ตอน 47 (หน้า3)

เกลียดพ่อ

ภาพที่เขาจบมัธยมปลายเข้ามาแทนที่ ต่อด้วยภาพเหตุการณ์ที่กำลังตัดสินใจว่าจะเรียนต่อในประเทศ หรือ ต่างประเทศ ภาพจิตใจที่สับสนวุ่นวาย ยึดติดกับอดีตเดิม ๆ ไม่คบเพื่อนใหม่ ๆ และ ต่อต้านสังคม

ภาพเหตุการณ์ต่อจากนั้น เรียงกันเข้ามาเหมือนกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

แล้วภาพก็มาหยุดอยู่ที่....

รองเท้าผ้าใบไนกี้สีฟ้า ถุงเท้าขาว กับ ขาที่เรียวยาว

ผิวสองสีค่อนข้างคล้ำ แต่เรียบนวล

กางเกงกีฬาขาสั้นสีขาว เสื้อยืดกีฬา หมวกแก๊ปสีน้ำเงิน
เจีสซี่

เมื่อสมาธิได้ดิ่งลึกไปนานถึงขนาดนั้น ภาพที่เห็น จึงเหมือนกับตัวเขาถูกดูดเข้าไปอยู่ในอดีต

เขาไม่ได้เห็นภาพรุ่นพี่คนนี้เต็มตัวแบบนี้มานานหลายปีแล้ว ความคิดถึงกลับเข้ามาเขย่าใจเขาอย่างรุนแรง

"พี่เจ๊สซี่ ! I've... I've... I've been missing you..."

ยิ้มแปลกใจทันทีที่ได้ยินเสียงรุ่ง พูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ

วิทย์ตบโต๊ะเบา ๆ

"กูนึกแล้ว ยังไงก็ต้องติดที่คนนี้ ไม่รอด"

ยิ้มหันมาถามวิทย์

"รุ่งพูดภาษาอังกฤษเหรอคะ ? ใช่หรือเปล่า ?"

วิทย์พยักหน้า

"ใช่ ๆ รุ่งมันพูดภาษาอังกฤษ"

"ทำไมต้องพูดภาษาอังกฤษล่ะคะ ?"

รุ่งพูดขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา

"เค้าเป็นคนอเมริกันแต่มีเชื้อไทย"

"มีอะไรที่ติดค้างกับเค้าหรือคะ ?"

รุ่งยังเห็นภาพของสาวนักกีฬาในอิริยาบถต่าง ๆ ที่เขาคุ้นเคย ภาพนั้นชัดเจนยิ่งกว่าการนึกถึงครั้งใด ๆ ที่เคยมีมา เธอถอดหมวกแล้วสะบัดหัวให้ผมที่ถูกม้วนมัดเป็นปมคลายตัวออก ผมสีดำสนิททิ้งตัวลงประบ่า กลิ่นแชมพูสระผมลอยมากระทบจมูกของเขา

"คาโอะ ?"

เธอหรี่ตาข้างหนึ่ง พยักหน้า แล้วยกนิ้วโป้ง

"Sugoi Desu"

รุ่งผงกหัว แล้วพูดทวน

"สุโก้ย เด็ทสึ กัมบั๊ตเตะเนะ เจ๊สซี่เซมไป "

ยิ้มหันมามองหน้าวิทย์ เธอขมวดคิ้ว

"แล้วนี่ภาษาอะไรอีกคะ ?"

วิทย์ตอบทันที

"ญี่ปุ่น สองคนนี้เค้าพูดกันสามภาษา ไทย อังกฤษ แล้วก็ญี่ปุ่น ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น แต่เกิดในอเมริกา"

ยิ้มรู้สึกฉงน

"รุ่งพูดภาษาญี่ปุ่นได้อีกเหรอคะ ? "

"ได้บางคำเท่านั้นแหละ" วิทย์ตอบ

ยิ้มพูดกับรุ่งต่อ

"ผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไรคะ ?"

"ชื่อเจ๊สสิก้า"

"เค้าเป็นอะไรกับรุ่งคะ ?"

"เค้าเป็นพี่ที่มาเข้าโปรแกรมแข่งเทนนิสที่เมืองไทย เป็นแฟนของพี่ที่สนิทกันที่เป็นนักเทนนิสที่เป็นคู่ซ้อม ที่มาจากตัวแทนจะคัดเข้าทีมชาติไทย"

รุ่งเริ่มอธิบายตะกุกตะกัก ไม่ค่อยได้ใจความ

"อือ... ยิ้มฟังไม่รู้เรื่องค่ะ ตกลงว่า รุ่งมีอะไรติดค้างกับพี่คนนี้คะ ?"

รุ่งสั่นหัว

"ไม่มี"

"ไม่มี แล้วทำไมรุ่งมาหยุดที่คนนี้ล่ะ ?"

ภาพที่เขาเห็น คือ สาวนักกีฬากำลังนอนร้องครวญครางบนเตียงพยาบาลในขณะที่เวรเปลกำลังเข็นเธอเข้าไปห้องตรวจโรคฉุกเฉิน

"เค้าปวดท้องมาก เรา พาเค้าไปส่งโรงพยาบาล เค้าเป็นโรคปวดประจำเดือนอย่างหนัก"

"เหรอคะ ? รุ่งติดค้างกับโรคของเค้าเหรอคะ ? รุ่งอยากจะเป็นคนรักษาเค้าให้ได้ เพราะตอนนี้ รุ่งมีวิชาลูกดิ่งแล้ว ใช่มั้ยคะ ?"

