ตอน 7 (หน้า 2)

วันของนายซ่ง

เฮือนเก่า

รถเลี้ยวเข้ามาในซอย

ทุกคนมองเห็นร้านอาหารเรือนไม้อยู่ทางด้านขวา ข้างหน้าเรือนไม้เป็นที่จอดรถซึ่งเต็มไปด้วยรถมากมาย มีทั้งรถตู้ และ รถยนต์ธรรมดามากกว่ายี่สิบคัน
โตโยต้าสีเขียว แล่นเข้าจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกประดับประดาด้วยหลอดไฟ แต่ยังไม่ได้ถูกเปิด เพราะฟ้ายังไม่มืดสนิท

ทั้งหมดทยอยลงมาจากรถ

วิทย์ลงมาแล้วบิดขี้เกียจ “อื้อ… ไปรู้มาจากไหนวะ ว่ามีร้านนี้ ?”
“น้าเล็กเอาทัวร์มาลงประจำ”
วิทย์พยักหน้ารับรู้

ทั้งหมดเริ่มเดินเข้าไปหาเรือนไม้  รอบ ๆ เรือนไม้เป็นต้นไม้ใหญ่หลายต้นซึ่งถูกต้นถูกประดับด้วยหลอดไฟ
ผู้คนดูหนาแน่นในเย็นวันเสาร์ แทบจะหาโต๊ะว่างไม่ได้ 

พนักงานทุกคนใส่เสื้อม่อฮ่อมแขนสั้น บางคนมีผ้าทอคาดเอว ทำให้บรรยากาศกลมกลืนกับอาหารที่ขาย

เสียงเพลงตามสายดังจากลำโพงที่มีติดเป็นระยะ ๆ เรียกอารมณ์ชาวเหนือได้อีกมากโข

ในที่สุด ทั้งสี่คนก็ได้โต๊ะขนาดกลาง ตั้งอยู่กลางแจ้งที่ชานเรือนไม้  ติดกับชานเป็นต้นไม้ใหญ่

ฝนนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ยิ้ม วิทย์เลือกที่จะนั่งตรงข้ามยิ้ม เหลือที่ให้รุ่งนั่งตรงข้ามฝน 

พนักงานชายเดินเข้ามานำรายการอาหารสองเล่มมาวาง

รุ่งถามพนักงาน “ป้าไพอยู่มั้ยวันนี้ ?”
พนักงานหนุ่มพยักหน้า “อยู่ครับ อยู่ในห้อง”

รุ่งพยักหน้ารับรู้ พนักงานเดินกลับไปบริการโต๊ะอื่นต่อ
ยิ้ม กับ ฝนเริ่มเปิดรายการอาหารดูคนละเล่ม

“ที่นี่ขายอาหารเหนือเหรอคะ ? ” ยิ้มถามขึ้น
“ครับ ชื่อร้านก็บอกแล้วครับ ฝีมือดีมาก เจ้าของร้านเป็นคนเชียงใหม่ ย้ายมาอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว”
“เขาลงทุนเยอะนะคะ ดูจากเรือนไม้นี่ เข้าใจแต่งบรรยากาศ รุ่งรู้จักได้ไงคะ ? ”
“น้าเราทำบริษัททัวร์ขาเข้าครับ พานักท่องเที่ยวมาทานที่นี่เป็นประจำ ทัวร์ไปลงดรีมเวิลด์แล้วก็เลยมานี่ เราเลยรู้จักเจ้าของร้านด้วย”

วิทย์หันมาถาม “ไม่เห็นมึงเคยพากูมาเลย”
“ไว้ให้พ่อว่างก่อนนะลูก ช่วงนี้ลูกก็อย่าเห็นแก่แดกนัก ตั้งใจทำงานซะ แล้วพ่อจะพามาบ่อย ๆ” เขาพูดแล้วยักคิ้ว

วิทย์ค้อน ความกวนส้นเท้าของเพื่อนไม่ได้ลดลงไปเลย 

“ว่าไงครับ ฝน ? เลือกหรือยังจะทานอะไรดี ? ”

ฝนมองหน้ายิ้ม “ว่าไงยิ้ม เธอสั่งเป็นหรือเปล่า ? ฉันกินเป็นแต่สั่งไม่เป็น”
ยิ้มสั่นหัว “ไม่เป็นเหมือนกัน รู้จักแต่แหนม กับ แกงฮังเล”

วิทย์หันมาทางรุ่ง “ยังงั้น มึงสั่งแล้วกัน เอาที่กินกันง่าย ๆ หน่อย ร้านนี้มีอะไรดังล่ะ ? ”
“ปะทัดไง โคตรดังเลย จะแดกมั้ย ? ” เขาตอบแล้วหัวเราะหึ ๆ “เดี๋ยวขอรายการดูหน่อยครับ เดี๋ยวจะสั่งให้”

เขายื่นมือรับรายการอาหารจากฝน

ยิ้มเริ่มชวนฝนคุยถึงบรรยากาศภายในร้าน เธอรู้สึกชอบสภาพแวดล้อมของที่นี่ เพราะเลยออกไปจะกลายเป็นทุ่งหญ้า มีลมโชยมาตลอด  ส่วนฝนก็รู้สึกสบาย ๆ ดีกว่าที่เธอคาดไว้

รุ่งเรียกพนักงานมาสั่งอาหารสี่ห้าอย่าง สั่งเสร็จเขาก็หันมา
“เดี๋ยวนั่งคุยกันรออาหารไปก่อน ขอตัวเข้าไปข้างในหาเจ้าของร้านหน่อยนะครับ”

เขาลุกเดินอ้อมหลังเก้าอี้ไปข้างหลังวิทย์ แล้วก้มลงกระซิบ
“มึงชวนเขาคุยไปเรื่อย ๆ แล้วกัน กูขอหลบก่อนดีกว่า ไม่มีอะไรจะคุย เดี๋ยวกูอดทะลึ่งไม่ได้คงได้กัดกับนังฝนนี่อีก” พูดจบ ไม่ทันรอปฏิกิริยาจากเพื่อน เขาก็เดินจ้ำอ้าวไปข้างในร้าน

