ตอน 2

แพทตี้ แฮงโพดนะเธอ !

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

ภัทราเดินเชิดหน้าผ่านระเบียงที่มีคู่อรินั่งเรียงรายจับตามองเธออยู่...

...รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องถูกจ้องมองด้วยสายตาที่รังเกียจปนอาฆาตของสี่สาวกลุ่มโมโม่ แต่เธอก็ไม่เคยประหวั่นพรั่นพรึง สักนิดก็ไม่เคยทำให้ความมั่นใจในตนเองหายไป

ทางเดินนี้เป็นทางเดินที่ใกล้ที่สุดจากห้องเรียนไปห้องน้ำ สาวไร้สาระสี่นางนี้ ไม่มีพลังใด ๆ จะทำให้เธอต้องเสียกำลังมากกว่านี้เพื่อเดินอ้อม

เพ็ญ จิ๊ก มาโย และ ซูยอน เงียบเสียงที่กำลังสนทนากันอยู่ทันที ลมหายใจกลับมีเสียงดังฟืดฟาด เหมือนกับสมาธิทั้งหมดของพวกเธอ ได้พุ่งมาอยู่ที่สายตา

ภัทราเข้าเขตประชิดสายตาของกลุ่มโมโม่แล้ว นัยน์ตาเธอมองตรงไปที่ทางเดิน ไม่ชำเลืองมองอุปสรรคใดที่อยู่ข้างทาง แต่กลับมีรอยยิ้มน้อย ๆ ที่เผยอออกมาที่มุมปาก

หกก้าวเท่านั้น เธอก็พาร่างเดินผ่านพ้นสี่สาวกลุ่มโมโม่

ทันทีที่ลมพัดวูบจากตัวภัทราที่เพิ่งเดินพ้น พัดผ่านสี่สาว

การสนทนาก็เริ่มขึ้นทันที

มาโย...สาวแว่นผมหยิก ทนไม่ได้ต้องขอออกปากเป็นคนแรก

"พวกแกเห็นมั้ย ? อีแพทตี้มันยิ้มตอนเดินผ่านพวกเรา มันไม่มองหน้าเรา แต่มันยิ้มเยาะเรา"

จิ๊ก...เพื่อนตัวเล็กผิวคล้ำ กัดฟันแน่น

"อีนี่มันวอน เห็นหน้าแล้วอยากเข้าไปตบ"

มาโยยักคิ้ว

"ถ้าแกเริ่มก่อนนะ ชั้นจะช่วยซ้ำ ถีบมันให้ลงไปนอนร้องไห้เลย เชิดนัก !"

ซูยอนหัวเราะเพื่อนอีกสองคน

"ทำยังกับพวกแกกล้า เห็นพูดมาตั้งนาน พอเจอหน้าทีไร แกก็หัวหด ฉี่แทบไหล ก็ได้แต่นั่งด่ามันลับหลังนี่แหละ"

เพ็ญเอื้อมมือไปจับไหล่มาโย กับ จิ๊ก

"เอาน่า...! อย่ามีเรื่องกันเลย เค้าก็อยู่ส่วนเค้า เราก็อยู่ส่วนเรา ถือซะว่า เค้าเป็นสิ่งไม่มีชีวิตก็แล้วกัน"

จิ๊กยังมีสีหน้าที่บ่งบอกความแค้น

"ถ้าพวกครูไม่เข้าข้างมัน ชั้นจะตบมันฝังดินแน่ ๆ ก็อีแค่แม่รวย บริจาคเงินให้โรงเรียน เลยกระแดะทำตัวเป็นเจ้าหญิง พูดแล้วอยากตบมันซะวันนี้เลย"

สี่สาวโมโม่พยายามตัดใจ เปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องอื่นที่บันเทิงใจมากกว่านี้

******************************************************************************************

เมื่อก้าวพ้นเขตห้องน้ำหญิง หนูเล็กที่ตัวเล็กสมกับชื่อก็เดินเข้ามาประชิดภัทรา

"แพทตี้ ! วันนี้ชั้นไม่ได้กลับกับเธอนะ ว่าจะไปหาซื้อรองเท้ากีฬากับโหน่ง"

ภัทรามองเพื่อนตัวเล็กด้วยหางตา แล้วหัวเราะหึ ๆ

"โหน่งเรอะ ? หวังว่าเธอคงเลือกคู่ที่ดูเข้ากับตัวเธอได้ อย่าได้เลือกคู่ที่ใส่แล้วทำให้เธอดูต่ำเหมือนกับนังโหน่งล่ะ แต่งตัวไร้รสนิยม ! อยากรู้นัก คนที่บ้านมันแต่งตัวกันยังไง"

