ตอน 4

4.5 G มึนไปเลย !

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

แดดตอนบ่ายสี่ ถูกต้นไม้ใหญ่รอบข้างบังจนเกือบมิด ร่มเงาที่ทอดมาปกคลุมลานออดิโทเรียมกลางแจ้งเกือบทั้งหมด

พนักงานบางกอกซีดาร์ฟันปาร์คสิบกว่าคนในชุดฟอร์มลำลองที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์กำลังพูดคุยหยอกล้อกันเบา ๆ

วิชชุดามีความมั่นใจในคุณวุฒิปริญญาโทที่ได้จากสหรัฐอเมริกา เธอจึงนั่งยิ้มอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลกับเพื่อนหนุ่มร่วมแผนก ที่มาท้าชิงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าต่างชาติ

คนที่ถนัดในการสนทนาภาษาต่างชาติ ส่วนใหญ่ จะถนัดแปลภาษาไทย เป็นภาษาต่างชาตินั้น ๆ แต่ จะไม่ถนัดในการแปลภาษานั้น ๆ กลับมาเป็นภาษาไทย เพราะ เขาจะใส่ใจกับภาษาต่างชาติ มากกว่าใส่ใจในภาษาไทย ถึงเขาจะเข้าใจภาษาต่างชาติดี แต่ การแปลกลับเป็นไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก... วิชชุดารู้ดีถึงข้อจำกัดนี้ของคู่แข่ง

"พร้อมแล้ว ก็เชิญทั้งคู่ลงมาที่ลานเวทีนี่เลย"

เสียงของนุชอนงค์... ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ทำให้พนักงานหนุ่มสาวบนอัฒจันทร์หยุดพูดคุย แล้วพุ่งความสนใจมาที่ลานเวท

วิชชุดาในชุดเสื้อยืดสีเทา กางเกงสามส่วนสีน้ำตาล เดินด้วยความมั่นใจออกมาคนแรก ในมือเธอถือกระดาษที่จดประโยคภาษาอังกฤษติดออกมาด้วย

หนุ่มคู่แข่ง ในชุดฟอร์มลำลองเช่นเดียวกับพนักงานในแผนกทุกคน ค่อย ๆ เดินออกมาที่ลาน พร้อมกระดาษที่จดประโยคภาษาไทย

โธมัส เจ้าหน้าที่อาวุโสชาวอเมริกันร่างเล็ก ส่งยิ้มให้ฝ่ายชาย

"Make sure what you're saying in Thai can make everybody understand, without asking you back."

(เธอต้องมั่นใจว่า สิ่งที่เธอแปลออกมาเป็นภาษาไทย ต้องทำให้ทุกคนเข้าใจได้ทันที โดยที่ไม่ต้องถามเธอกลับนะ)

เขาขมวดคิ้ว แล้วยักไหล่

"I don't know if I can. I've never translated English into Thai in public before. It depends on her. If she comes up with difficult sentences, I might have to kill her first."

(ผมก็ไม่รู้เหมือนว่าจะทำได้มั้ย ผมไม่เคยแปลภาษาอังกฤษเป็นไทยต่อหน้าคนอื่นมาก่อน ก็แล้วแต่เธอแหละ ถ้าเธอเล่นประโยคยาก ๆ ผมอาจจะต้องฆ่าเธอก่อน)

คำตอบนี้ทำให้โธมัสหัวเราะ

วิชชุดาหัวเราะตาม เธอรู้แล้วว่าคู่แข่งของเธอเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง

"So bully ! Today you have to go back and kill yourself." เธอพูดหยอกแล้วก็หัวเราะ

(เกเรจัง ! วันนี้แหละ เธอจะต้องกลับไปฆ่าตัวตาย)

การหยอกล้อกันระหว่างคู่แข่งสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นครึกครื้น มากกว่าความตึงเครียด

นุชอนงค์พยักหน้า

"เอ้า...! ถ้าพร้อมแล้ว เลดี้ เฟิร์สท์ ให้ฝ่ายหญิงพูดก่อน แล้วอีกฝ่าย แปลเป็นไทย"

วิชชุดา หยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน

"Claim or report your lost items at the Front Gate Security office, located just inside of the main gate. Ride attendants cannot be responsible for articles left on ride platforms."

