ตอน 53 หน้า 2/3

ลาบวช

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

ก่อนจะงับช้อนคำสุดท้าย รุ่งพยักหน้าเพื่อยืนยันกับตัวเองอีกครั้งว่า อาหารที่อร่อยที่สุดในแกแลคซี่นี้ สำหรับเขา คือ แกงเขียวหวานฟัก !

ขนมจีนคำสุดท้ายผ่านพ้นไป พร้อมกับเอนโดรฟีนที่หลั่งอย่างท่วมท้นจากการทานอาหารระดับจักรวาล

เขาจัดแจงเก็บจานชามบนโต๊ะ เดินลากขาเข้าห้องครัว ล้างจาน แล้วกลับมาเช็ดโต๊ะ

เวลายามบ่ายที่เย็นสบาย จิตใจที่ผ่อนคลายด้วยความอิ่ม เริ่มก่อตัวเป็นสมาธิเล็ก ๆ

รุ่งนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก ค่อย ๆ นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

คุณพ่อห่างจากเขาไปแค่กาย แต่ทิ้งสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตให้กับเขา... กล่องอาร์เอ็มเอ

หนังสือธรรมะเล่มแรกในชีวิต ที่เขาสามารถอ่านแล้วเข้าใจได้ มาจากกล่องอาร์เอ็มเอนั้น

หนังสือธรรมะของหลวงพ่อ ...ธรรมะจากพระสงฆ์ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางมนุษย์กว่าห้าพันล้านในโลกใบนี้ ที่สยบ และ กำราบจิตวิญญาณของเขาได้อย่างราบคาบ

หลวงพ่อ คือ หนึ่งที่ไม่มีวันเป็นสอง ในจิตวิญญาณของเขา

หลวงพ่อ ฯ

สมุดบันทึกลายมือของคุณพ่อ ....วิชามโนมยิทธิ เรื่องราวของผู้คนในโยนกนคร วิชาถามไพร นักรบที่ชื่อสิงห์ ... ทุกอย่างที่อยู่ในบันทึกเล่มนั้น คือ สิ่งที่คุณพ่อต้องการสื่อสารกับตัวเขา

เป็นเพราะเขาเป็นคนโง่เกินไป ถึงเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ในบันทึก ให้เข้ากับความจริงไม่ได้

หรือว่า

เป็นเพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น จำเป็นต้องรอเวลาที่จะแสดงตน

หรือว่า

เป็นตัวเขาเอง ที่จะต้องเริ่มต้นปฏิบัติอะไรบางอย่าง เพื่อจะค้นพบความหมายของบันทึกเล่มนั้น แต่เขายังไม่ได้เริ่มสักที

หรือว่า

ที่แท้แล้ว มันก็เป็นเพียงแค่บันทึกเล่มหนึ่ง ที่ไม่มีความหมายอะไรซ่อนอยู่ในนั้น มากไปกว่า เป็นอุปกรณ์เพื่อระลึกถึงใครคนหนึ่งที่เคยผูกพัน ?

**********************************************************************************************

บ่ายสองโมงกว่า... รถวีโก้สีดำ เลี้ยวเข้ามาในซอย

รถยนต์ขับแซงชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถือถุงพลาสติค เดินอยู่ในเลนรถฝั่งตรงข้าม

สิงห์ต้าลู่หันหลังขวับ

"หยุดก่อน วินัย จอดรถข้างทาง ตรงนี้"

แอนดี้ชี้มือไปข้างหน้า

กระบะถูกเทียบเข้าจอดชิดกำแพงบ้านหลังหนึ่ง

แอนดี้หันหลังกลับไปมองชายหนุ่ม ใส่เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงสี่ส่วนสีดำ ใส่รองเท้าแตะ มือถือถุงพลาสติค ค่อย ๆ เดินลากขาทีละก้าวท่ามกลางแดดจ้าในวันฟ้าเปิด

ขาซ้ายเขาก้าวได้อย่างปกติ แต่เมื่อเขาก้าวขาขวา รองเท้าแตะก็จะถูกลากกับพื้นคอนกรีตของถนนเสียงดังครืด ถุงพลาสติคที่ถืออยู่กระเพื่อมแกว่งไปตามแรงขาลาก หน้าตาของเขาไม่มีร่องรอยของความทุกข์ใด ๆ สายตายังสอดส่ายมองไปยังต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง

เสียงครืดของรองเท้าเป็นระยะ ๆ ดังใกล้เข้ามา ชายหนุ่มขาเป๋กำลังเดินผ่านรถกระบะที่ติดฟิล์มดำ

ในถุงพลาสติคมีน้ำอัดลมรูทเบียร์กระป๋อง แอนดี้มองเห็นได้ชัดรูทเบียร์กระป๋อง

วินัยมองตามไปที่ชายขาเป๋

เขาหยุดยืนอยู่หน้าถังขยะของสวนสาธารณะ หยิบรูทเบียร์กระป๋องมาจากถุงพลาสติค ทิ้งถุงลงใส่ถังขยะ ยกกระป๋องขึ้นเช็ดกับชายเสื้อ เปิดกระป๋องน้ำอัดลม แล้วดื่มอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่จะก้าวเท้า ลากขาเดินต่อไป

เสียงครืดของรองเท้าเริ่มดังห่างออกไป ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินลากขาไกลออกไปเรื่อย ๆ

แอนดี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ

"วินัย ดับเครื่องรอผมตรงนี้ก่อน"

เขาเปิดประตู เดินลงจากรถ แล้วข้ามถนน ตรงมาที่สวนสาธารณะ

กลางสวนสาธารณะมีเก้าอี้ม้าหินตั้งอยู่สี่ห้าตัว แอนดี้เดินมาถึงม้าหิน เขาหันหลังกลับไปมอง มุมนี้เป็นจุดที่ต้นปาล์มบังรถกระบะได้สนิท

สิงห์ต้าลู่นั่งลงบนม้าหิน

แล้ว น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา

ภาพที่เด็กหนุ่มคนนั้น เดินลากขาด้วยความลำบาก ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจ้า เพื่อออกมาซื้อน้ำอัดลมกระป๋อง แววตาที่ไม่มีวี่แววของความทุกข์ สีหน้าที่ไม่ได้บอกว่ารู้สึกเสียใจกับสภาพร่างกายที่เป็นอยู่... ภาพนี้คงติดตาเขาไปอีกนานแสนนาน

น้ำตาค่อย ๆ ร่วงลงมาบนตัก

แอนดี้หลับตา

ภาพของสาวโยนกผมสั้นเต่อ กำลังปั้นข้าวเหนียวด้วยมือข้างเดียว ปรากฏขึ้นในความทรงจำ

เธอป้อนข้าวเหนียวใส่ปากตัวเองแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งถือผ้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดกดปิดปากแผลที่หน้าแข้งตัว เองไว้

เสียงทหารลั๊วะตะโกนกันโหวกเหวก

แอนดี้ลืมตาขึ้น

น้องคนนี้ยังนำเลือดนักสู้ และ ความรักที่มีต่อพี่ชาย ติดตามข้ามภพมาอย่างครบถ้วน

ตัวเขาเองมีค่าอะไรที่สมควรกับการเสียสละของน้องชายคนนี้ ?

******************************************************************************************************************

'ติ๊งต่อง' เสียงออดประตูดังขึ้น

รุ่งอยู่ในห้องรับแขก ชะเง้อหน้ามองมายังรั้วประตูบ้าน

เขาแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก ที่เห็นเหล่าซือแอนดี้ยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้ว

เจ้าของบ้านเดินลากขาออกมาที่ประตูรั้ว

"เหล่าซือแอนดี้ สวัสดีครับ มาถึงที่นี่ได้ยังไงครับ ?" เขาพูดพลางยกมือไหว้

แอนดี้ยกมือรับไหว้

"มาได้สิ ถ้าผมต้องการมาซะอย่าง จะมีอะไรห้ามได้เหรอ ?"

รุ่งหัวเราะ เขายังมีสีหน้าประหลาดใจขณะที่เปิดประตูรั้ว

แอนดี้ก้มลงหยิบถุงของฝากแล้วเดินผ่านประตูรั้วเข้ามา

"ผมมีของมาฝากรุ่ง เดี๋ยวผมถือเข้าไปให้ในบ้านดีกว่า"

รุ่งเดินนำแขกเข้ามาในห้องรับแขก แล้วผายมือไปที่โซฟา

"ฉิ่งจั้ว เปี๋ยเค่อชี่เลอ (เชิญนั่ง ไม่ต้องเกรงใจ)"

แอนดี้หัวเราะ

"อ้า.. หนี่เจิ่นเมอฮุ่ยเจี่ยงจงเหวิน ? (ทำไมเธอถึงพูดภาษาจีนได้ ?)"