 ยิ้มมองตามหลังรุ่งไป เธอส่งยิ้มตามไปด้วย
“รุ่งเขาดูคล่องเนอะ ท่าทาง”
วิทย์พยักหน้า “ครับ คล่องและกวนตีนมากในหมู่เพื่อน”
“วิทย์เล่าเรื่องรุ่งให้ฟังหน่อยสิคะ เขาเป็นคนยังไง ? ” ยิ้มเริ่มทำหน้าที่แม่สื่อ

วิทย์มองหน้ายิ้มแล้วก็เข้าใจว่าเธอเริ่มทำหน้าที่
“อ้อ… รุ่งเหรอครับ ไอ้นี่มันเป็นคนพิเศษ ครับ ทั้งแปลก ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน และ ไม่มีใครอยากเหมือนด้วย”

ยิ้มหัวเราะ ส่วนฝนหัวเราะหึ ๆ

วิทย์เริ่มเล่าต่อ
“ผมจะเล่าเรื่องดี ๆ ของมันนะครับ  สมัยเรียนมัธยม ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ พอดีวันนั้นฝนตกหนัก ไอ้ห้องแลบนี่มันก็ไกลจากห้องน้ำที่โรงอาหาร จะออกไปก็เปียก รุ่งมันปวดฉี่  ฝนก็ตกเอา ตกเอา มันทนไม่ไหว เลยหยิบถ้วยตวงหลบไปมุมห้อง แล้วมันก็ฉี่ใส่ถ้วยตวง เต็มถ้วยเลย”

“ตายละ จริงเหรอ ? ” ยิ้มร้องขึ้น แล้วหัวเราะ  ฝนยิ้มมุมปากแล้วสั่นหัว

“…ยังไม่จบครับ คราวนี้มันไม่รู้จะไปเทที่ไหน จะเดินถือออกไปให้อาจารย์เห็นก็ไม่ได้ มันก็เลยเปิดตู้เก็บถ้วยตวง แล้วเอาถ้วยเนี่ยวางไว้ชั้นบน แล้วปิดตู้กลับไป”

ยิ้มจินตนาการไปด้วย พร้อมหัวเราะร่วน

“… ครับ พอฝนหยุดตก ทุกคนก็กลับออกมา รุ่งมันก็ลืม ปล่อยถ้วยไว้ในนั้น  คราวนี้วันต่อมา อีกห้องนึงต้องใช้ห้องแลบบ้าง  ไอ้ใครก็ไม่รู้ดวงซวย ไปเปิดตู้หยิบถ้วยตวงใบนี้  แล้วเวลาหยิบมันต้องเอื้อมมือไปข้างบน แล้วไม่ได้คิดว่าถ้วยมีน้ำอยู่ข้างใน มันคว้าถ้วยปั๊บ พอรู้ว่าถ้วยหนักก็ไม่ทันแล้ว ถ้วยพลิก ฉี่ก็หกรดเสื้อมันหมดเลย”

วิทย์เริ่มหัวเราะเองด้วย เมื่อนึกถึงเรื่องพิเรนที่เพื่อนรักได้ก่อไว้  ส่วนยิ้ม และ ฝนหัวเราะแบบไม่ต้องอั้น

วิทย์เล่าต่อ “คนนั้นน่ะ มันโมโหมากเลย วันนั้นมันต้องลากลับบ้านเลย  ก็แหงล่ะ …..เฮ่อ ๆ ๆ… ฉี่เปียกเสื้อหมดจะอธิบายให้คนอื่นฟังยังไง เหม็นแย่เลย… ฮ่า ๆ ๆ”

ยิ้มกับฝนปล่อยหัวเราะต่อ

“ตอนนั้นพวกอีกห้องก็สืบหาว่าใครมาฉี่ไว้ในถ้วย แต่พวกเราทั้งหมดก็บอกว่าไม่รู้ คงเป็นคนอื่นมั้ง อาจจะเป็นห้องอื่น เฮ่อ ๆ ที่จริงทุกคนในห้องทั้งหมด รู้ว่าไอ้รุ่งเป็นคนทำ แต่ไม่มีใครบอกหรอกครับ  ผมว่าไอ้รุ่งมันทะลึ่งจริง ๆ คือ ตอนที่มันฉี่เสร็จนะ ความจริงเปิดตู้ไป แล้ววางไว้ชั้นล่างก็ได้ จะได้หยิบง่าย ๆ แล้วมองเห็นด้วยว่าข้างในมีน้ำ ชั้นล่างก็มีที่ว่าง  แต่ไอ้ห่านี่… อุ้ยโทษทีครับ เผลอไป  แต่ไอ้เวรนี่คิดยังไงของมันก็ไม่รู้ ทะลึ่งเอื้อมไปวางไว้ชั้นบน  มันนี่ โคตรระยำ… โอ้ย โทษอีกทีครับ”

ยิ้มคิดตาม แล้วหัวเราะ
“นี่เหรอคะ เรื่องดี ๆ ของรุ่ง ? คิดแล้วพอเห็นภาพค่ะ ตอนแรกที่รู้จักเค้านะฝน” ยิ้มพูดพลางหันมาหาเพื่อน “คือตอนนั้นอยู่ที่ป้ายรถหน้ามหาลัยตอนปีหนึ่ง ตอนเย็นมายืนรอรถ เจอกันเกือบทุกวัน ดู ๆ ก็เรียบร้อย เจอกันบ่อย ๆ ก็เลยทักกัน เค้าคุยสนุกดี”

ฝนพยักหน้ารับฟัง
ยิ้มหันมาถามวิทย์ต่อ
“วิทย์สนิทมากเหรอคะ ที่บ้านเค้าทำอะไรล่ะ ? ”

วิทย์ขยับแว่น เริ่มทำหน้าจริงจัง
“สนิทที่สุดแล้วครับ ซี้ปึ้กเลย รู้จักตั้งแต่เด็ก วิ่งแก้ผ้าด้วยกัน บ้านมันทำอะไรเหรอครับ อืม… . จริง ๆ ญาติมันทำทัวร์พานักท่องเที่ยวมาเที่ยวในเมือง แต่เข้าใจว่ารับช่วงต่อมาอีกที คือไม่ได้เป็นบริษัทหรือยังไงเนี่ยอันนี้ไม่แน่ใจต้องถามมันเอง  แต่ถ้าพูดถึงครอบครัวรุ่งล่ะก็  ผมว่าแม่รุ่งเป็นแม่ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ ผมยังอยากเอาแม่ผมไปแลกเลย”

