊าสอนให้ เจ๋งป่ะคะ ?"

สมชายยิ้มให้

"ผมชอบผู้หญิงที่ขับมอเตอร์ไซค์เป็น"

อีกฝ่ายสวนกลับทันที

"พี่สมชายชอบหมวยเล็กล่ะสิ หมวยเล็กก็ชอบพี่สมชาย"

ฝ่ายชายสะดุ้ง

"เอ้อ... ! ไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ ผมหมายถึง ผมเห็นผู้หญิงทั่วไปที่ขับมอเตอร์ไซค์แล้ว ผมว่าเก่งนะ ไม่ได้เน้นที่ใคร"

หมวยเล็กหัวเราะร่า

"ฮ่า ๆๆๆ รู้ค่ะ ! ทำหน้าตกใจขนาดนั้นเชียว !

หมวยเล็กอยากไว้ผมยาว แต่ต้องถักเปียไว้ ไม่งั้นขี่มอไซค์'แล้วผมยุ่ง พี่สมชายขี่มอไซค์' เป็นมั้ย ?"

สมชายสั่นหัว

"ไม่เป็นหรอก ! เป็นแต่ซ้อน ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงขี่ซะด้วย"

หมวยเล็กอมยิ้ม

"อิ อิ ! คนขี่น่ารักด้วยหรือเปล่านะ ? แต่ที่กรุงเทพ ฯ ผู้หญิงขี่มอไซค'์มีน้อยนะ เพื่อนในกลุ่มของหมวยเล็กนะ ถ้าเป็นเด็กกรุงเทพ ฯ นะ ไม่มีใครขี่มอไซค์' เป็นซักคนเลย แต่พวกมาจากต่างจังหวัด ขี่เป็นหมดเลย"

"อ๋อ... ที่ผมเคยซ้อนน่ะ ก็ที่ต่างจังหวัด ในกรุงเทพ ฯ ขี่มอเตอร์ไซค์อันตราย ส่วนใหญ่คนขี่มอเตอร์ไซค์จะเป็นผู้ชาย"

เธอมองออกไปที่ถนน

"อือ... แต่ที่ต่างจังหวัด ผู้ชายผู้หญิง ขี่มอไซค์' ใกล้เคียงกันเลยนะ หมวยเล็กว่า"

สมชายพยักหน้าเห็นด้วย

การซ้อนมอเตอร์ไซค์ที่มีคนรู้ใจเป็นคนขี่ มันให้ความรู้สึกใกล้ชิด น่าตื่นเต้น สนุก ซึมซับบรรยากาศรอบข้างได้ดีกว่า การนั่งจีบกันบนรถเก๋ง

ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนแบบนั้น เขาเพิ่งได้สัมผัสกับมันเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง ทั้ง ๆ ที่ ประสบการณ์ในการซ้อนมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกนั้น ได้เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน

ในอดีต จิตใจเขาคงหยาบกระด้างเกินไป ที่จะสัมผัสได้ถึงความสุนทรีย์ของความเรียบง่ายที่มีอยู่รอบข้าง

จริงที่สุด !... คำพูดของคนสำคัญคนนั้น เป็นจริงที่สุด

"แต่ หมวยเล็กหมายความอย่างนั้นจริง ๆ นะคะ"

จู่ ๆ หมวยเล็กก็พูดขึ้นมา โดยไม่มีประโยคอื่นนำ

สมชายชะโงกหน้าเข้ามาที่โต๊ะด้วยความฉงน

"หือ ! เรื่องอะไรครับ ?"

อีกฝ่ายอมยิ้ม

"ม่ายรู้อะ ! พูดไปแล้วนิ !"

ไอร้อนจากกะทะทำให้แว่นกรอบทองของสมชายขึ้นเป็นฝ้า

หมวยเล็กหัวเราะ ชี้มือไปที่แว่นของรุ่นพี่

"กดปุ่มไล่ฝ้าหน่อย"

เจ้าของแว่นถอดแว่นออก แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ด

"พี่สมชายสายตาสั้นเท่าไหร่ ?"

"สั้นมาก ! สั้นพอที่จะ..... "

แล้วเขาก็หยุดพูด เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ

"หัวเราะอะไร ทามาดะซัง ? ทำไมไม่พูดให้จบ ?"