รุ่งสั่นหัว

"อือ... ไม่เคยคิดเรื่องนี้เหมือนกัน"

"อ้าว...เหรอคะ ? งั้น มีเรื่องอื่นอะไรที่ติดค้างคะ ? ค่อย ๆ นึกไปเรื่อย ๆ"

วิทย์เขยิบตัวเข้าไปหายิ้ม เขากระซิบที่ข้างหูเธอ

"ผมว่าที่ติดในใจไอ้รุ่ง คือ ถ้ามันไม่ได้เจอพี่คนนี้อีกครั้ง มันจะไม่มีแฟนอีก"

ยิ้มหันมามองหน้าวิทย์ เธอขมวดคิ้วเป็นคำถาม

วิทย์พยักหน้ายืนยัน แล้วกระซิบต่อ

"ใช่นะ ไอ้รุ่งมันเอาพี่คนนี้เป็นต้นแบบ ผู้หญิงคนไหนมันก็เอามาเทียบกับพี่คนนี้ แล้วเทียบยังไงก็ไม่เหมือน มันก็เลยไม่ชอบใครซะเลย"

ยิ้มมองหน้าวิทย์ เธอกระซิบตอบ

"วิทย์มองเพื่อนได้ดีขนาดนั้นเชียว รุ่งเค้าชอบพี่คนนี้เหรอคะ ?"

"ชอบมาก แต่ไม่ได้ชอบแบบเป็นแฟน รุ่งมันชื่นชมเหมือนรุ่นน้องชื่นชมรุ่นพี่"

ยิ้มฟังแล้วพยักหน้า เธอค่อย ๆ ทวนความหมาย

"แปลว่า ถ้าผู้หญิงคนอื่นไม่ดีกว่ารุ่นพี่คนนี้ รุ่งก็คงไม่จีบ เข้าใจละ เดี๋ยวยิ้มจะลองถามดู"

วิทย์สั่นหัว

"ไม่ใช่ ไอ้รุ่งมันไม่ได้เทียบว่าดีกว่าหรือแย่กว่า แต่มันคงอยากได้ที่เหมือนกันเลย"

ยิ้มหัวเราะ

"เหมือนกันเลย ? คนเราจะไปเหมือนกันได้ยังไง ? ถ้าอยากได้เหมือน ไม่ไปจีบต้นแบบซะเลยล่ะ ?"

วิทย์ยักคิ้ว

"นั่นแหละ คิดเหมือนกัน"

ยิ้มสื่อสารกับท่านแม่สักหนึ่งอึดใจ แล้วคำถามก็เข้ามาในจิตเธอ

"รุ่งคะ นึกถึงหน้าของฝนตอนนี้นะคะ"

รุ่งพยักหน้า

ยิ้มพูดต่อ

"ยิ้มจะถามว่า ถ้าฝนชอบรุ่ง รุ่งจะคบฝนเป็นแฟนมั้ยคะ ?"

รุ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง

ยิ้มถามใหม่

"ฝนมีอะไรที่รุ่งไม่ชอบเหรอคะ ?"

"ไม่มี"

"แสดงว่า ชอบ แต่ยังไม่มากพอ ?"

"ก็ชอบนะ ชอบมากกว่าผู้หญิงคนอื่นที่รู้จักในตอนนี้"

"งั้นเอาใหม่ รุ่งคิดตามที่ยิ้มพูดนะคะ นึกถึงตัวของฝน ถ้าฝนมีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไป ทั้งรูปร่างหน้าตา กลายเป็นฝาแฝดกับพี่เจ๊สซี่ เหมือนกันโดยที่แยกไม่ออก แล้วนิสัยก็เหมือนกับพี่เจ๊สซี่ทุกอย่าง บุคลิก ก็เหมือนกับพี่เจ๊สซี่"

รุ่งนึกภาพตาม

"อือ... แต่เค้าไม่ใช่พี่เจ๊สซี่ใช่มั้ย ?"

"ค่ะ ไม่ใช่พี่เจ๊สซี่ แต่มีบุคลิกทุกอย่างเหมือนกันหมดเลย รุ่งจะคบเค้าเป็นแฟนมั้ย ?"

รุ่งพยักหน้า

"ไม่รอดแน่"

"แต่ถ้าเป็นพี่เจ๊สซี่เลยล่ะ ไม่ใช่ฝน รุ่งคบเป็นแฟนได้มั้ยคะ ?"

"ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้คิดแบบนั้นกับเค้า"

ยิ้มพยักหน้ารับรู้ วิทย์กระซิบข้างหูยิ้ม

"เห็นมั้ย เรื่องนี้ติดค้างในใจไอ้รุ่งจริง ขนาดสวยแบบฝนแล้ว รุ่งยังลังเลเลย แต่พอเปลี่ยนบุคลิกเป็นพี่เจ๊สซี่ ไอ้รุ่งกระโดดใส่เลย มันไม่เคยคิดกับพี่เจ๊สซี่แบบแฟน นอกจากเป็นแค่รุ่นพี่ที่มันรักมาก แต่หัวใจมัน ก็ให้เค้าไปด้วย แปลกหรือเปล่า ? "

ยิ้มขมวดคิ้ว

"หัวใจก็ให้ไปด้วย ? อือ... ไม่เข้าใจค่ะ รักแบบไหนกันแน่ ?"