คำพูดที่แรงเช่นนี้คงทำให้คนทั่วไปต้องผงะกันบ้าง แต่หนูเล็กเคยชินกับวาจาของเพื่อนจอมยโสคนนี้มานานแล้ว

เพื่อนตัวเล็กพยักหน้า

"งั้น หนูเล็กไปก่อนนะ" เธอโบกมือให้เพื่อน

ภัทราเพียงแต่พยักหน้ารับรู้ ไม่มีแม้รอยยิ้มที่ส่งกลับ

จากห้องน้ำหญิงไปที่อาคารห้องพักครู จำเป็นต้องผ่านโรงอาหาร และ สนามวอลเลย์บอล

เด็กนักเรียนมากมายเดินกันขวักไขว่ บ้างก็จับกลุ่มกันทำการบ้าน บ้างก็กำลังเล่นกีฬา

ภัทราสามารถมีสติที่แน่วแน่ในการตั้งธงจุดหมายปลายทางที่อาคารห้องพักครู เหมือนกับระบบออโต้ครูสของรถยนต์ ไม่มีสิ่งใดมาเบี่ยงเบนความสนใจเธอได้

ถึงแม้เธอจะเป็นเป้าสายตาของใครหลาย ๆ คน แต่เธอมั่นใจว่า จะไม่มีเพื่อนนักเรียนคนใดทักทายกับเธอ

ครูพละชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบปี ผิวคล้ำ หน้าตาบอกยี่ห้อว่าเป็นคนต่างจังหวัดชัดเจน ยืนอยู่กลางสนามวอลเลย์บอลกับนักเรียนหญิงในชุดพละ สายตาของครูหนุ่มจ้องมองมาที่ภัทรา

สาวจอมเชิดรู้ตัวเป็นอย่างดี ว่ามีใครมองอยู่ เสมือนมีอุปกรณ์ตรวจจับสายตาชาวบ้านอยู่ในสมอง

'นี่ชั้นอายุแค่สิบหกปี ตาครูบ้านนอกนั่นก็จ้องตาแทบถลน น่ารังเกียจจริง ๆ !'

เธอสาวท้าวเร็วขึ้นเพื่อรีบเดินให้พ้นเขตสนามวอลเลย์บอล

ลูกวอลเลย์บอลสีเหลืองกระดอนอย่างช้า ๆ เข้ามาใกล้เท้าของภัทรา เธอมองลูกบอลไหลมาใกล้เท้า แล้วเลือกที่จะเดินเบี่ยงเพื่อหลบ ปล่อยให้เจ้าของบอลมาเก็บเอง อย่างน้อยมือเธอก็ไม่ต้องสกปรกกับการแตะต้องลูกบอลนี้

แสงแดดตอนบ่ายแก่ ๆ ถูกตัวอาคารเรียนสี่ชั้นบังมิด ภัทราเดินเลียบโถงของตึกเพื่อตรงไปยังอาคารห้องพักครู

แต่ข้างหน้าเธอ...ครูพละดั้งหักคนนั้น ยืนขวางอยู่ข้างหน้า

"ภัทรา !"

เสียงของครูหนุ่มที่มาพร้อมกับกลิ่นเหงื่อไคลทำให้เธอหยุดเดิน อารมณ์แรกที่เข้ามาในจิตของเธอ คือ ความหงุดหงิดรำคาญใจ เสริมด้วยกลิ่นเหงื่อของผู้ชายที่อับชื้น ทำให้เธอกลั้นสีหน้าไว้ไม่อยู่ จนต้องขมวดคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างออกนอกหน้า

"ครูป๋อง ! มีอะไรคะ ?"

"ภัทรา... เอ่อ... ครูได้ข่าวว่า เธอช่วยบำบัดให้คนอื่นได้"

เธอมองหน้าครูพละโดยไม่หลบสายตา

"ใครบอกครู ? ครูรู้ได้ยังไง ?"

ครูป๋องพูดตะกุกตะกัก

"แล้ว... เธอจะพร้อมให้บริการยังไง ?...คือ... เธอให้บริการครั้งละกี่นาที ? แล้ว ถ้าครูจะให้เธอบริการจะต้องทำยังไง ? จะใช้สถานที่ที่ไหน ?"

"ใครบอกว่าหนูจะบำบัดให้ครู ?" ภัทราสวนกลับตรง ๆ

"ถ้าเธอไม่อยากให้ใครรู้ เธอไม่ต้องกลัว ครูไม่บอกใครแน่ ๆ"

เสื้อยืดกีฬาที่เปียกโชก เหงื่อที่ผุดเป็นเม็ด ๆ บนลำแขนสีคล้ำของครูพละ ทำให้ภัทราสะอิดสะเอียนจนต้องเบี่ยงสายตา มองไปทางอื่น

"บอกไม่บอก หนูไม่สนใจ แต่หนูคงไม่บำบัดให้ครูแน่ ๆ"

เธอตัดสินใจเดินเลี่ยงออกมาทันที ก้าวเท้าอย่างเร็วผ่านครูบ้านนอกผู้นั้น โดยไม่หันกลับไปมอง มุ่งหน้าตรงไปยังอาคารห้องพักครู

ครูพละหนุ่มมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย เดินกลับเข้ามาที่บริเวณสนามวอลเลย์บอล

"ครูป๋อง ! ครูป๋อง !"

