 |
| ||||||
| |||||||
อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงโค้ดที่ได้รับมานี้ ไม่มีเหตุผลใดที่ควรจะทำเช่นนั้น ถ้าการแกว่งของเพนดูลั่มของคุณน้อยไปจนคุณแปลความหมายไม่ออก ให้ลองปรับความยาวของสายให้ยาวขึ้นสักนิ้วสองนิ้ว ซึ่งจะทำให้การแกว่งเห็นชัดขึ้น (วงกว้างขึ้น) หรือ ให้ขอให้เทพของคุณเพิ่มขนาดในการแกว่งเพื่อให้คุณอ่านความหมายได้ชัดขึ้น ถ้ามีความยุ่งยากอื่นก็ให้ขอให้เทพของคุณช่วย อย่าลืมว่านี่เป็นการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่การทำงานของคุณคนเดียว ถาม แล้วก็เช็คกับคำตอบ เพื่อตรวจสอบความแม่นยำของคุณ
เมื่อคุณรู้สึกคล่องกับคำถามประเภทนี้แล้ว ก็สามารถเริ่มถามในสิ่งที่คุณต้องการทราบคำตอบจริง ๆ คุณจะเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในคำตอบจากความถูกต้องของมันเอง เมื่อคุณฝึกจนมีประสบการณ์แล้ว คุณก็จะเข้าใจด้วยตัวคุณเองว่าจะใช้เพนดูลั่มในงานใดได้บ้าง และใช้อย่างไร
เมื่อคุณมีอาการเช่นนั้น ควรหยุดการใช้เพนดูลั่มสักพัก แล้วรอให้คุณมีสติมั่นไม่ไหวไปในอารมณ์เสียก่อน อย่าพยายามฝืนเอาคำตอบ หรือ พยายามให้คำตอบออกมาตรงกับสิ่งที่คุณคิด บางสถานการณ์ทำให้คุณเกิดอารมณ์ที่รุนแรง (ไม่ว่าจะด้านใด) คุณอาจจะถามไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเลย
ในกรณีเช่นนี้ควรให้คนอื่นถามให้แทน หาคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์นั้นซึ่งอาจจะเป็นหมอดูไพ่ทาโรต์ หรือ ผู้มีพลังจิตก็ได้ ยิ่งถ้าอยู่ในอารมณ์โกรธ คุณจะเชื่อข้อมูลที่ได้จากเพนดูลั่มได้ยาก เพราะนั่นอาจเป็นการดึงให้ชาวทิพย์ฝ่ายอกุศลเข้ามา เทพประจำของคุณจะถอนตัวไปเนื่องจากอารมณ์โกรธของคุณได้ และในขณะที่คุณฟุ้งซ่านอารมณ์เสียหรือป่วยก็ไม่ควรใช้เพนดูลั่มเช่นกัน สารพวกนี้ทำให้การตัดสินใจของคุณแย่ และสามารถทำให้คุณขาดความรู้คิดในสิ่งอันควรไม่ควร รวมถึงความรับผิดชอบอันดีงามด้วย ถ้าจิตของคุณไม่อยู่ในสภาพที่พร้อม ระบบประสาทของคุณก็จะเป็นเช่นเดียวกัน เพนดูลั่มอาจจะไม่ทำงาน หรือให้คำตอบที่ผิด เทพของคุณอาจจะปฏิเสธไม่ยอมทำงานกับคุณในสภาพเช่นนี้ และ สารมึนเมาเหล่านี้ก็เปิดช่องให้วิญญาณที่ชั่วร้ายเข้ามาทำอันตรายต่อคุณ และ เทพของคุณได้ด้วย คุณมีหน้าที่ต้องดูแลเทพที่มาให้คำตอบแก่เพนดูลั่มทำไมคุณถึงจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเทพของคุณและตัวคุณเอง มีคำถามที่ใช้บ่อยบางคำถามที่สั้น และ มีประโยชน์ (นอกเหนือไปจากสองคำถามเบื้องต้นที่คุณน่าจะคุ้นเคยดีแล้วซึ่งก็คือ 1.เพนดูลั่มเคลียร์ไหม ? 2.เทพชั้นสูงสุดมาทำงานด้วยแล้วใช่ไหม ?) คำถามต่อไปนี้กล่าวโดยย่อก็คือคำถามที่จะบอกคุณว่าควรถามต่อไปไหม ซึ่งมีหลายทางเลือกแล้วแต่ความเหมาะสม ได้แก่ “ฉันถามได้ไหม?” (May I?)หรือ “ฉันได้รับอนุญาตให้ถามไหม?” (Am I permitted?) ซึ่งเป็นคำถามสั้น ๆ ที่ใหญ่ ถ้าคุณกำลังร้องขอคำตอบที่คุณไม่แน่ใจว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะทราบคำตอบนั้นไหม คุณก็จะทราบได้ด้วยคำถามที่ว่านี้ ถ้าคำตอบคือ “ไม่” ก็เปลี่ยนเรื่องได้เลย