"อี้เตี๋ยนเตี่ยน หว่อป้าปะเจียวหว่อ ตังหว่อเสี่ยวเตอสือโฮ่ว (พูดได้นิดหน่อย พ่อของฉันเคยสอนฉันสมัยเมื่อยังเด็ก)"

แอนดี้พยักหน้า เขาทรุดตัวลงนั่ง

"โอ... เห่าลี่ไฮ่อา (เก่งจัง) สำเนียงดีด้วยนะ"

"เหรอครับ ผมก็ได้แต่สำเนียงแหละ คำศัพท์ลืมไปหมดแล้วครับ"

"ทำไมพ่อรุ่งถึงสอนภาษาจีนกลางล่ะ ? จำเป็นต้องติดต่อกับคนจีนเหรอ ?"

"พ่อเคยไปเมืองจีนบ่อยครับ ไปทำธุระ อาการเหล่าซือดีขึ้นมากเลยใช่มั้ยครับ ? ดูวันนี้ไม่ค่อยเหมือนคนป่วยแล้ว"

เหล่าซือพยักหน้า

"ดีขึ้นมาก เพราะได้หมอเก่ง"

รุ่งทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้โซฟาฝั่งตรงข้าม

"ทอมเค้าเก่งครับ ฝีมือการใช้ลูกดิ่งของเค้านี่ จัดว่าแม่นมาก ผมเห็นเหล่าซือหน้าประตูก็ตกใจ อาทิตย์ที่แล้วยังนอนป่วยอยู่ วันนี้มาโผล่หน้าบ้านผมแล้ว"

แอนดี้หัวเราะ

"รุ่ง ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกผมว่าเหล่าซือนะ เรียกผมว่า พี่ดีกว่า"

รุ่งยิ้ม

"หว่ออิงไกเจี้ยวหนี่ 'ต้าเกอ' มา ? (จะให้ผมเรียกว่าพี่ใหญ่มั้ยครับ ?)"

พี่ใหญ่หัวเราะชอบใจ

"ห่าวอา... เจี้ยวหว่อต้าเกอจุ้ยเห่าเลอ ทิงหนี่ซัวเลอเหิ่นเกาซิ่ง หว่อซีวั่งหนี่หยงเหยี่ยนปู้ฮุ่ยตุ้ยหว่อ..."

รุ่งยกมือห้าม

"พอ ๆ ก่อนครับ ผมฟังไม่รู้เรื่องแล้วครับ"

แอนดี้หัวเราะ

"เรียกผมว่าพี่ก็พอ เรียกเหล่าซือเหมือนกับคนห่างไกลเกินไป"

"ครับ พี่แอนดี้"

"พี่มาที่นี่เพื่อลารุ่ง"

"ลาผม ? ลาไปไหนเหรอครับ ?"

"พี่จะไปบวช ที่ต่างจังหวัด ก็เลยมาลา"

รุ่งยกมือขึ้นพนม

"โอ... ผมโมทนาบุญด้วยครับ ดีจังเลย เป็นข่าวดี ความจริงพี่ไม่ต้องลาผมก็ได้ครับ ผมหมายถึง ลาบวชนี่เขาลากันแต่ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เค้าไม่ลาเด็กกันหรอกครับ"

แอนดี้สั่นหัว

"มันไม่ใช่ลาเด็กหรอก รุ่งมีบุญคุณต่อพี่ เพราะสิ่งที่รุ่งช่วยพี่ไว้ ทำให้พี่ตัดสินใจบวชในครั้งนี้ พี่อยากจะมาบอกข่าวนี้ให้รุ่งดีใจ"

รุ่งขมวดคิ้ว

"สิ่งที่ผมทำให้พี่เหรอ ? สิ่งไหนครับ ?"