เธอหยุด แล้วพยักหน้าให้อีกฝ่ายแปล

หนุ่มคู่แข่ง ยืนจ้องหน้าวิชชุดา แล้วยิ้ม

"ง่ายจัง ! ถ้าของของท่านหาย โน่น ! ไปแจ้งของหายที่รปภ.ประตูหน้า โห !... แต่ต้องเดินไกลนะ ถ้าอยู่โซนซุ้มเกมส์ เดินกันขาโป่งเลย ทางที่ดี เอาจักรยานมาขี่ด้วยดีกว่า..."

เสียงหัวเราะดังมาจากอัฒจันทร์

นุชอนงค์อดหัวเราะไม่ได้ เธอยกมือขึ้นห้าม

"นี่ ๆ ไอ้ตัวแสบ ! แปลอย่างเดียว ไม่ต้องพากย์ไทยเพิ่ม แปลเนื้อ ๆ พอ เดี๋ยวพี่ปรับแพ้ซะเลย"

โธมัสหัวเราะ ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจภาษาไทย แต่ก็พออ่านจากภาษาท่าทางได้

หนุ่มตัวแสบพยักหน้ารับรู้

"ได้ ๆ งั้นต่อ... ส่วนงานของรปภ.ประตูหน้านั้น อยู่ข้างในติดกับประตูใหญ่ หากท่านหลงลืมสิ่งของไว้บนเครื่องเล่น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเครื่องเล่นเหล่านั้น จะไม่รับผิดชอบในสิ่งของเหล่านั้นเด็ดขาด เลย นะ... จะบอกให้"

คำต่อท้ายของหนุ่มตัวแสบ ทำให้ทุกคนหัวเราะคิกคัก

วิชชุดาหัวเราะหึ ๆ เธออ่านต่อ

"Please secure all loose articles before boarding. Bangkok Cedar Fun Park is not responsible for any lost, stolen or broken items."

อีกฝ่ายแปลทันที

"โปรดไปรับของหายกลับคืนได้ ก่อนออกจากฟันปาร์ค บางกอกซีดาร์ฟันปาร์ค จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในกรณีที่ของท่านหาย ถูกขโมย หรือ เสียหาย ... สมน้ำหน้า !"

คำลงท้ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เรียกเสียงฮาพอหอมปากหอมคอจากอัฒจันทร์

นุชอนงค์พยักหน้า หมายความถึง ความหมายของการแปล เป็นที่น่าพอใจ

หนุ่มตัวแสบยักคิ้วให้วิชชุดา

"มียากกว่านี้ป่าว ?"

สาวคู่แข่ง อ่านต่อ

"Items will be retrieved from ride areas when the park closes and kept at Lost and Found for seven days."

เขาใช้เวลาอย่างรวดเร็วเรียบเรียงไวยากรณ์ให้กลับมาเป็นภาษาไทยในสมอง แล้วพูดออกมา

"เมื่อสวนสนุกปิดทำการ เราจะรวบรวมของที่ท่านลืมไว้ในแต่ละโซน มาเก็บไว้ที่ศูนย์รับแจ้งของหาย เราจะเก็บไว้เจ็ดวัน เกินจากนั้น จะขายทอดตลาด เอาเงินไปช่วยนักการเมืองที่หิวโหย เขาจะได้เลิกโกงบ้านโกงเมืองซะที"

เพื่อนร่วมแผนกหัวเราะคิกคัก

วิชชุดาอ่านต่อ

"All lost parents are directed to the Lost Child Center, located at the ..."

อีกฝ่ายพูดโพล่งขึ้นมาทันที

"โอ๊ย... ดา ! มันก็เหมือนเดิมแหละ เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่ แปลยังงี้ ทั้งคืนก็แปลได้"

วิชชุดาพับกระดาษเก็บ

"อ้าว ! ได้ก็ได้ไปดิ ชั้นจะไปว่าอะไรเธอ แล้วเธอล่ะ จะมีอะไรมาให้ชั้นแปลเป็นอังกฤษ ? จะดูซิว่ามันจะยากมากมายขนาดไหน"

นุชอนงค์พยักหน้าให้กับโธมัส เป็นสัญญาณว่า ฝ่ายชาย ทดสอบผ่าน

โธมัสหันมาหาฝ่ายชาย

"Now, your turn to test her. Plese start !"