ทั้งสองสาวหัวเราะ
“อ้าว…จริง ๆ นะครับ ถ้าพูดถึงพ่อยิ่งไปกันใหญ่ เตี่ยผมสิบคนก็สู้พ่อของรุ่งคนเดียวไม่ได้ เตี่ยผมแกเอาแต่ด่าผมรายวันเลย เจอหน้าก็ด่า ไม่เจอหน้าก็ด่าลับหลัง วัน ๆ แช่งแต่ลูกตัวเอง  อ้าว… ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นนินทาพ่อตัวเองแล้ว”

ยิ้มถามต่อ
“แล้วคุณพ่อรุ่ง ทำอะไรคะ ? ”

วิทย์นิ่งเงียบ กระพริบตาสองสามครั้ง

“คือ พ่อรุ่งเค้า” วิทย์ลดน้ำเสียงลง “พ่อเค้าไม่อยู่แล้วครับ ผมไม่รู้จะตอบยังไง เรื่องมันยาว เป็นเรื่องส่วนตัวของรุ่ง ไว้ถามมันเองดีกว่า แต่ผมว่า อย่าถามเรื่องพ่อเค้าเลยเหอะ หรือไม่ ไว้สนิทกันให้เค้าเล่าเองดีกว่า เอาที่พอเล่าได้แล้วกัน คืองี้….”

ทั้งยิ้มและฝนเริ่มทำสีหน้าสนใจ ท่าทางชีวิตของรุ่งจะเป็นเรื่องไม่ธรรมดา
 “ยิ้มกับฝนรู้จักนามสกุลไตรสรณ์ใช่มั้ยครับ ? ที่เป็นเจ้าของตึกไตรสรณ์ แล้วก็มีกิจการขายเครื่องดนตรี”

ทั้งสองพยักหน้า

ฝนพูดขึ้น “ร้านขายเครื่องประดับ ที่ลงหนังสือแพรวด้วย เคยอ่าน”
“อ้า… ใช่ครับ ร้านนั่นก็หนึ่งในกิจการทั้งหมดของครอบครัว”
ยิ้มพยักหน้า “อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ก็เห็นคอลัมน์ไฮโซลงข่าวตระกูลนี้บ่อย ๆ”

“ครับ คือ ท่านวิฑูรย์  ไตรสรณ์น่ะ เป็นคุณปู่รุ่ง”

“หา จริงเหรอ ? ” ยิ้มอุทาน

ยิ้มเริ่มถาม “งั้นรุ่งก็นามสกุล ไตรสรณ์น่ะสิ แต่ไม่เห็นคุ้นเลยว่าเด็กคณะเรามีคนในตระกูลไตรสรณ์เรียนอยู่ด้วย”

“อิทธิพล ไตรสรณ์ เป็นอะไรกับรุ่ง ?” ฝนถามขึ้น

วิทย์เลิกคิ้ว “ใครครับ อิทธิพล ?”

“เค้าเป็นเพื่อนของเพื่อนฝนที่ออฟฟิศค่ะ เคยไปงานปาร์ตี้แล้วเจอกัน ท่าทางดังมากนะ ว่างท่าน่าดู”
วิทย์สั่นหัว “ผมไม่รู้จักหรอกครับ ไม่ค่อยรู้จักชื่อญาติทางบ้านพ่อเค้า ต้องเห็นหน้าอาจจะพอจำได้”

ฝนพยักหน้ารับรู้

“รุ่งไม่ได้ใช้นามสกุลไตรสรณ์ เค้าใช้นามสกุลแม่ คือ เค้าอยู่บ้านแม่มาตลอด ไม่ได้ยุ่งกับทางพ่อ… เอ่อ… ยังไงดี ยิ่งเล่ายิ่งลึก”

เขาหันหน้ามองซ้ายมองขวา ท่าทางลำบากใจที่จะเล่าต่อ

ยิ้มตัดบท “ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องเล่าเรื่องนามสกุลหรอกค่ะ เอาเรื่องแม่ต่อก็ได้ ทำไมวิทย์ถึงว่าแม่รุ่งน่ะดีที่สุดคะ ? ”

วิทย์พยักหน้า “แม่รุ่งเค้า… ไม่รู้จะพูดไง ต้องเจอเอง”

ยิ้มหัวเราะ “อ้าว… ยิ้มจะไปเจอได้ไงคะ ? เล่าหน่อยสิคะ”

“คือ มันเรียบเรียงไม่ถูก คือ… ผมว่าเค้า….ใจดี เอ้อ.. แต่ว่า จะเรียกใจดีอย่างเดียวก็ไม่ใช่ ผมว่าเป็นคนเข้าใจลูก แล้วสอนลูกดี ไม่ใช่สอนลูกดีอย่างเดียว สอนเพื่อนลูกด้วย เฮ่อ ๆ” พูดไปหัวเราะไป
“ผมไปนั่งคุยกับแม่รุ่งบ่อย ตั้งแต่เด็กแล้วครับ แม่รุ่งเล่าเรื่องเก่งมาก เล่าไปแล้วก็สอนไปด้วย ดูไม่เครียดเลย แล้วเป็นคนที่ใจกว้าง เป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์”

 “ยังงี้ รุ่งเค้าคงติดแม่มาเยอะสิคะ ? ดูท่าทางจะเป็นตัวของตัวเองมาก ยิ้มว่ารุ่งเค้ามีเอกลักษณ์ดีนะคะ ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก เนอะ ฝนว่ามะ ? ” ยิ้มหันไปถาม “นี่แค่ได้อยู่ด้วยไม่กี่ชั่วโมงนะ ยังรู้สึกเลย”