เสียงของมาโยดังมาแต่ไกล สาวผมหยิกฉุดมือจิ๊กเดินตรงเข้าหาครูพละ

มาโยถามขึ้น "ครูป๋องมีเรื่องอะไรกับภัทราเหรอคะ ?"

ครูพละส่งยิ้มซื่อ ๆ ให้

"ครูมีเรื่องวานให้ภัทราช่วยน่ะ"

"แล้วมันช่วยครูหรือเปล่าคะ ?" มาโยถาม

ครูพละอมยิ้ม

"ตอนนี้ยังหรอก แต่ไม่เป็นไรหรอก พวกเธอสนิทกับภัทราเหรอ ?"

จิ๊กคันปาก อยากตอบด้วยตัวเอง

"สนิทเหรอคะ ? แค่ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับมัน พวกเราก็อยากจะผูกคอตายแล้ว ไม่มีใครในห้องที่ไม่เกลียดมัน นังนี่มันตัวแสบ"

มาโยเสริมเพื่อน

"นังนี่ชอบดูถูกคนอื่น ปากร้าย ใจดำ ขึ้นชื่อไปทั้งโรงเรียนแล้ว ครูป๋องเพิ่งมาใหม่ เดี๋ยวอยู่ครบปีก็คงจะรู้กิตติศัพท์ดีค่ะ"

ครูหัวเราะเห็นฟันขาว

"เหรอ ๆ ? แล้วพวกเธอไม่ร้ายเหรอ ?"

สองสาวหัวเราะ

มาโยพูดน้ำเสียงฉอเลาะ

"โถ ! หนูสองคนน่ารักจะตาย ครูป๋องมีอะไรเรียกใช้ได้เลยนะคะ เราสองคนสู้ตายค่ะ"

จิ๊กสวนเพื่อน

"อู้ตายล่ะ ไม่ว่า !"

ครูพละส่งยิ้มให้

"ขอบใจจ้ะ ! ชื่อเสียงของภัทราขนาดรู้กันทั้งโรงเรียน ดังขนาดนั้นเลยเหรอ ?"

จิ๊กพูดอย่างฉาดฉาน

"แม่มันเป็นประธานชมรมศิษย์เก่า บริจาคโน่นนี่มากมาย ใครก็รู้จัก มันก็ถือว่าโรงเรียนนี้ มันคงมีส่วนเป็นเจ้าของ ในห้องของหนู ก็มีเพื่อนอีกคน แม่ก็เคยเป็นประธานชมรม ฯ บริจาคก็ไม่น้อย แต่ไม่เห็นเค้าทำตัวเหมือนอีนังนี่เลย"

ครูป๋องพยักหน้ารับรู้ สีหน้าท่าทางของสาวสองคนนี้ เอาเรื่องไม่เบา ท่าทางจะเกลียดคนที่กำลังพูดถึงอย่างเข้ากระดูก

******************************************************************************************

ภัทรานั่งรออยู่ที่โซฟาหน้าห้องครูฝ่ายปกครอง

ห้องครูฝ่ายปกครอง เป็นห้องพักของครูฝ่ายปกครองสามท่าน ณ เวลานี้ ครูอีกสองท่านกำลังมีภารกิจอยู่ที่ตึกเรียน

ผนังห้องครูฝ่ายปกครองเป็นกระจกใส มองเห็นครูกัญญาวัยห้าสิบกว่าปี สวมแว่นกรอบดำ กำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถือ

สำหรับนักเรียนทั่วไป การถูกครูฝ่ายปกครองเรียกมาพบที่ห้องพักครูโดยไม่รู้หัวข้อเรื่อง มันคือความระทึกใจในแง่ลบ

แต่สำหรับภัทรา... ครูฝ่ายปกครองไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอหวั่นใจแบบนั้นได้... ไม่เคยมี

เธอสามารถเดินเข้าออกห้องครูฝ่ายปกครอง ด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ กับ จิตใจที่เย็นเฉยได้ตลอดเวลา ไม่ว่าหัวข้อที่ครูฝ่ายปกครองจะสนทนากับเธอ จะเป็นหัวข้อใด