เธอพูดกับรุ่งต่อ

"งั้นรุ่งกลับไปนึกถึงภาพพี่เจ๊สซี่ต่อ มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รุ่งประทับใจในตัวพี่เค้ามากที่สุด ขอให้รุ่งนึกว่า ถ้าเหตุการณ์ไหนประทับใจ ขอให้เห็นภาพนั้น"

แน่นอน.... ภาพอันมากมายผุดขึ้นในจิตของเขา เกือบทุกเหตุการณ์ที่เขาได้อยู่ร่วมกับนักเทนนิสสาวคนนี้ เป็นที่ประทับใจทั้งสิ้น

"เยอะมากเลย ยิ้ม เราพาเค้าไปเที่ยว เค้าสอนภาษาญี่ปุ่นให้เรา เค้าสอนภาษาอังกฤษ เราให้เค้าลองขับรถ เราสอนภาษาไทยให้เค้า เราได้กลิ่นผมเค้า... "

ยิ้มหัวเราะที่คำพูด 'เราได้กลิ่นผมเค้า' แสดงถึงความใกล้ชิดที่รุ่งมีกับพี่สาวคนนี้

"ลองนึกไปเรื่อย ๆ นะคะ เหตุการณ์ไหนที่มีน้ำหนักมากที่สุด ที่คิดว่าจะไม่มีใครทำให้รุ่งรู้สึกแบบนั้นได้อีกแล้ว ขอให้ภาพนั้นปรากฏ"

ภาพมาหยุดอยู่ที่บ้านของเขา สายวันหนึ่ง....

รุ่งพูดตามภาพที่เห็น

"....ตอนสายวันนึง เราตื่นขึ้นมา แล้วได้ยินแม่กำลังคุยกับผู้หญิงคนนึงข้างล่าง เราเดินลงจากบันไดลงมา แล้วก็ตกใจ แปลกใจมาก แม่กำลังพันแผลให้กับพี่เจ๊สซี่ พี่เจ๊สซี่มาหาเราที่บ้านได้ยังไง ? แล้วทำไมมีแผลที่มือ ? แล้วทำไมแม่ไม่เรียกเรา ? แม่คุยกับพี่เจ๊สซี่เหมือนคุยกับลูกสาวคนนึง แล้วพี่เจ๊สซี่ก็นั่งฟังแม่คุย เหมือนกับว่าเป็นคนในครอบครัว แล้วซักพักน้านิดก็มาหาที่บ้าน แล้วน้านิดก็นั่งคุยกับพี่เจ๊สซี่เหมือนว่าพี่เจ๊สซี่เป็นหลานคนนึง ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้เข้าบ้านเรา แล้วคุยกับแม่ กับ น้านิดแบบนี้ พี่เจ๊สซี่เป็นคนแรก.... "

ยิ้มเอียงคอ

"อ้าว แล้วทอมล่ะคะ ?"

วิทย์ตอบแทนเพื่อน

"ทอมเป็นคนที่สอง ตอนนั้นรุ่งยังไม่รู้จักกับทอม พี่เจ๊สซี่ถือว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงคนแรก ที่เข้าบ้านรุ่ง"

ยิ้มพยักหน้าเข้าใจทันที

"เหตุการณ์นี้ใช่มั้ยคะ ที่ติดอยู่ในใจ ? รุ่งคิดว่า คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว ที่ทำให้เกิดบรรยากาศแบบนี้"

รุ่งนึกตามที่ยิ้มพูด แล้วเขาก็มั่นใจว่า ยิ้มพูดได้ตรงที่สุด

"น่าจะใช่นะ ยิ้มขอเราลืมตาก่อนได้มั้ย ?"

"ได้ค่ะ ได้"

รุ่งลืมตาขึ้นมา แล้วจ้องหน้ายิ้ม

"ยิ้ม ท่านแม่เป็นคนช่วยเราขุดภาพพวกนี้ขึ้นมาเหรอ ? เราไม่เคยนึกได้มากขนาดนี้มาก่อนเลย แต่วันนี้ ภาพที่ไม่เคยจำได้ ก็กลับจำได้ เราเคยคิดมาตลอดว่า มีเหตุการณ์ที่ประทับใจพี่เจ๊สซี่มาก จนไม่รู้ว่าอันไหนมากกว่าอันไหน มันเท่า ๆ กันหมด แต่เมื่อกี๊นี้ ตอนเห็นภาพพี่เจ๊สซี่มาหาที่บ้าน เรารู้เลยว่า เหตุการณ์นี้เอง ที่มันประทับแรงที่สุด"

"ค่ะ ใช่ค่ะ ท่านแม่ก็ช่วยทำให้สมาธิรุ่งสงบ จะได้ขุดชัดเจนยิ่งขึ้น ท่านแม่เรียกวิธีนี้ว่าการล้างใจ ก่อนที่จะล้างใจ เราต้องขุดเรื่องที่ติดค้างขึ้นมาให้ได้ก่อนว่าเป็นเรื่องอะไร แล้วถึงรู้ว่าจะล้างยังไง"

วิทย์พยักหน้าเข้าใจถึงเหตุ และ ผลทางด้านจิตวิทยา

"อือ... แล้ว สมมุติว่าตอนนี้รู้แล้ว ว่าเหตุการณ์นี้ ทำให้ไอ้รุ่งมันติดค้างมากที่สุด แล้วจะแก้ยังไง ?"

"ค่ะ ถ้ารุ่งประทับใจเรื่องการที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะสามารถเข้ามาเป็นสมาชิกของที่บ้านดีเท่ากับพี่เจ๊สซี่ รุ่งก็ต้องคิดภาพใหม่ ว่าผู้หญิงคนอื่น สามารถทำอย่างนี้ได้ เช่น คิดภาพทอมก็ได้ เพราะทอมก็เข้ากับแม่รุ่งได้ใช่มั้ยคะ ?"