สาวสวยได้แต่พยักหน้ารับฟังเพื่อน แต่ไม่ได้ออกความเห็น

วิทย์ได้ทีเสริม

“มันเป็นคนมีสีสันครับ ชอบทำอะไรที่คนนึกไม่ถึง อยู่กับมันแล้วสนุก ถ้าตามมันทันนะครับ แต่บางครั้งก็ต้องปล่อยให้มันบ้าของมัน บางทีมันก็บ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ รสนิยมแปลก ๆ แต่เป็นคนดี ไม่มีพิษภัยครับ”

พนักงานเริ่มนำอาหารจานแรกมาเสิร์ฟ 

ออร์เดิร์ฟชาวเหนือถูกวางบนโต๊ะ ความร้อนของอาหารส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

ยิ้มหยิบส้อมเขี่ยอาหารในจาน
“อะไรบ้างคะเนี่ย ? หอมน่าทานจังเลย”

พนักงานหนุ่มอธิบาย “ออร์เดิร์ฟเมืองครับ มีไส้อั่ว แหนม แล้วนี่ น้ำพริกอ่องกับแคบหมูครับ”
หนุ่มอธิบายเสร็จก็หมุนตัวกลับ

ฝนเริ่มยิ้มเมื่อได้กลิ่นไส้อั่วร้อน ๆ  เธอไม่เคยทานไส้อั่วมาก่อน ได้ยินแต่คนเขาพูดถึงกัน แต่อาหารในจานข้างหน้าเธอ ดึงดูดใจมากในยามหิวเช่นนี้

“นี่ ไส้อั่วใช่มั้ย ? ” ฝนใช้ส้อมชี้

วิทย์พยักหน้า “ใช่ครับ เคยทานมั้ยครับ ? ”

ฝนสั่นหัว “แต่น่าทานจัง”

“เอาเลยครับ ทานกับข้าวเหนียวอร่อยมาก”

ฝนใช้ส้อมจิ้มไส้อั่วที่ถูกหั่นเป็นชิ้นอย่างเรียบร้อยเข้าปาก 

รสชาติเค็มหน่อย ๆ เผ็ดน้อย ๆ และ เครื่องเทศของไส้อั่วประทับใจเธอตั้งแต่คำแรก 

เธอจัดแจงเปิดกระติ๊บข้าวเหนียวแล้วส่งให้เพื่อน

ยิ้มยื่นมือรับกระติ๊บ “เป็นไงฝน พอทนได้มะ ? ”
ฝนยิ้มเขิน ๆ แล้วพยักหน้า “อร่อย”

ทั้งสามคนเริ่มต้นสำเร็จไส้อั่วเป็นอย่างแรก ทิ้งแหนม และ น้ำพริกอ่องไว้เป็นงานรอง

ฝนกำลังหยิบไส้อั่วชิ้นต่อไปเข้าปาก

วิทย์พลันนึกอะไรได้

“ไอ้เนี่ย” วิทย์ใช้ส้อมชี้ไปที่ไส้อั่ว “รุ่ง มันเรียกว่า เจี๊ยวหมา”

ไส้อั่วที่เข้าไปอยู่ในปากฝน ถูกคายออกมาทันที พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นของยิ้ม

“ฮ่า ๆ ๆ”

ฝนรีบหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปาก
“น่าเกลียด คิดได้ไงเนี่ย ? ” 

เธอมองลงไปที่ไส้อั่ว ว่าไปแล้วมันก็คล้าย ๆ เหมือนกัน ว่าแล้วเธอก็หัวเราะออกมาเอง

“ว่าไง อาหารมาแล้วเหรอ ? ”

เสียงรุ่งดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะ เขาค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง

“เออ มึงดู มึงทำให้ผู้หญิงเค้ากินไม่ลง มึงรู้มั้ย ? ” วิทย์กระเซ้าเพื่อน
รุ่งเลิกคิ้ว “กูทำอะไรวะ ? ”
วิทย์ใช้ส้อมชี้ใส้อั่วบนจาน “ก็ไอ้นี่ไง มึงเรียกว่าอะไร ? ”
รุ่งหัวเราะทันที “ฮ่า ๆ ๆ  มึงเล่าให้เค้าฟังเหรอ ?   อ้าว… แล้วรู้มั้ย ไอ้เนี่ยน่ะ” รุ่งใช้นิ้วชี้ไปที่แหนม “ยิ่งเหมือนกว่าอีก แต่ของหมาไทยไง ส่วนไส้อั่วน่ะ ของหมานิโกร”

ทั้งวิทย์ ทั้งยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น ฝนทำตาถลน เธอมองไปที่แหนมสด แล้วเธอก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้

รุ่งนึกอะไรได้ เขาหยิบลูกดิ่งจากกระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบจานแหนมไปใต้โต๊ะ 

อาศัยที่ทั้งสามคนยังหัวเราะเฮฮาไม่ได้ใส่ใจกับเขา  รุ่งจ่อลูกดิ่งไปในจานแหนม  เพียงไม่กี่อึดใจ เมื่อมั่นใจว่าแหนมจานนี้ไม่มีพยาธิ  เขาก็วางจานแหนมกลับมาที่โต๊ะ

พนักงานเสิร์ฟคนเดิมนำอาหารอีกสองชนิดมายืนรอข้างโต๊ะ

รุ่งกวักมือให้ลงอาหารเลย

แกงฮังเลสีเหลืองมองดูสดใสน่าทาน ส่วนแกงอ่อมให้กลิ่นหอมยั่วกระเพาะ  ทั้งสองอย่างถูกเสิร์ฟในหม้อดินใบขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก  มีถ้วยแบ่งสี่ถ้วยมาพร้อม

ฝนกลืนน้ำลายเมื่อได้กลิ่นของแกงอ่อม อาหารอีกหนึ่งอย่างที่เธอเพียงแค่ได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยทาน

รุ่งเริ่มทำหน้าที่อธิบาย
“อันนี้ฮังเลครับ เคยทานมั้ย ?   คล้าย ๆ มัสมั่น แต่นี่เขาใส่ขิงด้วย  นี่ฮังเลไก่ครับ ผมบอกเค้าไม่เอาหนัง  คนเหนือเขาทานกับข้าวเหนียว แต่เราจะสั่งข้าวสวยก็ได้  มั้ยครับ ? ”