ครูกัญญากดสัญญาณตัดสายโทรศัพท์ ถอดแว่นตาวางไว้ที่โต๊ะ หันมากวักมือผ่านผนังกระจก เรียกภัทราให้เข้าห้องไปหาได้

ภัทราลุกขึ้นยืน จัดเสื้อนักเรียนให้เป็นระเบียบ แล้วเดินเข้าห้อง

ครูตีสีหน้าเคร่งเครียด แล้วถามขึ้น

"แพทตี้ ! ครูได้ข่าวมาว่า เธอเป็นสมาชิกเฟสบุคของกลุ่มเพื่อนทมิฬหนึ่งเก้า"

ภัทรานิ่ง ไม่ตอบคำถาม

"เธอรู้ใช่มั้ยว่า กลุ่มนี้คือกลุ่มอะไร ?"

"ทราบค่ะ"

"เธอรู้ ? ใช่สิ ! แต่เธอคงไม่รู้ว่าครูจะรู้จนได้ ความลับไม่มีในโลกหรอก ถึงแม้ว่ากลุ่มเฟสบุคนี้จะเป็นกลุ่มลับ แต่มันก็ไม่ลับพอที่จะปิดบังครูได้"

ภัทรายืนจ้องตาครูกัญญา เธอไม่เคยมีความกลัวถึงขนาดจะต้องหลบสายตาใคร

การนิ่งเงียบ หมายถึงการยอมรับโดยดุษฎีว่าเธอได้เป็นสมาชิกกลุ่มนี้จริง แต่การไม่หลบสายตา หมายถึงการแสดงออกว่า เธอไม่มีความละอายใจใด ๆ

ครูฝ่ายปกครองตีความหมายนี้จากสายตาของนักเรียนที่ยืนอยู่หน้าเธอได้ทันที

นักเรียนสาวอายุสิบหกปี กลับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วตอบ

"ค่ะ"

คำตอบสั้น ๆ ยิ่งทำให้อารมณ์ของครูฝ่ายปกครองครุกรุ่นมากยิ่งขึ้น

คำตอบของเด็กนักเรียนคนนี้ หมายถึง เด็กคนนี้ได้ยอมรับในการกระทำนั้น หรือ เด็กคนนี้เพียงแค่รับทราบว่าได้ยินที่เธอพูดชัดเจน แต่ไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ

เธอกวาดสายตามองภัทรา จิตก็พลางคิดถึงข้อดีข้อเสียในการบันดาลโทสะของเธอต่อเด็กนักเรียนที่แสนยโสคนนี้

ภัทราเป็นเด็กเรียนดี สอบได้ไม่เกินที่สามของห้องมาตลอด มีความประพฤติที่แปลก ไม่เข้าพวกกับเพื่อน มีแนวโน้มของความก้าวร้าว แต่ยังไม่เคยมีเรื่องราวใด ๆ ที่เป็นเหตุให้ตำหนิได้ มีคุณแม่เป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมคนสำคัญของโรงเรียนมาตลอด

ที่สำคัญที่สุด ความสามารถพิเศษของภัทรา คือสิ่งที่ เธอกำลังต้องการ

การเข้าเป็นสมาชิกเฟสบุคกลุ่มเพื่อนทมิฬหนึ่งเก้า ถือเป็นเรื่องที่ยังเอาผิดกับเด็กไม่ได้ เพราะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า เด็กนักเรียนกลุ่มนี้ ได้ทำพฤติกรรมที่ใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมกับสถานะนักเรียน

แต่... อาจจะใช้เป็นวิธีเจรจาต่อรองได้

คิดได้ดังนั้น ครูกัญญาเปลี่ยนจากสายตาที่จ้องจับผิด มาเป็นสายตาที่ดูผ่อนคลายลง

"เอาล่ะ ! เรื่องเฟสบุคกลุ่มเพื่อนทมิฬนั้น ยังไม่มีครูคนอื่นรู้ว่าเธอเป็นสมาชิก เธอเอง ก็คงไม่อยากจะให้ครูใหญ่รู้ ถ้ารู้ถึงหูครูใหญ่ เธอคงมีปัญหาแน่ ๆ"

คำว่า 'ครูใหญ่' กับ คำว่า 'กลุ่มเพื่อนทมิฬหนึ่งเก้า' ทำให้ภัทราฉุกคิดได้

สายตาที่กลอกไปมาของเด็กสาว เป็นการสนองตอบโดยธรรมชาติของคนที่กำลังใช้ความคิด ครูฝ่ายปกครองจับสังเกตุได้ และ รู้ดีถึงวิธีอ่านบุคลิกเด็กจากสายตา

จากใบหน้าที่เชิด ภัทราเริ่มก้มหน้าลง สายตามองลงที่พื้น

ครูกัญญารู้ดีว่า นี่คือโอกาสที่เหมาะสม

"เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น ครูจะไม่เล่าให้ครูใหญ่ฟัง..."