หนุ่มตัวแสบ หยิบกระดาษที่เตรียมไว้ขึ้นมา

โธมัสหันมาหาวิชชุดา

"Make sure what you're saying make me understand right away, without asking you back."
(เธอต้องมั่นใจว่า สิ่งที่เธอแปลออกมาแล้ว ต้องทำให้ฉันเข้าใจความหมายได้ทันที โดยฉันไม่ต้องถามกลับนะ)

หนุ่มคู่แข่งเริ่มอ่าน

"มกรา และกุมภา ฉันเตรียมเงินไว้สำหรับทำไร่ เมื่อตอนมีนา ฉันก็มีรายได้อย่างพอเพียง..."

เขาหยุด แล้วให้อีกฝ่ายเริ่มแปล

วิชชุดาขมวดคิ้ว เธอไม่นึกว่าเขาจะเอาเรื่องทั่ว ๆ ไปมาเป็นโจทย์ แต่ประโยคที่เขาพูดมา ก็ช่างง่ายดายสำหรับเธอ

"On January, and February, I prepared some money for farming. On March, I gained enough revenue.."

โธมัสพยักหน้าว่า เข้าใจในความหมาย

แต่หนุ่มคู่แข่ง กลับสั่นหัว เหมือนกับว่าเธอแปลผิด

"No no no.... ! You got it wrong ! I didn't say anything about March " (ไม่ใช่ ไม่ใช่ เธอแปลผิดแล้ว ! ฉันไม่ได้พูดเกี่ยวกับเดือนมีนาคมซักหน่อย)

โธมัสถามกลับมาที่คนอ่านโจทย์

"Wrong ? What exactly you wanted to say ?"

(แปลผิดเหรอ ? ไหน เธอต้องการจะพูดว่าอะไร ?)

หนุ่มเจ้าเล่ห์พูดเสียงดัง

"I wanted to say... เมื่อตอนมีนา ผมก็มีรายได้อย่างพอเพียง แต่ตอนนี้ ผมขายนาไปแล้ว ก็เลยไม่มีเงิน"

วิชชุดาถลึงตาโต

"อ้ายบ้า ! ก็ดันขึ้นต้นด้วยมกรา กุมภา ใครจะไปตรัสรู้ภาษาของเธอเล่า ? นี่เธอตั้งใจจะแกล้งชั้น ใช่มั้ย ?"

เสียงหัวเราะดังมาจากเพื่อนร่วมแผนกบนอัฒจันทร์

นุชอนงค์ชี้หน้าฝ่ายชาย

"นี่... ! เดี๋ยวพี่จับตีก้นซะเลย เอาใหม่ อย่าแกล้งกันแบบนี้ ใครจะไปแปลได้"

ฝ่ายชายเริ่มบ่นให้เข้าหูโธมัส

"It's not fair ! Now she wants to start all over. Ok.. I'll give her a chance"

โธมัสทำหน้าเหรอหรา เขาเข้าใจว่าการแปลของวิชชุดา ไม่ตรงกับความหมายจริง ๆ แต่เขาก็พยักหน้า ถ้าอีกฝ่าย ที่เป็นโจทย์ จะยอมให้โอกาสอีกครั้ง

หนุ่มตัวแสบ พับกระดาษเก็บ เขาเหลือบตามองขึ้นข้างบน แล้วนึกโจทย์ใหม่

"ที่บางกอกซีดาร์ฟันปาร์ค เราจะให้บริการคุณอย่างสุดขั้วหัวใจ"

วิชชุดาทำจมูกหึ่ง ถึงแม้จะเป็นประโยคที่ฟังดูแล้วเป็นภาษาไทยที่ไม่เข้าท่า แต่เนื้อหาใจความ ก็ไม่ยากนักที่เธอจะแปล

"Here, at Bangkok Cedar Fun Park, we will serve you with all of our hearts"

ทุกคนบนอัฒจันทร์พยักหน้า โธมัสเองก็พยักหน้ายอมรับว่า ฟังรู้เรื่อง

ไอ้ตัวแสบมีรอยยิ้ม แล้วพูดต่อ

"... บริการของเราล้ำลึก ไม่ก้ำกึ่ง แต่ถึงแก่น....."