รุ่งหัวเราะ

"ถ้าคิดภาพทอมนะ เราคิดภาพเด็กข้างบ้านก็ได้ เหมือนกันเลย เด็กข้างบ้านก็ผู้หญิง เค้าก็เข้ามาบ้านเราคุยกับแม่เราได้เหมือนกัน"

วิทย์หัวเราะ

"ไม่ใช่สิ คิดภาพทอมไม่ได้หรอก ยิ้ม มันต้องพาคนที่รุ่งชอบ เข้าไปที่บ้าน พบแม่ ภาพนี้ก็จะลบภาพของพี่เจ๊สซี่ได้"

ยิ้มเห็นด้วยทันที

"ใช่ค่ะ พาฝนไปที่บ้าน ให้พบกับแม่ของรุ่ง ภาพของฝนนี้ ก็จะประทับใจรุ่งแทนพี่เจ๊สซี่"

รุ่งรับฟัง เขากลอกตาขึ้นข้างบน ไม่แสดงทีท่าว่าเห็นด้วยหรือไม่

เขากำลังนึกถึงสิ่งที่เพิ่งค้นพบในวันนี้ ว่าทำไมถึงได้มีความทรงจำดี ๆ กับผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดนั้น เพราะเธอเป็นคนแรกที่เข้ามารู้จักครอบครัวของเขานั่นเอง

"ขอบคุณท่านแม่นะ ยิ้ม นี่ยิ่งคิดก็รู้สึกว่าใช่เลย เรายังจำความรู้สึกวันนั้นได้ มันเหมือนฝันยังไงก็ไม่รู้ พี่เจ๊สซี่เป็นคนที่เราไม่เคยคิดเลยว่าจะพามาที่บ้าน เพราะไม่ใช่เพื่อน จู่ ๆ ก็โผล่มาที่บ้าน แล้ววันนั้น บรรยากาศก็ดีไปหมด"

ความสุขในวันเก่า ๆ ของเขา ฉายออกมาผ่านแววตา

วิทย์มองตาเพื่อน

"หมดกัน แทนที่จะขุดเรื่องเก่ามาเพื่อล้าง นี่ขุดมาเพื่อฝังมันลงไปให้ลึกกว่าเดิม คราวนี้ขุดยากขึ้นอีกเนี่ย ดูมันทำตาปรือแล้ว"

ได้ยินเพื่อนทัก รุ่งรีบกระพริบตาถี่

วิทย์ยังมีเรื่องข้องใจจะถามต่อ

"ตกลง กูก็ยังฟังไม่เคลียร์ สเตตัสมึงเป็นอะไรกับพี่เจ๊สซี่ ? เป็นเพื่อนรุ่นน้อง ก็โอเค แต่หัวใจก็ให้เค้าไปด้วย กูก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงที่สนิทมาก ไม่เห็นกูจะมีความรู้สึกว่าหัวใจหายไปไหน"

รุ่งสั่นหัว

"มันไม่ใช่เคสทั่วไป เหมือนกับมึงชอบดาราคนนึงมาก อย่างนี้ก็เรียกว่ามึงเป็นแฟน แบบแฟนคลับน่ะ ชอบมากขนาดไม่มีดาราคนไหนอีกแล้วที่ชอบเท่าคนนี้ แต่ชีวิตจริง มึงไม่ได้คิดว่าจะไปจีบเค้ามาเป็นแฟน เพื่อแต่งงาน มันเป็นแฟนตาซี มึงเข้าใจหรือเปล่า ?"

คนที่พยักหน้า กลับเป็นยิ้ม

"ค่ะ ยิ้มเข้าใจค่ะ เวลาเรารักศิลปิน หรือ ดาราของเรา หัวใจเราก็ให้เค้า สมัยนี้ให้เป็นป้ายไฟกันแล้วด้วย ป้ายเดียวหลายหัวใจก็มี แล้วก็ไฝ่ฝันจะได้เจอเค้าบ่อย ๆ แต่ ไม่ได้คิดว่าชาตินี้ จะต้องได้แต่งงานกับเค้า เพราะเค้าเป็นแค่ดาราในใจ ไม่ใช่จะมาเป็นคู่ครอง"

รุ่งพยักหน้า ยกนิ้วชี้ขึ้นชี้หน้าเพื่อนสาว

"ซือก้อย ! นี่ยิ้มพูดเอง หรือ ท่านแม่บอก ?"

ยิ้มหัวเราะ

"พูดเองค่ะ"

วิทย์มองหน้าเพื่อน

"นี่มึงคลั่งดารานี่เอง พี่เจ๊สซี่นี่เปรียบได้กับดาราเชียว ดาวดวงนี้เค้าจะมองเห็นมึงมั้ยนะ ?"

รุ่งอมยิ้ม เพียงแค่ได้มีโอกาสรู้จักผู้หญิงคนนี้ ชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปมากมาย แค่นี้คือสิ่งที่เกินพอแล้ว

เขาหันมาพูดกับยิ้ม

"วิธีล้างใจนี่มันดีเหมือนกันนะ เอาไปใช้กับคนอื่นได้มั้ย ? เรามีเพื่อนคนนึง เค้ามีเรื่องติดค้างในใจกับเพื่อนอีกคนอยู่ แต่ตัวเค้าคงทำสมาธิแบบเราไม่ได้ ให้นั่งนึกภาพแบบนี้ เค้าคงนึกไม่ได้ มีวิธีอื่นมั้ยที่ไม่ต้องทำสมาธิหลับตา ?"