เธอหยุดพูด เพื่อจับปฏิกริยาตอบโต้จากเด็ก

ภัทราเหลือกตาขึ้นอีกครั้ง แสดงถึงความรู้สึกประหลาดใจ หมายความว่า เด็กคนนี้ ก็มีความวิตกในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

ด้วยชั้นเชิงการเจรจาที่เหนือกว่า ครูกัญญาเริ่มรุกต่อ

"...ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานว่า กลุ่มนี้ ได้ก่อเหตุการณ์อะไรที่ทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่.... ถ้าเกิด มีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็กรุ่นนั้น ครูขอเตือนว่า เธอรีบถอนตัวออกมาก่อนที่จะติดร่างแหไปด้วย...

....เพราะ ครูไม่เอาไว้แน่ !"

ครูเน้นเสียงที่ประโยคสุดท้าย

ภัทรากลอกสายตาไปมา ... หมายถึง เด็กกำลังทบทวนสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ไม่ได้ฟังแล้วลอยลม เชิดหน้า เหมือนเมื่อตอนแรก

ลมหายใจที่สั้นลงของเด็กนักเรียนวัยสิบหกปีคนนี้ หมายถึง คำขู่ประโยคสุดท้ายนั้น เป็นผล

"ข้อแลกเปลี่ยนที่ครูต้องการ คือ อยากให้เธอทำประโยชน์ให้ผู้อื่น"

สาวสิบหก หันหน้ามามองคุณครู

"ทำประโยชน์อะไรคะ ?"

"ความสามารถพิเศษของเธอ ครูจะให้เธอนำไปช่วยคนอื่น"

"ช่วยใครคะ ?"

"ช่วยใคร ครูจะเป็นคนเลือก แต่เธอไม่ต้องกังวลว่าครูจะสุ่มสี่สุ่มห้าพาคนมา ครูจะเลือกเอง ส่วนเธอ หน้าที่ คือ ช่วย ตามความสามารถของเธอ ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น แล้วก็ไม่ใช่ว่าเธอจะต้องทำอย่างนี้ทุกวัน แต่ครูจะบอกเธอล่วงหน้า ให้เธอมีเวลาเตรียมตัว เธอตกลงหรือไม่ ?"

ข้อตกลงนี้ ไม่มีอะไรที่เหนือบ่ากว่าแรงของภัทรา แลกกับ การที่ช่วยให้ตัวเธอ ไม่ต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกับครูใหญ่

คำว่า 'ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น' ทำให้เธอนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ภัทราคิดแล้วจึงพยักหน้า

"ตกลงค่ะ"

คุณครูพยักหน้ารับรู้

"ดี ! ถ้ายังงั้น พรุ่งนี้หลังเลิกเรียน เธอมาหาครูที่เรือนภารโรง เธอว่างใช่มั้ย ?"

"ค่ะ ได้ค่ะ"

"ดี ! งั้น เธอไปได้แล้ว เราเจอกันพรุ่งนี้ หลังเลิกเรียน"

ภัทราหันตัวกลับ เดินออกจากห้องพักครูฝ่ายปกครอง

ตั้งแต่เธอเข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้ วันนี้เป็นวันแรก ที่เธอรู้สึกว่า ครูฝ่ายปกครองมีอิทธิพลต่อเธอได้ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะสิ่งที่เธอต้องแลก ก็เพียงแค่ความสามารถที่ 'ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น'

******************************************************************************************

ครูป๋องเคาะประตู ก่อนเดินเข้าห้อง

ครูกัญญาส่งยิ้มให้ พยักหน้าให้อีกฝ่ายเข้าห้องมาได้

ชายหนุ่มจากแดนอิสานยืนกุมมือทั้งสองไว้ที่หน้าขาตัวเอง แสดงถึงความอ่อนน้อมต่อครูผู้อาวุโสกว่า

"บักป๋อง ! พี่คุยกับภัทราแล้ว พรุ่งนี้เราไปเจอกันที่เรือนภารโรง หลังเลิกเรียน เธอพาแม่มาได้เลย"

ครูป๋องมองครูรุ่นพี่ด้วยสายตาเบิกโต

"จริงเหรอครับ ครูกัญญา ? เด็กเค้ายอมทำให้เหรอครับ ?"