"ตั้งแต่ครั้งแรกที่รุ่งเจอพี่ พี่นอนป่วยอยู่ รุ่งเข้ามาช่วยนวดหลังให้พี่ ชงน้ำมะนาวให้กิน แล้วพูดถึงเรื่องศาสนาพุทธ จำได้มั้ย ?"

รุ่งมีสีหน้าประหลาดใจ

"จำได้สิครับ แต่พี่แอนดี้สิ พี่จำได้เหรอครับ ? เพราะตอนนั้น พี่เพ้อถึงคนชื่ออาหลง เหมือนกับสติพี่เริ่มจะลาง ๆ ไปแล้ว บางทีพี่ก็พูดภาษาจีนกลาง แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นภาษาไทย"

"บอกตรง ๆ นะ พี่จำไม่ได้"

"อ้าว !"

แอนดี้หัวเราะ

"พี่จำไม่ได้หรอกว่าเป็นรุ่ง แต่มีคนบอกพี่ว่าเป็นรุ่ง พี่จำได้แต่ว่าเราได้คุยอะไรกัน แต่จำภาพไม่ค่อยได้ มันเลือนลางมาก"

"ใครบอกพี่ว่าเป็นผมเหรอครับ ? น้องวิ ?"

แอนดี้สั่นหัว หากเขาบอกรุ่งว่าเทวดาชั้นพรหมองค์หนึ่งเป็นคนเล่าเรื่องราววันนั้นให้เขาฟัง รุ่งคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน

"เอาเป็นว่า มีคนบอกแล้วกัน รุ่งยังจำเรื่องที่คุยกันวันนั้นได้มั้ย ?"

รุ่งขมวดคิ้ว แล้วระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

"พี่แอนดี้เพ้อ พูดถึงเรื่องหนังสือธรรมะที่ยังไม่ได้อ่าน แล้วถามผมเรื่องพระพุทธเจ้า ผมก็ตอบไป แต่ผมตอบอะไรไปก็จำไม่ได้แล้วครับ"

แอนดี้พยักหน้าช้า

"รุ่งตอบว่า พระพุทธเจ้าสอนเรื่องกฏแห่งกรรม หากเรารู้จักกฏแห่งกรรม เราจะรู้วิธีการชดใช้กรรมนั้นได้ ทำให้ความเสียหายน้อยกว่าการรอเขามาทวง"

รุ่งจ้องหน้าแอนดี้

"พี่แอนดี้จำได้ดีขนาดนี้เลยเหรอ ? ตอนนั้นผมคิดว่าผมกำลังพูดอยู่กับคนที่กำลังเมาขนาดหนัก ไม่น่าจะจำอะไรได้เลย"

แอนดี้พยักหน้าซ้ำ

"จำได้หมด พี่อยากให้รุ่งรู้ว่า สิ่งที่รุ่งได้พูดให้พี่ได้ยินวันนั้น มันมีค่ามาก คำว่าพระพุทธเจ้าที่พี่ได้ยินจากปากรุ่งในวันนั้น มันช่วยชีวิตพี่ไว้ ไม่อย่างนั้น ป่านนี้พี่คงกลายเป็นผีเร่ร่อนไปแล้ว"

รุ่งทำท่าตกใจ

"ผีเร่ร่อน ? พี่แอนดี้ยังไม่ตาย จะเป็นผีได้ยังไงครับ ?"

"พี่ก็ไม่รู้ว่า จะเรียกว่าตายได้มั้ย แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น พี่ป่วยหนักมากจนจิตหลุดจากตัวออกมา แล้วก็กลับไประลึกชาติได้"

ขนของรุ่งตั้งแต่แขนไปถึงหัว ลุกชันในทันที เขาใช้สองมือลูบแขนไปมา

"พี่แอนดี้ระลึกชาติ ?"

"ใช่ พี่ย้อนกลับไปในสมัยโยนก"

"สมัยโยนก ?" ขนศรีษะของรุ่งลุกชันอีกครั้ง "พี่แอนดี้ ผมขนลุกหมดทั้งตัวแล้วนี่ พี่รู้หรือเปล่า ว่าผมมีบันทึกของพ่อผม ได้พูดถึงเรื่องการระลึกชาติกลับไปสมัยโยนก ?"