ยิ้มกำหนดจิตสื่อสารกับท่านแม่

"ค่ะ ได้ วิธีที่ง่าย ๆ คือ ให้คนนั้น เขาจดข้อดีข้อเสียของคนที่เค้าติดค้างออกมา เขียนข้อดีนึกให้ได้สิบข้อ เขียนข้อเสีย นึกให้ได้สิบข้อ แต่ต้องเขียนด้วยลายมือตัวเอง แล้วเก็บมันไว้ พอครบเจ็ดวัน ก็เอาออกมาดู ทบทวน จะแก้ไขอะไรก็แก้ แล้วก็เก็บไว้อีก ครบอีกเจ็ดวันเอาออกมาดูอีก ทำอย่างนี้สามครั้ง เดี๋ยวจิตจะพาให้เรื่องต่าง ๆ ตกตะกอนเอง"

"เหรอ... ? อือ ตกตะกอนเอง แล้วจะล้างได้มั้ยตอนนั้น ?"

"ได้ไม่ได้ ต้องลองทำดูก่อนค่ะ แต่ต้องเขียนด้วยลายมือตัวเองนะคะ ห้ามพิมพ์ ห้ามใช้คอมพิวเตอร์"

รุ่งพยักหน้า

ยิ้มเข้าเรื่องต่อ

"กลับมาต่อเรื่องของรุ่งนะคะ ความทรงจำของรุ่งที่ติดค้างกับพี่เจ๊สซี่ จะเป็นอุปสรรคทำให้รุ่งตัดสินใจไม่ขาดในเรื่องคู่ครองในอนาคต ถ้ารุ่งไม่แก้สิ่งที่ติดค้างนี้ รุ่งก็จะมีปัญหากับแฟน"

รุ่งพยักหน้า

"อือ ไว้ตอนเราจะมีแฟน ค่อยคิดแล้วกัน ตอนนี้ อยู่มันยังงี้ไปก่อน"

ยิ้มพยักหน้ายอมรับการตัดสินใจของเจ้าตัว

วิทย์สั่นหัว

"ท่าทางมันจะปักหลักไปแล้ว นี่ขนาดฝนยังทำให้มันเขวไม่ได้เลย"

ยิ้มพูดกับรุ่งต่อ

"ต่อจากเหตุการณ์นี้นะคะ รุ่งระลึกถึงเหตุการณ์ต่อไปที่ติดค้างในใจ"

รุ่งพยักหน้า

"อือ... เหตุการณ์นี้ไม่ต้องหลับตา เพราะมันผ่านมาไม่นาน ติดค้างมาก ๆ ด้วย"

"ค่ะ งั้นว่ามาเลย"

"มีคนป่วยคนนึง เราตรวจด้วยลูกดิ่งพบว่าเค้าป่วยหนักมาก หลายอาการ ตอนที่เจอเค้า เค้าพูดอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกับเพ้อ แต่สิ่งที่เค้าพูดมันทำให้เรารู้สึกทึ่งว่าคนคนนี้เป็นใคร เขามีภาระมากมายที่ต้องทำ มีคนรอพึ่งเค้าเยอะแยะ เราช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่พอกลับมาถึงบ้าน ใจมันก็นึกถึงเค้าอยู่เรื่อย ๆ จนเก็บเอามาฝัน ทั้ง ๆ ที่ได้เจอแค่ครั้งเดียว ในฝัน เราเจอเค้า แล้ววิ่งเข้าไปกอดเค้า แล้วร้องไห้ ร้องเหมือนกับคนที่เรารักมาก ๆ แต่ไม่ได้เจอกันนาน"

"ค่ะ แล้วอะไรที่ติดค้างในใจ ?"

"ที่ติดในใจ คือ อยากช่วย แต่ช่วยไม่ได้ อยากให้เค้าหายป่วย มันติดในใจมากกว่าคนอื่น เวลาเราเจอคนป่วยคนอื่นที่ช่วยไม่ได้ เราจะไม่ติดในใจ เพราะมีเยอะแยะ ช่วยไม่ได้ ก็ช่วยไม่ได้ ไม่ได้รู้สึกผิด แต่สำหรับคนนี้ รู้สึกว่าเราช่วยเค้าได้ แต่ทำไม เราไม่ได้ช่วย หรือ ช่วยไม่ได้"

วิทย์หัวเราะ

"มึงพูดอะไรของมึง ? รู้สึกว่าช่วยได้ แต่ช่วยไม่ได้ ?"

"เออ... ไม่ใช่มึงงงคนเดียว กูก็งง ตามปกติ เราเจอคนป่วย ในจิตก็จะมีสัมผัสบอกเราได้ว่า คนนี้เราช่วยได้ แล้วเราก็บอกวิธีรักษาเค้า เค้าก็ดีขึ้น รายไหนที่จิตบอกว่า ยากเกิน เราช่วยไม่ได้ อันนั้นก็ไม่ติดใจอะไร แต่กับรายนี้ จิตบอกเลยว่าเราช่วยเค้าได้ แต่เราไม่ได้พยายามมากพอ คือ พอเห็นว่าต้นเหตุมาจากหลายอย่างมาก ไม่เคยเจอมาก่อน เราก็เลยถอดใจไปเลย แต่กลับมาเก็บไว้ลึก ๆ ในใจ จนเอามาฝัน"

"ไม่ยากนี่คะ ถ้ารุ่งคิดได้ตอนนี้ รุ่งก็สามารถกลับไปหาคนป่วยคนนี้ แล้วพยายามใหม่ให้ดีที่สุด มันก็เป็นวิธีแก้ที่ตรงไปตรงมา"