อีกฝ่ายพยักหน้า

"ยอมสิ พี่รู้วิธีจัดการกับเด็ก เชื่อมือพี่เถอะ แต่ เด็กเค้าก็จะช่วยเต็มความสามารถ ไว้ค่อยดูกันว่าได้แค่ไหน จะดีขึ้นหรือไม่ อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรมากนัก ภัทราอายุแค่สิบหก ก็คงจะได้ซักระดับนึงน่ะแหละ"

รอยยิ้มซื่อ ๆ เผยออกมาจากใบหน้าของครูป๋อง

"ครูคุยกับเธอว่ายังไงหรือครับ เธอถึงยอมช่วย ? ดูท่าทางเด็กคนนี้ ไม่น่าจะคุยง่าย"

"นั่งลงก่อนสิ บักป๋อง พี่จะเล่าให้ฟัง"

บักป๋องเลื่อนเก้าอี้ออก แล้วทรุดตัวลงนั่ง

"ภัทราเป็นเด็กฉลาด แต่ท่าทางหยิ่งยโส ถือตัว ไม่ช่วยเหลือใครง่าย ๆ พี่ต้องใช้วิธีขู่ ป๋องเคยได้ยินเรื่องเฟสบุครุ่นสิบเก้ากลุ่มทมิฬหรือเปล่า ?"

ครูพละสั่นหัว

"ไม่เคยครับ เฟสบุคนักเรียนโรงเรียนเรานี่เหรอครับ ?"

"ใช่ กลุ่มทมิฬเป็นชื่อกลุ่มของนักเรียนชายเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ที่จับกลุ่มกันแล้วทำตัวเป็นนักเลง กักขฬะเกเร บางคนก็ริอ่านเป็นมิจฉาชีพตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน บางคนก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับชาวบ้านประจำ สมัยนั้นครูใหญ่ท่านเป็นครูฝ่ายปกครอง ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับกลุ่มนี้ตลอด นักเรียนทุกคนในโรงเรียนก็รู้ชื่อเสียงของนักเรียนกลุ่มนี้ว่าเหลือขอขนาดไหน ก่อเรื่องได้เป็นประจำ เด็กไม่มีสัมมาคารวะ เทียบได้กับโจรในชุดนักเรียน ท่านก็เลยประกาศว่าท่านไม่รับว่าคนเหล่านี้เป็นศิษย์ ไม่ยอมรับว่าเป็นนักเรียน สุดท้าย ท่านก็ขับพวกนี้ออกจนเกือบหมด เรื่องวุ่นวายถึงจบลง"

ครูพละพยักหน้ารับรู้

"สิบกว่าปีแล้ว ทำไมนักเรียนรุ่นนี้ยังรู้จักชื่อกลุ่มนี้อยู่ล่ะครับ ?"

"พี่เข้าใจว่า เป็นเรื่องเล่าต่อกันมาเป็นทอด ๆ จากรุ่นพี่ลงมาถึงรุ่นน้อง มีการเขียนบันทึกแล้วแทรกไว้ในหนังสือห้องสมุดบ้าง เขียนไว้บนกำแพงในห้องน้ำชายบ้าง แต่ละเรื่องที่เขียนไว้ คือ การด่าครูฝ่ายปกครอง แล้วก็ด่าครูหลาย ๆ คนในสมัยนั้น"

ครูป๋องพยักหน้า อมยิ้ม

"แสบเหมือนกัน เด็กพวกนี้"

"แสบมาก ป๋องรู้มั้ย ? บันทึกเป็นเล่ม ๆ ยังมีเลย เขียนด่าครูแต่ละคนไว้อย่างละเอียด

รุ่นนั้นเป็นรุ่นสิบเก้า หลังจากนั้น นักเรียนรุ่นยี่สิบกว่า ทำความสะอาดห้องสมุดใหม่ ไปเจอบันทึกชื่อว่า ทมิฬหนึ่งเก้า เป็นสมุดไดอารี่ เขียนด่าครู หนาถึงร้อยกว่าหน้า มีจำนวนครูที่ถูกด่าประมาณหกเจ็ดคน

ตอนแรกหนังสือนี้ถูกถ่ายเอกสาร แล้วก็แจกกันในหมู่นักเรียนชาย หลัง ๆ นักเรียนหญิงก็ได้รับไปด้วย

แต่บันทึกเล่มนี้ บิดเบือนทุกอย่าง ไอ้คนเขียน ก็เขียนเหมือนกับพวกตัวเองเป็นพระเอก แล้วถูกครูรังแก พวกนักเรียนรุ่นน้องไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อ่านไป ก็เห็นใจ แล้วก็เห็นว่าพฤติกรรมในบันทึกเล่มนั้นเป็นพฤติกรรมของฮีโร่ ที่ต่อสู้กับการกดขี่ของครู แล้วครูที่ถูกกล่าวหาในบันทึก ก็ยังอยู่เป็นครูจนถึงตอนนี้