อีกคำถามหนึ่งก็คือ “ฉันควรจะถามไหม?” (Should I?)คือบางทีคุณอาจจะได้รับอนุญาตให้ถามได้แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างที่สุดรึยังที่จะรู้คำตอบของคำถามนั้น เช่น สำหรับบางคนแล้วการที่คาดว่าใครคนหนึ่งที่เป็นที่รักกำลังจะตาย เขาคนนั้นพร้อมที่จะรู้คำตอบที่แน่นอนไหม อยากรู้ไหมล่ะว่าจะตายเมื่อไร “ฉันสามารถถามได้ไหม?” เป็นอีกคำถามหนึ่งที่ใช้ในการตรวจสอบ บางทีคุณอาจจะพิจารณาคำถามหนึ่งซึ่งคุณมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปรับทราบคำตอบได้ แต่คุณมีความสามารถที่จะเข้าไปเอาคำตอบนั้นไหม
Diane อยากให้พวกเราทราบว่า เธอเองเคยพยายามฝ่าอะไรทำนองนี้เข้าไปแล้ว เธอทดลองมันหมดล่ะ แต่ก็มีบางสิ่งที่มันฝ่าเข้าไปไม่ได้จริง ๆ แม้จะไม่มากนักก็เถอะ อย่างไรก็ตาม แม้คุณจะไม่สามารถ แต่บางทีอาจจะมีเทพระดับสูงบางองค์ที่สามารถ ถ้ามันเป็นคำขอที่ควรค่า คุณอาจจะลองถามดูก็ได้ว่ามีใครไหมที่สามารถ (และยินดีที่จะทำ) และถ้าทุกอย่างผ่านตลอด อีกหนึ่งคำถามที่ควรถามก็คือ “มันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดไหมที่จะทราบคำตอบ?” บางครั้งใช่บางครั้งไม่ใช่จงเชื่อคำแนะนำจากเทพของคุณเถิด อีกหนึ่งคำถามตรวจสอบที่สามารถใช้ในกรณีที่เราไม่แน่ใจว่าอะไรบางอย่างที่เราพบเห็นเป็นความจริง หรือ ไม่ ก็ให้ถามไปเลยว่า “นี่คือความจริงใช่ไหม?” บ่อยครั้งที่คุณสามารถแยกแยะความจริงออกจากความลวงด้วยคำถามนี้ บางครั้งสิ่งที่คุณคิดว่าจริง อาจจะไม่จริง และ การใช้คำถามตรวจสอบเช่นนี้ สามารถช่วยคุณให้พ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่คุณอาจจะเสียใจในภายหลังได้ คำถามในแนวเดียวกันอีกหนึ่งก็คือ “มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคนหรือไม่?” นี่ควรจะเป็นคำถามปิดท้ายสรุปยอด เป็นตัวตัดสินสำหรับทุกคำขอของคุณ และ ทุกสิ่งที่คุณทำ มันเป็นความจริงขั้นสูงสุด และ ถ้าคำขอของคุณผ่านคำถามนี้ไปได้ คุณก็กลับบ้านได้ด้วยความสบายใจอย่างแน่นอน
ทุกคำขอ คุณควรมีจุดประสงค์ที่จะหาความจริง ความจริงไม่ใช่สิ่งที่คุณอยากให้เป็น แต่คือสิ่งที่เป็นจริง การค้นหาความจริง คือ งานของคุณ และ เพนดูลั่มก็มีไว้เพื่อกิจนี้ เวลาเช่นนี้แม้แต่ความปรารถนาดี ๆ ก็ไม่อาจปล่อยให้เข้ามารบกวน แล ะมันก็คือเหตุผลที่คุณอุตส่าห์ฝึกฝนจิตใจให้สะอาด เป็นกลาง มันเป็นเรื่องง่ายที่เราอาจจะสร้างเรื่องราวขึ้นมาเอง หรือ พูดอีกอย่างก็คือทำให้เพนดูลั่มตอบอะไรออกมาตามที่เรา “อยาก” ให้ตอบ แต่เราจะทำไปเพื่ออะไรกัน เราได้อะไรจากการทำเช่นนั้น และ มันทำให้เราเติบโตในรูปแบบใดหรือไม่ ถ้าคุณไม่ต้องการความจริง หรือ ไม่สามารถรับความจริงได้ ก็อย่าถามคำถามออกไปเลย
ชีวิตเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ในด้านต่าง ๆ โลกเป็นบุฟเฟต์ที่เต็มไปด้วยความสุข และ ทางเลือกต่าง ๆ ถ้าสิ่งที่คุณทำไม่ได้ทำร้ายใคร รวมถึงตัวคุณ และ โลก คุณย่อมมีอิสระที่จะทำอะไรตามความปรารถนา ชิมอาหารจานไหนก็ได้ แต่ถ้าการกระทำบางอย่างมีความเสี่ยงที่จะทำร้ายใคร หรือ อะไร มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะแม้แต่จะคิดถึง อย่าว่าแต่ที่จะทำลงไปจริง ๆ เลย ที่กล่าวมานี้หมายรวมถึงตัวคุณเองด้วย การไม่ทำร้ายใครเริ่มต้นที่การไม่ทำร้ายตัวเอง รีดที่ว่านี่ก็คือ “สิ่งที่คุณส่งออกไปจะกลับมาหาคุณ” แม่หมอบางคนกล่าวว่า มันจะกลับมาหาคุณสามเท่า แม่หมออื่น ๆ กล่าวว่าจะกลับมาสิบเท่า
ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร หลักการข้อนี้เป็นสิ่งเตือนใจให้ระมัดระวังในสิ่งที่คุณทำ เพราะผลของมันจะย้อนกลับมาหาคุณ ถ้าคุณทำดี สิ่งดีๆก็จะกลับมาหาคุณหลายเท่าทวีคูณ ถ้าคุณทำไม่ดี ก็เช่นกัน กฎนี้ครอบคลุมทั้งการกระทำและความคิด อีกภาษิตหนึ่งก็คือ “ความคิดจับต้องได้” (Thoughts are things) ทุกสรรพสิ่งเริ่มต้นด้วยความคิด และ การสร้างเป็นผลมาจากการปรุงแต่งของความคิดทั้งสิ้น คุณอาจจะแย้งว่าคุณเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชน การสร้างต้องเป็นงานของเทพ และ เทพธิดาสิ ซึ่งก็ถูกสำหรับสิ่งใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่สิ่งเล็ก ๆ ของชีวิตเราเอง บ่อยครั้งที่เราสามารถสร้างมันได้ด้วยตัวเรา นี่ไม่ได้หมายความว่าถ้ามีอะไรในชีวิตผิดไป นั่นคือความผิดของเราทั้งหมด หรือ เราเป็นต้นเหตุทั้งหมด แต่หมายความว่า คุณมีพลังในความคิด และ การกระทำของคุณซึ่งสามารถเปล่งศักยภาพ ที่มีอยู่ให้ออกมาได้อย่างเต็มที่ ใช้พลังความคิดนั้นอย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างสิ่งดี ๆ ออกมาให้มาก สิ่งดีๆที่คุณต้องการสำหรับตัวคุณเอง และ สำหรับการรับใช้เทพแห่งความดีงาม จงเข้าใจถึงผลพวงที่คุณและความคิดของคุณสามารถทำได้และสร้างสรรค์โดยใช้สิ่งเหล่านั้นให้ทุกสิ่งที่คุณคิด และ ทำ เป็นสิ่งที่คุณจะไม่ต้องละอาย หรือ เป็นสิ่งที่คุณต้องกลัวว่าจะสะท้อนกลับมาหาคุณในวันหลัง จดจำภาษิต และ คำแนะนำเพื่อที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติต่อเทพผู้มาอำนวยการเพนดูลั่มของคุณ ความสัมพันธ์จะเติบโตหากคุณปฏิบัติอย่างรับผิดชอบ โลกของเรากำลังพัฒนาไปในวิถีแห่งกุศล (Ascension path) เช่นเดียวกับประชากรของโลกจำนวนมาก หญิงชายจำนวนหนึ่งจะได้รับเลือกให้ทำงานร่วมกับเทพ และ เทพธิดาเช่นเดียวกับ ที่ Brede ทำงานกับ Diane ให้การใช้เพนดูลั่มของคุณเป็นบันไดขั้นแรกของการเข้าสู่วิถีแห่งกุศล ซึ่งจะนำเทพ หรือ เทพธิดามาอยู่กับคุณ มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และได้เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากไปแล้ว แล้วก็จะมีอีก ทำไมคนนั้นจะเป็นคุณไม่ได้ ถ้าหากคุณเต็มใจที่จะให้เป็น ? ใช้เครื่องมือนี้อย่างฉลาด ด้วยความสนุก ด้วยความรับผิดชอบ และ ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่  __________________________________________________________________________________________ โดย อ่านตอนต่อไป สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ |
|||||||
 |
|||||||
 |
|||||||
อย่าใช้เพนดูลั่มหรือทำงานทางจิตใด ๆ หากคุณอยู่ในอาการมึนเมาไม่ว่าจากแอลกอฮอล์ หรือ พวกยาปลุกประสาท (Recreational Drugs) 
ถ้าคุณหรือเพนดูลั่มของคุณถูกวิญญาณเหล่านี้เข้ามาควบคุม เทพของคุณจะไม่สามารถกลับมาได้จนกว่าตัวคุณ และ เพนดูลั่มของคุณจะได้รับการทำความสะอาด และ เยียวยาจากความเสียหายต่างๆ เสียก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และ ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอยู่ไม่น้อย 
มันมีข้อจำกัดอะไรบางอย่างที่คุณอาจจะฝ่าเข้าไปไม่ได้ 
วิคคานใช้หลักการที่ดูเหมือนเรียบง่ายแต่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการทำ ให้เป็นไปตามนั้น หลักการที่ว่าคือ “ไม่ทำร้ายใคร” (Harm none) 
(มิสเตอร์อลัน)