รุ่งพยักหน้า

"ใช่ อย่างน้อย ถ้าเค้าไม่หาย เราก็ไม่ติดใจอะไรอีก เพราะได้พยายามทำดีที่สุดแล้ว"

ยิ้มเริ่มสรุปเรื่องราวทั้งหมด

"ค่ะ สิ่งที่ติดค้างในใจรุ่ง ที่สำคัญกับชีวิต มีสามเรื่อง ยิ้มจะบอกว่า สามเรื่องนี้ มีความหมายยังไง เรื่องแรก คือ เรื่องคนป่วย หากรุ่งแก้เรื่องนี้ได้ มันจะหมายถึงความมั่นใจในตนเองเกี่ยวกับการใช้สัมผัสพิเศษ เช่น การใช้ลูกดิ่ง การใช้วิชาต่าง ๆ เพื่อช่วยคนอื่น ต่อไปความมั่นใจจะลดลง ผิดพลาดมากขึ้น สุดท้ายวิชานี้ก็หายไป เพราะเราขาดความมั่นใจในตนเอง "

ลูกดิ่งเพนดูลั่ม

รุ่งเลิกคิ้วทำหน้าเหรอ ไม่นึกว่าแค่เรื่องติดค้างในใจเล็กน้อยแค่นี้ กลับส่งผลทางด้านการใช้อภิญญาของเขา เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ คงเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่การแก้ไขเรื่องนี้ ไม่ได้ถึงกับขั้นยกภูเขา หรือ แหวกทะเล เป็นเรื่องที่สามารถทำได้

รุ่งหันไปหาเด็กประจำร้าน

"น้องขอกระดาษปากกาหน่อยครับ"

เด็กสาวหยิบกระดาษกับปากกามาให้ รุ่งค่อย ๆ จดรายละเอียดตามที่ยิ้มบอก จดเสร็จแล้ว รุ่งพยักหน้าเป็นสัญญาณ

ยิ้มอธิบายต่อ

"เรื่องที่สอง พี่เจ๊สซี่ หากรุ่งยังล้างใจเรื่องนี้ไม่ได้ จะมีผลต่อเรื่องความรัก ชีวิตคู่ แรงบันดาลใจ ความฮึกเหิม ความมีชีวิตชีวา คนที่ผิดหวังเรื่องความรัก ก็จะมีจิตที่ห่อเหี่ยว ไม่สดชื่น ทำการงานอะไร ก็ขาดแรงสนับสนุน พลังชีวิตก็จะหายไป"

รุ่งคิดตาม มือก็จดบันทึกไปด้วย

คำพูดของยิ้ม ทำให้เขานึกถึงเมื่อครั้งที่เขายังทำงานอยู่ที่โฮสเทล ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต สนุก อิสระ ตื่นเต้น มีพลัง เต็มไปด้วยจินตนาการ แรงบันดาลใจทั้งหลายเกิดขึ้นมาจากพี่เจ๊สซี่เพียงคนเดียว

รุ่งพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าพร้อมฟังข้อต่อไป

ยิ้มอธิบายต่อ

"สุดท้าย เรื่องของคุณพ่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุด เรื่องของคุณพ่อ จะหมายถึง เป้าหมายชีวิตของรุ่ง ทางเดินในชีวิตของรุ่ง จะไปทางไหน ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้ เรื่องสำคัญอื่น ๆ ในชีวิต จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หมด ถ้ารุ่งยังคาใจในเรื่องของคุณพ่อ รุ่งก็จะติดในเรื่องการงาน ความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงาน กับเจ้านาย ความมั่นใจในวิชาชีพ ความมั่นใจในความสามารถที่เกี่ยวกับงาน เมื่องานมีปัญหา เงินก็จะมีปัญหา เงินไม่มี ความรักก็จะมีปัญหาต่อไป ขาดสองอย่างนี้ จิตก็จะไม่สงบ พลังก็จะไม่มี วิชาอะไรก็ใช้ไม่ได้ตามไปด้วย"

รุ่งอ้าปากค้าง

"โอ... นี่มันติดไปหมดเลยนะเนี่ย แบบที่เป็นอยู่เลย งานไม่มี แฟนไม่มา วิชาก็หดหาย ไอ้สามเรื่องที่ติดนี้ มันก็เกี่ยวเนื่องกันด้วยใช่หรือเปล่า ? ขาดอย่างไหนอย่างหนึ่ง มันก็ไม่ครบ"

"ใช่ค่ะ ถ้าให้ดี ต้องครบสามเรื่อง"

"แต่เรื่องที่สำคัญที่สุด คงเป็นเรื่องของพ่อ"

ยิ้มพยักหน้า

"ก็คงงั้นค่ะ รุ่งมีอะไรติดค้างเรื่องคุณพ่อเหรอคะ ? จะเล่าได้มั้ย ? "

"หลายเรื่องเลยยิ้ม แต่ตอนนี้ เรื่องหนึ่งที่อยากรู้มาก คือ เรื่องที่ให้ยิ้มช่วยถามละมุด เราอยากรู้ว่าคนอื่นเห็นพ่อเราเป็นคนยังไง"

ยิ้มตั้งใจว่าจะเล่าสิ่งที่ได้ยินมาอย่างตรงไปตรงมาตามที่วิทย์ขอร้อง เชื่อว่ารุ่งจะยอมรับฟัง ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น คงเป็นคนละประเด็น แต่การที่ให้รุ่งได้รู้ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