แอนดี้พยักหน้า

"ญาเล่าให้ฟังบ้างแล้ว นี่เป็นเรื่องที่พี่อยากรู้มากเหมือนกัน พี่กับพ่อของรุ่ง ต้องมีอะไรเกี่ยวพันกันแน่นอน แต่ที่มากไปกว่านั้น รุ่งรู้มั้ยว่า ญาก็เกี่ยวข้องด้วย ?"

ตาของรุ่งเบิกโต เขาถามกลับด้วยเสียงดังกึ่งตะโกน

"ทอมก็เกี่ยวด้วย เกี่ยวยังไงครับ ?"

แอนดี้กลับชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่า เขากำลังจะทำผิดสัญญาที่ให้ไว้กับท่านลุง เขาไม่สามารถจะเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการระลึกชาติให้กับผู้ใดฟังได้เป็นอันขาด

รุ่งถามซ้ำ

"ทอมเกี่ยวยังไงครับ พี่แอนดี้ ?"

"ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา พี่คงเล่าอะไรให้รุ่งฟังไม่ได้"

"ถึงเวลาอะไรครับ ?"

"พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ขอให้รุ่งเชื่อพี่เถอะ ถ้าถึงวันนั้นเมื่อไหร่ วันที่พี่สามารถเล่าได้ว่าอะไรเป็นอะไร พี่จะเล่าให้รุ่งฟัง บอกรุ่งได้แค่นี้ รุ่งจะเชื่อใจพี่ได้มั้ย ?"

รุ่งพยักหน้า

"เชื่อครับ ตอนนี้ ในโลกนี้ นอกจากแม่ผมแล้ว คนที่ผมเชื่อรองจากแม่ ก็คือ พี่แอนดี้"

แอนดี้ประหลาดใจที่ได้ยินคำนี้

"หือ ? ขนาดนั้นเลยเหรอ ?"

รุ่งพยักหน้าช้า ๆ

"ครับ เพราะพี่คือสิงห์ !" แอนดี้

แอนดี้จ้องหน้ารุ่ง

เขาพูดต่อ

"สิงห์คือคนที่ผมชื่นชมยกย่องมาตลอดหลายปี ตั้งแต่อ่านบันทึกนั้น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าเขามีตัวตนจริงในอดีตหรือไม่ แต่สิงห์ก็เข้ามาเยี่ยมผม ให้กำลังใจผมในความฝัน สิงห์คือคนที่จะเชื่อมผมกลับไปหาพ่อผมได้ เพราะสิงห์ คือ คนที่ผูกพันกับพ่อผม แล้ววันนี้ ผมรู้แล้วว่าสิงห์มีตัวตนจริง วันนี้สิงห์มาอยู่ต่อหน้าผมตอนนี้ ถ้าผมไม่เชื่อใจในตัวสิงห์ ยังจะเหลือใครให้ผมเชื่ออีกเหรอครับ ?"

แอนดี้รู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่น้องชายคนนี้พูด

"ขอบคุณนะรุ่ง ที่เชื่อใจพี่"

"เพียงแต่ ผมไม่รู้ว่าผมเคยผูกพันกับสิงห์มาก่อนหรือไม่ ? ในอดีต ผมเคยได้มีโอกาสรู้จักคนที่มีความสามารถ กล้าหาญ เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่แบบสิงห์หรือเปล่า ? ถ้าผมมีบุญขนาดนั้น... เกิดมาชาตินั้น คงไม่เสียชาติเกิด"

แอนดี้สูดหายใจลึก ๆ เขาไม่เคยรู้จักความรู้สึกนี้มาก่อน อย่างน้อยก็ในชาตินี้ ความรู้สึกที่ได้ยินคนชื่นชมในตัวเขาต่อหน้า มันเหมือนกับการเพิ่มพลังชีวิตให้กับเขาอย่างมหาศาลเพียงแค่ไม่กี่วินาที

"รุ่ง เป็นได้มากกว่าที่รุ่งเคยคิดว่ารุ่งจะเป็น พี่บอกได้แค่นี้"

รุ่งมองหน้าแอนดี้ น้ำตาเริ่มคลอ

"ขอบคุณครับพี่แอนดี้ ขอบคุณที่มาที่นี่วันนี้ วันที่ผมต้องการอะไรประมาณนี้พอดี"

สิงห์ต้าลู่ไม่อยากเห็นน้ำตาหลั่งออกมาจากเบ้าตาของน้องชาย เขาเริ่มเปลี่ยนเรื่องทันที

"พี่ซื้อของฝากนี้มาให้รุ่ง จะได้ไม่ต้องเดินออกไปซื้อให้ลำบาก"

แอนดี้หยิบถุงของฝาก ยกขึ้นมาวางบนโต๊ะรับแขก

รุ่งยกมือไหว้

"ขอบคุณครับ อะไรเหรอครับ ?"