เจ้าตัวสั่นหัว

"เปล่า ไม่มีอะไร"

นึกแล้วก็ขำตัวเอง ที่จู่ ๆ ในใจก็นึกถึงคำตอบว่า

'สั้น...พอที่จะมองไม่เห็นหัวใจตัวเอง'

ประโยคแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นในสมองของเขาในอดีต แต่ กับเขาในปัจจุบัน มันกลับเกิดขึ้น

เขาหยิบแว่นที่ถูกเช็ดแล้วสวมกลับเข้าไปใหม่

"ถ้าหมวยเล็กเจอผมเมื่อหลายปีก่อน ผมแตกต่างจากตอนนี้มาก"

"ตอนนั้นสายตาไม่สั้นเหรอคะ ?"

"เปล่า ๆ ! ไม่ใช่เรื่องสายตา เรื่องอื่น ๆ น่ะ หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไป เรียกได้ว่าเกือบทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ยกเว้นอย่างเดียว คือ..."

เขายกนิ้วชี้มาแตะที่แว่น

"... ผมยังใส่แว่นเหมือนเดิม แล้วผมก็คงจะใส่แว่น ตลอดไป"

เธอมองที่แว่นของรุ่นพี่

"ใส่แว่นตลอดเวลา ไม่รำคาญเหรอคะ ?"

"สำหรับผมเหรอ ? แว่นอันนี้ มันทำให้ผมเห็นอะไรที่ผมไม่เคยเห็น มันคือแว่นที่ไม่ได้ทำให้สายตาดีขึ้น แต่ทำให้โลกทัศน์กว้างขึ้น"

คำตอบนี้ ทำให้นักศึกษาสาวแกว่งหัวไปมา แล้วสะบัด

"แว่นที่ใส่แล้ว ไม่ได้ทำให้สายตาดีขึ้น แล้วจะใส่ทำไมล่ะคะ ? เป็นมึนมาก !"

สมชายกลับหัวเราะตัวเอง

เขาเริ่มหัวเราะไม่หยุด เมื่อคิดถึงประโยคที่ตัวเองเพิ่งพูดออกไป ความคิดทางปรัชญาแบบนี้ออกมาจากสมองของเขาได้อย่างไร ?

เสียงหัวเราะเขาเริ่มดังขึ้น จนทำให้สาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ต้องหัวเราะตาม

"เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่สมชายหัวเราะ ส่วนใหญ่จะเห็นแต่หน้าตาที่เอาจริงเอาจัง ป๊าบอกว่า พี่สมชายเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่มีความมุ่งมั่น ไม่เคยย่อท้อต่อปัญหาใด ๆ

ถ้าหมวยเล็กได้ทำงาน อยากจะทำงานให้เก่งได้อย่างพี่สมชาย พี่สมชายสอนหมวยเล็กหน่อยสิ ทำยังไงถึงจะเป็นได้ยังงี้ ?"

เธอชี้นิ้วมาที่สมชาย

เขาใช้เวลานึกอยู่หลายวินาที แล้วถอนหายใจ

"ถ้าหมวยเล็กเลือกกำหนดชีวิตเองได้ ผมไม่อยากให้หมวยเล็กเป็นแบบผม ตรงกันข้าม ผมอยากเป็นแบบหมวยเล็กมากกว่า แต่ชีวิตมันเลือกไม่ได้ ผมมาอยู่ตรงจุดนี้แล้ว ผมต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้น น้อยกว่านี้ไม่ได้"

คำตอบนี้ ไม่ได้ให้ความกระจ่างใด ๆ กับผู้ฟังเลย แต่กลับเพิ่มความพิศวงให้มากขึ้น

"ชีวิตหมวยเล็กมีอะไรดีเหรอ พี่สมชายถึงอยากเป็นแบบหมวยเล็ก ?"

"อิสระไง ! หมวยเล็กเป็นคนที่โชคดีมากกว่าผมร้อยเท่า !"