"พ่อของมุดเคยทำงานกับครอบครัวไตรสรณ์ สมัยที่คุณปู่ของรุ่งยังอยู่ พ่อของมุดนับถือคุณปู่ของรุ่งมาก แล้วก็รู้เรื่องราวในครอบครัวไตรสรณ์อย่างดี แต่ยิ้มถามเฉพาะเรื่องพ่อของรุ่ง คือ ยิ้มถามถึงลูกชายคนโตของคุณวิฑูรย์ มุดเล่าว่า ลูกชายคนโตของบ้านนี้ เป็นคนที่คุณวิฑูรย์เกลียดที่สุด คุณปู่รุ่งถือว่าลูกชายคนนี้อกตัญญู แล้วได้ประกาศตัดขาดลูกชายคนนี้ให้คนอื่น ๆ รู้ ต้นเหตุคือ ลูกชายคนโตหลงผู้หญิงจนลืมตัว ไม่เห็นหัวพ่อตัวเอง พอคุณวิฑูรย์ให้บริหารกิจการ ก็โกงบริษัทของพ่อตัวเอง สุดท้ายก็ถูกจับได้ หลักฐานมัดแน่น คุณปู่ก็ประกาศตัดพ่อตัดลูก...."

วิทย์ขมวดคิ้วตลอดเวลาที่ฟัง เขารู้สึกว่าเนื้อหาที่ยิ้มเล่านั้นมีความแรง และ เสียดแทงหัวใจของคนที่เป็นลูก แต่เมื่อเหลือบมองสีหน้าเพื่อน รุ่งกลับมีสีหน้าที่เรียบเฉย

"... หลังจากพ่อของรุ่งออกจากบ้านไตรสรณ์แล้ว เรื่องก็ยังไม่จบ พ่อของรุ่งยังพยายามแก้แค้นโดยวิธีต่าง ๆ เช่น เอาความลับของบริษัทไปบอกคู่แข่ง แอบไปพบหุ้นส่วนของพ่อแล้วพยายามโน้มน้าวให้พวกเค้าเลิกทำธุรกิจกับไตรสรณ์ เรื่องที่รุนแรงที่สุดคือ ขู่กรรโชกจากพ่อตัวเอง ตั้งเงื่อนไขว่าหากไม่รับพ่อรุ่งกลับเข้าไปบริหารธุรกิจ จะแฉความลับต่าง ๆ ให้สื่อมวลชนรู้ สุดท้ายก็ทำจริง เขียนบทความส่งไปให้หนังสือพิมพ์ เรื่อง วิฑูรย์ ไตรสรณ์ บุคคลที่น่ารังเกียจที่สุดในสังคมไทย แต่โชคดีที่บทความนี้ไม่ได้ลง เพราะสำนักพิมพ์ส่งเรื่องมาบอกคุณปู่ก่อน"

ลูกชายมีสีหน้าที่ไม่สะทกสะท้านในคำบอกเล่าที่สะท้อนภาพลบของพ่อตัวเอง ความมั่นใจ และ ศรัทธาในบิดาบังเกิดเกล้าฝังรากลึกกว่ามากนัก ก็เพียงว่า หากเขาได้รู้เหตุผลว่าทำไม คุณพ่อถึงได้มีความเกลียดชังพ่อตัวเองได้ถึงขนาดนั้น เขาก็ย่อมจะเข้าใจในทุกสิ่ง

ถ้าจะหามนุษย์สักคนหนึ่งที่มีเหตุผล มีสติ มีปัญญามากที่สุด เท่าที่เขาเคยสัมผัสมาได้ตั้งแต่เกิด หนึ่งเดียวคนนั้นคือพ่อของเขาเอง

รุ่งพยักหน้าช้า ๆ

"ถ้างั้น บรรดาคนที่แวดล้อมคุณปู่ ก็คงจะไม่ชอบพ่อไปด้วยเหมือนกัน ถ้าเราไปเดินในงานวันเกิดคุณย่าในฐานะลูกชายของพ่อ สปอตไลท์คงฉายมาที่นี่ คนเดียว ทั้งงานแน่ ๆ"

วิทย์พยักหน้าเห็นด้วย

"อือ... งานนี้ไม่ต้องชวนกูไป เดี๋ยวได้โดนกระทืบพร้อมมึงแน่ แต่ทำไมพ่อมึงถึงเกลียดปู่ขนาดตั้งตัวเป็นศัตรู ? ทำไมไม่ลองถามแม่มึงดูวะ ?"

รุ่งสั่นหัว

"ไม่มีทาง แม่ไม่เคยพูดเรื่องพ่อเลย แต่กูรู้ว่าจะถามใคร ถามนิดเดียวได้พุ่งพรวดออกมาแน่"

"อากู๋มึงดิ ? อากู๋มึงเกลียดบ้านโน้นจะตาย"

"อือ... " รุ่งพยักหน้า

สาวประจำร้าน เดินถืออาหารจานเดียวของวิทย์ และ ยิ้ม มาที่โต๊ะ และ วางเสิร์ฟไว้ข้างหน้าคนทั้งคู่

หน้าตาของอาหารดึงดูดใจคนทั้งโต๊ะ กลิ่นของอาหารทำให้วิทย์รู้สึกผิดคาด

รุ่งหยิบซ่อมที่วางไว้ข้างหน้าวิทย์ จิ้มลงบนปลาหมึกผัดกะเพราบนจานเพื่อน แล้วส่งเข้าปากตัวเอง

"อูว...... โอ... อิชิ เดส"

วิทย์กระชากซ่อมคืนมาจากเพื่อน แล้วเขาก็จิ้มปลาหมึกในจานใส่ปาก

"อือ.. อร่อยว่ะ ทำอาหารอร่อยขนาดนี้ ลูกค้าหายหัวไปไหนหมดวะ ?"