เขาชะโงกหน้าดูในถุง

... รูทเบียร์กระป๋อง จำนวน 2 โหล...

"รูทเบียร์ ?" เขาอุทานพร้อมหัวเราะ

"นี่ผมเพิ่งเดินไปหน้าปากซอยซื้อรูทเบียร์มากิน ตลกดี อยู่ดี ๆ พี่แอนดี้ก็ซื้อมาฝาก"

"ยังมีของฝากอื่นอีกนะรุ่ง แต่ไม่ใช่ของพี่ เป็นของพระนาง"

รุ่งขมวดคิ้ว

"พระนาง ?"

"พระนางฝากให้พี่มาบอกวิธีรักษาอาการ รุ่งต้องเสียสละวิชาเพื่อรักษากระดูกไว้ รุ่งจะทำได้มั้ย ?"

รุ่งนึกถึงคำแนะนำของพระนางเมื่อวันนั้น เขายังจำได้ดี

"ครับ ไม่ว่าอะไรผมก็คงต้องทำได้ ผมไม่อยากให้แม่ต้องลำบากที่ต้องเห็นผมในสภาพนี้ พระนางแนะนำให้ผมทำยังไงครับ ?"

"รุ่งต้องเลิกใช้วิชาลูกดิ่ง เอาลูกดิ่งที่มีอยู่มาห่อผ้าขาว แล้วผูกด้วยด้าย ตั้งจิตอธิษฐานกับเทวดา ขอให้เทวดารับรู้ว่า รุ่งขอร้างราวิชาลูกดิ่งนี้ แล้วเก็บห่อลูกดิ่งนี้ไว้ อย่าเปิดออกมาใช้อีกเด็ดขาด รุ่งมีลูกดิ่งกี่ลูกล่ะ ?"

"ผมมีสามลูก แต่แตกไปแล้วลูกนึง เหลืออีกสองลูกครับ"

"อือ... นั่นแหละ ห่อผ้าขาวไว้ทั้งสองลูกเลย เรื่องต่อมา รุ่งต้องใช้เวลาฝึกสมาธิเพื่อปรับธาตุ วันละอย่างน้อยสิบห้านาที ทุกวัน แต่เดี๋ยวหาที่โล่ง พี่จะนั่งกับพื้นแล้วทำท่าให้รุ่งดู มันเหมือนเป็นท่าบริหารที่จะจัดเรียงกระดูกประกอบกับทำสมาธิไปด้วย"

รุ่งพยักหน้า

"ได้ครับ เดี๋ยวผมหาที่ให้"

รุ่งเดินลากขา พาแขกเข้าไปในห้องนอนของเขาที่อยู่ติดโรงจอดรถ

สองหนุ่มยืนที่กลางห้อง แอนดี้ยืนข้างหลังรุ่ง

"ท่านี้ท่านบอกให้พี่ทำให้รุ่ง รุ่งยืนถ่างขาออกมาอีกนิดนึง"

คนไข้ทำตามที่ได้ยิน แอนดี้เข้ามายืนเกือบชิดข้างหลัง แล้วยื่นขาข้างหนึ่งมาเกี่ยวขัดขารุ่งไว้

"ทำตัวสบาย ๆ อย่าเกร็งนะ ยื่นแขนออกไปข้างหน้า"

สิงห์ต้าลู่ยกมืออ้อมไปผลักไหล่ มืออีกข้างดึงปลายแขนมาในฝั่งตรงข้ามอย่างเร็ว

เสียง 'กร๊วบ' ดังขึ้นที่กระดูกสันหลัง ทั้งคู่ได้ยินชัดเจน

รุ่งหัวเราะเสียงดัง

"โห.... กระดูกลั่นเสียงดังเลย"

แอนดี้ปล่อยขาที่รัดไว้ เขยิบตัวมายืนอีกด้าน ยื่นขาไปขัดไว้ แล้วใช้มือดันไหล่ กระชากปลายแขนไปอีกข้าง

เสียง 'กร๊วบ' ดังลั้นที่กลางหลังอีกครั้ง

รุ่งหัวเราะอีก

"ซือก้อย..."