วิชชุดาขมวดคิ้ว

"ภาษาอะไรของเธอน่ะ ? อยากพูดอะไร พูดให้จบประโยคก่อน เดี๋ยวแปลทีเดียว"

คู่ต่อกรพยักหน้า

"...คุณจะประทับใจสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นขั้วแบบเกลียว ขั้วแบบเขี้ยว หรือ ขั้วหักกลาง เขี้ยวงอ เขี้ยวห้อย เขี้ยวทู่...."

เสียงฮาดังมาจากเพื่อนร่วมแผนกบนอัฒจันทร์

วิชชุดาขยำกระดาษที่อยู่ในมือ แล้วปาใส่หน้าอกของคู่กรณี

"อ้ายโรคจิต ! ภาษาบ้าอะไร ใครจะไปแปลได้ ! ถ้าเธออยากได้หน้าที่นี้นัก เธอเอาไปเลยดีกว่า ไม่ต้องมาแกล้งกันแบบนี้"

นุชอนงค์กลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ พลอยหัวเราะตามเด็กในแผนก

"นี่ นายโรคจิต ! หยุดแกล้งเค้าได้ซะที ยอมแพ้ได้แล้ว"

นายโรคจิตหัวเราะชอบใจ แล้วหันมาพูดกับวิชชุดา

"แหม... ! แค่นี้ทำโวยวาย ยอมแพ้ก็ได้ ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะแย่งตำแหน่งนี้จากเธอหรอก ยังไงชั้นก็ยอมแพ้เธออยู่แล้ว"

อีกฝ่ายออกอาการงง ที่จู่ ๆ เขาก็ยอมเธอซะง่าย ๆ

"อะไร ? จะมายอมชั้นง่าย ๆ ยังงี้เหรอ ?"

เขายักคิ้วให้

"เออ !... เพราะ วันนี้...." เขาชี้มือไปบนอัฒจันทร์

เพื่อน ๆ บนอัฒจันทร์ ทยอยเดินลงมาที่ลานเวที

วิชชุดามองเห็นเพื่อนสาวร่วมแผนกสองคน ถือถาดใส่เค้กก้อนใหญ่ จุดเทียนมากมาย ค่อย ๆ เดินมาที่ลานเวที เพื่อน ๆ คนอื่นเดินตามมา

เธอเข้าใจทันทีว่า เธอกำลังตกอยู่ในสถานะ 'ถูกอำ' !

ใบหน้าของเจ้าภาพ มีสีแดงระเรื่อ เมื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

เค้กถูกนำมาถึงลานเวที ตามมาด้วยจานกระดาษ และ ส้อมพลาสติค ที่เพื่อน ๆ ช่วยกันนำมา

นุชอนงค์อมยิ้ม เธอเข้ามาแตะไหล่ของลูกน้องสาว แล้วพูดเบา ๆ

"แฮปปี้เบิร์ธเดย์จ้ะ วิชชุดา !"

โธมัสกล่าวขึ้นบ้าง

"Happy Birthday...! Wishuda"

เสียงร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด เริ่มดังขึ้น

"แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู ....."

เจ้าของวันเกิดมีสีหน้าประหลาดใจ ส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมแผนกที่ยืนล้อมรอบเธอ

ทันทีที่เพลงวันเกิดจบลง เธอมองหน้าเพื่อนเจ้าเล่ห์ที่สรรหาเรื่องมาอำเธอ

"แท๊งกิ้ว รุ่ง ! คนที่จะคิดเรื่องแบบนี้ได้ มีเธอคนเดียวในแผนก"

หนุ่มเจ้าเล่ห์ยักคิ้วให้เป็นคำตอบ

ขนมเค้กถูกเจ้าของวันเกิด ตัดแบ่ง แล้วจัดสรรใส่จานของแต่ละคน เสียงหยอกล้อกันและกันดังอื้ออึงไปทั่วลาน