ยิ้มสั่นหัว “ไม่ต้องหรอกค่ะ ยิ้มชอบทานข้าวเหนียว แล้วฝนล่ะ เอามั้ย ? ”

ฝนสั่นหัวเหมือนกัน “ไม่ต้องหรอก ข้าวเหนียวก็ได้”

รุ่งเริ่มอธิบายต่อ “ฮังเลที่นี่เขาใส่เครื่องเทศนี่ด้วย”  รุ่งใช้ช้อนเขี่ยโป๊ยกั๊ก  ”ผมจำไม่ได้เขาเรียกว่าอะไร มันฉุน ๆ แต่อย่าไปกินมันแล้วกัน  เขาใส่ให้มีกลิ่น”

เขาเอื้อมมือไปหยิบข้าวเหนียวจากในกระติ๊บ บิดออกมาหนึ่งก้อนเล็ก แล้วใช้ข้าวเหนียวจิ้มไปในฮังเล
รุ่งหยิบข้าวเหนียวใส่ปาก แล้วเอื้อมมือหยิบถ้วยแบ่ง

“เฮ้ย วิทย์ มึงช่วยตักแกงอ่อมแล้วกัน”

วิทย์กับรุ่งช่วยกันตักแกงอ่อมให้สาว ๆ

“แกงอ่อมเขาทำจากซุปที่ต้มเนื้อ ใส่พริกคั่วหน่อย ๆ ออกเค็มแล้วเผ็ดหน่อย ๆ อันนี้เป็นเนื้อหมู เขาใส่กระดูกอ่อนมาด้วย แกงนี้ผมชอบที่สุด ลองดูครับ” รุ่งยื่นถ้วยน้ำแกงให้ฝน

ยิ้มรับถ้วยจากวิทย์ แล้วค่อย ๆ ตักน้ำแกงขึ้นซด

“อื้อฮือ อร่อยมาก แปลกดี แต่อร่อยจังเลย” ยิ้มพูดไปพยักหน้าไป

ฝนเริ่มชิมแกงอ่อมบ้าง รสชาติแรกของอาหารจานที่สองประทับใจเธออีกแล้ว รสชาติที่เค็มกำลังเหมาะ และ กลิ่นเครื่องเทศที่ติดอยู่ปลายลิ้นช่างมีเสน่ห์จริง ๆ 

ฝนยิ้ม เธอส่งยิ้มให้รุ่ง “อร่อยมากค่ะ”
รุ่งสวนทันที “ฮั่นแน่  พูดค่ะเป็นด้วยหรือคะ ? ”

ฝนวางช้อน
“เป็น แต่ไม่ถนัด ให้พูดทุกประโยคน่ะ คงไม่ได้หรอก” เธอลงน้ำเสียง แต่ไม่ได้โกรธ

ทั้งสี่ เริ่มทานอาหาร มีการสนทนากันอีกเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยวิทย์กับยิ้มจะพูดกันเสียมากกว่า

บรรยากาศเข้าสู่หัวค่ำ ฟ้ามืดสนิท  ไฟสีเหลืองตามต้นไม้ถูกเปิดขึ้นพร้อมกัน  ทุกคนหันไปมองไฟที่ประดับตามต้นไม้ใหญ่  สวยเด่นและงามตา

สักพัก อาหารรายการสุดท้ายก็ถูกยกมาเสิร์ฟ …ลาบคั่วหมู

ฝนใส่ใจกับอาหารเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะเธอเองไม่ค่อยได้ทานอาหารนอกบ้านบ่อยนัก แล้วที่บ้านเธอก็ไม่มีใครชอบทานอาหารเหนือ เธอจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับอาหารเหนือ ถึงแม้ลาบคั่วจะไม่ค่อยถูกปากเธอนัก แต่รสชาติอาหารอีกสามอย่างในวันนี้ทำให้เธอต้องบันทึกความอร่อยของอาหารเหนือไว้ในความทรงจำ

ฟ้ามืดสนิทไปสักพักใหญ่แล้ว สีเหลืองของหลอดไฟประดับตามต้นไม้ยิ่งสว่างงามตา ลมฤดูร้อนยามค่ำคืนโชยมาเป็นระลอก

ยิ้ม และ ฝน เริ่มรู้สึกอิ่ม วางช้อนส้อมแล้วนั่งชมบรรยากาศโดยรอบ

วิทย์กำลังใช้ช้อนกดลงในหม้อดินเพื่อคั้นน้ำแกงหยดสุดท้ายออกมา เหงื่อไหลลอดแว่นลงมาที่แก้ม
“เอ้า ไอ้เวร เดี๋ยวทำหม้อเค้าแตกหรอก”  รุ่งทักเพื่อนที่กำลังโก้งโค้งจัดการกับหม้อดิน

วิทย์ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้า “อือ… ไอ้แกงเหี้ยนี่มันอร่อยชิบหายเลย”

ยิ้มหัวเราะคำสบถของเขา

รุ่งมองหน้าไอ้ตี๋ “เหรอ ? มึงรู้ด้วยเหรอว่าเค้าใส่เหี้ยลงในแกงด้วย ? เก่งว่ะ ”


วิทย์สำนึกทันที มองหน้าสาว ๆ “โทษทีครับ อย่าถือผู้ชายเลยนะครับ ผู้ชายก็พูดกันอย่างนี้แหละ”

พอแน่ใจว่าหม้อแห้งสนิทแล้ว เขาก็ค่อย ๆ นั่งลง

“ยิ้มต้องเข้าบ้านกี่โมงครับ ? ” วิทย์พูดพลางถอดแว่นออกมาเช็ด
“ยิ้มไม่ต้องรีบค่ะ แต่ฝนคงต้องถึงบ้านก่อนสามทุ่มค่ะ” เธอตอบ
รุ่งสะกิดเพื่อน “อ้าว… แล้วนี่กี่โมงแล้ววะ ? ”
วิทย์หันมามอง “ทุ่มนิด ๆ แล้ว  เมื่อไหร่มึงจะหัดพกนาฬิกาบ้างวะ ? โตเป็นควายแล้ว”
รุ่งมองหน้าเพื่อน “ซื้อให้กูพกสิ กูมีนาฬิกาที่ไหนกัน มีปากก็ถามเค้าเอา”