หมอเถื่อนจำเป็น คลายขาที่ขัดจากคนไข้ ออกมา

รุ่งลองบิดเอวไปมาเบา ๆ เขาทำตาโต

"โล่งขึ้นเยอะเลย พี่แอนดี้"

เขาลองเดินก้าวขา ขาขวาสามารถยกได้สูงจนเกือบเป็นปกติ ความรู้สึกเจ็บที่กระดูกเอวด้านหลังลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

จิตใจที่พองโตส่งรอยยิ้มมาปรากฏบนใบหน้าของคนไข้

แอนดี้จัดแจงสาธิตท่าบำบัดกระดูกต่อ

รุ่งนั่งฟังที่ปลายเตียงอย่างตั้งใจ สติมีสมาธิตั้งมั่นจนลืมหมดสิ้นว่า เมื่อเช้านี้ เขายังจิตตกกับอาการที่กระดูกหลังอยู่

แขกผู้มาเยือน นั่งลงบนพื้นห้อง เหยียดขาตรงไปข้างหน้า แล้วก้มหน้าโน้มตัว พยายามเหยียดปลายนิ้วมือไปให้ถึงปลายนิ้วเท้า

"รุ่งต้องพยายามทำท่านี้ให้ได้ ค่อย ๆ ทำไป ท่านบอกว่าท่านี้จะช่วยเรื่องเส้นที่กระดูกหลัง แล้วก็เส้นที่โคนขา"

"ครับ"

"ท่าต่อมา ให้ทำแบบนี้"

แอนดี้เปลี่ยนท่า งอเข่ากลับเข้ามาคล้ายกับการนั่งขัดสมาธิ แต่ขาสองข้างไม่ทับกัน

"นั่งยังงี้นะรุ่ง ขาไม่ทับกัน พยายามยืดหลังให้ตรง แล้วชูมือขึ้น แขนแนบหูให้ได้ แล้วค่อย ๆ ก้มหน้าผากลงมาให้จรดพื้นให้ได้"

"ครับ จำได้ครับ"

แอนดี้พยักหน้าให้กับตัวเอง เป็นอันหมดท่าที่เขาต้องอธิบายแล้ว

หมอเถื่อนจำเป็นลุกขึ้นยืน ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น ยื่นให้รุ่ง

"นี่เป็นวิธีการฝึกสมาธิ หายใจออกทวารทั้งห้า พี่จดมาตามที่พระนางบอก ขอให้รุ่งทำตามนี้ หากรุ่งสงสัย ขอให้โทรถามคุณนงนะ"

รุ่งรับกระดาษ

"ขอบคุณพี่แอนดี้มาก พี่ทำได้ยังไง ? พี่เรียนรู้แล้วจำท่าพวกนี้ได้จากพระนางเหรอครับ ?"

แอนดี้พยักหน้า

รุ่งยังไม่หายสงสัย

"แล้วพี่ได้ลองทำกับใครมาก่อน พี่ถึงมาทำให้ผมได้"

"พี่ลองกับวินัย คนขับรถน่ะ พระนางสอนพี่ให้ลองทำให้วินัย พี่ก็ทำได้"

"พี่แอนดี้เก่งมาก ท่านี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พี่ทำเหมือนกับเชี่ยวชาญมาเล้วเลย"

เขาลุกขึ้นยืน แล้วยกมือไหว้

"ขอบคุณมากครับ"

แอนดี้เอื้อมมือมาจับที่ไหล่รุ่ง

"รุ่ง มือหนึ่งกดผ้าพันแผลตัวเองที่ขา มืออีกข้างหนึ่งทำแผลให้คนอื่น แล้วมือข้างที่ทำแผลนั้น ก็หยิบข้าวเหนียวใส่ปากให้คนไข้ด้วย ใส่ปากตัวเองด้วย แล้วมือข้างเดียวกันนั้น ก็หยิบสมุนไพรเข้าปากตัวเอง เคี้ยว แล้วพ่นใส่มือ ละเลงเป็นยาโปะแผลให้คนอื่น มืออีกข้างก็ต้องกดผ้าพันแผลตัวเองให้แน่นตลอดเวลา ไม่ให้เลือดซึมออกมา ขาข้างหนึ่งต้องยันกับผนังเกวียนเพื่อทรงตัวเองไม่ให้ล้มไปทับคนไข้..."