นุชอนงค์ตะโกนบอกน้อง ๆ ในแผนก

"เอ็นจอยเค้กกันไปก่อน พี่กับโธมัสจะไปเตรียมงานก่อน อีกชั่วโมงนึง เราเจอกันที่ห้องลาวาหนึ่ง เข้าไปฟังบรีฟของเครื่องเล่นใหม่ ฟลอร์เลส-โคสเตอร์"

ผู้จัดการแผนกกับโธมัส เดินผละออกจากลานออดิโทเรียม

หนุ่มสาวต่างถือจานเค้กแล้วเดินไปนั่งจับกลุ่มย่อย ๆ กันอยู่บนอัฒจันทร์

หนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เริ่มคุยทันทีเมื่อก้นแตะที่นั่ง

"ผมได้ขึ้นเทสฟลอร์เลสโคสเตอร์เมื่อคืนแล้ว เมื่อวานซูเปิดเครื่องตอนดึก ผมอยู่พอดี ในจำนวนพนักงานทั้งหมด ผมได้ขึ้นนั่งเป็นคนแรก สวยมาก ใช้ไรด์แอทเทนแดนท์คนเดียวก็เอาอยู่ สูงเป็นเปรตเลย ตัวรถไม่มีพื้นเลย มองเห็นข้างล่างโล่ง ๆ ใครกลัวความสูง หมดสิทธิ์แน่ เสียวมาก ๆ"

(ไรด์แอทเทนแดนท์ = Ride Attendant หมายถึง พนักงานดูแลควบคุมเครื่องเล่น)

ปิ๊งหัวเราะเพราะจับไต๋พี่ร่วมแผนกได้

"อย่าเลยพี่สกล พี่ไม่ได้สนใจเครื่องเล่นใหม่หรอก พี่สนใจคุณซูมากกว่า เชอะ ! แหม พักนี้หัดพูดปะกิตทุกวัน หวังว่าคุณซูเค้าจะออกเดทด้วย ปิ๊งรู้นะ"

หนุ่มตัวใหญ่พยักหน้า

"อือ...! ผมบลอนด์ น่ารักซะขนาดนั้น ได้คุยด้วยแล้วมันมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนคุยกับพวกเธอ แห้ง ๆ เหี่ยว ๆ"

วิชชุดาพูดขึ้นทั้ง ๆ ที่ขนมเค้กยังเต็มปาก

"พี่สกลปรึกษารุ่งดิ ได้ภาษานี่ก็ได้เปรียบนะพี่ จะจีบเค้าบางทีอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้จะพูดอะไร แสดงออกไม่ได้ เค้าก็ไม่เข้าใจ"

หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

รุ่งหัวเราะ

"ฮ่า ๆๆ ผมจีบได้ ผมก็ไปเดทเองดีกว่า จะไปให้พี่ทำไม ?" เขาเขยิบเข้าไปนั่งติดกับสกล

"พวกผู้หญิงฝรั่งนี่ เราต้องกล้าพูด กล้าตีสนิท คือ ถ้ามีเกราะทางด้านภาษามาขวาง แล้วเรากลัวนะ อดแดกไปก่อนเลยพี่ ฝ่าด่านเรื่องภาษานี่ยาก ลืมเรื่องภาษาไปเลย เข้าไปตีสนิทก่อน แล้วพอเริ่มคุ้น ๆ ก็ขอเดทไปเลย ระหว่างเดทน่ะ ค่อยไปศึกษาวิธีพูด ค่อย ๆ ไปฟังสำเนียงอีกที ถ้าพี่ไปรอว่า ให้คุ้นสำเนียงก่อน คุยกันรู้เรื่องก่อน โน่น... ! เค้ากลับไปแล้ว"

สกลยกมือแตะไหล่รุ่ง

"ดี ! งั้น รุ่งแสดงให้ดูเลย"

"แสดงกับใครล่ะ กับซูเลยเหรอ ?"