สองสาวหัวเราะหึ ๆ  ทั้งสองเริ่มมั่นใจแล้วว่า วันนี้พวกเธอได้เจอกับผู้ชายที่ไม่มีใครอยากเหมือนจริง ๆ

ยิ้มสังเกตุเห็นสร้อยคอสีดำมีล็อคเก็ตสีเงินเป็นรูปหัวใจ  เธอถามขึ้น

“ไม่มีนาฬิกา แต่มีล็อคเก็ตห้อยคอหรือคะ ? ”

รุ่งก้มลงมอง เขาจับล็อคเก็ตชูขึ้นมาเล็กน้อย

“อ๋อ นี่ข้างในเปิดได้ครับ” เขาเปิดล็อคเก็ตรูปหัวใจออกมา เป็นรูปอะไรสักอย่าง

“รูปใครค่ะ แฟนเหรอ ? ” ยิ้มทักขึ้น เพราะรูปเล็กมาก มองจากที่เธอนั่งเห็นไม่ชัด

“เปล่าครับ รูปพ่อกับแม่ผม ถ่ายคู่กันตั้งแต่ผมยังไม่เกิด เป็นรูปขาวดำ ดูคลาสสิค ผมเลยตัดมาทำล็อคเก็ต”

ฝนชะเง้อหน้า ท่าทางอยากเห็นให้ชัดขึ้น

รุ่งหันมาทางฝน “อยากดูให้ชัดต้องเข้ามาใกล้ ๆ เอาแก้มมาชนจมูกผมน่ะ จะเห็น”


ฝนผงะเล็กน้อย
“มากไป”

รุ่งยิ้มมุมปากให้เธอแบบกวน ๆ

ทั้งสี่คนนั่งสนทนาอีกสักพัก  รุ่งปลีกตัวออกมาเพื่อจัดการเรื่องค่าอาหารกับป้าไพ เจ้าของร้าน

ป้าไพ ใส่ชุดชาวเหนือ เนื้อผ้าเป็นผ้าไหมสีเงิน ดูท่าทางภูมิฐาน หน้าตาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นคนใจดี ถึงแม้จะมีไฝที่มุมปาก

รุ่งเดินเข้ามาหาป้าไพที่กำลังมองกลุ่มลูกค้าทัวร์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเพิ่งเข้ามาในร้าน
“ป้าไพครับ คิดค่าอาหารด้วยครับ ผมเสร็จแล้วครับ” รุ่งหมายความว่าเขาตั้งใจจะจ่ายในราคาพิเศษ

ป้าไพยืนเท้าเอวแล้วยิ้ม
“ทานเสร็จแล้วเหรอลูก มากันกี่คนล่ะ ? ” สำเนียงชาวเหนือออกจมูก
“สี่คนครับ รวมผมด้วย”
ป้าไพพยักหน้ารับรู้
“เป็นไง อาหารอร่อยมั้ย ? ”
รุ่งหัวเราะ “แหมป้า ถามได้ ฝีมือร้านป้าเนี่ยถ้าไม่อร่อยก็เป็นตะเข้แล้วครับ มีลิ้นเสียเปล่า  ป้าทำแหนมยังไงอะ ? ถึงสะอาด ผมหมายถึง เราจะป้องกันพยาธิได้ยังไง ?”

“ก็ห่อด้วยใบยอ พยาธิมันแพ้ใบยอ มันจะตายหมดเน่อ”

รุ่งพยักหน้า “อือ … ผมเคยทานแหนมร้านอื่น  โดนตัวจี๊ดเล่นงาน แทบแย่ เอาออกยากซะด้วยตัวจี๊ดน่ะ”

ป้าไพพยักหน้า “เหรอ ๆ ?   นี่ โบราณเค้าบอกว่าหนามยอก เอาหนามบ่ง  ถ้ากินแหนมเข้าไปติดตัวจี๊ดนะ ก็เอาแหนมนี่แหละ ล่อมันออกมา”

“ล่อยังไงอะ ป้าไพ ?”

“เอาแหนม มาผูกติดกับท้องแขน แบบนี้นะ แล้วเอาผ้าพันไว้  ตัวจี๊ดมันได้กลิ่นแหนม จะวิ่งมาที่ตรงนี้ แล้วก็ไชออกมาจากผิวหนัง”
รุ่งทำหน้าผะอืดผะอม “แหวะ สู้กินน้ำมะเกลือดีกว่า ป้า  ไม่ไหวแบบนั้น”

ป้าไพหัวเราะชอบใจ
“ไปเถอะ ว่าง ๆ ก็พาเพื่อนมาอีกเยอะ ๆ แล้วกันเน่อ”
“ปะ ไปไหนครับ ? ป้ายังไม่คิดเงินเลย จะให้ผมไปไหน ? ”

ป้ายังยืนยิ้ม “ไปเถอะ อะไรกัน แค่นี้มาคิดเงิน กับลูกกับหลาน”

ป้ายืนยันเหมือนเดิม ปี ๆ หนึ่งเธอได้เงินจากกรุ๊ปทัวร์ของน้าสาวรุ่งเป็นเงินแสน นับว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเธอ  แค่ค่าอาหารมื้อเล็ก ๆ เท่านี้ เธอคงไม่คิดเล็กคิดน้อย 

“เอ้อ… ไม่ได้มั้งป้า ของซื้อของขาย เดี๋ยวน้าเล็กรู้เข้าก็ด่าผมเข้าให้น่ะสิ” รุ่งทำหน้าเหยเก

ป้ายังหัวเราะต่อ
“มาด่ากันได้ไง ฉันจะเลี้ยงหลานฉันบ้าง ไป ไป  ไหนนั่งกันที่ไหนล่ะ ? เดี๋ยวป้าเดินไปส่ง” เธอพูดจบ ก็เริ่มออกเดินนำหน้า

รุ่งยักไหล่ เห็นว่าท่าทางป้าไพคงไม่เอาเงินเขาจริง ๆ  เขาเดินตามเจ้าของร้านไป

รุ่งนำทางเจ้าของร้านมาที่โต๊ะ  ทั้งสามหนุ่มสาวหยุดการสนทนา

“นี่ครับ เพื่อนผม” รุ่งเริ่มแนะนำคนที่โต๊ะให้ป้าไพรู้จัก
“นี่วิทย์ครับ”