บันทึกเล่มนั้น มันก็เลยเป็นบันทึกร่วมสมัย คือ ตราบใดที่นักเรียนรุ่นไหนมาอ่าน แล้วตัวละครในบันทึก ยังมีอยู่ให้เห็นในโรงเรียน มันก็จะสร้างอารมณ์ร่วมได้มาก จนมีนักเรียนชายรุ่นน้อง ๆ ที่เกเรเหมือนกัน แล้วก็อาจจะไม่ชอบครูบางคนในบันทึกนั้นเหมือนกัน ก็ยิ่งมีอารมณ์ร่วม ยึดเอาชื่อกลุ่มนี้ไว้เป็นต้นแบบ ขัดขืนกับวิธีการปกครองของโรงเรียน เดินตามรุ่นพี่กลุ่มทมิฬสิบเก้า คิดว่ารุ่นพี่นี่เท่ห์"

"แล้วครูได้เคยอ่านบันทึกเล่มนั้นเหรอครับ ?"

"ได้อ่านเป็นบางหน้า แต่เห็นเค้าว่านักเรียนหลายคน มีเล่มบันทึกเต็ม ๆ ที่ถ่ายเอกสารไว้"

"แล้วพวกครูทำยังไงกันล่ะครับ ? ต้องขอบันทึกนั้นมาทำลายหรือเปล่า ?"

"ครูทุกคนก็ช่วยเป็นหูเป็นตา ถ้าพบว่าใครเป็นเจ้าของสำเนาบันทึกนี้ ก็จะขอให้ทำลาย ถ้าเตือนแล้วไม่เชื่อ ส่งต่อให้คนอื่นอ่าน ก็มีบทลงโทษสถานหนัก"

"แล้วมายังไงถึงผ่าไปอยู่ในเฟสบุคได้ล่ะครับ ?"

"อ๋อ...! เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงอยู่แล้ว ยุคอินเตอร์เน็ต พวกเด็กเกเรจับกลุ่มกันในโรงเรียนไม่ได้ ก็เข้าไปโลกคอมพิวเตอร์มั่วสุมกันได้ ไปตั้งเฟสบุคแล้วยกย่องกลุ่มทมิฬสิบเก้ากัน แล้วตั้งสิทธิ์ไว้เป็นกลุ่มลับ ต้องมีวิธีสมัครสมาชิกพิเศษ ถึงจะเข้ากลุ่มได้"

"ในเฟสบุคกลุ่มลับนี้ เค้าพูดถึงอะไรกันครับ ?"

"เดาสิ ป๋อง ! เด็กเกเร จับกลุ่มกันลับหลังครูในเฟสบุค เธอว่าพวกเค้าคุยอะไรกัน ?"

"คงนินทาครูล่ะสิ"

"ใช่มั้ยล่ะ ? เธอเองก็คงจะดูออก นักเรียนที่เคยเห็นข้อความในกลุ่มนี้ เล่าว่า สมาชิกทุกคน จะสลับกันนินทาครูแต่ละคนแบบสนุกสนาน เธอพอจินตนาการออกมั้ยว่า ถ้ากลุ่มนักเรียนที่เกลียดครู ได้คุยกันในเฟสบุค เรื่องราวมันจะเละเทะขนาดไหน ?"

"มีที่ซ่องสุมกันในเฟสบุค แล้วมีพฤติกรรมทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงหรือเปล่าครับ ?"

"ยังจับไม่ได้ อาจจะมี แต่เราไม่รู้ ที่เป็นที่สงสัย คือ การแข่งขันปิงปองระหว่างโรงเรียน ทุกปีเราส่งตัวแทนไปแข่ง โรงเรียนเรามีชื่อเรื่องฝีมือการเล่นปิงปอง ทุกปีครูก็จะอาสาให้เด็กนักเรียนตามไปเชียร์เพื่อน ๆ ที่สนามแข่ง

ปีที่แล้ว มีนักเรียนอาสาจะไปเชียร์ห้าสิบกว่าคน แต่พอถึงวันแข่งจริง มีนักเรียนไปไม่ถึงสิบคน ผิดปกติกว่าทุกปี ครูใหญ่ก็สงสัยว่ามีอะไรผิดปกติ มีอีเมล์จากคนที่ไม่รู้จัก ส่งมาบอกว่า พวกนักเรียนประท้วง จากการยุยงของเฟสบุคกลุ่มทมิฬสิบเก้า คนที่อ่านเฟสบุคนี้ แล้วทำตาม ก็ไม่ยอมไปเชียร์ในวันนั้น"

"แฮงโพด ! พวกเค้าต้องการอะไรครับ ถึงประท้วงแบบนี้ ?"