สกลหัวเราะ

"ไม่ใช่สิ ! กับ ใครดีล่ะ ? รุ่งว่าใครน่ารักบ้าง ? สาวฝรั่งในซีดาร์น่ะ"

รุ่งกลอกตาแล้วคิด

"พี่เดาไม่ถูกแน่ ถ้าเป็นผมนะ ผมว่าแคลร์น่ารัก"

ผิดคาดของเพื่อนร่วมงานจริง ๆ

"ลูกครึ่งอินเดียคนนั้นเหรอ ?"

"แคลร์ไม่ใช่ลูกครึ่งนะครับ เธอน่ะ อินเดียแท้ ๆ พ่ออินเดีย แม่อินเดียเลย แต่ไปเกิดที่สหรัฐ ฯ"

หวานเอื้อมมือไปเขย่าหน้าแข้งรุ่ง

"เธอคุยกับเค้าหลายครั้งแล้วเหรอ ถึงได้รู้ประวัติของเค้า ?"

รุ่งพยักหน้า

"อือ ! เท่จะตาย ผู้หญิงอะไร ? หน้าตาสวยแบบเอเชีย ผมดำด้วย ยังงี้ฝรั่งหลงตายเลย พ่อแม่ของแคลร์ไปตั้งรกรากทำงานที่อเมริกา แคลร์เกิดที่นั่น ก็ถือสัญชาติอเมริกัน บ้านอยู่ที่มิดแลนด์ มิชิแกน เธอเข้ามาทำงานที่ซีดาร์แฟร์ มิชิแกนได้ห้าปี แล้วเธอก็ถูกส่งมาโปรโมทตัวฟลอร์เลสโคสเตอร์ในเอเชีย"

สกลทำตาโต

"แคลร์เกิดที่อเมริกาเลยเหรอ ? นึกว่าเป็นคนอินเดียที่ไปทำงานที่นั่น"

รุ่งพยักหน้า

"แท้ครับ สำเนียงไอ้กันแต๊ ๆ เจ้า แต่หน้าตานี่ สวยแบบอินเดีย ผมล่ะแปลกใจ ทำไมผู้ชายในซีดาร์ไม่มองเธอเลย ไปมองแต่พวกผมบลอนด์ ?"

วิชชุดาพยักหน้า

"สวยนะ แคลร์ ดายังว่าแคลร์สวยมีเสน่ห์กว่าซู เออ... แล้วซูมาจากไหน รุ่ง ?"

"ซูซานเหรอ ? มาจากชาร์ล็อตซิตี้ นอร์ธคาโรไลน่า สำเนียงเธอแปร่ง ๆ นิดหน่อย แต่ก็ฟังไม่ยาก แต่จีบยาก ฮ่า ๆๆๆ"

เขากระเซ้ารุ่นพี่

ปริญญาจีบปากจีบคอถาม

"นี่ รุ่ง ! เธอนี่ไปอี๋อ๋อ กระเด๊าะกระแด๊ะกับพวกเค้าหมดแล้วสิ ถึงได้รู้ข้อมูลมากนัก"

"สองสามวันแรกที่เค้ามาถึง ชั้นก็เข้าไปกินข้าวโต๊ะเดียวกับเค้าแล้ว" รุ่งตอบ

สกลพยักหน้า

"อือ...! คนที่เก่งภาษาก็ได้เปรียบตรงนี้นี่แหละ"

รุ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาตบบ่ารุ่นพี่

"พี่สกล เอางี้ เดี๋ยวผมลองชวนแคลร์ไปเที่ยว แล้วให้เค้าชวนซูไปด้วย ถ้าชวนได้ เดี๋ยวเราไปด้วยกัน"

ปริญญาเกาะแขนรุ่ง

"อีนี่ ! ถ้าแกจะไปกับเค้า ชั้นไปด้วย ชั้นไม่อยากให้แกไปกับใครสองต่อสอง ชั้นหึงแก"

เสียงหัวเราะดังมาจากพรรคพวกที่เหลือ

รุ่งเหล่ตามองเพื่อนเพศที่สาม

"อีปริ๊นซ์ นี่มันเป็นมิชชั่นของผู้ชายทั้งแท่งอย่างพวกชั้น ชายครึ่งแท่งอย่างแก อยู่เฉย ๆ เหอะ !"

*******************************************************************************

อ่านหน้า > 2, 3
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่