ยิ้มกับวิทย์ เริ่มทานอาหารในจานตัวเอง

รุ่งเริ่มคิดถึงเรื่องราวที่ได้ยินมาจากปากเพื่อน เขาบ่นพึมพำเบา ๆ

"อะไรทำให้คนคนนึง เกลียดพ่อของตัวเองได้มากขนาดนี้ ?"

วิทย์มองหน้าเพื่อน ในใจเขารู้สึกเป็นห่วง แต่สีหน้าท่าทางของรุ่ง ไม่ได้มีอาการน่าห่วงใด ๆ

"มึงโอเคป่าว ตอนนี้ ?"

"ตอนนี้เหรอ ? ไม่โอเคว่ะ กูหิว"

เขาลุกจากเก้าอี้ เดินเข้าไปข้างในครัว แล้วเดินกลับมาพร้อมกับช้อนส้อม ทรุดตัวลงนั่งที่เดิม

"แดกกับมึงดีกว่า ของกูยังไม่เสร็จ" ว่าแล้วก็เริ่มตักอาหารในจานของวิทย์เข้าปาก เศษอาหารหล่นจากช้อนลงบนขาของเพื่อน

วิทย์สบถ

"ไอ้เหี้ยนี่ !... เลื่อนจานไปซีวะ" เขาผลักจานข้าวเข้าใกล้เพื่อน

ยิ้มหัวเราะ เธอใช้มือปัดเศษข้าวจากกางเกงของวิทย์ แล้วเขยิบจานของตัวเองเข้าหารุ่ง

"นี่ด้วยค่ะ จานนี้ก็อร่อย เดี๋ยวยิ้มไปล้างมือที่ห้องน้ำก่อน รุ่งทานตามสบายเลย"

ยิ้มลุกขึ้น เดินเข้าไปที่หลังร้าน

รุ่งกำลังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก เขาพูดขึ้น

"วิธีล้างใจ จดข้อดี ข้อเสีย อย่างละสิบ เก็บไว้ แล้วครบเจ็ดวัน เอาออกมาดู"

วิทย์ถามกลับ

"มึงพูดกับใคร ?"

"พูดกับมึง ให้มึงล้าง"

วิทย์หัวเราะ

"พูดกับกู ? ให้กูล้างอะไรกับใคร ?"

"มึงจดข้อดี ข้อเสีย ของยิ้ม ทำตามวิธีล้างใจนี่ ตามที่ท่านแม่บอก ครบสามอาทิตย์ แล้วดูว่าว่ามึงเคลียร์หรือยัง มึงรับเค้าได้ที่แบบนี้ หรือ จะยังไง ?"

คำพูดของรุ่งทำให้วิทย์สะอึก เหมือนกับเพื่อนคนนี้อ่านใจเขาออก

รุ่งพูดต่อ

"บอกมึงตรง ๆ คำพูดที่กูไม่ชอบ คือ มึงพูดว่า มึงไม่เข้าใจเรื่องที่ยิ้มทำ ไม่เข้าใจการติดต่อสื่อสารกับเทพเทวดา แต่มึงชอบยิ้มมาก สำหรับกู อีเดียทว่ะ !

เพราะการที่มึงรักใครคนนึง คือ มึงรักเพราะเค้าเป็นเค้า แต่นี่มึงไม่เข้าใจในสิ่งที่เค้าทำ แล้วก็ไม่มีจิตใจที่อยากจะเรียนรู้ แต่ยังเสือกชอบเค้า อีเดียทว่ะ !

ถ้ามึงเห็นสิ่งที่เค้าเป็นแล้ว สรุปว่ามึงรับไม่ได้ อยากจะเลิกกับเค้า กูก็ว่าแฟร์ ยังถือว่าเป็นสุภาพบุรุษ กูก็เห็นด้วย แต่ถ้าหลังจากนี้ มึงยังไม่เข้าใจเค้า ไม่เข้าใจท่านแม่ ยังมีคำพูดว่าไม่เข้าใจอยู่ แล้วก็ยังไม่เลิกกับเค้าด้วย ตอนนั้น มีมึงสองคน ก็ไม่มีกู ต่อไปจะนัดไปไหนกับยิ้ม ไม่ต้องชวนกูไป"

วิทย์เข้าใจในคำพูดของเพื่อนทันที

คำพูดที่ตรง แรง กลับทำให้วิทย์รู้สึกว่าเพื่อนที่แสนกวนคนนี้ มีค่ามากกว่าเพื่อนคนไหน เพราะสิ่งนี้ในตัวรุ่ง เขาไม่สามารถหาได้จากเพื่อนคนอื่น

รุ่งสลับมาตักอาหารในจานของยิ้ม ในใจของเขายังเต็มไปด้วยความขัดข้องในปริศนา

.... สิ่งใดกัน ทำให้ผู้ชายที่มีสติ มีปัญญา มีคุณธรรม คนหนึ่ง สามารถเกลียดพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองได้เช่นนี้ ?

__________________________________________________________________________________________

โดย วีรยาติ

<กลับหน้า 1, 2

กลับขึ้นด้านบน

นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก เปิดให้จองแล้ว กดที่นี่

 

อ่านตอนต่อไป
อ่านตอนอื่น

1. สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

2. แสดงความคิดเห็น หรือ โหวต

- ชอบตัวละคร ขอเชิญโหวตได้ที่นี่

- อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่

เชิญเยี่ยม Facebook หมอเถื่อน

(ให้กำลังใจโดยเข้าไป แล้วกด Like หรือ เขียนคำวิจารณ์)