(แฮงโพด = แรงเกินไปแล้ว)

"กลุ่มเพื่อนทมิฬอ้างว่า ต้องการประท้วงพฤติกรรมของครูสอนพละ ที่มีข่าวว่าลวนลามนักเรียนหญิง อยากให้มีการจัดการสอบสวน ก็เลยปลุกระดมให้นักเรียนบอยคอต ไม่ยอมไปเชียร์นักแข่งปิงปอง"

"แล้วก็มีนักเรียนทำตามด้วย แสดงว่า จำนวนนักเรียนที่ติดตามเฟสบุคลับนี้ ต้องไม่น้อยแน่ ๆ ห้าสิบกว่าคน เหลือไปเชียร์ไม่ถึงสิบคน แล้วเรื่องที่พวกเค้าประท้วงนั้น เป็นความจริงหรือเปล่าครับ ?"

"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่การกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน มันง่ายอยู่แล้ว เรื่องราวครูพละลวนลามนักเรียนหญิง ก็ ไปเข้าหูบรรดาผู้ปกครองนักเรียน สุดท้ายครูพละก็ลาออกไปเอง โดยไม่มีการสอบสวน เพราะทนแรงกดดันจากกฏหมู่ไม่ได้ คราวนี้ครูใหญ่ก็เครียด เพราะโรงเรียนเริ่มเสียชื่อ แล้วท่านก็สั่งให้หาว่าต้นตอของข่าวลือ มาจากกลุ่มเฟสบุคนี้จริงหรือไม่"

"ฮ่วย ! ผมก็ต้องขอบคุณกลุ่มทมิฬสิครับ ครูกัญญาถึงได้ชวนผมมาเป็นครูพละแทนคนเก่า"

บักป๋องพูดแล้วหัวเราะ

ครูกัญญาหัวเราะตามไปด้วย

"พี่ไม่ได้เล่าให้เธอฟังมาก่อน แต่เธอมาก็ดีแล้ว พี่เป็นคนรับรองความประพฤติเธอกับครูใหญ่ เรามันเลือดอิสานด้วยกัน หมู่เฮา ต้องช่วยเหลือกัน"

"แล้วการตรวจสอบต้นตอข่าวลือ ผลเป็นยังไงครับ ?"

"ไม่มีนักเรียนคนไหน ยอมบอกว่า ข่าวนี้มาจากเฟสบุคกลุ่มนี้

ตอนที่เกณฑ์คนไปเชียร์ปิงปอง ก็ไม่ได้ให้นักเรียนลงชื่อไว้ว่าใครจะไป มีแต่ชวนกันปากเปล่าว่าจะไปเหมือนทุกปี ทุกปีก็ปฏิบัติกันอย่างนี้ แล้วก็ไม่มีปัญหา พอมีปัญหาขึ้น ครูจะตรวจสอบว่าใครที่บอกว่าจะไป แล้วไม่ได้ไป ก็ไม่สามารถหาชื่อได้ เพราะไม่ได้มีการลงชื่อ"

"สรุปว่า ไม่มีหลักฐานอะไรซักอย่างเลยสิครับ สาเหตุที่นักเรียนไม่ไปเชียร์ จะใช่สาเหตุเดียวกันกับที่มีอีเมล์มาอ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตรวจสอบไม่ได้ แล้วข่าวลือเรื่องครูพละมาจากกลุ่มเพื่อนทมิฬจริงหรือเปล่า ก็ไม่รู้ ใช่มั้ยครับ ?"

"ครูทุกคนสรุปกันว่า น่าจะใช่ แต่ไม่มีหลักฐาน กลุ่มนี้เหมือนกับมาล้างแค้นส่วนตัวกับท่านครูใหญ่ เพราะในอดีต ครูใหญ่เป็นครูฝ่ายปกครองที่จัดการกลุ่มนี้ ตอนนี้กลุ่มนี้กลับไม่ตาย มีตัวแทนต่อมาอีกสิบกว่าปี นี่ถือว่าเป็นฝันร้ายของครูใหญ่จริง ๆ"

"กฏหมู่อยู่เหนือกฏหมายไม่ได้ ถ้ามีอะไรที่ผมจะช่วยครูใหญ่ได้ ครูกัญญาบอกผมนะครับ ครูใหญ่เป็นคนดี ผมจะช่วยทุกอย่างที่ทำได้"

"ขอบใจจ้ะ ! เรื่องนี้ครูฝ่ายปกครองอีกสองคนช่วยดูแลอยู่ พรุ่งนี้จะมีมาตรการประกาศออกมาจัดการกับเฟสบุคลับกลุ่มนี้ รอครูใหญ่อนุมัติเย็นนี้ พรุ่งนี้ก็คงออกเป็นประกาศออกมา"

ครูป๋องพยักหน้ารับรู้ เขานึกถึงครูใหญ่ที่ใจดี มีเมตตา เป็นที่เคารพรักของบรรดาครูทุกคน ไม่ควรมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับท่าน

****************************************************************************************************************************

อ่านหน้าต่อไป >
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่