*****************************************************************************************

กาแฟสดที่ได้ดื่มจากตลาดไนท์บาซาร์ วัดบูรพ์ ทำให้สมชายมีอาการตาค้างจนถึงตีหนึ่ง

เมื่อร่างกายไม่ได้พัก จิตใจก็ไม่ได้พักตาม

คอมพิวเตอร์โน้ตบุคของเขายังเปิดอยู่ หน้าจอยังแสดงผลหน้าเว็บไซต์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับการผ่าตัดสมอง

เป็นเวลาสิบกว่าวันแล้ว ที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการหาข้อมูลต่าง ๆ นา ๆ เพื่อจะประกอบการตัดสินใจว่า เพื่อนคนพิเศษของเขา สมควรจะต้องได้รับการผ่าตัดหรือไม่

ข้อมูลส่วนใหญ่ที่หาได้ทั่วไป เป็นแค่การอธิบายเทคโนโลยีที่ใช้ในการผ่าตัด แต่ข้อมูลที่ได้รับจากบรรดาคนรู้จักที่เคยมีญาติ ที่เจ็บป่วยด้วยอาการคล้าย ๆ กันนี้ กลับบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การผ่าตัดสมอง ควรเป็นวิธีสุดท้ายที่จะเลือก เพราะความละเอียดอ่อนของการผ่าตัดสมองนั้น มีความเสี่ยงมากกว่าการผ่าตัดประเภทอื่น ๆ มากมายนัก

ความคิดที่แย่มาก ๆ กลับผุดขึ้นในสมองมาเป็นครั้งคราว

ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอคนนี้.... !

ถึงแม้ความคิดจะหยุดไว้เพียงแค่ประโยคนั้น แต่น้ำตาของเขากลับไม่อาจหยุดได้ทุก ๆ ครั้งที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา มันค่อย ๆ หลั่งออกมาอาบแก้ม

กายภาพบำบัดถึงแม้จะช้า แต่ก็ยังดีกว่าการผ่าตัดสมองแล้วอาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา !

แต่เขาเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิท จะมีความสามารถอะไรไปกำหนดชีวิตคนอื่นได้ ในเมื่อตัวเขาเองไม่ใช่หมอ ?

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด

สมชายนึกเอะใจ ใครกันเลือกโทรมาในเวลาเลยเที่ยงคืน ?

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นดูหมายเลข ไม่พบชื่อในระบบความจำ แต่เขาก็กดปุ่มรับสาย

"ฮัลโหล !"

"ฮัลโหล ! คุณน้าใช่มั้ยครับ ?" เสียงปลายทางเป็นเสียงเด็ก

"ใครน่ะ ?" เสียงอู้อี้ลอดออกมาทางจมูก

"เปี๊ยกเองครับ ! คุณน้าเป็นหวัดเหรอครับ ?"

ความจำแล่นกลับมาในช่วงอึดใจ เขายังจำได้ถึงเด็กสึนามิตัวปลอมที่ได้เจอที่ภูเก็ตเมื่อเดือนก่อน

"เปี๊ยก ! อ้าว ..! ว่ายังไง มีเรื่องอะไร ถึงโทรมาตอนนี้ ?"

เสียงปลายทางพูดเหมือนเสียงกระซิบ

"น้าจำเปี๊ยกได้เหรอครับ ?"

"จำได้ เปี๊ยกมีอะไรด่วนหรือเปล่า ? ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก ?"

เสียงเปี๊ยกหัวเราะเบา ๆ

"เปี๊ยกนอนแล้วเพิ่งตื่นครับ เปี๊ยกฝันเห็นน้าครับ"

สมชายหัวเราะ

"จริงเหรอ ? ฝันว่ายังไง ?"

"ฝันว่าน้าไม่สบายใจ"

เขาแปลกใจที่ได้ยินเด็กน้อยคนนี้ทักความฝันได้ใกล้เคียงกับความจริง

"ถ้าไม่สบายใจจริง แล้วเปี๊ยกจะช่วยอะไรน้าได้เหรอ ?"

"อือ...ก้อ... เปี๊ยกยังเด็กครับ ไม่รู้จะช่วยน้ายังไง แต่เปี๊ยกอยากจะบอกน้าว่า เปี๊ยกรักน้านะครับ"

สมชายได้ยินคำพูดนี้จากเด็กคนนี้อีกแล้ว

"หือ !"

"ถ้าตอนไหนน้าว่าง ๆ ก็โทรมาหาเปี๊ยกที่เบอร์นี้นะครับ เปี๊ยกต้องกลับไปที่รถก่อน หวัดดีครับ !"

สมชายยกโทรศัพท์ขึ้นดูหน้าจอ

ตีหนึ่งเนี่ยนะ จะนั่งรถไปไหน ? รู้ได้ยังไงว่าเขายังไม่นอน ?

แล้วจัดการบันทึกเบอร์นี้ลงในหน่วยความจำ

***************************************************************************

 

อ่านหน้าต่อไป >
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่