รุ่งจินตนาการตาม คงเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายน่าดู

"... อวัยวะทุกส่วนของคนคนนี้ ประสานกันได้อย่างลงตัวที่สุด เพื่อช่วยชีวิตคนไข้ รุ่งเคยเห็นใครทำอะไรได้อย่างนี้มาก่อนมั้ย ?"

"มือนึงกดแผลตัวเอง อีกมือต้องทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง ทั้งรักษาคนไข้ ทั้งป้อนข้าวให้ด้วย แล้วเท้ายังต้องยันเกวียน เค้าต้องเป็นนักกายกรรมแน่ ๆ"

แอนดี้เขย่าบ่ารุ่งเบา ๆ

"รุ่งคือคนคนนั้น !"

รุ่งยืนงง ไม่มีคำพูดใด ๆ จากปากเขา

"พี่อยากให้รุ่งรู้ว่า รุ่งมีพลังในตัว พลังชีวิตของรุ่งนั้น มันติดมาข้ามชาติ ไม่ว่ารุ่งจะเจอกับอุปสรรคอะไรในชีวิต พลังที่สะสมมา ไม่ได้หายไปไหน ถ้าอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของรุ่ง มีไว้เพื่อรักษาคนป่วย ถึงเวลา มันก็จะประสานกัน ทำงานสอดคล้องกันเพื่อคนป่วย รุ่งสะสมมาอย่างนั้น รุ่งก็จะได้สิ่งที่สะสมคืนมาใช้ ในเวลาที่จำเป็น"

ทุกคำพูดของสิงห์ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขา บันทึกอยู่ในสมองรุ่งทั้งหมด เขายกมือไหว้แอนดี้อีกครั้ง

"พี่คงต้องไปก่อนนะ เย็นนี้นัดกับน้องสาวไว้ว่าจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน"

รุ่งพยักหน้า

เจ้าของบ้าน เดินในท่าทีที่คล่องตัวมากขึ้น อาการกะเผลกลดลงจนเหลือแค่อาการติดขัดเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อก้าวขาขวาเท่านั้น

รุ่งเดินมาส่งแอนดี้ที่ประตูรั้ว

"พี่แอนดี้จะบวชนานเท่าไหร่ครับ ?"

แอนดี้ยิ้ม

"ถ้าถามพี่ตอนนี้ พี่อยากบวชตลอดชีวิต สิ่งที่อยากเรียนรู้ มีเยอะมาก แต่เวลามีน้อย"

"ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว พี่จะเล่าให้ผมฟังใช่มั้ยครับ ?"

แอนดี้รู้ทันทีว่ารุ่งหมายถึงอะไร

"ใช่ พี่จะเล่าให้รุ่งฟัง"

รุ่งพยักหน้ารับคำ

เจ้าของบ้านยกมือไหว้ลาอีกครั้ง พร้อมกับพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

"ขอบคุณที่พี่มีตัวตน"

แอนดี้หัวเราะ

"ขอบคุณ ที่รุ่งมีตัวตนเหมือนกัน"

พลังชีวิต !... หากมีจริงตามที่พี่ชายคนนี้บอก

พลังชีวิตที่เขาเพิ่งได้มาใหม่ในวันนี้ ก็คงมาจากการได้รับรู้ว่า สิงห์นั้นมีตัวตนอยู่จริง ณ ปัจจุบัน

เวลานั้น...เวลาที่เหมาะสม... ไม่ว่าจะอีกนานเท่าไหร่ ไม่ใช่ปัญหา

เพราะเขาได้คุ้นเคยเสียแล้ว กับชีวิตที่ใช้เพื่อรอ... เวลา

************************************************************************************************************

1 < อ่านหน้า > 3
นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก เปิดให้จองแล้ว กดที่นี่