วิทย์ยกมือไหว้

“นี่ฝน กับ ยิ้มครับ เป็นเพื่อนที่มหาลัย” เขาหันไปทางเพื่อน ๆ  ฝนกับยิ้มยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย
“นี่ป้าไพ เจ้าของร้าน”
ยิ้มลุกขึ้นยืน “ร้านป้าบรรยากาศดีจังค่ะ อาหารอร่อยมากด้วย”

ป้าไพยิ้มกว้าง “เหรอจ๊ะลูก ทานอะไรกันล่ะ ? ”
วิทย์ลุกขึ้นยืนบ้าง “แกงฮังเลครับ แล้วก็แกงอ่อม แล้วก็ ไอ้นั่น…” เขาชี้มือไปที่จานออร์เดิร์ฟ

“….เจี๊ยวหมา”

รุ่งยกมือขึ้นตบหัววิทย์อย่างแรง “ผัวะ”

“อ้ายซ่ง… ปากหมา”

ชะบุญที่ป้าไพได้ยินไม่ชัด แต่อีกสองสาวหัวเราะคิกคัก

ฝนเห็นทุกคนลุกขึ้นยืนคุยแล้ว เธอก็ลุกขึ้นบ้าง

“แกงอ่อม อร่อยค่ะ” ฝนเอ่ยปากชม

ป้าไพหันมาทางฝน เอนคอมองหน้าสาวน้อยให้ชัดขึ้น

“อื้อ หนูนี่ชื่ออะไรนะ ? หน้าตาสวยซะด้วยซี” ป้าไพหันมามองหน้ารุ่ง

“ชื่อฝนครับ เธอเคยเป็นดรัมเมเยอร์ด้วยครับ  เป็นคนถือไอ้ดุ้นนั่นน่ะป้า”
รุ่งยกมือขึ้นทำท่าเลียนแบบดรัมเมเยอร์ พาให้ทุกคนหัวเราะ 

เจ้าตัวหันมาค้อนให้วงใหญ่

“เขาเรียกว่า คทา ไอ้ควาย” วิทย์เสริมขึ้น
รุ่งหันไปเหล่เพื่อน “ด่าอีกแล้ว เดี๋ยวกูถีบให้”

เจ้าของร้านยืนหัวเราะ
“วันหลังก็เชิญที่บ้านมาทานสินะ ถ้าชอบร้านป้าล่ะก็ แต่ขับรถมาไกลหน่อยเน่อ” ป้าไพพูดสำเนียงชาวเหนือ
รุ่งเสริมขึ้นมา “พวกเรา วันนี้ป้าแกไม่ยอมคิดเงินเรา สงสัยต้องกินฟรีแล้วมั้ง”

ได้ฟังดังนั้น พรรคพวกก็เริ่มงอนง้อป้าให้รับเงิน  ใช้เวลาพอเป็นพิธี จนคุณป้าแสนใจดีกล่าวสรุปอย่างเฉียบคม

“พวกเราน่ะเพิ่งทำงานเก็บเงิน ป้าไม่อยากได้เงินพวกเราหรอก หาเงินให้รวย ๆ แล้วมากินร้านป้าบ่อย ๆ แล้วกัน จะได้อุดหนุนกันนาน ๆ”

ทุกคนพยักหน้ายอมรับ

รุ่งหัวเราะหึ ๆ “ป้าไพ ยังงั้นคงมีแต่ผมคนเดียวล่ะมั้งที่ได้กินฟรีไปอีกนาน เพราะท่าทางผมคงจะไม่รวยง่าย ๆ”
ป้าไพหัวเราะ เธอยืนพูดคุยกับหลาน ๆ อย่างเป็นกันเองสักพัก แล้วก็ขอตัวกลับเข้าไปดูแลกิจการต่อ ทุกคนยกมือไหว้ร่ำลา แล้วพากันเดินออกมาที่ลานจอดรถ

ยิ้มแสดงท่าทีพึงพอใจอาหารมื้อนี้มากที่สุด เธอเดินเหลียวหลังดูบรรยากาศเรือนไม้ตลอดทาง 

ฝนประทับใจกับรสชาติแปลกใหม่ของอาหาร แต่เธอไม่ได้แสดงออกมากนัก เพราะบุคลิกเธอก็เรียบ ๆ จับความรู้สึกยาก เป็นปกติอยู่แล้ว

******************************************************************************************


โตโยต้าสีเขียว วิ่งออกมาถึงถนนใหญ่

วิทย์หันมาถามเพื่อน “รุ่ง บ้านคุณย่าน่ะ มีใครชื่ออิทธิพล ?”
“หือ… ทำไม มึงรู้จักเหรอ ?  จ๊อดน่ะ ลูกอาเอก”

เพื่อนแว่นจุ๊ปาก
“จุ๊ ๆๆๆ มิน่า ฝนถึงบอกว่าวางท่า  ไอ้นี่มันน่าจะแดกส้นตีนกูตั้งแต่ปีก่อนโน้น”

รุ่งมองหน้าเพื่อน “น้อย ๆ หน่อย  น้องชายกูนะเว้ย”

“มันเคยเห็นมึงเป็นพี่ชายเหรอ ?  อ้ายเหี้ยนี่ ถ้ามาเกิดบ้านกูนะ เตี่ยกูจับหัวหมกส้วมตั้งแต่เกิดแล้ว”

รุ่งสั่นหัว “หยาบคายอีกแล้ว อ้ายซ่งเอ๊ย”

ยิ้มหัวเราะหันมาถาม “ทำไมรุ่งชอบเรียกวิทย์ว่าอ้ายซ่งคะ ? ”

“มันชื่อ อาติง แซ่ซ่ง  เรียกเต็ม ๆ ว่า อ้ายซ่งติง  เตี่ยมันเรียกมันว่างี้ครับ”

ยิ้มหัวเราะชอบใจ

โตโยต้าสีเขียวใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ก็วิ่งเข้ามาถึงถนนรามอินทรา 

รุ่งกับวิทย์ตั้งใจจะลงรถที่บริเวณแฟชั่นไอส์แลนด์ เพราะต่อรถได้ง่าย

“โน่นครับ เลี้ยวโค้งนั้นแล้วค่อยจอดก็ได้ครับ” วิทย์ชี้มือบอกโชเฟอร์คนสวย
ยิ้มหันมา “รุ่งมีเบอร์มือถือมั้ยคะ ? ยิ้มขอหน่อยสิ จะได้โทรคุยกันได้”

รุ่งหัวเราะเบา ๆ “เบอร์น่ะมีครับ แต่มือถือไม่มี”
คนถามงง “หา ไรคะ ?”
“มือถือเราหายอะ เดี๋ยวเราซื้อใหม่ก่อนแล้วฝากเบอร์ให้กับวิทย์อีกทีละกัน”

ยิ้มพยักหน้า แล้วหันกลับไป  แล้วเธอก็พูดขึ้น
“หาในตู้เสื้อผ้าแล้วเหรอคะ ?”
รุ่งหัวเราะ “ไปหาทำไมครับ ในตู้เสื้อผ้า ? เราไม่เคยเก็บมือถือไว้ในนั้น”
“ลองหาในตู้เสื้อผ้าดูแล้วกัน” ยิ้มสำทับ

โชเฟอร์ค่อย ๆ เทียบรถเข้ากับทางเดิน

ยิ้มหันมาร่ำลาหนุ่มทั้งสอง
“วันนี้ สนุกมากค่ะ อาหารอร่อยจังเลย ขอบคุณรุ่งนะคะ ที่แนะนำร้านให้ เลือกเก่งจังเลย”

รุ่งยิ้มให้

ฝนหันมามอง แล้วยิ้มพอเป็นมารยาท
วิทย์พูดขึ้น “ถ้าไม่ได้รุ่ง คงไม่ได้กินฟรีดัวย”
ยิ้มหัวเราะ “ใช่ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
“ครับ” สองหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกัน

รุ่งเปิดประตูรถ  ทั้งสองก้าวลงจากรถ แล้วปิดประตู  รถเคลื่อนออกไปทันที

รุ่งมองหน้าวิทย์ “มึงยังไม่ได้บอกเค้าใช่มั้ย ? ”
วิทย์ขมวดคิ้ว “บอกอะไรวะ ? ”
รุ่งเพยิดหน้า “มึงลืมแล้ว มึงยังไม่ได้บอกเค้าว่ากูไม่ได้จะจีบฝนใช่มั้ย ? ”

วิทย์ทำตาโต ไม่ต้องสงสัย เขาลืมเสียสนิทใจจริง ๆ

รุ่งเห็นสีหน้าเพื่อนรัก ก็ไม่ต้องรอคำตอบ เขาหันหลังแล้วเดินออกมาทันที

วิทย์ตะโกนไล่หลัง “เออ… เฮ่ย โทษทีว่ะ รุ่ง กูลืม แต่ไม่เป็นไร กูบอกเค้าแน่ เฮ่ย เดินรอก่อนซีวะ มึงโกรธเหรอวะ ? "

รุ่งอมยิ้ม "ปล่าว วันนี้วันของมึง ไอ้ซ่ง กูยกให้มึงวันนึง แต่ครั้งหน้า ถ้ากูเจอยิ้มอีกแล้วรู้ว่ามึงยังไม่ได้เล่าให้เค้าฟัง...."

รุ่งหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นี้ คิดว่าเพื่อนรักคงเข้าใจ

********************************************************************************

โตโยต้าสีเขียวพาสองสาววิ่งบนถนนลาดพร้าว  จุดมุ่งหมายคือบ้านยิ้ม


“ฉันว่า ทั้งคู่นี้ก็ตลกดีเนอะ ดูจริงใจดี” ยิ้มพูดขึ้น

ฝนถอนหายใจ
“ฉันว่า นายนั่นน่ะกวนไปหน่อย ทะลึ่งเกินไป”

ยิ้มรู้ทันทีว่าเพื่อนหมายถึงใคร
“รุ่งน่ะเหรอ แหม ธรรมชาติของเขาน่ะ บุคลิกคนเราไม่เหมือนกันหรอก แต่ดู ๆ เขาก็ง่าย ๆ ไม่เรื่องมากน่ะ ออกจะเฮฮา เบาสมองด้วยซ้ำ”

โชเฟอร์รับฟัง ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

“นึกถึงเรื่องถ้วยตวงนั่น ยังขำไม่หายเลย” ยิ้มพูดไปหัวเราะไป
" … ฮิ ๆ   นี่ เธอว่า รุ่งเค้ากวนมากเลยเหรอ ? ”
ยิ้มถามเพื่อนอีกครั้ง

ฝนหันมามองหน้า
“เธอถามทำไม ?”

การสนทนาเงียบไปซักพัก

“ทั้งพี่ทั้งน้อง นิสัยแย่พอกัน”  ฝนพูดขึ้นมา หลังจากนิ่งเงียบไปซักพัก 

เธอหมายถึงรุ่งกับจ๊อด...สายเลือดเดียวกัน ก็คงมีอะไร ๆ ไม่แตกต่างกันมากนักหรอก … 

เธอเปิดไฟเลี้ยว ชะลอรถ เพื่อเลี้ยวเข้าซอย 

ในใจยังนึกถึงรสชาติอาหารเหนือที่ร้าน เธอคงต้องหาโอกาสพาคนที่บ้านมาทานอีกในเร็ว ๆ นี้

__________________________________________________________________________________________

โดย วีรยาติ

<อ่านหน้าแรก

กลับขึ้นด้านบน

นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก เปิดให้จองแล้ว กดที่นี่

 

อ่านตอนต่อไป
อ่านตอนอื่น

1. สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

2. แสดงความคิดเห็น หรือ โหวต

- ชอบตัวละคร ขอเชิญโหวตได้ที่นี่

- อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่

เชิญเยี่ยม Facebook หมอเถื่อน

(ให้กำลังใจโดยเข้าไป แล้วกด Like หรือ เขียนคำวิจารณ์)